เรียนไปก็ปวดหัว มีผัวก็ปวด... งั้นถ้าจะต้องทนปวด... ก็ขอปวดแบบได้เงินด้วยละกัน! เลิศๆๆๆๆ
ชาย-ชาย,ซาดิส & มาโซฯ,วัยว้าวุ่น,ยุคปัจจุบัน,ไทย,PWP,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เอิร์ธเด็กเอ็นท์เรียนไปก็ปวดหัว มีผัวก็ปวด... งั้นถ้าจะต้องทนปวด... ก็ขอปวดแบบได้เงินด้วยละกัน! เลิศๆๆๆๆ
เอิร์ธเด็กเอ็นท์
Mr. Host Club
[PWP]
Written by Darkriku93
เปิดเรื่อง 04/01/2023
ประกาศ!!!
นิยายเรื่องนี้เป็นแนว PWP ไม่เน้นความสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ อ่านเอาฟีลลิ่ง อ่านเอามันเฉยๆ น้าาาาา
ผ่านไปครึ่งคืนระหว่างที่ผมกำลังเทคแคร์ลูกค้าอยู่นั้นผมก็เพิ่งจะมาสังเกตเห็นว่าไอ้ต่อมันไม่ได้มาวนเวียนอยู่รอบตัวผมอีกแล้ว อยู่ๆ มันก็หายไปเฉยๆ สงสัยจะโดนเจ๊เปรี้ยวลากไปทำงานล่ะมั้ง
“ขอบคุณนะครับเฮีย” ผมหันไปบอกลาลูกค้าหัวขาวคนหนึ่งที่เพิ่งจะเช็กบิลไปเมื่อครู่ด้วยการก้มกราบไปที่หน้าอกแล้วเงยหน้ามาหอมแก้มเขาไปฟอดใหญ่ ก่อนจะปล่อยให้พนักงานร้านพาลูกค้าออกไปส่งที่หน้าร้าน
“ไอ้ต่อไปไหนวะ” ผมบ่นพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะลุกออกจากโต๊ะตัวนั้นแล้วเดินกลับไปที่บาร์ที่ไอ้มิคกำลังนั่งคุยกับบาร์เทนเดอร์หลังจากที่เพิ่งเสร็จกิจจากลูกค้าคนล่าสุด
“น้ำเปล่าหน่อยมั้ยพี่” น้องบาร์เทนเดอร์เอ่ยถามผมด้วยรอยยิ้มกว้าง
“เอามาหนึ่ง ขอบใจมาก”
“เป็นไง ได้เยอะมั้ยคนนี้” ไอ้มิคหันมาถามผมพร้อมยกเหล้าในมือขึ้นดื่ม
“ก็นิดหน่อย ไม่ได้ป๋าขนาดนั้น ขี้เหนียวฉิบหาย” ผมบ่นอุบเพราะเป็นเรื่องที่ผมไม่ค่อยโอเคสักเท่าไหร่ ก็แหม ท่าทางทรงเสี่ยแบบนั้นแต่กระเป๋าเบาไปหน่อย ซื้อดริ๊งก์น้อยแถมยังให้ทิปน้อยอีก
“เอาน่ะ ไว้รอลูกค้าคนอื่น”
“เออ ละให้ต่อมันหายไปไหนวะ” ผมเอ่ยถามโพล่งขึ้นมาเพราะพยายามจะชะเง้อมองหาแล้วแต่ก็ยังไม่เจอ
“อยู่ในออฟฟิศอะ เห็นเจ๊เปรี้ยวเดินมาเรียกให้เข้าไปหา”
“อ่อ”
“หามันทำไมอะ”
“เปล่า ถามเฉยๆ งั้นเดี๋ยวกูมานะ” ผมเอ่ยบอกแล้วตบไหล่ไอ้มิคเบาๆ ก่อนจะลุกเดินออกมา
ผมเดินตรงไปยังห้องทำงานของเจ๊เปรี้ยวด้วยใจที่ตุ๊มๆ ต่อมๆ เอาจริงผมรู้สึกประหลาดที่เกิดความรู้สึกแบบนี้ขึ้นมา ระหว่างที่กำลังเดินไปนั้นมันเกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นมาเสียอย่างนั้น ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันแต่เกรงว่าจะกำลังเกิดเรื่องอะไรไม่ดีกับไอ้ต่อมันหรือเปล่า จากสายตาของเหล่าเด็กเอ็นท์ในร้านที่มองผมกับไอ้ต่อในวันนี้ผมก็กลัวว่าจะไปใส่สีตีไข่อะไรให้เจ๊เปรี้ยวฟังมั้ย กลัวไอ้ต่อมันจะโดนดุเอา ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ความผิดของมันเลย
นี่ผมระแวงมากเกินไปมั้ยเนี่ย...
