เรียนไปก็ปวดหัว มีผัวก็ปวด... งั้นถ้าจะต้องทนปวด... ก็ขอปวดแบบได้เงินด้วยละกัน! เลิศๆๆๆๆ
ชาย-ชาย,ซาดิส & มาโซฯ,วัยว้าวุ่น,ยุคปัจจุบัน,ไทย,PWP,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เอิร์ธเด็กเอ็นท์เรียนไปก็ปวดหัว มีผัวก็ปวด... งั้นถ้าจะต้องทนปวด... ก็ขอปวดแบบได้เงินด้วยละกัน! เลิศๆๆๆๆ
เอิร์ธเด็กเอ็นท์
Mr. Host Club
[PWP]
Written by Darkriku93
เปิดเรื่อง 04/01/2023
ประกาศ!!!
นิยายเรื่องนี้เป็นแนว PWP ไม่เน้นความสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ อ่านเอาฟีลลิ่ง อ่านเอามันเฉยๆ น้าาาาา
เสียงก๊องแก๊งดังมาจากในครัวทำเอาผมต้องสะดุ้งตื่น จริงๆ จะเรียกแบบนั้นก็ไม่ถูกเสียทีเดียวเพราะว่าผมตื่นมาพักใหญ่แต่ด้วยความขี้เกียจก็เลยอยากจะพยายามหลับต่อแต่มันก็แค่สะลึมสะลือเท่านั้นไม่ยอมหลับต่อสักที จนกระทั่งได้ยินเสียงช้อนกระทบแก้วกระเบื้องจากการคนกาแฟในตอนเช้าของไอ้มิคดังขึ้นมานั่นแหละ
ผมยกมือมาขยี้ตาเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นเพื่อสู้กับแสงสว่างที่สาดส่องผ่านบานหน้าต่างเข้ามา จากนั้นผมก็ลุกขึ้นนั่งคว้ามือถือมาดูว่ามีข้อความอะไรจากไอ้ต่อมั้ย เพราะช่วงนี้พอแยกย้ายกันกลับบ้านผมกับมันก็มักจะคุยกันผ่านไลน์อยู่ตลอดเวลา บางทีก็คุยกันยาวจนเผลอหลับคามือถือไปกันก็มี ตื่นเช้ามาก็เลยจะได้เห็นข้อความที่อีกฝ่ายพิมพ์ไว้จนชิน ถ้าเช้าไหนตื่นมาแล้วไม่เห็นก็จะรู้สึกแปลกอยู่หน่อยๆ โชคดีที่วันนี้ยังมีข้อความจากไอ้ต่อที่ไลน์ทิ้งไว้ว่าจะนอนแล้ว เชื่อมั้ยว่าแค่นี้ก็ทำให้ผมยิ้มไปได้ทั้งวันแล้ว
สองขาของผมก้าวลงจากเตียงแลวเดินออกจากห้องนอนไปยังบริเวณหน้าเคาท์เตอร์ครัวที่ไอ้มิคกำลังชงกาแฟพร้อมกินขนมปังปิ้งพลางดูรายการยูทูปในมือถือไปด้วย
“ตื่นเช้าจังวะ” ผมเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ
“หิวอะดิ เลยนอนต่อไม่หลับ”
“อ่อ”
“แล้วมึงรีบตื่นทำไม” มันถามผมกลับ
“ก็เล่นชงกาแฟซะดังลั่นห้องขนาดนั้น ใครมันจะไปหลับต่อได้ล่ะ”
“ฮ่าๆ โทษๆ”
ผมได้แต่ส่ายหัวให้มันแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อเอาครัวซองก์ที่ซื้อติดตู้เย็นไว้ตั้งแต่วันก่อนออกมาอุ่นในไมโครเวฟ ถึงแม้ว่าข้างกล่องมันจะเขียนว่าไม่ควรอุ่นด้วยไมโครเวฟเพราะจะทำให้เนื้อสัมผัสของครัวซองก์เปลี่ยนไปแล้วมันจะไม่อร่อย แต่ผมก็ไม่ได้แคร์นักหรอก กินให้มันหายหิวก็พอละจะมานั่งพิถีพิถันทำไม
ติ๊ง!
