เรียนไปก็ปวดหัว มีผัวก็ปวด... งั้นถ้าจะต้องทนปวด... ก็ขอปวดแบบได้เงินด้วยละกัน! เลิศๆๆๆๆ
ชาย-ชาย,ซาดิส & มาโซฯ,วัยว้าวุ่น,ยุคปัจจุบัน,ไทย,PWP,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เอิร์ธเด็กเอ็นท์เรียนไปก็ปวดหัว มีผัวก็ปวด... งั้นถ้าจะต้องทนปวด... ก็ขอปวดแบบได้เงินด้วยละกัน! เลิศๆๆๆๆ
เอิร์ธเด็กเอ็นท์
Mr. Host Club
[PWP]
Written by Darkriku93
เปิดเรื่อง 04/01/2023
ประกาศ!!!
นิยายเรื่องนี้เป็นแนว PWP ไม่เน้นความสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ อ่านเอาฟีลลิ่ง อ่านเอามันเฉยๆ น้าาาาา
ผมสะลึมสะลือค่อยๆ ตื่นลืมตาขึ้นมาในห้องที่แปลกตาไป ผนังและเพดานไม่คุ้นเคยก็เลยแน่ใจว่าไม่ใช่ห้องที่ผมอยู่กับไอ้มิคแน่ๆ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าที่ไหนเหมือนกัน ผมเลยพยายามขยับตัวเพื่อจะลุกขึ้นนั่งแต่ก็ลำบากอยู่เหมือนกันเพราะมันรู้สึกเจ็บไปหมดทั่วทั้งตัว
“ค่อยๆ นะ” เสียงคุ้นหูดังขึ้นก่อนจะปรากฏตัวเจ้าของเสียงที่รีบเดินเข้ามาประคองผมให้นั่งเอนหลังพิงกับหัวเตียง
“ต่อ?”
“อื้อ”
“มึงมาอยู่นี่ได้ไง” ผมเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ก็นี่มันห้องกู”
“งั้น... กูมาอยู่นี่ได้ไง”
“ก็กูเข้าไปช่วยมึงไว้ไง” ต่อพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งแล้วคว้าเอาแก้วน้ำมายื่นให้ผมดื่มเข้าไปเพื่อแก้กระหาย
“อย่างมึงเนี่ยนะ!”
“เออดิ อย่างกูเนี่ยแหละ ดีนะที่วันนั้นกูเกิดอยากสอดรู้สอดเห็นขึ้นมาก็เลยแอบขึ้นไป ถึงได้ยินเสียงมึงร้องขอความช่วยเหลือนั่นแหละ ก็เลยรีบตามพี่พนักงานในร้านมาช่วยกันพังประตูห้องแล้วจับไอ้เหี้ยนั่นส่งตำรวจไปละ กูนึกว่ามึงจะตายซะแล้ว”
“นี่มึงจะมาแอบดูกูโดนเอาเหรอ” ผมถามด้วยความแปลกใจ
“เออ แล้วมึงจะทำไม”
“ไอ้เวร”
“แล้วถ้าวันนั้นกูเสือกไม่ได้อยากไปแอบดู กูถามหน่อยว่ามึงจะรอดออกมามั้ย” มันเอ่ยพูดเสียงแข็งราวกับจะทวงบุญคุณ
“ขอบใจ” ผมพูดเสียงอ่อนเพราะรู้สึกผิดที่มาสงสัยเรื่องแบบนี้ในเวลาที่ไม่ควร
สายตาของผมหันมองไปทั่วห้องก่อนจะหันกลับมามองตัวเองแล้วพบว่าเสื้อผ้าของผมถูกเปลี่ยนเป็นอีกชุดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนผมก็เลยเอะใจว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้หันไปถามคนข้างๆ มันก็ตอบกลับมาราวกับรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่
“กูเปลี่ยนให้เองอะ” ไอ้ต่อเอ่ยพูดขึ้น
“...”
