เรียนไปก็ปวดหัว มีผัวก็ปวด... งั้นถ้าจะต้องทนปวด... ก็ขอปวดแบบได้เงินด้วยละกัน! เลิศๆๆๆๆ
ชาย-ชาย,ซาดิส & มาโซฯ,วัยว้าวุ่น,ยุคปัจจุบัน,ไทย,PWP,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เอิร์ธเด็กเอ็นท์เรียนไปก็ปวดหัว มีผัวก็ปวด... งั้นถ้าจะต้องทนปวด... ก็ขอปวดแบบได้เงินด้วยละกัน! เลิศๆๆๆๆ
เอิร์ธเด็กเอ็นท์
Mr. Host Club
[PWP]
Written by Darkriku93
เปิดเรื่อง 04/01/2023
ประกาศ!!!
นิยายเรื่องนี้เป็นแนว PWP ไม่เน้นความสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ อ่านเอาฟีลลิ่ง อ่านเอามันเฉยๆ น้าาาาา
“เอาป๊อปคอร์นกับน้ำมั้ย” ไอ้ต่อหันมาถามตอนที่เราสองคนเดินมาถึงหน้าโรงหนัง ผมน่ะยังอิ่มอยู่กับไอ้ที่กินจากคาเฟ่มาอยู่เลย
“ไม่อะ ยังอิ่มอยู่เลย”
“งั้นเอาป๊อปคอร์นไซส์เล็กกับน้ำเปล่าเผื่อไว้แล้วกันเนอะ”
“แล้วมึงจะถามกูทำไมห้ะ!”
งงกับมันนะ ก็ถ้าตั้งใจว่าจะซื้ออยู่แล้วจะหันมาถามผมเพื่อ พอผมปฏิเสธมันก็ไม่ได้ทำตามอยู่ดีเพราะเลือกที่จะตามสิ่งที่ตัวเองคิดไว้แต่แรกอยู่แล้ว
ผมกับไอ้ต่อเดินไปต่อคิวเพื่อซื้อป๊อปคอร์นจากนั้นก็เดินเข้าโรงไป โชคดีที่วันนี้มีรอบหนังเรื่องบุพเพสันนิวาส 2 พอดี ผมก็เลยตัดสินใจเลือกเรื่องนี้เพราะเรื่องอื่นก็ไม่ได้อยากดูสักเท่าไหร่ ก็ถือว่าเป็นบุญของไอ้ต่อมันนะที่ผมอยากดูเรื่องนี้อยู่พอดี
“คนดูเยอะเหมือนกันนะ” ผมพึมพำออกมาเบาๆ เพราะตอนนี้กดซื้อตั๋วเห็นมีแค่ผมกับไอ้ต่อสองคนกับแถวหน้าอีกแค่สี่คน แต่พอถึงเวลาฉายจริงดันคนเพิ่มมาอีกหลายที่อยู่เหมือนกัน
ผมกับไอ้ต่อนั่งที่แถว A10 กับ A11 ทันทีที่นั่งปุ๊บผมก็ดึงเอาที่วางแขนลงมาปั๊บขวดน้ำเปล่าที่ไอ้ต่อถือเข้ามาถูกหย่อนลงมาไว้ในช่องวางแก้วส่วนถังป๊อปคอร์นไอ้ต่อเป็นคนอุ้มไว้ ผมเอนหลังพิงกับเบาะนั่งจนสุดแล้วเฝ้ารอหนังฉายอย่างใจจดจ่อแม้จะต้องรอดูโฆษณาและตัวอย่างหนังอีกประมาณ 20 นาทีแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอะไรสักเท่าไหร่
พอหนังเริ่มฉายไปได้สักพักผมก็เอื้อมมือไปหยิบป๊อปคอร์นมากิน คนข้างๆ ก็เลยหันมามองผมแล้วยิ้มเหมือนกับจะแซวว่าตอนแรกบอกว่าไม่กินแล้วทำไมตอนนี้ถึงยื่นมือมาล้วงไปซะได้ แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจหรอกนะ
“เชี่ย!” ผมหลุดอุทานออกมาเบาๆ เพราะพอจะเอื้อมมือไปหยิบป๊อปคอร์นอีกรอบไอต่อมันดันยกหนีจนมือผมล้วงไปโดนส่วนนั้นของมันเต็มๆ มันก็เอาแต่หัวเราะสงสัยจะสะใจที่แกล้งผมได้สำเร็จ
“ทำงี้กูเสียวนะ” มันยื่นหน้ามากระซิบที่ข้างหูผม
“กวนตีน” ผมด่าตอบแล้วหันมองที่หน้าจอหนังต่อ
อาจจะเพราะความเหนื่อยล้าสะสมที่มีมายาวนาน พอผมกินจนอิ่มท้องแล้วมานั่งดูหนังในสถานที่มืดๆ แอร์เย็นฉ่ำก็เลยทำให้ผมเผลอง่วงจนหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ แต่พอได้สติตื่นมาอีกทีสายตาผมก็เหลือบไปเห็นว่าไอ้ต่อมันกำลังกุมมือผมที่วางอยู่บนที่พักแขนอย่างสบายใจเฉิบ
ผมกระตุกมือออกจนมันหันมามอง “มึงแต๊ะอั๋งกูเหรอ”
“โทษที กูหนาวอะ”
