เรียนไปก็ปวดหัว มีผัวก็ปวด... งั้นถ้าจะต้องทนปวด... ก็ขอปวดแบบได้เงินด้วยละกัน! เลิศๆๆๆๆ
ชาย-ชาย,ซาดิส & มาโซฯ,วัยว้าวุ่น,ยุคปัจจุบัน,ไทย,PWP,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เอิร์ธเด็กเอ็นท์เรียนไปก็ปวดหัว มีผัวก็ปวด... งั้นถ้าจะต้องทนปวด... ก็ขอปวดแบบได้เงินด้วยละกัน! เลิศๆๆๆๆ
เอิร์ธเด็กเอ็นท์
Mr. Host Club
[PWP]
Written by Darkriku93
เปิดเรื่อง 04/01/2023
ประกาศ!!!
นิยายเรื่องนี้เป็นแนว PWP ไม่เน้นความสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ อ่านเอาฟีลลิ่ง อ่านเอามันเฉยๆ น้าาาาา
เสียงนกร้องยามเช้าน่ารำคาญพอๆ กับเสียงนาฬิกาปลุก ผมพยายามที่จะไม่สนใจแล้วนอนหลับต่อหลังจากที่ตื่นมาเข้าห้องน้ำตอนเช้ามืดแล้วยังไม่สามารถข่มตาหลับต่อได้ ผมพยายามพลิกตัวแล้วพลิกตัวอีกแต่มันก็รู้สึกไม่สบายตัว มันอึดอัดแปลกๆ แล้วผมก็รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ แถมยังเวียนหัวมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วด้วย
หรือว่าจะป่วย...
ผมเองก็ไม่แน่ใจแต่มีแววว่าจะใช่เพราะมันครั่นเนื้อครั่นตัวแปลกๆ ทีแรกก็ไม่ได้ใส่ใจหรอกนะ แต่พอได้ตื่นมาเข้าห้องน้ำแล้วนอนต่อไม่ได้นี่แหละถึงได้สังเกตเห็นความผิดปกติของร่างกายของตัวเอง
“อือ...” ผมร้องออกมาเบาๆ เมื่อเวลาผ่านไปก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ความร้อนผ่าวปรากฏชัดในลมหายใจและดวงตาของผม
ผมขยับตัวลุกขึ้นนั่งเพื่อตั้งสติก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนตัวลงจากเตียงแล้วเดินตรงไปที่ประตู ทันทีที่ผมเปิดออกไปก็มีบอดี้การ์ดชุดดำสองคนยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่พี่ต้อมเหมือนอย่างเคย อาจเพราะยังเป็นเวลาเช้าตรู่อยู่ซึ่งปกติคนที่มายืนเฝ้าก็คือคนที่ได้รับมอบหมายให้เป็นเวรในวันนั้นๆ
“พี่ต้อมยังไม่ตื่นเหรอครับ” ผมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ไม่แน่ใจครับ”
“ขอบคุณครับ”
“คุณเอิร์ธต้องการอะไรหรือเปล่าครับ”
“ไม่มีอะไรครับ ขอบคุณมากครับ” ผมเอ่ยตอบก่อนจะปิดประตูอย่างแผ่วเบาแล้วเดินกลับมานั่งลงที่เตียง เอนตัวลงนอนอีกครั้งเพื่อหวังว่าจะข่มตาให้หลับไปอีกสักรอบเผื่อว่าตื่นมาแล้วอาการจะดีขึ้นกว่านี้
แต่ไอ้นกเจ้ากรรมก็ยังไม่หยุดร้องเสียที หนวกหูเป็นบ้า...
ผมยื่นมือไปหยิบรีโมทแอร์มากดปิดเพราะรู้สึกว่ามันหนาวเสียจนจะทนไม่ไหว ดึงผ้านวมขึ้นมาห่มคลุมโปงจนมิดทั้งตัวแล้วพยายามสะกดจิตตัวเองให้นอนหลับต่อด้วยการกำหนดลมหายใจเข้าออกแล้วท่องพุทธโธซ้ำไปซ้ำมา
แล้วไอ้คนอย่างผมที่มันไม่เคยแม้แต่จะเข้าวัดทำบุญก็เลยท่องถูกท่องผิดสลับกันไปอยู่แบบนั้น กับไอ้คำแค่สองคำแต่ไม่รู้ทำไมถึงทำไม่ได้ก็ไม่รู้ ตลกตัวเองเหมือนกัน เพราะไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่ยอมหลับต่อสักทีแม้ว่าจะรู้ดีว่าร่างกายเริ่มมีอาการที่ผิดปกติมากขึ้นเรื่อย มันเริ่มรู้สึกหนักหัวอย่างบอกไม่ถูก
ป่วยแน่ๆ แค่ไม่รู้ว่าป่วยจากอะไร...
...
...
...
