เรียนไปก็ปวดหัว มีผัวก็ปวด... งั้นถ้าจะต้องทนปวด... ก็ขอปวดแบบได้เงินด้วยละกัน! เลิศๆๆๆๆ
ชาย-ชาย,ซาดิส & มาโซฯ,วัยว้าวุ่น,ยุคปัจจุบัน,ไทย,PWP,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เอิร์ธเด็กเอ็นท์เรียนไปก็ปวดหัว มีผัวก็ปวด... งั้นถ้าจะต้องทนปวด... ก็ขอปวดแบบได้เงินด้วยละกัน! เลิศๆๆๆๆ
เอิร์ธเด็กเอ็นท์
Mr. Host Club
[PWP]
Written by Darkriku93
เปิดเรื่อง 04/01/2023
ประกาศ!!!
นิยายเรื่องนี้เป็นแนว PWP ไม่เน้นความสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ อ่านเอาฟีลลิ่ง อ่านเอามันเฉยๆ น้าาาาา
ผมดูนาฬิกาที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอมือถือ ตอนนี้ยังคงเป็นเวลาบ่ายแก่ๆ ในหัวของผมไม่มีความคิดอื่นใดนอกไปจากว่าจะมุ่งตรงไปที่ร้านเจ๊เปรี้ยวแทนที่จะกลับห้อง เพราะผมคิดถึงพวกเขาจะแย่ แต่ที่เลือกไม่โทรไปหาก่อนก็เพราะว่าขี้เกียจมานั่งตอบคำถามยืดยาว สู้ไปให้เจอหน้าทุกคนที่ร้านแล้วค่อยเล่าทีเดียวน่าจะง่ายกว่า ไม่ต้องมานั่งพูดหลายรอบด้วย
สายตาของผมพยายามมองหารถแท็กซี่เพื่อที่จะเดินทางจากบริเวณท่าเรือตรงไปยังร้านเจ๊เปรี้ยว ซึ่งจากตรงนั้นมันก็ไม่ได้ห่างออกไปไกลมากนัก แต่ก็อย่างว่าหากจะให้นั่งรถเมล์เพื่อที่จะไปเปลี่ยนอีกหลายต่อก็คงจะเหนื่อยเกินกว่าที่ร่างกายผมจะทนรับมือไหว เรียกแท็กซี่ต่อเดียวไปถึงร้านให้มันจบๆ ไหนๆ ก็ได้เงินจากการไปอยู่กับไอ้พี่กันมากตั้งเยอะละ แค่นี้มันเล็กน้อยมากสำหรับผม
ผมยกมือขึ้นโบกเมื่อเห็นป้ายว่างส่องสว่างมาไกลๆ โชคดีที่กระเป๋าสัมภาระของผมไม่ได้มีมากมายอะไรก็เลยทำให้การเดินทางค่อนข้างที่จะคล่องตัวอยู่เล็กน้อย
“ไปร้านเจ๊เปรี้ยวครับ” ผมเอ่ยบอกพี่คนขับรถแท็กซี่ทันทีที่ก้าวขึ้นไปนั่งบนรถ
ในละแวกนี้ไม่มีใครไม่รู้จักร้านเจ๊เปรี้ยวเพราะเป็นร้านใหญ่ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงและทุกคนก็มักจะเลือกเป็นร้านแรกๆ เสมอ ตัวเจ๊เปรี้ยวเองก็อัธยาศัยดีทำให้มีแต่คนรักและเคารพ เดินไปทางไหนทุกคนก็ต้องทักทายถามไถ่อยู่ตลอดเวลา การที่ผมกระโดดขึ้นแท็กซี่แล้วเอ่ยบอกว่าไปร้านเจ๊เปรี้ยวจึงไม่ต้องกังวลเลยว่าอีกฝ่ายจะไปไม่ถูก เพราะคนขับแท็กซี่ทุกคนรู้จักเจ๊เปรี้ยวเป็นอย่างดี
เพราะส่วนใหญ่ก็เป็นลูกหนี้ของเจ๊เปรี้ยวกันทั้งนั้น...