เพียงหนึ่งนาทีที่ไมโครเวฟทำงาน ครัวซองก์ก็อุ่นได้ที่ ผมเปิดแล้วหยิบออกมาแล้ววางลงบนจานอย่างรวดเร็วเพราะไอ้ที่คิดว่าจะแค่อุ่นๆ แต่มันกลับร้อนจนเกินคาด แม้เนื้อสัมผัสจะนิ่มไปบ้างแต่ความหอมก็ยังคงจัดเต็มอยู่เหมือนเดิม
“เอากาแฟมั้ย เดี๋ยวชงให้” ไอ้มิคหันมาถาม
“ไม่เอาอะ เดี๋ยวกินกับนมแทน”
“เคๆ งั้นกูอาบน้ำก่อนนะ”
“อือ”
ผมพยักหน้าให้ไอ้มิคแล้วเปิดตู้เก็บของด้านบนเคาท์เตอร์ครัวเพื่อหยิบนมถั่วเหลืองกล่องใหญ่ออกมาพร้อมกับถือจานครัวซองก์เดินไปนั่งหน้าทีวี วันนี้ผมเองรู้สึกสดชื่นขึ้นมากหลังจากที่ป่วยไปหลายวัน โชคดีที่ระหว่างนั้นไอ้ต่อคอยมาอยู่เป็นเพื่อน คอยดูแลเทคแคร์ตลอดเวลาที่ไอ้มิคออกไปทำงานที่ร้านแล้วผมต้องอยู่ห้องคนเดียว
เสียงทีวีดังขึ้นเมื่อผมกดเปิด รายการตลกกำลังออกอากาศผมก็เลยลองเปิดใจดูสักหน่อย ปกติผมไม่ค่อยดูอะไรแบบนี้หรอกครับเพราะไม่ชอบที่บางครั้งในรายการชอบเล่นมุกตลกที่มันค่อนข้างจะกดขี่คนอื่นหรือฟังดูแล้วกระอักกระอ่วนไม่ใช่น้อย อย่างไอ้พวกมุกเหยียดเพศไม่ก็มุกที่มันล้อเลียนกายภาพคนอื่น ฟังแล้วคลื่นไส้อยากจะอ้วก
โชคดีที่รายการนี้ไม่ได้มีอะไรแบบนั้น ก็เลยทำให้ผมดูได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ ผมหยิบครัวซองก์เข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ พลางแกะหลอดมาเจาะนมกล่องดูดตามเข้าไป เป็นเช้าที่ผมรู้สึกว่ามันค่อนข้างชิลมากทีเดียว อากาศข้างนอกก็ดูเหมือนจะดีด้วยซ้ำเห็นได้จากท้องฟ้าใสๆ และลมที่พัดยอดต้นไม้ปลิวเอื่อยๆ
ทั้งวันผมนั่งอยู่ตรงนั้นจนถึงเวลาบ่ายโดนที่มีไอ้มิคมานั่งดูอยู่ด้วย หลังจากรายการตลกที่ผมดูจบลง ผมก็ลุกเดินไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะออกมาเจอว่าไอ้มิคมันเปลี่ยนไปดูหนังในเน็ตฟลิกซ์ซะแล้ว ดีที่วันนี้มันเลือกดูหนังแนวแฟนตาซีซึ่งเป็นแนวที่ผมชื่นชอบเป็นพิเศษก็เลยเดินไปนั่งดูข้างๆ มันได้แบบเต็มใจแถมยังรู้สึกสนุกตามไปด้วย ไม่เหมือนบางครั้งที่ต้องทนดูหนังสยองขวัญที่ผมไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่
“จะจบยังวะ” ผมหันไปถามไอ้มิค
“อีกนิดเดียว”
“เค งั้นเดี๋ยวจบแล้วออกไปร้านกัน เดี๋ยวจะสาย”
“มึงโอเคเหรอ?” มันหันมาถามด้วยสีหน้าสงสัย
“หื้ม?”
