เรียนไปก็ปวดหัว มีผัวก็ปวด... งั้นถ้าจะต้องทนปวด... ก็ขอปวดแบบได้เงินด้วยละกัน! เลิศๆๆๆๆ
ชาย-ชาย,ซาดิส & มาโซฯ,วัยว้าวุ่น,ยุคปัจจุบัน,ไทย,PWP,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เอิร์ธเด็กเอ็นท์เรียนไปก็ปวดหัว มีผัวก็ปวด... งั้นถ้าจะต้องทนปวด... ก็ขอปวดแบบได้เงินด้วยละกัน! เลิศๆๆๆๆ
เอิร์ธเด็กเอ็นท์
Mr. Host Club
[PWP]
Written by Darkriku93
เปิดเรื่อง 04/01/2023
ประกาศ!!!
นิยายเรื่องนี้เป็นแนว PWP ไม่เน้นความสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ อ่านเอาฟีลลิ่ง อ่านเอามันเฉยๆ น้าาาาา
หลังจากเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวันที่ผมโดนกระทำต่อหน้าสาธารณชนที่ริมชายหาดนั้นผมก็แทบไม่ได้พูดคุยกับพี่กันอีกเลย เพราะผมเดินหนีตลอดเอาแต่พูดคุยกับพี่พันและพี่ต้อมเพียงเท่านั้น เพราะรู้สึกว่าสิ่งที่พี่กันทำกับผมมันมากเกินไป ถ้ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเราสองคนในห้องนอนหรือที่ลับตาคนผมก็คงไม่ได้อะไร เพราะลำพังไอ้เซ็กส์แบบรุนแรงนี่ผมก็ผ่านมาเยอะกับไอ้ที่พี่กันทำยังเทียบไม่ได้กับลูกค้าคนก่อนๆ ที่ผมเคยเจอมาเลยมั้ง
แต่ก็นั่นแหละที่ผมซีเรียสคือเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นต่อหน้านักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ยืนรุมดูเรากันอยู่ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ต้นจนจบ มันก็เลยทำให้ผมรู้สึกแย่นิดหน่อย ทำไมจะต้องมาเปิดเผยให้คนเห็นกันได้แบบง่ายดายขนาดนี้ก็ไม่รู้ แถมพี่กันยังไม่มีท่าทีว่าจะรู้สึกผิดเลยสักนิด
ใช่ว่าจ่ายเงินซื้อผมมาแล้วจะทำอะไรตามใจชอบก็ได้นะ คนอย่างผมก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน...
ผมเดินงัวเงียออกมาจากบ้านพักของพี่กันเพราะพึ่งตื่นจากการเผลอหลับไปหลังอาบน้ำเสร็จเนื่องจากความเหน็ดเหนื่อย ผมจึงตัดสินใจเดินออกมาจากบ้านพักเพื่อไปเดินเล่นที่ริมชายหาดสักหน่อย เพราะใจของผมตอนนี้ยังไม่อยากที่จะเห็นหน้าพี่กันสักเท่าไหร่ เวลาเห็นทีไรมันก็พาลจะไปนึกถึงภาพเมื่อตอนกลางวันทุกที
“คุณเอิร์ธเบื่อหรือเปล่าครับ” พี่ต้อมเดินเข้ามาทักผมระหว่างที่ผมกำลังเดินอยู่เพลินๆ
“เปล่าครับ แค่มาเดินกินลมชมวิวเฉยๆ น่ะครับ” ผมเอ่ยตอบพลางยิ้มให้
“เดี๋ยวถ้าคุณกันตื่นแล้วผมจะมาแจ้งนะครับ” พี่ต้อมพูดต่อแต่ผมก็รีบส่ายหัวปฏิเสธทันที
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมอยากอยู่คนเดียวสักพักหนึ่ง”
“เอางั้นเหรอครับ แล้วถ้าคุณกันถามถึงคุณเอิร์ธล่ะครับ”
