เรียนไปก็ปวดหัว มีผัวก็ปวด... งั้นถ้าจะต้องทนปวด... ก็ขอปวดแบบได้เงินด้วยละกัน! เลิศๆๆๆๆ
ชาย-ชาย,ซาดิส & มาโซฯ,วัยว้าวุ่น,ยุคปัจจุบัน,ไทย,PWP,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เอิร์ธเด็กเอ็นท์เรียนไปก็ปวดหัว มีผัวก็ปวด... งั้นถ้าจะต้องทนปวด... ก็ขอปวดแบบได้เงินด้วยละกัน! เลิศๆๆๆๆ
เอิร์ธเด็กเอ็นท์
Mr. Host Club
[PWP]
Written by Darkriku93
เปิดเรื่อง 04/01/2023
ประกาศ!!!
นิยายเรื่องนี้เป็นแนว PWP ไม่เน้นความสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ อ่านเอาฟีลลิ่ง อ่านเอามันเฉยๆ น้าาาาา
เสียงดนตรีตามสายดังคลอมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาที่ผมมาเดินเล่นอยู่ในห้างแถวคอนโด เพราะต้องการผ่อนคลายก่อนจะออกไปทำงาน หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยมาหลายวันติดเพราะเจอลูกค้าบ้ากามแถมยังบ้ากำลังอีกด้วย ทีแรกก็ตั้งใจว่าจะขอเจ๊เปรี้ยวลาหยุดสักสามสี่วันแต่เพราะมีแพลนจะไปเที่ยวเกาหลีผมก็เลยต้องขยันหาเงินเพิ่มอีกสักนิด ไปทั้งทีก็อยากกินเที่ยวให้สุด แบบกินหรูอยู่สบายงี้ นั่งเครื่องก็ต้องเป็นชั้นธุรกิจไม่ก็ชั้นหนึ่งไปเลย
ผมเดินเล่นเหงาๆ อยู่คนเดียว แวะเข้าออกทุกร้านทุกช็อปเพราะไม่รู้จะทำอะไร ไอ้ที่เดินมาสองชั่วโมงก่อนหน้านี้ก็ซื้อของจนหมดเงินไปเยอะแล้วเหมือนกัน ถุงช็อปปิ้งเต็มไม้เต็มมือไปหมดจนจะหิ้วไม่ไหว แต่ก็ยังไม่ย่อท้อที่จะสรรหาเดินต่อไป
ไหนๆ ก็ได้ชอปปิ้งทั้งที มันก็ต้องเอาให้สุดสิเนอะ!
ครืดดดดด....
มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงสั่นขึ้นผมจึงต้องรีบรุดเดินเข้ามุมเพื่อจะวางบรรดาถุงช็อปปิ้งลงบนพื้นแล้วรีบหยิบเอามือถือในกระเป๋ากางเกงขึ้นมากดรับ
“ฮัลโหล” ผมเอ่ยทักเมื่อรับสาย
(อยู่ไหน)
ใครวะ... เสียงคุ้นๆ เบอร์ก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
“ใครอะ” ผมถามอย่างสงสัย
(ให้ทาย)
“ไม่ทายโว้ย ถ้าไม่บอกจะวางละนะ” ผมเริ่มหัวเสียเลยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแข็ง
(เห้ย เดี๋ยวๆๆๆๆ กูเองๆๆ) อีกฝ่ายรีบตอบกลับมาอย่างละล่ำละลัก
“กูไหน พูดชื่อมา”
(กูเอง ต่อไง)
“อ๋อ ไอ้ต่อ แล้วมึงเอาเบอร์กูมาจากไหนเนี่ย” ผมถามด้วยความแปลกใจเพราะจำได้ว่ายังไม่เคยให้เบอร์มันไปเลย
(ก็ขอจากไอ้มิคมาเมื่อคืนอะ)
“อ่อ แล้วมีไร โทรมาทำไม”
(มึงอยู่ไหน) ไอ้ต่อเอ่ยถาม
“กูอยู่เซ็นทรัลแถวคอนโด”
(เดี๋ยวไปหา)
“ห้ะ! มึงจะมาทำไม”
(กูว่างอะ เหงาๆ) มันเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงอ้อน
“เออ จะมาก็มา” ผมบอกเพื่อตัดรำคาญก่อนจะรีบกดวางสายไป งงนะอยู่ดีๆ ก็โทรมาแล้วบอกจะมาหา เป็นไรอะ ทุกทีก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นว่าจะเป็นแบบนี้
ผมยัดมือถือเก็บใส่กระเป๋ากางเกงเหมือนเดิมก่อนจะก้มลงไปคว้าถุงชอปปิ้งที่วางกองอยู่บนพื้นขึ้นมาถือเอาไว้ แล้วเดินไปหาคาเฟ่เพื่อจะนั่งรอไอ้ต่อที่กำลังเดินทางมาหา
แต่ไม่ทันไรผมก็รู้สึกว่าไอ้ถุงชอปปิ้งพวกนี้มันเริ่มเป็นภาระของผมเสียแล้ว รู้สึกว่ามันกินแรงผมเสียเหลือเกินก็เลยตัดสินใจเดินไปที่เคาท์เตอร์รับฝากของ เพื่อติดต่อขอฝากของจะได้ตัวเบาเคลื่อนไหวง่ายสักหน่อย ผมยื่นถุงชอปปิ้งทั้งหมดของผมให้กับพนักงานแล้วรับบัตรสำหรับมารับของก่อนจะเก็บเข้ากระเป๋าแล้วเดินตรงไปยังคาเฟ่ทันที