ผมใช้เวลาอยู่บนรถแท็กซี่เพียงไม่นานมันก็มาจอดอยู่ที่หน้าสถานที่ที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี ภายในใจของผมรู้สึกโล่งแบบแปลกๆ มันสบายใจอย่างบอกไม่ถูกในรอบหลายวันมานี้ไม่เคยได้รู้สึกแบบนี้มาก่อน อาจเพราะที่เกาะนั้นมันเป็นฝันร้ายมากเกินกว่าที่ผมรู้สึกดีได้ ตอนนี้พอผมกลับมายืนยังหน้าสถานที่ที่เปรียบเสมือนบ้านอีกหลังของผมมันก็ทำให้ผมรู้สึกเหมือนหลุดพ้นยังไงไม่รู้
หลังจากที่จ่ายเงินให้กับคนขับแท็กซี่เรียบร้อยแล้ว ผมก็ยืนมองที่หน้าร้านอยู่พักหนึ่ง จริงๆ ก็ไม่ได้มานานอยู่เกือบเดือนแต่ก็เหมือนว่าเจ๊เปรี้ยวจะแอบตกแต่งหน้าร้านใหม่อยู่บ้าง มันดูแปลกตาเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้มากขนาดนั้น ผมเดินตรงเข้าไปในร้านผ่านทางประตูด้านหน้า ในร้านยังคงมืดสนิทและมีพนักงานบางส่วนมาเข้างานแล้ว สายตาหลายคู่จับจ้องมาที่ผมด้วยใบหน้าที่ดูเหมือนจะตกใจไม่น้อย ที่จู่ๆ ก็เห็นผมเดินกลับเข้ามาในร้านอีกครั้ง หลังจากที่หายไปนาน
“เจ๊เปรี้ยวววว!!!” เสียงพนักงานคนหนึ่งตะโกนเรียกเจ้าของร้านดังลั่น
“...”
ไม่มีเสียงใดตอบรับกลับมา พนักงานคนนั้นก็เลยร้องตะโกนเพื่อเรียกอีกครั้ง
“เจ๊เปรี้ยว!!!! ไอ้เอิร์ธกลับมาแล้วว!!!!”
“ห้ะ!?!?” เสียงเจ๊เปรี้ยวดังลั่นออกมาจากด้านหลังร้านก่อนจะวิ่งออกมาอยู่ตรงหน้าผม “อีเอิร์ธ!!!!”
“หวัดดีเจ๊” ผมเอ่ยทักพร้อมยิ้ม
“โอ๊ยยยย เจ๊นึกว่าแกตายไปแล้ว!!” เจ๊เปรี้ยวรีบวิ่งเข้ามาโผกอดผมแน่น แวบหนึ่งผมเห็นใบหน้าของเจ๊มีน้ำตาคลอหน่วยอยู่เล็กน้อย
“ยังดิเจ๊ คนอย่างไอ้เอิร์ธจะตายง่ายๆ ได้ไงเล่า”
“กูเป็นห่วงมึงแทบแย่ ไปตามหามึงตามโลเคชั่นที่ส่งมาก็ไม่เจอ เขาบอกมึงลงเรือออกไปเกาะ เจ๊ตามหายังไงก็ไม่เจอ”
“แล้วไอ้ต่อกับไอ้มิคอะเจ๊” ผมยิ้มให้อีกฝ่ายแล้วเอ่ยถามพลางชะโงกหน้ามองหาไปทั่ว
“มันออกไปซื้อของกินอะ พักใหญ่ละ เดี๋ยวคงกลับมา”
“อ่อครับ”
“ไปๆ ไปนั่งพักก่อน มีเรื่องต้องคุยกันอีกเยอะเลย” เจ๊เปรี้ยวโอบเข้าที่เอวของผมแล้วพาเดินเข้าไปยังห้องพักหลังร้านซึ่งเป็นสถานที่ประจำของผมที่ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยได้ใส่ใจอะไรกับมันสักเท่าไหร่ แต่ในเวลานี้มันกลับเติมเต็มความอบอุ่นในหัวใจของผมได้อย่างน่าประหลาด
ผมวางกระเป๋าที่แบกมาลงบนโต๊ะในห้องพักนั้น ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงที่เก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆ โดยที่เจ๊เปรี้ยวเองก็นั่งลงที่ด้านข้างผม แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดคุยอะไรกัน ผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งตึงตังเสียงดังมาแต่ไกลๆ ก่อนจะปรากฏใบหน้าของเพื่อนสนิทผมทั้งสองคนพุ่งเข้ามาในห้องพัก ไอ้มิคกับไอ้ต่อตาโตด้วยความดีใจ มันสองคนร้องไห้แล้ววิ่งเข้ามากอดผมในทันที ผมเองก็ดีใจไม่แพ้กันแต่ยังคงตกใจกับท่าทางของพวกมันทั้งสองคนเสียมากกว่าก็เลยไม่ได้มีโอกาสที่จะรู้สึกอะไรไปมากกว่านี้