“คุณเอิร์ธครับ” เสียงคุ้นหูเอ่ยเรียกชื่อผมพร้อมกับฝ่ามือที่แตะไหล่ของผมแล้วขยับเบาๆ
“...”
“คุณเอิร์ธครับ” เสียงนั้นเอ่ยเรียกผมอีกครั้ง
“อื้อ” ผมส่งเสียงในลำคอแล้วพยายามที่จะขยับร่างกายอันหนักอึ้งแล้วเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ
“คุณเอิร์ธตื่นได้แล้วครับ”
“ครับพี่ต้อม” ผมบอกแต่ก็ยังขยับตัวได้ไม่มากนักเพราะว่าหัวหนักอึ้ง
“คุณเอิร์ธป่วยเหรอครับ” พี่ต้อมถามย้ำก่อนจะค่อยๆ พยุงให้ผมลุกขึ้นมานั่งพิงกับหัวเตียง
“ครับ” ผมเอ่ยตอบ เอาจริงๆ ผมเองไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเผลอหลับไปอีกครั้งตอนไหน เพราะก่อนหน้านี้พยายามที่จะหลับต่อแต่มันก็ช่างทำได้ยากนัก แต่อาจเพราะพิษไข้ที่เริ่มโจมตีผมหนักขึ้นก็เลยทำให้ร่างกายมันพักผ่อนตัวเองไปซะงั้น
“งั้นเดี๋ยวผมไปแจ้งคุณกันก่อนนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับพี่ต้อม”
“ไม่ได้ครับ ถ้าคุณกันมารู้ทีหลัง ผมตายแน่ๆ” พี่ต้อมพูดแบบนั้นเสร็จก็รีบเดินออกจากห้องนอนของผมไปเลยทันที
ผมจึงได้แต่นั่งรออยู่แบบนั้นแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวอีกครั้งเพราะว่ามันรู้สึกหนาวชอบกลทั้งที่ปิดแอร์ไปแล้วด้วยซ้ำ สงสัยว่าไข้หวัดจะเล่นงานผมเข้าอย่างจัง แล้วอยู่บนเกาะแบบนี้จะไปหาหมอได้ที่ไหนล่ะเนี่ย
หรือว่านี่จะเป็นโอกาสดีที่จะได้ออกจากเกาะแล้วเข้าไปหาหมอในเมือง นี่อาจจะเป็นเพียงโอกาสเดียวที่จะหาทางหนีออกจากเกาะส่วนตัวของไอ้พี่กันได้
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูห้องนอนผมดังขึ้นอีกครั้งหลังจากพี่ต้อมหายออกไปได้ไม่นาน ผมนั่งขานรับไปด้วยเสียงอันเบาจากนั้นบานประตูก็ถูกเปิดออกโดยใบหน้าของพี่กันโผล่ขึ้นให้ผมเห็นเป็นคนแรกก่อนจะตามมาด้วยพี่ต้อม ทั้งคู่เดินตรงเข้ามาหาผมที่นั่งซมอยู่บนเตียงโดยมีผ้าห่มผืนหนาคลุมอยู่รอบตัว
“ป่วยเหรอ” พี่กันเอ่ยถามทันทีที่หย่อนตัวลงข้างผมแล้วยกมือหนาขึ้นมาแตะที่หน้าผากของผมเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกาย “ตัวร้อนจี๋เลย”
“...” ผมพยักหน้ารับ
“พาคุณเอิร์ธไปหาหมอก่อนมั้ยครับคุณกัน” พี่ต้อมเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“อื้ม เดี๋ยวพาไปคลินิกไอ้หมอละกัน ไปเตรียมรถเลย” พี่กันหันไปพูดกับพี่ต้อมก่อนจะหันมาหาผมอีกครั้ง แววตาเขาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงแต่ก็อย่างว่า ผมเชื่อใจเขาไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกเพราะว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมทั้งนั้น เขาคงเป็นห่วงมากกว่าที่ผมจะทำเงินให้เขาต่อไปไม่ได้
“ผมไม่เคยเห็นว่าบนเกาะนี้จะมีคลินิกหรือโรงพยาบาลเลยนะครับ”
“มันมี แค่น้องเอิร์ธไม่รู้ต่างหาก”
“ยังไงนะครับ?”
