เรียนไปก็ปวดหัว มีผัวก็ปวด... งั้นถ้าจะต้องทนปวด... ก็ขอปวดแบบได้เงินด้วยละกัน! เลิศๆๆๆๆ
ชาย-ชาย,ซาดิส & มาโซฯ,วัยว้าวุ่น,ยุคปัจจุบัน,ไทย,PWP,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เอิร์ธเด็กเอ็นท์เรียนไปก็ปวดหัว มีผัวก็ปวด... งั้นถ้าจะต้องทนปวด... ก็ขอปวดแบบได้เงินด้วยละกัน! เลิศๆๆๆๆ
เอิร์ธเด็กเอ็นท์
Mr. Host Club
[PWP]
Written by Darkriku93
เปิดเรื่อง 04/01/2023
ประกาศ!!!
นิยายเรื่องนี้เป็นแนว PWP ไม่เน้นความสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ อ่านเอาฟีลลิ่ง อ่านเอามันเฉยๆ น้าาาาา
ผมกับไอ้มิคพากันนั่งรถมาถึงที่ร้านแต่หัววันเพราะอยากกินส้มตำร้านประจำที่อยู่ข้างบาร์ของเจ๊เปรี้ยว ปกติพวกเราสองคนมักจะมานั่งกินบ่อยๆ ก่อนจะเข้างานหรือไม่บางทีพวกเราก็พากันซื้อเข้าไปแบ่งกินกับเพื่อนคนอื่นในร้าน
ป้าเจ้าของร้านยิ้มกว้างให้ผมกับไอ้มิคก่อนจะบอกให้รอแป๊บหนึ่งเพราะในเวลานี้มีลูกค้าต่อคิวยาวอยู่อีกประมาณสามสี่คน ร้านดังก็แบบนี้ถ้ามาผิดเวลาล่ะก็รอไปเหอะ บางวันรอจนถึงเวลาเข้างานยังไม่ได้กินก็มี
ผมกับไอ้มิคยืนรออยู่พักใหญ่ โชคดีที่วันนี้เราตัดสินใจออกจากคอนโดมาเร็วหน่อยเพราะรู้ว่ายังไงก็ต้องมารอคิวที่หน้าร้านอีกนาน เพราะถ้าออกมาช้ากลัวจะไม่ทันได้กินก็ต้องไปเข้าร้านเสียก่อน วันนี้พวกผมก็เลยไม่ได้ร้อนใจเท่าไหร่นัก จากการคาดคะเนด้วยสายตาแล้วยังพอมีเวลาเหลือเฟือให้พวกเราได้เถลไถลอีกเยอะแม้ว่าจะซื้อส้มตำเสร็จแล้วก็ตาม
“วันนี้กินไรดีจ๊ะ” ป้าเจ้าร้านส้มตำเอ่ยถาม
“เอาตำปูปลาร้าหนึ่ง น้ำตกหมูหนึ่ง ซุปหน่อไม้หนึ่ง ยำขนมจีนหนึ่งจ้า” ไอ้มิคสั่งรวดเดียวยาวเหยียดจนผมต้องหันไปมองเพราะรู้ทันทีว่ามันกำลังสั่งอาหารในเวลาที่หิว ปกติมันก็ไม่ใช่คนกินเยอะหรอกนะแต่ก็ดันชอบเผลอสั่งเยอะ แล้วเวลาที่อาหารเหลือก็มักจะเป็นผมทุกทีที่ต้องกินให้หมดเพราะรู้สึกเสียดายของ
“แดกหมดเหรอ” ผมเอ่ยถาม
“ไม่รู้”
“พอแดกไม่หมดก็ลำบากกูอีก”
“เอาน่ะ ก็ไม่ได้สั่งเยอะเท่าไหร่หรอกแหม่”
“งั้นมึงจ่ายนะ”
“เออ งั้นมึงไปซื้อน้ำละกัน” ไอ้มิคพยักหน้ารับก่อนจะพยักเพยิดให้ผมไปซื้อน้ำร้านประจำที่พวกมักจะซื้ออยู่บ่อยๆ ให้หน่อย เพราะมันจ่ายค่าอาหารไปแล้ว ค่าน้ำก็ต้องกลายเป็นส่วนที่ผมต้องรับผิดชอบ