“ไอ้เอิร์ธธธ ฮืออออ กูนึกว่ามึงตายห่าไปแล้ว ติดต่อไม่ได้เลย” ไอ้มิคกอดแน่นตีหลังผมไม่หยุดพลางพูดยาวเหยียด
“ใจเย็นๆ กูกลับมาแล้วไง” ผมพยายามปลอบใจอีกฝ่าย
“ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ไอ้ต่อเอ่ยถามหลังจากที่พวกเราคลายกอดออกจากกันแล้ว
“ไม่เป็นไรๆ กูโอเคดี” ผมบอกย้ำ
เจ๊เปรี้ยวได้ยินแบบนั้นก็ยกมือขึ้นมาคว้าไหล่ของผมแล้วจับไว้แน่นก่อนจะดึงให้ผมหันหน้าไปมองเขา แววตาของเจ๊เปรี้ยวในตอนนี้ดูเป็นห่วงและอยากรู้อย่างเห็นได้ชัดซึ่งผมเองก็ไม่เคยเห็นเจ้าของร้านในห้วงความรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิตตั้งแต่ทำงานที่นี่มา ส่วนไอ้มิคกับไอ้ต่อเองก็ดูอยากจะได้ยินเหมือนกันว่าไอ้ที่ผมหายไปนั้น หายไปไหนมาและต้องเจอกับอะไรมาบ้าง
“เล่าให้เจ๊ฟังหน่อย เล่ามาให้หมด ว่าหายไปไหนมา”
“เออ เล่ามาให้หมดเลย ใครมันทำเพื่อนกู กูจะไปจัดการให้หมด” ไอ้มิคเอ่ยบอกด้วยความโมโหแต่ก็ถูกไอ้ต่อห้ามปรามเอาไว้ก่อน
“ไอ้มิค มึงใจเย็นก่อน”
“ก็ไอ้ลูกค้าของเจ๊คนล่าสุดนั่นแหละ” ผมเอ่ยบอก
“ใครวะ ลูกค้าร้านกูมีเป็นล้านคน”
“ก็ไอ้คุณกัน ที่มาซื้อผมไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยนั่นแหละ”
เจ๊เปรี้ยวได้ยินแบบนั้นก็พยายามนั่งนึกถึงใบหน้าของคนที่ผมเอ่ยถึง เพราะเจ๊มันก็ไม่ใช่ว่าจะจำลูกค้าได้ทุกคนหรอกนะ อย่างที่บอกวันๆ หนึ่งมีลูกค้าเวียนวนเข้ามาไม่ใช่น้อย ถ้าไม่ใช่ลูกค้าประจำที่หน้าค่าตากันบ่อยๆ ก็คงไม่มีวันที่อีเจ๊มันจะจำได้หรอก
“กูพอจะนึกออกละ”
“เออ นั่นแหละ”
“สรุปมันพามึงไปไหน” เจ๊ถามต่อ
“พาไปบ้านมัน บนเกาะส่วนตัว...” ผมเอ่ยบอกก่อนจะเงียบลง เพราะภาพบนเกาะนั้นมันไหลกลับมาเป็นฉากๆ
“เวอร์มาก มีเกาะส่วนตัวเลยเหรอ” เจ๊เปรี้ยวถึงกับตกใจเมื่อได้ยินแบบนั้น
“แล้วไงต่อ” ไอ้มิคถามด้วยความอยากรู้
“คิดว่ามันซื้อกูไปทำอะไรล่ะ!” ผมตอบด้วยน้ำเสียงบ่น อย่ามาทำเป็นไม่รู้ เวลาลูกค้าซื้อไปจะให้ทำอะไรล่ะ “รุนแรงกับกูฉิบหาย รอดมาได้ก็บุญแล้ว”
“เชี่ย...” ทั้งเจ๊เปรี้ยว ไอ้มิค ไอ้ต่อ อุทานออกมาพร้อมกันแบบไม่ได้นัดหมาย
“...” ผมเงียบไม่พูดอะไรต่อ มันรู้สึกจุกอกแบบแปลกๆ เวลานึกถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้นบนเกาะนั้น เอาเข้าจริงแม้ว่าผมจะแอบติดใจเซ็กส์ของไอ้พี่กันอยู่นิดหน่อย แต่มันก็ไม่อาจลบล้างเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ และดูเหมือนว่าเหตุการณ์เหล่านั้นจะมีผลกระทบต่อความรู้สึกของผมในตอนนี้ขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน
“อะๆๆ ไว้ค่อยว่ากัน อย่าไปเซ้าซี้มันเลย เดี๋ยวอยากเล่ามันก็เล่าเองแหละ” เจ๊เปรี้ยวก็คงจะสังเกตเห็นได้ล่ะมั้ง ก็เลยพยายามช่วยตัดบทให้จะได้ไม่ต้องพูดถึงอีก เอาจริงผมก็เพิ่งจะกลับมาถึงด้วยอย่างน้อยขอพักก่อนก็ยังดีหลังจากที่ต้องเผชิญหน้ากับเหล่าปีศาจร้ายบนเกาะนั้นมาตั้งนาน
“แล้วกินไรมายัง” ไอ้ต่อเอ่ยถาม