“ถ้าเขาถาม พี่ต้อมค่อยบอกครับว่าผมอยู่ที่ไหน”
“ได้ครับคุณเอิร์ธ” พี่ต้อมบอกผมก่อนจะหันหลังเดินออกไปเงียบๆ ผมมองตามหลังพี่เขาไปจากนั้นก็เดินไปยังริมชายหาดแล้วเอาเท้าจุ่มลงไปยังบริเวณที่น้ำทะเลซัดขึ้นมาถึง
น้ำในทะเลเย็นจนผมสะดุ้งเล็กน้อยหลังจากที่คลื่นพัดพามันมาปะทะเข้ากับปลายเท้าของผม ผมยืนนิ่งอยู่พักใหญ่เพื่อให้น้ำทะเลนั้นได้สัมผัสส่วนล่างสุดของร่างกายเพราะหวังว่าความเย็นจะช่วยปลอบประโลมสภาพจิตใจของผมที่มันไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่
เสียงคลื่นที่ถูกซัดเข้ามากระทบกับชายหาดสร้างความสงบให้กับผมได้อย่างน่าประหลาด ผมยืนนิ่งอยู่แบบนั้นไม่รู้นานเท่าไหร่แต่รู้ตัวอีกทีก็มีชาวต่างชาติที่เป็นคู่รักกันสองคนเดินมาสะกิดหลังผมเพื่อขอให้ผมถ่ายรูปให้พวกเขาหน่อย เขาบอกว่าท้องฟ้าตอนพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้ามันสวยดีเลยอยากจะมีรูปคู่เก็บไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งผมก็ยินยอมที่จะถ่ายให้แต่โดยดีถึงแม้ว่าผมจะมีความคิดเห็นแตกต่างจากเขาสักหน่อยเรื่องท้องฟ้าในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน เพราะผมรู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่โคตรเหงา แต่ก็อย่างว่าอาจจะเพราะผมไม่มีคู่เหมือนเขาล่ะมั้งหรืออาจจะเพราะผมยังไม่อยู่ในสภาพอารมณ์ที่จะมองเห็นอะไรๆ สวยงามได้แบบคนอื่นเขา
คู่รักฝรั่งเอ่ยพูดขอบคุณผมหลังจากที่ผมถ่ายรูปให้กับพวกเขา รอยยิ้มที่ฝั่งนั้นมอบให้กับผมอาจจะนับได้ว่าเป็นเรื่องดีๆ ที่ผมได้รับในวันนี้เพราะมันทำให้ผมรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจขึ้นมาได้บ้าง
“น้องเอิร์ธ!!” เสียงเรียกคุ้นหูดังมาแต่ไกลทำเอาผมสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินแบบนั้น
“คะ..ครับ” ผมหันไปมองด้วยความรู้สึกตระหนกเพราะไม่ไว้ใจอีกฝ่ายที่เดาไม่ได้ว่าจะทำอะไรพิเรนทร์ๆ กับผมอีกหรือไม่
“มาทำอะไรตรงนี้คนเดียวครับ” พี่กันเดินเข้ามากอดผมจากด้านหลัง
“คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะครับ”
“ปล่อยพี่หลับอยู่ในห้องคนเดียวมันเหงานะรู้มั้ย” พี่เขาเอ่ยพูดต่อก่อนจะกดจูบลงบนหัวไหล่ของผม
“แค่แป๊บเดียวเองครับ”
“แล้วนี่หิวหรือยัง?” พี่กันคลายกอดผมแล้วจับผมให้หันหน้าไปมองเขา
“ก็... นิดหนึ่งครับ” ผมเอ่ยบอกตามความจริงเพราะไม่อาจทนต่อความเสียงท้องร้องของตัวเองได้
“งั้นไปกินข้าวกัน”
“ที่ไหนครับ” ผมถามเพราะอยากจะมั่นใจว่าจะไม่โดนหลอกพาไปโชว์เซ็กส์อีก
“พี่จองร้านอาหารไว้”