ผมเดินตรงมายังร้านท้ายสุดของซอยเพื่อสั่งน้ำหวานและน้ำผลไม้ปั่นตามที่เคยสั่งอยู่ประจำทุกวี่ทุกวัน เพราะส่วนใหญ่เมนูที่ทั้งผมและไอ้มิคกินก็มักจะเดิมๆ ไม่ค่อยเปลี่ยนสักเท่าไหร่
“เอาแตงโมปั่นแก้วหนึ่งครับ แล้วก็นมชมพูปั่นแก้วหนึ่ง” ผมเอ่ยสั่งตามเดิมเพราะไม่เคยคิดอยากจะลองเมนูใหม่ๆ
“เอิร์ธ!” เสียงคุ้นหูเอ่ยทักผมหันกลับไปมองก็ไม่ผิดคาดเพราะเป็นไอ้ต่อเดินเข้ามาใกล้ “ทำไมวันนี้มาเร็วจัง”
“ไอ้มิคมันอยากกินส้มตำอะ เลยรีบมากลัวต้องรอคิวนาน”
“อ่อ แล้วนี่ซื้อไรอยู่”
“ยืนอยู่หน้าร้านน้ำ คงซื้อกับข้าวอยู่มั้ง” ผมบอกพลางทำหน้ากวนตีนใส่มัน
“เออเนอะ กูก็ถามไม่คิด” มันเองก็หัวเราะออกมาเบาๆ
“พ่อหนุ่มเอาอะไรจ๊ะ” แม่ค้าร้านน้ำเอ่ยถามหลังจากที่ทำออเดอร์ของผมเสร็จแล้วทั้งสองแก้ว
“มะม่วงปั่นครับ” ไอ้ต่อเอ่ยสั่งระหว่างนั้นผมก็เลยบอกมันว่าจะขอตัวเดินไปหาไอ้มิคมันก่อนเพราะขี้เกียจยืนรอไอ้ต่อมัน แต่ว่ามันก็ดันรั้งมือผมเอาไว้แล้วบอกว่าให้อยู่กับมันก่อน ค่อยเดินไปพร้อมกัน ผมก็เลยต้องยืนรออย่างไม่เต็มใจนัก
“...”
“ไป เสร็จละ” ไอ้ต่อหันมาบอกผมที่ยืนรอด้วยความเงียบไม่พูดไม่จาอะไร ผมก็เลยหันไปมองมันกับน้ำในมือของมันก่อนจะพยักหน้ารับแล้วเดินนำมันออกไป
ผมเดินก้าวขายาวกลับมาหาไอ้มิคที่ยืนรอส้มตำและอาหารที่สั่งเอาไว้โดยมีไอ้ต่อเดินตามหลังมา มันพยายามจะจับแขน พยายามจะสะกิดแล้วชวนคุยเพราะคิดว่าผมงอนอะไรมันหรือเปล่า ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ได้มีอะไรเลยเพียงแต่ว่าวันนี้ผมตื่นเช้ากว่าปกติก็เลยยังไม่พร้อมจะยิ้มแย้มสักเท่าไหร่ คงต้องรอหลังเที่ยงไปแล้วนั่นแหละผมถึงจะมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่านี้
“เสร็จยัง” ผมเอ่ยถามเมื่อเดินกลับมาถึงร้านส้มตำ
“เสร็จละ” ไอ้มิคเอ่ยบอกพร้อมยื่นมือไปรับถุงหูหิ้วที่ใส่ทุกอย่างที่สั่งเอาไว้รวมกันพร้อมกับผักสดที่จะหยิบเท่าไหร่ก็ได้ไม่อั้น
“ไปนั่งแดกในร้านละกันนะ” ไอ้มิคเอ่ยบอกซึ่งผมเองก็เห็นด้วย