“ก็ที่ป่วยอะ หายดีแล้วเหรอ”
“ดีขึ้นเยอะแล้ว” ผมย้ำพลางยิ้มกว้างให้มัน
“เคๆ งั้นเดี๋ยวจบแล้วค่อยกดเรียกแท็กซี่”
ผมเอนตัวนอนดูหนังกับมันต่อจนเกือบเผลอหลับไปอีกรอบ ดีที่หนังจบเสียก่อนก็เลยสะดุ้งตื่นขึ้นมาได้ทันเวลา ไอ้มิคมันกดรีโมทปิดทีวีพลางลุกขึ้นแล้วออกแรงดึงผมให้ลุกขึ้นยืนตามมันไปด้วย ผมที่เกือบจะเผลอหลับไปเมื่อครู่ก็เลยต้องใช้กำลังภายในอยู่มากเสียหน่อยเพื่อที่จะปลุกเอเนอจี้ให้สดชื่นขึ้นมาอีกครั้ง
รถแท็กซี่ที่ไอ้มิคกดเรียกผ่านแอพเอาไว้มาจอดที่ด้านหน้าคอนโด พอผมสองคนเดินลงไปก็เห็นมีคนอื่นที่เดินอยู่ข้างหน้าพวกเราเข้าไปเปิดประตูรถแท็กซี่แต่คนขับก็ปฏิเสธ ทีแรกที่เห็นทำเอาผมรู้สึกใจหายอยู่หน่อยๆ เพราะกลัวว่าคนขับรถแท็กซี่จะรับผู้โดยสารผิดคน
พอเราทั้งสองคนก้าวขึ้นรถแท็กซี่ได้ปุ๊บไอ้มิคก็รีบบอกย้ำถึงปลายทางที่ต้องการจะไปอีกครั้งแม้ว่าในแอพจะมีระบุสถานที่ปลายทางเอาไว้แล้วก็ตาม วันนี้รถดูไม่ค่อยเยอะสักเท่าไหร่ แท็กซี่ก็เลยวิ่งได้ฉิวแบบไม่มีติดเลยด้วยซ้ำ แม้กระทั่งสัญญาณไฟจราจรผมยังเจอแต่ไฟเขียวตลอดเลย
“เจ๊หวัดดีครับ” ไอ้มิคเอ่ยทักเมื่อเดินนำเข้าไปในร้าน
“หวัดดีเจ๊” ผมยกมือไหว้ตามหลังจากที่เห็นใบหน้าเจ้าของร้านหันมามองผม
“เอ้าไอ้เอิร์ธ หายดีละเหรอ”
“หายละเจ๊ พร้อมทำงาน”
“เออดีละ ลูกค้าประจำมึงมาถามหาทุกวัน กูไม่รู้จะตอบยังไงละเนี่ย”
“แหม่! ก็คนมันฮอตอะเจ๊ ต้องทำใจหน่อย”
“ค่า!!! ฮอตจริง ฮอตจนโดนหลอกไปขังไว้บนเกาะจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด”
“เจ๊!!!” ไอ้มิคตะคอกใส่ทันทีพลางยกนิ้วขึ้นแตะที่ปากเพื่อส่งสัญญาณว่าไม่ให้พูดถึงเรื่องนี้อีก ผมเข้าใจว่าไอ้มิคมันก็คงเป็นห่วงผมนั่นแหละ
“อุ๊ย! เจ๊ขอโทษนะเอิร์ธ”
“ไม่เป็นไรเจ๊ เรื่องมันผ่านไปแล้ว ชิลมาก แล้วนี่ไอ้ต่อไปไหนอะเจ๊” ผมบอกปัดก่อนจะชะเง้อหน้ามองหน้าหลานชายเจ้าของร้าน
“อยู่หลังร้านอะ ดูรถที่มาส่งของอยู่”
“อ่อ”
ผมเอ่ยบอกพลางเดินเข้าไปยังหลังร้านทันทีโดยทิ้งไอ้มิคเอาไว้ตรงนั้น หัวใจผมเต้นแรงระหว่างที่เดินเข้าหาไอ้ต่อ เพราะเมื่อวานไม่ได้เจอกันหนึ่งวัน แม้ว่าจะได้คุยกันตลอดในไลน์แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความคิดถึงที่ผมมีต่อมันลดน้อยลงไป มีมากขึ้นด้วยซ้ำ
“เอ้า! มาทำงานละเหรอ” ไอ้ต่อตะโกนทักเมื่อเห็นหน้าผม
“อื้อ”
“กินไรมายัง”
“กินรองท้องมาอะ” ผมเอ่ยบอกกลับไป