“รองท้องมาบ้างแล้ว” ผมเอ่ยตอบแล้วถอนหายใจยาวเพราะรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย
“ต่อ แกพามันกลับไปพักที่บ้านก่อนไป กูต้องทำงานอะ ไปส่งมันไม่ได้” ไอ้มิคเอ่ยพูดขึ้น สีหน้ามันดูเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ถ้าไม่ใช่ว่าใกล้ถึงเวลาร้านเปิดมันก็คงจะไปส่งผมด้วยตัวเองแล้ว แต่เพราะมันใกล้เวลาเปิดร้านเต็มทีก็เลยต้องไหว้วานให้ไอ้ต่อมันเป็นตัวช่วยสักหน่อย เพราะปกติมันก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรอยู่ละ
“เออๆ เดี๋ยวกูดูแลให้ ไม่ต้องห่วง” ต่อรับคำ ไอ้มิคจึงดูสบายใจขึ้นมาได้บ้าง
หลังจากที่พวกเราตกลงกันแบบนั้น เจ๊เปรี้ยวก็ย้ายตัวเองออกจากห้องพักเพื่อไปเดินตรวจดูงานอีกรอบก่อนที่ร้านจะเปิดทำการ ส่วนไอ้มิคก็เดินไปเตรียมตัวที่โต๊ะของตัวเองเพื่อที่จะเตรียมตัวให้พร้อมรับลูกค้าในค่ำคืนนี้ เพราะตัวท็อปแบบเขาจะไม่ยอมให้ตัวเองมีจุดบกพร่องโดยเด็ดขาด
“ไปกันเถอะ” ต่อสะกิดเข้าที่ไหล่ของผมแล้วเอ่ยบอก จากนั้นจึงเดินนำผมออกไปทางประตูด้านหลังร้าน
เราสองคนเดินเดินผ่านซอยเล็กๆ ที่เชื่อมต่อจากประตูทางด้านหลังของร้าน มันค่อนข้างเงียบและมีแค่เพียงพนักงานในร้านเท่านั้นที่รู้จักทางเข้าออกนี้ ผมกับไอ้ต่อเดินกันมาเรื่อยๆ จนถึงปากซอยที่ติดริมถนนใหญ่ ระหว่างนั้นเราไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนักอาจะเพราะปกติก็ไม่ค่อยได้คุยกันสักเท่าไหร่ด้วยมั้ง เราทั้งคู่ยืนรอรถแท็กซี่อยู่พักใหญ่ก่อนที่จะมีรถสีเขียวเหลืองขับมาจอดตรงหน้าพวกเรา ผมกับไอ้ต่อเปิดประตูแล้วก้าวขึ้นรถไปก่อนจะเอ่ยบอกกับคนขับแท็กซี่เพื่อไปยังปลายทางที่มุ่งหมายไว้
พวกเรามาถึงคอนโดของผมในเวลาไม่นาน อาจเป็นโชคดีของผมที่วันนี้จำนวนรถบนถนนไม่ได้มีมากนักก็เลยทำให้เดินทางกันได้แบบไม่มีติดขัด ผมกับไอ้ต่อเดินขึ้นมายังห้องของผมกับไอ้มิคที่อยู่ด้วยกันมาหลายเดือน ประตูถูกเปิดออกผมกับไอ้ต่อพากันเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาของห้องนั่งเล่น
“มึงโอเคใช่เปล่า” ไอ้ต่อเอ่ยถามผม หลังจากที่ผมทิ้งตัวลงเอนนอนบนโซฟานั้น
“อื้อ”
“งั้นเดี๋ยวกูกลับไปช่วยงานที่ร้านต่อนะ”
“เดี๋ยว!” ผมเอ่ยพูดพลางคว้าจับเข้าที่ข้อมือของไอ้ต่อเมื่อเห็นว่ามันกำลังจะหันหลังแล้วเดินออกไป
“หื้ม?”
“อย่าเพิ่งไป”
“ทำไม? ไหนบอกว่าโอเคแล้วไง” ไอ้ต่อเอ่ยถามพลางมองหน้าผมนิ่ง
“ก็...” ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน เพียงแต่รู้สึกว่าตอนนี้ผมไม่อยากที่จะอยู่คนเดียว เพราะกลัวว่าภาพเหตุการณ์บนเกาะจะวนเข้ามาในหัวของผมอีก
ไอ้ต่อหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ ผม “สรุปยังไง”
“อยู่เป็นเพื่อนก่อน กูไม่อยากอยู่คนเดียว”
“ก็แค่นี้” ไอ้ต่อบอกพร้อมยิ้มบางๆ ให้กับผม รอยยิ้มนั้นเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมรู้สึกสบายใจได้อย่างน่าประหลาด
“ดูหนังเป็นเพื่อนกูก่อน จบแล้วค่อยกลับ” ผมเสนอ ซึ่งไอ้ต่อก็พยักหน้าเห็นด้วย