“กูไม่ฉวยโอกาสจากมึงหรอกน่า”
“เออ”
ผมถอนหายใจแล้วพยายามขยับตัวให้นั่งสบายอีกครั้งโดยมีแววตาเป็นห่วงจากต่อคอยมองอยู่ตลอด ผมเองก็ไม่ได้อะไรมากมายนักหรอกแต่พอมันจ้องไม่หยุดแบบนี้ผมเองก็รู้สึกประหลาดอยู่เหมือนกัน
“มีไร มองอยู่ได้” ผมถามเพราะทนต่อไปไม่ไหว
“มึงอยากทำอาชีพนี้จริงๆ เหรอวะ” จู่ๆ ไอ้ต่อก็เอ่ยถามขึ้น ทำเอาผมไปต่อไม่ถูก
“ทำไมวะ”
“ก็กูเป็นห่วง”
“เป็นห่วงกูทำไม” ผมถามย้ำเพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกคนถาม
“กูอยู่ตรงนี้มานาน มาช่วยป้าเปรี้ยวแกทุกปิดเทอม กูเห็นมาหมดแล้วว่าใครอะไรยังไง อาชีพนี้มันไม่ยั่งยืนหรอกนะเว้ย” ไอ้ต่อเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมที่ได้ฟังแบบนั้นก็เริ่มรู้สึกเหมือนกำลังโดนพ่อด่ายังไงยังงั้น
ประเด็นคือผมเป็นมนุษย์จำพวกที่ไม่ชอบให้ใครมาบ่นเรื่องที่กำลังทำอยู่เพราะรู้สึกเหมือนโดนดูถูกว่าสิ่งที่ทำมันไม่โอเค แต่แล้วไงล่ะก็ชีวิตใครชีวิตมันมั้ยล่ะ
ผมเองก็ยังไม่เคยจะยุ่งกับชีวิตของไอ้ต่อมันเลยแม้แต่น้อยก็เลยแอบโกรธนิดหน่อยที่อยู่ๆ มันก็มาพูดแบบนี้กับผม มันไม่เคยตกอยู่ในจุดเดียวกับผมมันจะไปรู้ได้ไงว่าชีวิตก่อนหน้านี้ของผมมันลำบากขนาดไหน ตอนนี้ตั้งแต่ผมมาทำงานกับเจ๊เปรี้ยว เข้าสู่วงการบาร์โฮสต์ชีวิตผมก็ดีขึ้นมาก ได้เงินได้ทองจนชีวิตสุขสบายไม่ต้องง้อใครอีก
ผมลุกขึ้นยืนด้วยความไม่พอใจแสดงอาการหงุดหงิดออกมาอย่างชัดเจนก่อนจะพยายามจะเดินออกจากห้องของมันแต่สุดท้ายก็โดนมันรั้งเอาไว้เสียก่อน
“เห้ย! ใจเย็นดิ อย่าเพิ่งโกรธ”
“อะไรอีก” ผมเหวี่ยงออกจากมือของมันแล้วมองหน้ามันนิ่ง
“ที่พูดเนี่ยเพราะเป็นห่วงจริงๆ นะเว้ย”
“เออ กูรู้ตัวน่าว่ากำลังทำอะไรอยู่” ผมบอกแล้วคว้ากระเป๋าเตรียมที่จะเดินออกจากห้องของไอ้ต่อ จริงๆ ก็รู้แหละว่ามันเป็นห่วง เป็นถึงหลานเจ้าของร้านแล้วจะมาห้ามตัวท็อปอย่างผมไม่ให้ทำงานที่ร้าน ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องเป็นห่วงมันจะมาพูดทำไม แต่ก็นั่นแหละความดื้อของผมอะเนอะ ไม่ยอมฟังง่ายๆ หรอก เสียฟอร์มไอ้เอิร์ธตัวท็อปหมด
“เดี๋ยว” มันเอ่ยพลางเดินเข้ามาคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของผม
“อะไรอีก”
“ไปกินข้าวกัน”
“ห้ะ?”
“ไปกินข้าวกัน มึงไม่หิวหรือไง นี่บ่ายของอีกวันแล้วนะเว้ย”
โครกกก!!