“ตลกละ ดูหนังไปเลย”
ผมตำหนิมันไปอีกรอบแล้วดึงมือกลับมากอดอกก่อนจะหันไปดูหนังแบบไม่สนใจมันอีก ระหว่างที่หนังดำเนินไปไอ้ต่อมันก็เอนหัวมันพิงไหล่ผม ผมเลยขยับไหล่เพื่อบอกมันให้ขยับหัวออกไปแต่มันก็แกล้งทำเป็นหลับ ผมก็เลยปล่อยเลยตามเลย ขี้เกียจจะด่าคนจะดูหนังอะ
พอหนังจบผมก็รีบเดินออกจากโรงหนังเลยทันทีโดยมีไอ้ต่อวิ่งตามหลังมา จริงๆ ไอ้ที่รีบเดินออกมาเนี่ยไม่ใช่เพราะว่าโกรธมันนะแต่เพราะว่าอั้นฉี่ไว้ตั้งแต่ตอนกลางเรื่องไง พอจบปุ๊บก็เลยต้องรีบวิ่งออกมานี่แหละ ฉี่จะแตกเวอร์
“มึงโกรธกูปะเนี่ย” ไอ้ต่อถามหลังจากที่ผมเดินออกจากห้องน้ำมา
“เปล่า กูปวดเยี่ยว”
“อ่อ นึกว่ามึงโกรธกูเรื่องในโรงหนัง” ไอ้ต่อถอนหายใจก่อนจะพูดออกมา
“เรื่องไหน ที่จับมือกูหรือนอนซบกู” ผมแกล้งถาม
“ก็ทั้งสองเรื่องนั่นแหละ”
“ไม่ได้โกรธ”
“กูรู้นะว่ามึงกำลังจะทำอะไรอะ” ผมเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างรู้ทัน
“อะไรรรร” ตลกหน้ามันอะ ตอนนี้เลิ่กลั่กฉิบหายเหมือนถูกจับได้เวลาทำความผิด
“มึงจะจีบกูใช่มั้ย” ผมเอ่ยถามพลางจ้องหน้ามันนิ่ง
“ได้มั้ยล่ะ”
“อย่าเลย เรายังต้องเจอหน้ากัน ทำงานด้วยกันอีกนาน ถ้าเกิดมีปัญหาขึ้นมามันจะลำบากนะ” ผมพยายามพูดถึงเหตุผลที่มันควรจะรับรู้ไว้ว่าทำไมถึงไม่ควรจะสานต่อความสัมพันธ์ระหว่างเราทั้งคู่
“แต่คืนนั้นมันดีมากเลยนะ” มันพูดเสี่ยงอ่อน
“ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของคืนนั้น มีเซ็กส์กันแค่คืนเดียวไม่ได้แปลว่าจะต้องสานต่อนี่หว่า อีกอย่างมึงเป็นหลานเจ๊เปรี้ยวถ้ามีปัญหากันขึ้นมา แล้วเจ๊เปรี้ยวไล่กูออกจากงานจะทำยังไง มึงต้องคิดถึงตรงนี้ด้วย”
“แต่กู...”
“เอาเป็นว่าตอนนี้เป็นพี่น้องกันไปก่อนนั่นแหละ ไว้อนาคตจะเป็นไงค่อยว่ากัน”
“มึงพูดแล้วนะ”
“เออ ไว้ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันอีกที ตอนนี้ก็อยู่กันแบบพี่ๆ น้องๆ ไปก่อนนั่นแหละ” ผมเอ่ยบอกพลางเดินออกจากบริเวณหน้าโรงหนังมาเพราะเริ่มรู้สึกว่าคนมันเยอะ อยากได้มุมที่มันโล่งโปร่งสบายขึ้นมาสักหน่อย เพราะในสถานการณ์แบบนี้คุยกันในที่เงียบๆ น่าจะดีกว่า แม้ภายในใจของผมจะไม่มั่นคงสักเท่าไหร่แต่ก็ต้องพยายามข่มใจให้นิ่งเข้าไว้เพราะไม่อยากให้เราสองคนจะต้องมามีปัญหากันเพราะเรื่องแค่นี้
“พี่น้องก็พี่น้องวะ”
“ดีมาก” ผมเอ่ยบอกพร้อมยิ้มกว้างก่อนจะยกมือขึ้นโอบรอบคอมัน “แบบนี้ค่อยคบกันได้ยาวหน่อย”
“แต่ขอเป็นพี่น้องแบบท้องชนกันด้วยได้ปะ” มันถามพลางยิ้มเจ้าเล่ห์
“ส้นตีนเหอะ เจ๊เปรี้ยวได้ล่อหัวกบาลกูพอดี” ผมเอ่ยด่าพลางผละตัวออกมา พอเห็นไอ้ต่อมันหัวเราะออกมาได้ก็เลยหันเดินออกมาจากตรงนั้นโดยมีมันเดินตามหลัง
แบบนี้แหละดีแล้ว เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นานแถมตัวผมเองก็ไม่ได้มีดีหรือเหมาะสมกับคนแบบมันสักเท่าไหร่หรอก แทนที่จะเสียเวลามาคบกับผมให้มันได้มีโอกาสไปเจอคนที่ดีที่สะอาดกว่าผมคงจะดีกว่าเยอะ เพราะผมก็ไม่อยากเป็นตัวขวางอนาคตที่สดใสของใครเหมือนกัน