ผม ไอ้มิค ไอ้ต่อพากันเดินกลับไปยังบาร์ของเจ๊เปรี้ยว ผมกับไอ้มิคเดินเข้าไปในห้องพักประจำที่พวกเราใช้อาศัยกันอยู่ทุกวัน ในนั้นจะมีโต๊ะกลางสำหรับไว้ให้พวกเราใช้กินข้าวหรือขนมเวลาหิว ไอ้มิคเอาถุงส้มตำวางไว้ที่นั้นส่วนผมก็วางน้ำปั่นที่สั่งมาเพื่อจะเดินเข้าไปในครัวเพื่อนำจานชามมาใส่อาหารแต่ไอ้ต่อก็เอ่ยปากจะเดินไปหยิบมาให้เสียก่อน
“เดี๋ยวกูไปเอาให้ มึงนั่งเถอะ”
“เค”
ผมหย่อนตัวลงนั่งแล้วหยิบเอานมชมพูปั่นมาดูดเพื่อรอเวลา ส่วนไอ้มิคก็หยิบแก้วแตงโมปั่นไปกิน ไม่นานไอ้ต่อก็เดินถือจานเปล่ากับช้อนส้อมออกมาวางไว้บนโต๊ะ
“แต๊งกิ้ว” ผมเอ่ยบอกมันแล้วคว้าเอาถุงส้มตำมาแกะหนังยางออกเพื่อจะเทออกจากถุงใส่จาน
ไอ้มิคกับไอ้ต่อก็พากันหยิบถุงน้ำตกหมูกับซุปหน่อไม้และยำขนมจีนมาแกะออก พวกเราทั้งสามคนช่วยกันจัดแจงนำทุกอย่างใส่ลงจาน กลิ่นของส้มตำลอยอบอวลไปทั่วห้องนั้นทำเอาน้องๆ หลายคนพากันเดินโฉบไปโฉบมากันยกใหญ่เพราะน้ำลายสอกันไม่ไหว
“ใครจะกินก็เดินมากินได้นะ” ไอ้มิคตะโกนบอก ทุกคนในห้องก็เลยพากันมารุมที่โต๊ะอาหารทันที อาหารอีสานกับไอ้พวกนี้น่ะนะ มันของคู่กันเลยแหละ
ช่วงเวลาของอาหารอีสานถือว่าเป็นช่วงเวลาที่พวกผมยิ้มกว้างได้มากที่สุด ยิ่งมานั่งแย่งกันกินแบบนี้ยิ่งทำให้รู้ว่าจริงๆ แล้วความสุขมันไม่ได้หายากขนาดนั้น เพราะบางครั้งมันก็มาในรูปแบบที่ง่ายแสนง่าย อย่างเช่นอะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่พวกเรากำลังทำกันอยู่นั่นเอง
อาหารบนจานหมดเกลี้ยงทุกจานจนหมายังต้องร้องไห้เพราะสะอาดเสียจนแทบจะไม่ต้องล้างจานเลยด้วยซ้ำ ผมกับไอ้มิคทยอยเก็บจานบนโต๊ะแล้วเอาไปล้างที่หลังร้านซึ่งเป็นที่ประจำของเด็กในบาร์ทุกคนที่เป็นอันรู้กันว่ากินเสร็จต้องล้างให้เรียบร้อยไม่อย่างนั้นจะโดนเจ๊เปรี้ยวตามด่าจนหูชา
“ล้างให้มั้ย” ไอ้ต่อเอ่ยพูดขึ้นหลังจากที่มันเดินตามมาเป็นคนสุดท้าย
“ไม่เป็นไรๆ กูล้างเองได้” ผมปฏิเสธ
“ให้กูล้างเถอะ ใกล้เวลาเปิดร้านแล้ว มึงจะได้ไปเตรียมตัว”
“เคๆ ขอบคุณมาก” ผมตอบก่อนจะหันไปมองหน้าไอ้มิคแล้วพากันเดินกลับเข้าไปในห้องพักเหมือนเดิม
ผมหย่อนตัวนั่งลงที่โต๊ะประจำของตัวเอง สายตาจ้องมองเข้าไปยังกระจกที่สะท้อนใบหน้าของตัวเองที่ดูไม่สดใสสักเท่าไหร่เพราะเหงื่อไคลที่ไหลออกมา การนั่งกินส้มตำรสชาติสุดแซ่บทำเอาเครื่องสำอางบนใบหน้าที่แต่งมาลบเลือนออกไปมากอยู่เหมือนกัน ผมเปิดกระเป๋าสะพายคว้าเอาคุชชั่นเกาหลีที่เพิ่งถอยมาใหม่ออกมาตบๆ ลงบนใบหน้าจนทั่ว