เสียงท้องร้องของผมก็เสือกจะมาร้องขึ้นมาในจังหวะนี้แบบพอดิบพอดี เอาซะผมทำหน้าไม่ถูก ไอ้ที่ตอนแรกในหัวคิดไว้ว่าจะปฏิเสธมันเพื่อที่จะหนีกลับบ้านแต่ก็ทำไม่ได้ซะแล้วเพราะหลักฐานมันทนโท่เด่นชัดออกมาซะขนาดนี้ ก็เลยต้องจำยอมก้มหน้าไปกินข้าวกับมัน
บรรยากาศแถวนี้แปลกตากว่าแถวคอนโดที่ผมอยู่มาก มันดูเรียบร้อยเป็นระเบียบและผู้คนไม่ได้พลุกพล่านจนมากเกินไป อาจเพราะเป็นโซนธุรกิจที่มีราคาค่อนข้างแพงก็เลยทำให้เหมือนได้คัดกรองสิ่งแวดล้อมและผู้คนที่อยู่แถวนี้ไปด้วยในตัว รู้สึกไม่ชินเพราะคุ้นเคยกับความวุ่นวายมาโดยตลอด แต่ก็เอาเถอะแบบนี้ก็รู้สึกดีเหมือนกัน เหมือนได้ผ่อนคลายไปในตัวเพราะชีวิตไม่ต้องแย่งชิงหรือเบียดเสียดอะไรกับใคร
“จะกินอะไร” ต่อเอ่ยถามผมเมื่อเดินลงมาถึงโซนร้านอาหารตามสั่งที่มีเยอะจนเลือกไม่ถูก
“อยากกินอะไรร้อนๆ อะ”
“ก๋วยเตี๋ยวมั้ย ร้านนั้นอร่อยนะ” มันชี้ไปยังร้านที่อยู่ปลายสุดของแถว
“อือ เอาเหอะ หิวละ”
ทั้งผมและไอ้ต่อพากันเดินไปสั่งก๋วยเตี๋ยวที่ร้านนั้น ไม่นานแม่ค้าก็ยื่นชามก๋วยเตี๋ยวทั้งสองชามมาให้พวกผม จากนั้นจึงพากันไปหาที่นั่งตรงโต๊ะว่างบริเวณหน้าร้าน
ควันสีขาวลอยฟุ้งอยู่เหนือชามก๋วยเตี๋ยวบ่งบอกถึงความร้อนของอาหารได้เป็นอย่างดี ผมตักเครื่องปรุงบนโต๊ะมาใส่เพิ่มลงในชามอีกเล็กน้อยเพื่อให้รสชาติถูกปากมากขึ้นจากนั้นจึงใช้ตะเกียบและช้อนคนทุกอย่างให้เข้ากันแล้วตักน้ำซุปขึ้นมาชิม
“เป็นไง” ต่อถามเมื่อเห็นว่าผมตักน้ำซุปเข้าปาก
“อร่อยดี”
“คล่องคอมั้ยล่ะ”
“เจ็บคออะดิ”
“จะไปหาหมอหน่อยมั้ย” ต่อถามพลางชี้ให้ดูร่องรอยตามร่างกายของผมที่ตอนนี้มันเด่นชัดขึ้นมาเพราะเจอแสงสว่างในตอนกลางวันสาดเข้ามาแบบเต็มๆ ไอ้พวกรอยที่ตอนแรกอยู่ในห้องแล้วผมมองไม่เห็นในตอนนี้คือกระจ่างชัดเต็มตา
“ไอ้แจมิน ไอ้เหี้ย” ผมสบถด่าเมื่อสังเกตเห็นรอยตามตัว รวมถึงบริเวณใบหน้าและลำคอจากการที่ผมเปิดกล้องหน้าของมือถือแล้วส่องดู นี่มันไม่ใช่คนแล้วทำผมได้ขนาดนี้
“กูเห็นตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ป้ากูบอกว่าไม่ให้ไปส่งโรงบาลด้วยเหตุผลไร้สาะระอะไรก็ไม่รู้ กูฟังไม่ทันหรอกเพราะมัวแต่ตกใจอยู่
“ช่างมันเหอะ กูไม่เป็นไรหรอก พักอีกไม่กี่วันก็คงหายแหละ”
“แล้วนี่มึงคิดจะทำงานนี้ไปอีกนานแค่ไหนวะ” ไอ้ต่อมันถามขึ้นทำเอาก๋วยเตี๋ยวที่กำลังอร่อยแทบจะหมดความอร่อยไปในทันที
“ถามงี้อีกแล้วนะ” ผมตอบกลับเสียงแข็ง
“อันนี้กูถามจริงๆ อยากรู้”
“ก็ทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไม่ไหวล่ะมั้ง” ผมบอกพลางคีบก๋วยเตี๋ยวเข้าปาก