“ไปกินข้าวอย่างเดียวแน่นะครับ” ผมถามย้ำเพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านี้มันทำให้ความไว้ใจที่ผมมีต่อพี่กันมันลดน้อยลงไปมาก
“กินข้าวอย่างเดียวครับ พี่สัญญา” พี่กันคว้ามือผมมากุมไว้แน่นแล้วจ้องตาผมนิ่งราวกับต้องการจะตอกย้ำว่าสิ่งที่เขาพูดมันคือความจริง
“โอเคครับ” ผมยิ้มให้แล้วพยักหน้ารับ
“งั้นไปกันเลยเนอะ”
“ครับ” ผมตอบรับก่อนจะเดินตามพี่กันไป
พี่ต้อมยืนรอพวกผมอยู่ที่หน้ารถตู้ที่จอดรออยู่บริเวณทางเดินเข้ามาในหาด ก็อย่างที่ผมบอกว่าระยะทางจากบ้านพักส่วนตัวของพี่กันมาที่หาดนี้เดินมาแค่แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว แต่คนอย่างพี่กันอะเนอะ เขาจะเดินให้เหนื่อยให้เมื่อยขาไปทำไม ใช้ให้คนขับรถตู้พามาส่งง่ายกว่าอีก
“เชิญครับ” คนขับรถเอ่ยพูดพร้อมยิ้มให้ผมขณะที่เปิดประตูให้
“ขอบคุณครับ”
รถตู้เคลื่อนตัวออกไปหลังจากที่ผมกับพี่กันขึ้นไปนั่งบนรถกันเรียบร้อยแล้ว ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มเพราะดวงอาทิตย์ได้ลับขอบฟ้าไปเป็นที่เรียบร้อย แต่ถึงแม้ฟ้าจะมืดแสงสีจากไฟที่ถูกประดับประดาตามร้านค้าต่างๆ ก็ทำให้ทั้งเกาะดูสว่างไสวไปจนทั่ว ครึกครื้นไปด้วยเสียงดนตรีจนผมรู้สึกว่าเกาะนี้คงไม่มีวันหลับใหลกันแน่ๆ
ระยะทางจากบริเวณที่ผมขึ้นรถตู้มายังร้านอาหารนั้นใช้เวลาเดินทางมากพอสมควร ผมไม่รู้เลยว่าพี่เขาจะพาผมไปกินข้าวที่ร้านไหนเพราะตั้งแต่ขึ้นรถมาผมก็ได้แต่นั่งมองริมข้างทางชมวิวไปเรื่อยๆ ซึ่งมันก็เป็นเวลาที่ผ่านมาสักพักแล้วแต่ก็ยังไม่ถึงสักที
ผมเริ่มรู้สึกแปลกใจที่รถตู้ใช้เวลาเดินทางนานเหลือเกินและท้องของผมมันก็เริ่มร้องมากขึ้นเพราะความหิวมันเริ่มตะโกนออกมาเสียแล้ว ก็ในเมื่อพี่กันบอกว่าเป็นร้านอาหารที่อยู่บนเกาะแห่งนี้มันก็ไม่น่าจะใช้เวลานานขนาดนี้มั้ยนะ
หรือว่าจริงๆ แล้วเกาะนี้มันใหญ่กว่าที่ผมคิดเอาไว้...
“ใกล้ถึงยังครับพี่กัน” ผมตัดสินใจเอ่ยถามเพื่อคลายความสงสัยของตัวเอง
“ใกล้แล้วครับ”
“ไกลจัง” ผมบ่นต่อด้วยเสียงไม่ดังมากนักเพราะเริ่มงอแงที่ตัวเองหิว
“มันอยู่บนเขาน่ะครับ ไกลหน่อยแต่รับรองว่าวิวดีแน่ๆ” พี่กันหันมามองแล้วเอ่ยบอกผมด้วยน้ำเสียงนุ่ม
“อ่อครับ”
พอผมตอบรับผมก็หันไปมองที่ข้างนอกหน้าต่างเหมือนเดิมถึงจะได้เห็นว่าข้างทางมันสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ได้เอะใจเลยแม้แต่น้อย อาจเพราะผมกำลังคิดอะไรเพลินเกินไปหน่อยเลยไม่ทันได้สังเกต นี่ถ้าสมมติว่าพี่กันเขาหลอกผมไปฆ่าก็คือไม่มีทางรู้โดนฆ่าตายแน่นอนแบบไม่ต้องสืบ