ผมสั่งกาแฟอเมริกาโนเย็นกับมัฟฟินบลูเบอร์รี่ก่อนจะยืนรอรับแล้วเดินไปนั่งยังโต๊ะสำหรับสองคนที่อยู่มุมขวาของร้านเพราะโซนนั้นยังไม่คอยมีคนนั่งสักเท่าไหร่ ผมจิบกาแฟเล็กน้อยแล้วตามด้วยมัฟฟินที่ทางร้านอุ่นร้อนให้เพื่อรอเวลาที่อีกฝ่ายจะมาถึง
หน้าไอจีถูกผมไถจนอัพเดทถึงเวลาล่าสุด สตอรี่ก็ถูกผมกดดูจนครบของทุกคน ผมเหลือบมองนาฬิกาบนมือถือก็เห็นสมควรแก่เวลาที่ต่อน่าจะมาถึงได้แล้ว แต่พอยังไม่เห็นตัวก็อดที่จะส่งเสียงจิ๊ปากออกมาด้วยความไม่พอใจไม่ได้
“เอิร์ธ” เสียงคุ้นหูเอ่ยเรียก ผมหันไปมอง
“กว่าจะมานะ” ผมบ่นพลางมองค้อนไปหนึ่งที
“โถ ก็ให้เวลารถติดหน่อยมั้ยล่ะ กรุงเทพนะเว้ย”
“เออๆ ละจะกินไรมั้ย” ผมถามเพราะยังไงๆ มันก็ต้องนั่งรอผมจนกว่าจะกินกาแฟและขนมหมดอยู่ดี
“เดี๋ยวกูเดินไปสั่งกาแฟสักหน่อยละกัน” ไอ้ต่อเอ่ยบอกแล้วเดินกลับไปยังเคาท์เตอร์เพื่อสั่งกาแฟจากนั้นมันก็ยืนรออยู่ครู่หนึ่งพอได้รับกาแฟก็เดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับผม
ผมเงยหน้ามองมันนิดหน่อยแล้วหันกลับไปสนใจขนมและกาแฟบนโต๊ะต่อพลางเล่นมือถือต่อไปโดยไม่พูดอะไร ไอ้ต่อเองก็เงียบไปพักใหญ่จนกระทั่งมันยื่นมือมาสะกิดที่มือผม ผมก็เลยเงยหน้าขึ้นมามองมันอย่างรอคำตอบ
“มีอะไร” ผมถามเพราะเห็นมันเงียบไม่ยอมพูดสักที
“วันนี้จะทำไรต่อ”
“ไม่มีแพลนอะ ก็คงชอปปิ้งไปเรื่อย”
“งั้นไปดูหนังกันมั้ย” ไอ้ต่อเอ่ยชวน
ผมเองก็ได้แต่แปลกใจเพราะไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ มันถึงมาชวนผม “เรื่องไรอะ”
“ไม่รู้ว่าจะไปเช็กรอบที่หน้าโรง”
“ถ้ามีเรื่องที่อยากดู จะดูด้วยละกันนะ” ผมบอกพลางหยิบส้อมมาตักมัฟฟินเข้าปาก
พวกเรานั่งประชันหน้ากันอยู่แบบนั้นพักใหญ่โดยที่ไม่พูดคุยอะไรกันมากนัก ผมก็สนใจอยู่แต่กับมือถือและคลิปในติ๊กตอกกับกาแฟและขนมบนโต๊ะ ส่วนไอ้ต่อมันก็นั่งเล่นเกมในมือถือของมันไป ราวกับว่าต่างคนต่างอยู่ไม่ได้มาด้วยกัน
ผู้คนพลุกพล่านผลัดหน้ากันไปมา เวียนเข้าและเวียนออกไม่ซ้ำหน้าแต่ผมกับไอ้ต่อก็ยังนั่งกันอยู่ในร้านแบบนั้นจนเวลามันล่วงเลยมาพักใหญ่ก่อนที่ผมจะสะดุ้งแล้วนึกได้ว่าอีกฝ่ายชวนดูหนังไว้ ติ๊กตอกนี่มันแอพลิเคชันที่ทำให้เราเสียเวลาชีวิตได้มากจริงๆ กะไว้ว่าจะเข้าไปดูคลายเครียดฆ่าเวลาแค่แป๊บเดียวแต่ก็ปาไปเป็นชั่วโมงโดยที่ไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด
“เอ้ย! มึงจะไปดูหนังนี่หว่า” ผมรีบร้องทักเมื่อนึกขึ้นมาได้
“เออ กูก็รออยู่เนี่ย”
“โทษๆ เพลินไปหน่อย”
“กูก็นึกว่ามึงลืมไปละ” เสียงอ่อนของไอ้ต่อทำเอาผมรู้สึกผิดไม่น้อย
“ไปๆ” ผมรีบลุกขึ้นแล้วคว้าแก้วเปล่าไปทิ้งถังขยะและนำถาดรองไปคืนพนักงานที่เคาท์เตอร์ ก่อนจะพากันเดินออกไปจากคาเฟ่
ผมปล่อยให้ไอ้ต่อเดินนำหน้าไปแล้วผมค่อยๆ เดินตามไปแต่มันกลับพยายามจะถอยหลังมาเดินข้างผม จนบางครั้งก็เผลอเหยียบเท้ากันไปมาจนผมต้องมองหน้ามันอย่างไม่พอใจ แต่มันก็ทำแค่หัวเราะกลับมาไม่ขอโทษผมสักแอะ
รองเท้ากูแพงนะเว้ยไอ้ห่า!