พลังของเครื่องสำอางนี่มันน่ากลัวจริงๆ จากที่ดูโทรมๆ ตอนนี้กลายเป็นว่าใบหน้าของผมดูสดใสขึ้นในทันที พอหยิบลิปสติกมาเติมอีกหน่อยก็รู้สึกถึงความสดชื่นในตัวขึ้นมา ผมยิ้มให้ตัวเองในกระจกอีกครั้งเพื่อเรียกพลังในตัวให้ลุกขึ้นมาก่อนที่จะถึงเวลาทำงานจริง
“ช่วงนี้ไอ้ต่อดูตัวติดมึงจังวะ” อยู่ๆ ไอ้มิคเอ่ยถามขึ้นขณะที่มันนั่งแต่งหน้าเซตผมอยู่ข้างๆ
“หื้ม?”
“หรือไม่จริงอะ”
“ทำไมมึงถามงั้น” ผมหันไปมองไอ้มิคด้วยใบหน้าสงสัยว่าอะไรที่ทำให้มันรู้สึกแบบนั้น
“ก็ช่วงนี้กูเห็นมันอยู่กับมึงตลอดเลย แปลกๆ ละนะ” ไอ้มิคพูดพลางมองด้วยสายตาแปลกใจราวกับอยากจะรู้คำตอบว่าผมมีอะไรปิดบังมันไว้หรือเปล่า
“เออว่ะ ก็จริงอย่างที่มึงบอก”
“มันจีบมึงปะเนี่ย” ไอ้มิคถามขึ้นด้วยเสียงกระซิบพลางขยับตัวเข้ามาใกล้ผมเพราะกลัวว่าคนอื่นจะได้ยินเข้า
“มึงจะบ้าปะเนี่ย พูดงี้เดี๋ยวกูได้โดนเจ๊เปรี้ยวฟาดกบาลเข้าให้” ผมรีบบอกปัดพลางหันมองซ้ายขวา ดีที่ตอนนี้ในห้องพักไม่ค่อยมีใครก็เลยพอจะสบายใจขึ้นมาได้บ้าง
“เอ้า! ก็กูอยากรู้นี่หว่า สรุปยังไง”
“ไม่หรอกมั้ง ก็ไม่เห็นว่ามันจะมีทีท่าว่าจีบนะ” ผมบอกไอ้มิคมันแบบนั้นเพราะไม่อยากมีปัญหา อีกอย่างเหมือนที่ผมเคยบอก ผมไม่อยากให้มันมาคบกับคนสกปรกๆ อย่างผมด้วย
“อย่าให้รู้นะว่าแอบคุยกัน” ไอ้มิคแกล้งแซวแล้วนิ้วจิ้มมาที่ไหล่ผมยิกๆ รอยยิ้มกรุ้มกริ่มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของมันทำเอาผมหมั่นไส้จนแทบจะยกกำปั้นไปเขกกะโหลกให้ดังโป๊กสักทีสองที
“ไร้สาระน่ะ” ผมบ่นมันครั้งสุดท้ายก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปหน้าร้านทันที
ผมก้าวฉับๆ เดินออกมาจากห้องพักแต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะไอ้ต่อดันเดินกลับเข้ามาจากหน้าร้านพอดี เราทั้งคู่เกือบจะชนกันโชคดีที่ต่างฝ่ายต่างก็เห็นกันเสียก่อนก็เลยหยุดฝีเท้าไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นก็คงจะชนกันจนล้มลงไปนอนบนพื้นเหมือนในละครหลังข่าว
“โทษๆ” ผมรีบเอ่ยบอกแล้วเดินออกไปจากตรงนั้น