“มีเพื่อนพี่เป็นหมออยู่บนเกาะนี้เหมือนกัน พี่จะพาน้องเอิร์ธไปหานะ” พี่กันเอ่ยบอกผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแล้วยกมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆ อันที่จริงหากเป็นคนอื่นผมคงจะฟินได้มากกว่านี้ แต่เพราะเป็นไอ้พี่กันที่รู้เช่นเห็นชาติกันมาแล้วผมก็เลยรู้สึกโรแมนติกไม่ลงจริงๆ
“อ่อครับ” ผมก็ได้แต่เออออห่อหมกไปกับพี่มันก่อนเพราะเอาจริงก็ไม่รู้ว่าที่พี่มันพูดอันไหนจริงอันไหนไม่จริง เหมือนกับว่าการอยู่บนเกาะแห่งนี้มันมักจะมีอะไรที่เกินคาดผมเกิดขึ้นอยู่เสมอเพราฉะนั้นเพราะใจฝันไปเลย อะไรจะเกิดก็เกิด ผมอยากหายป่วยไม่อยากตายอยู่บนเกาะแห่งนี้ ถ้าไอ้พี่กันมันบอกว่ามีหมอรักษาก็โอเคตามนั้น จบ
ไม่นานประตูห้องนอนของผมก็เกิดเสียงเคาะขึ้นสองถึงสามครั้งก่อนจะเงียบไปจากนั้นประตูก็ค่อยๆ เปิดออก พี่ต้อมเดินกลับมาแล้วหลังจากที่พี่กันสั่งให้ไปเตรียมรถให้เรียบร้อย
“รถตู้พร้อมแล้วครับคุณกัน” พี่ต้อมเอ่ยบอก
“ลุกไหวมั้ย” พี่กันหันมาถามผมก่อนจะลุกขึ้นยืน
“ไหวครับ” ผมตอบแล้วค่อยๆ พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืน โดยมีพี่กันยืนมองแบบที่ไม่แม้แต่จะเข้ามาช่วยพยุงผมสักนิด
“เดี๋ยวผมช่วยครับ” พี่ต้อมที่ยืนอยู่ห่างๆ เห็นแบบนั้นก็เลยรีบเข้ามาช่วยพยุงให้ผมลุกขึ้นยืนแล้วพาเดินออกจากห้องนอนเพื่อไปขึ้นรถตู้ที่หน้าบ้าน
หลังจากที่ผม พี่กัน และพี่ต้อมขึ้นรถตู้มาแล้ว คุณลุงคนขับก็สตาร์ทรถแล้วพาผมออกเดินทางในทันที รถตู้มุ่งหน้าไปตามทางที่ปรากฏในแอพลิเคชันแผนที่ซึ่งผมเองก็ยังไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางมันคือที่ไหน ก็ได้แต่นั่งมองวิวข้างทางด้วยพิษไข้ที่กำลังโจมตีผมอย่างจัง ในตัวของผมมันรู้สึกร้อนไปหมด โชคดีที่คุณลุงคนขับรถหยิบเอาแผ่นเจลลดไข้ของลูกชายที่เคยลืมทิ้งไว้บนรถมาให้ผมแปะหน้าผากเอาไว้ ก็เลยชั่วบรรเทาไปได้บ้างแม้จะไม่มากนักก็ตาม
เส้นทางไม่คุ้นตาเผยให้ผมเห็นอีกแล้ว ไม่รู้ว่าจะต้องมีอีกกี่เรื่องที่ผมยังถูกปิดบังอยู่จากไอ้พี่กัน แต่ก็เอาเถอะเพราะไม่ว่ายังไงผมก็ไม่ได้คิดจะอยู่ที่นี่ตลอดไปอยู่แล้ว เพียงแค่อยากรู้เพื่อที่ว่าจะได้หาทางหนีทีไล่ได้ถูก
แต่เอาจริงอยู่มาขนาดนี้ละก็ไม่ต้องคิดจะหนีแล้วแหละ...
รถตู้หักเลี้ยวเข้าไปในซอยหนึ่งซึ่งสองข้างทางไม่มีอะไรเลยนอกจากต้นไม้แถมยังไม่มีบ้านเรือนหรืออาคารที่ดูจะมีผู้คนอาศัยอยู่ มันดูเปลี่ยวจนน่าประหลาดใจ ไม่ใช่ว่าไอ้พี่กันมันหลอกผมมาทำอะไรอีกนะ
แต่ผมก็สงสัยได้เพียงไม่นานเพราะเบื้องหน้าปรากฏให้เห็นบ้านหลังหนึ่งซึ่งไม่ได้ใหญ่โตมากนักแต่ก็ดูเหมือนว่าเจ้าของเป็นคนมีฐานะอยู่ไม่น้อย จากการออกแบบตัวบ้านรวมถึงสวนหย่อมที่ถูกจัดอย่างสวยงามอีกด้วย
“ถึงแล้วครับ” พี่กันหันมาบอกผม
“ครับ”
ประตูรถตู้เปิดออกอย่างอัตโนมัติพร้อมกับพี่ต้อมที่เปิดประตูรถฝั่งด้านข้างคนขับแล้วลงมายืนรอพวกผม พี่กันเดินนำลงจากรถไปก่อนโดยที่ผมค่อยๆ เดินตามลงไปแบบที่เรี่ยวแรงไม่ค่อยจะมี พี่ต้อมก็เลยพยุงผมเข้าไปแทนไอ้พี่กันเพราะรายนั้นเดินนำเข้าไปก่อนแล้วตั้งแต่ที่ก้าวลงจากรถตู้ไป
ไร้น้ำใจชะมัด!