ในที่สุดหลังจากที่ผมนั่งบนรถมาอย่างเนิ่นนานก็สิ้นสุดลงสักที เมื่อรถตู้ขับเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของร้านอาหารที่ว่างเปล่าไม่มีรถคันอื่นจอดอยู่เลยสักคัน จนผมแปลกใจว่าไอ้ร้านอาหารชื่อดังที่สุดบนเกาะแห่งนี้มันจะไม่มีลูกค้าคนอื่นเลยเหรอ ทั้งๆ ที่ตอนกลางวันที่ชายหาดก็มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินกันขวักไขว่ไปหมด
“ทำไมเงียบจังครับ” ผมถามอย่างสงสัย
“ก็ปกติแหละครับ ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวน่ะครับ” พี่ต้อมที่เดินมาถึงผมก่อนเอ่ยตอบผม
“อ่อครับ”
“คุณเอิร์ธเข้าไปรอข้างในร้านก่อนดีกว่าครับ” พี่ต้อมพูดต่อแล้วผายมือเชิญผมเดินเข้าไปข้างใน
ผมเดินตามพี่ต้อมเข้าไปข้างในแบบสงบปากสงบคำไม่พูดอะไรต่อเพราะยังคงกังวลและคิดไปเรื่อยเปื่อยว่ากำลังถูกหลอกมาทำอะไรมิดีมิร้ายอีกหรือเปล่า ถึงแม้ว่าผมจะถูกเขาซื้อมาก็เหอะแต่ก็ต้องรู้จักสังเกตสังกาบ้างป้ะ เพราะก่อนหน้านี้ก็โดนหลอกไปทำเรื่องขายขี้หน้าต่อหน้าประชาชีทั่วโลกมาแล้วอะ
“เชิญคุณผู้ชายด้านในเลยค่ะ” พนักงานหญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งเดินเข้ามายกมือไหว้ทักทายผมก่อนจะพาผมเดินเข้าไปที่โต๊ะอาหารตัวใหญ่ที่สุดที่จัดไว้กลางร้าน
“ขอบคุณนะครับ” ผมเอ่ยบอกขณะนั่งลงที่โต๊ะนั้น
“จะให้เสิร์ฟอาหารทานเล่นก่อนเลยมั้ยคะ หรือว่ารอคุณกันก่อน” พนักงานสาวเอ่ยถาม
“ไม่ต้องดูเมนูก่อนเหรอครับ” ผมถามด้วยความอยากรู้
“คุณกันจัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“อ่อครับ”
“รับอาหารทานเล่นเลยมั้ยคะ” พนักงานสาวถามย้ำอีกครั้งด้วยรอยยิ้มกว้าง
“เดี๋ยวรอพี่กันก่อนก็ได้ครับ แต่ว่าผมขอน้ำเปล่าไม่เย็นแก้วหนึ่งก่อนนะครับ”
“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ”
“ขอบคุณครับ”
พนักงานสาวหันหลังแล้วเดินจากไปด้วยรอยยิ้มพักหนึ่งก่อนจะกลับมาที่โต๊ะพร้อมน้ำแร่ขวดแก้วกับแก้วเปล่าหนึ่งใบ จากนั้นเธอก็บรรจงเปิดขวดแล้วรินน้ำใส่แก้วให้กับผม เอาจริงๆ โคตรเขินเพราะปกติชีวิตไม่เคยกินอะไรในร้านที่มันหรูหราขนาดนี้แล้วก็ไม่เคยจะต้องมามีพิธีรีตองอะไรด้วย พอมาเจอแบบนี้ก็แอบเกร็งอยู่หน่อยๆ แต่ก็คงต้องรีบชินเพราะดูเหมือนว่าพอมาอยู่กับพี่กันก็คงจะต้องเจอแต่อะไรแบบนี้ไปอีกนาน
ใจลึกๆ ก็แอบอยากกลับบ้านเหมือนกันแฮะ อยากกินส้มตำปูปลาร้าข้างทางกับไอ้มิคไอ้ต่อมัน คิดถึงเจ๊เปรี้ยวด้วยไม่โดนนางด่ามาหลายวันชีวิตมันขาดสีสัน อีกอย่างก็คืออยากให้ตัวเองรู้สึกปลอดภัยกว่านี้ด้วย แม้การมาเอ็นเตอร์เทนให้พี่กันจะได้เงินเยอะแต่ชีวิตก็เสี่ยงมากเหมือนกัน