ซึ่งในระหว่างนั้นดันเป็นจังหวะเดียวกันกับที่คนส่งของเดินแบกของเข้ามาพอดี ผมก็เลยถอยหลังออกมานิดหนึ่งแต่เพราะพื้นบริเวณหลังร้านมันเปียกผมก็เลยไม่ทันได้ระวัง ลื่นเซไปชนกระแทกคนส่งของจนล้มลง ของในลังแตกหมด ส่วนผมเองก็มีแผลถลอกที่ฝ่ามือและหัวเข่าเล็กน้อย แล้วมันก็เป็นเรื่องที่ตลกมากเพราะปกติผมจะชอบใส่กางเกงขายาวมาที่ร้านตลอด แต่วันนี้ไม่รู้นึกครึ้มอะไรดันเลือกที่จะใส่กางเกงผ้าลูกฟูกขาสั้นสีดำมาเข้าร้านซะอย่างนั้น ตอนล้มไปก็เลยทำให้ผิวหนังของผมสัมผัสกับพื้นปูนได้โดยตรง ได้แผลถลอกจนเลือดสีแดงซึมออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“เจ็บมั้ย” ไอ้ต่อรีบย่อตัวลงมาดูผม
“เจ็บดิ”
“เป็นไรมากมั้ยเนี่ย”
“ไม่หรอก ไปดูพี่คนส่งของเถอะ” ผมมองที่บาดแผลถลอกของตัวเองก่อนจะเอ่ยบอกพลางรีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามไอ้ต่อไปดูพี่คนส่งของที่ล้มนั่งอยู่ใกล้ๆ
“เจ็บตรงไหนมั้ยพี่” ไอ้ต่อเอ่ยถาม
“ไม่เป็นไรน้อง”
“ขอโทษนะครับพี่” ผมยกมือขึ้นไหว้พร้อมเอ่ยบอกด้วยความรู้สึกผิดแบบสุดๆ
“ไม่เป็นไรๆ มันเป็นอุบัติเหตุนี่นา”
“มาพี่ ผมช่วย” ผมยื่นมือไปช่วยพยุงพี่คนส่งของขึ้นมา ส่วนไอ้ต่อก็จัดการเรื่องค่าเสียหายกับของที่เกิดขึ้นรวมถึงค่าทำแผลให้พี่เขาด้วย ผมเห็นแบบนั้นก็ยิ่งแปลกใจที่เจ๊เปรี้ยวยอมปล่อยให้ไอ้ต่อดูแลบริหารเรื่องเงินในส่วนสต๊อกสินค้ากันง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ ไม่คิดว่าไอ้ต่อมันเด็กเกินไปที่จะรับผิดชอบเรื่องแบบนี้หรือไง
พอจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นเสร็จเรียบร้อย ไอ้ต่อก็พาผมกลับเข้าไปที่ห้องพัก ไอ้มิคเห็นผมก็อดตกใจไม่ได้เพราะตอนที่ออกจากคอนโดมาด้วยกันผมก็ยังมีสภาพดีๆ อยู่เลย หายไปหลังร้านแป๊บเดียวกลับมามีแผลเลือดออกขึ้นมาซะงั้น
“เชี่ย! มึงไปโดนอะไรมาเนี่ย” ไอ้มิครีบวิ่งเข้ามาดูผม
“ลื่นล้มหลังร้านอะ”
“โถ่เอ๊ยยยย”
“เดี๋ยวกูดูมันให้เอง มึงไม่ต้องห่วงหรอก” ไอ้ต่อเดินเข้ามาหาไอ้มิคแล้วเอ่ยบอกแบบนั้น เพื่อนผมมันก็เลยสบายใจขึ้นมาได้บ้างก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่ตัวเองแล้วเซตผมต่อ
สำหรับไอ้มิคการที่ไอ้ต่อดูแลเทคแคร์ผมแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่เขาเห็นจนชินตาแต่อาจจะเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจสักหน่อยสำหรับคนอื่นๆ เพราะทันทีที่ไอ้ต่อเดินเข้ามาแล้วพูดแบบนั้น สายตาของเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ก็หันมามองผมกับได้ต่อเป็นตาเดียว เสียงพูดคุยที่กำลังเมาท์มอยกันดังลั่นเงียบลงอย่างผิดสังเกต จนผมเองก็อดแปลกใจไม่ได้หันมองไปรอบห้องแต่ทุกคนก็หลบสายตาผม
มันมีอะไรผิดปกติมากนักหรือไง...