“เอาจริงดิ”
“เออ กูไม่รู้จะไปทำอะไรนี่หว่า อาชีพนี้มันได้เงินเยอะนะเว้ย ขอกูกอบโกยก่อนละกัน ถ้ามีเงินเก็บจนตั้งตัวได้กูก็จะไปซื้อบ้านสักหลังแล้วทำธุรกิจส่วนตัวสักอย่าง”
“งั้นจนกว่าจะถึงวันนั้นก็ดูแลตัวเองให้ดีๆ แล้วกัน” ไอ้ต่อบอกแล้วก็เงียบไปเพราะก้มลงไปกินก๋วยเตี๋ยวในชาม
ผมเองได้ฟังแบบนั้นก็ไม่ได้เข้าใจมากนักหรอกเพียงแต่คิดว่าก็ดูแลตัวเองดีอยู่แล้วทุกวัน แล้วก็ป้องกันตัวเองเป็นอย่างดีด้วยไม่มีทางติดโรคจากลูกค้าอย่างแน่นอน แต่ต่อไปก็คงต้องสกรีนลูกค้าให้มากขึ้นเพราะถ้าเจอลูกค้าแบบไอ้แจมินอีกในคราวหน้าผมอาจจะไม่โชคดีมีคนมาช่วยชีวิตแบบนี้ก็ได้
“ขอบใจนะ” ผมเอ่ยพูดขึ้นแล้วมองหน้าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ขอบใจเรื่อง?”
“เรื่องที่ช่วยกูออกมาไง ไม่งั้นกูตายอยู่ในห้องนั้นแน่ๆ”
“ร้องขนาดนั้น ถ้าไม่ช่วยก็ใจดำเกินไปแล้ว” ไอ้ต่อมันพูดแล้วอมยิ้ม
เอาจริงๆ มันก็แอบน่ารักอยู่เหมือนกันนะเนี่ย ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาแต่ละครั้งเราทั้งคู่จะเจอกันในสถานการณ์ที่ไม่น่าพึงพอใจสักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยครั้งนี้ก็ต้องขอบคุณมันจริงๆ นั่นแหละ นับว่าเป็นผู้มีพระคุณของผมเลยก็ว่าได้
ก๋วยเตี๋ยวของเราทั้งคู่หมดชามไปแล้วในตอนนี้ ผมยกน้ำเปล่าที่ไอ้ต่อเดินไปซื้อมาให้เมื่อครู่จนเกือบหมดขวดก่อนจะเผลอเรอออกมาเสียงดังแบบไม่ได้ตั้งใจ ไอ้ต่อที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเลยขำเอิ๊กอ๊ากออกมาเพราะไม่คิดว่าจะได้เห็นมุมแบบนี้จากผม
“วันนี้ก็พักสักวันไม่ต้องไปทำงานก็ได้เนอะ” ต่อบอกขณะที่เรากำลังจะลุกออกจากโต๊ะ
“อือ ก็คงต้องงั้นแหละ”
“จะให้ไปส่งมั้ย” ไอ้ต่อถาม
“ไม่ต้องอะ มึงขึ้นห้องไปเถอะ เดี๋ยวกูกลับเอง”
“งั้นเอานี่ไป” ไอ้ต่อรูดซิปแล้วถอดเสื้อแจ๊คเก็ตแขนยาวของตัวเองออกก่อนจะโยนมาให้ผม “ใส่ไว้จะได้ช่วยปิดไอ้รอยพวกนี้ไว้ได้บ้าง”
“เออ ขอบใจมากเว้ย”
“กลับเองได้แน่นะ”
“เออ ขึ้นไปได้แล้ว” ผมเอ่ยบอกพลางโบกมือไล่ ไอ้ต่อก็เลยยอมที่จะเดินกลับไปแม้จะมีท่าทีอิดออดอยู่เล็กน้อยก็ตาม
ผมก็ได้แต่มองตามหลังมันไปจนลับตา จากนั้นผมก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก็ไอ้ตอนแรกที่เคยรู้สึกไม่ชอบขี้หน้ามันแต่กลับกลายเป็นว่าพอถึงเวลาที่ผมต้องการความช่วยเหลือมากที่สุดก็เป็นมันนั่นแหละที่ยื่นมือเข้ามาช่วยไว้ได้ทันเวลาพอดี นี่แหละน้าเขาถึงบอกว่าอย่าเพิ่งตัดสินใครถ้ายังไม่รู้จักเขาดีพอ