ผมหย่อนตัวนั่งลงตามแรงกดที่หัวไล่ทั้งสองข้างของผม ไอ้ต่อบอกให้ผมนั่งรออยู่พักหนึ่งก่อนจะเดินหายออกไป ไม่นานมันก็กลับมาพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาลเพื่อนำมาทำแผลให้กับผม กล่องถูกวางไว้ทางด้านซ้ายของตัวผมแล้วเปิดออก เขาหยิบเอาขวดน้ำเกลือขวดเล็กออกมาบีบใส่สำลีแผ่นแล้วบรรจงเช็ดแผลให้กับผม
“โอ๊ย!” ผมร้องออกมาเพราะมันรู้สึกแสบอยู่นิดหน่อย
“โทษๆ”
ไอ้ต่อเบามือลงกว่าตอนแรก มันค่อยๆ ทำแผลให้ผมเริ่มจากล้างแผลนั้นแล้วเอาเบตาดีนเหยาะใส่สำลีแล้วแต้มไอที่แผลหัวเข่าและฝ่ามือของผมเบาๆ ท่ามกลางสายตาของเพื่อนร่วมงานในห้องพักแต่เขาไม่ได้มีท่าทีว่าจะเขินอายหรือรู้สึกอึดอัดเลยสักนิด คงจะมีแต่ผมนี่แหละมั้งที่อึดอัดอยู่คนเดียว
หลังจากทำแผลเสร็จไอ้ต่อก็ไม่มียอมอยู่ห่างจากผมเลยแม้แต่ก้าวเดียว แม้ผมจะบอกว่าให้มันไปทำงานส่วนอื่นที่ต้องรับผิดชอบได้แล้วเพราผมดูแลตัวเองได้ อีกอย่างก็มีไอ้มิคคอยช่วยเหลืออยู่แล้ว แต่มันก็ไม่ยอมไปสักที ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน
ยิ่งพอร้านเปิดแล้วผมต้องออกไปทำงานหน้าร้าน ไอ้ต่อก็ดูเหมือนจะเวียนวนคอยดูแลเทคแคร์ผมตลอด ช่วงที่ไม่มีแขกเรียกใช้งาน ผมก็มานั่งรอที่บาร์โดยไอ้ต่อก็จะมานั่งอยู่ข้างๆ ชวนคุย ชวนดื่ม ชวนกินขนมไปเรื่อยแบบไม่ยอมให้ห่างกาย แต่พอมีลูกค้าเรียกตัวผม มันก็จะคอยเดินไปมาอยู่รอบกายแบบไม่ให้คลาดสายตา ซึ่งผมเองก็มองเห็นมันตลอดเวลาที่เงยหน้าขึ้นมา ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมเสียสมาธิอยู่บ้างในบางทีเหมือนกัน แต่ผมไม่ได้โกรธอะไรมันหรอก ก็เข้าใจว่าตอนนี้ความรู้สึกของมันกำลังล้นอยู่ในอกจนไม่รู้ว่าจะจัดการควบคุมยังไงดี เลยแสดงออกมาแบบนั้น