ระหว่างนั้นผมเดินสวนกับน้องคนหนึ่งที่เป็นเด็กเอ็นท์ในร้านด้วยกัน แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ชอบผมสักเท่าไหร่ เพราะตั้งมาทำงานที่นี่เขาไม่เคยพูดดีกับผมสักครั้งแถมยังชอบมองผมด้วยตาขวางตลอดเวลา เขาหยุดยืนจ้องหน้าผมอยู่ครู่ใหญ่ซึ่งก็ยังไม่ทันที่ผมจะเอ่ยถามอะไรออกไปเขาก็เดินหนีไปเสียแล้ว ทิ้งให้ผมยืนงงงวยอยู่แบบนั้น อะไรกันวะเนี่ย งงไปหมด
ผมเดินตรงไปที่ออฟฟิศเจ๊เปรี้ยวแต่ยังไม่ทันที่จะได้ยกมือเคาะประตูก็ได้ยินเสียงเจ๊เปรี้ยวตะโกนดังลั่นลอดออกมาจากในนั้น
“เพราะแบบนี้ใช่มั้ยถึงไม่ยอมกลับไปเรียน!!!” เสียงเจ๊เปรี้ยวดูโกรธมากทีเดียว
“ครับ” ไอ้ต่อเอ่ยตอบแบบนั้น
ก๊อกๆๆ
ผมยกมือเคาะประตูทันทีถึงแม้จะรู้ดีว่ามันเสียมารยาทแต่ผมไม่อยากให้ไอ้ต่อต้องโดนด่าอย่างโดดเดี่ยว ถึงจะยังไม่รู้ว่าเจ๊เปรี้ยวกำลังโมโหไอ้ต่อเรื่องอะไรก็ตาม
แกร๊ก!
ประตูเปิดออกก่อนจะปรากฏใบหน้าของเจ๊เปรี้ยวที่คิ้วขมวดหนัก เจ๊มองหน้าผมนิ่งแล้วถอนหายใจออกมาก่อนจะเปิดบานประตูกว้างออกแล้วพยักหน้าให้ผมเดินเข้าไปด้านใน
ผมเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างๆ ไอ้ต่อที่กำลังยืนนิ่งก้มหน้าสองมือกุมประสานกันอยู่บริเวณหัวเข็มขัด มันเงยหน้ามามองผมด้วยแววตาที่ซ่อนความตกใจเอาไว้เล็กน้อยพลางตั้งคำถามว่าผมเข้ามาทำไม
“มีอะไรกันเหรอครับ” ผมเอ่ยถามออกไปดื้อๆ
“มาก็ดีแล้วแหละ เมื่อกี๊ไอ้หน่องมันเข้ามาบอกว่ามันสงสัยว่าแกกับไอ้ต่อจะแอบคบกัน” เจ๊เปรี้ยวหันมาคุยกับผมด้วยน้ำเสียงที่พยายามควบคุมอารมณ์เอาไว้
“แล้วมันรู้ได้ไง” ผมถามต่ออย่างสงสัย เพราะแม้แต่ผมกับไอ้ต่อเองก็ยังไม่เคยตกลงกันด้วยซ้ำว่าเรื่องระหว่างเราสองคนมันคืออะไร
“ก็นั่นน่ะสิ”
“เราสองคนไม่ได้คบกันจริงๆ นะครับ” ไอ้ต่อพูดแทรกขึ้นเลยโดนสายตาเหวี่ยงจากเจ๊เปรี้ยวไปเต็มๆ
“จริงนะเจ๊ ผมกับไอ้ต่อไม่ได้คบกันจริงๆ” ผมช่วยยืนยันอีกเสียง
“โอเค ถ้าแกทั้งสองคนบอกว่าไม่ใช่ก็จะเชื่อ แต่แกสองคนแอบชอบกันหรือเปล่า” เจ๊เปรี้ยวจ้องหน้าพวกผมสองคนนิ่ง
“...” เราทั้งสองเงียบแล้วหันหน้ามองกัน
“ว่าไง” เจ๊ถามย้ำ
ผมเองก็ไม่อยากจะโกหกว่าตัวเองรู้สึกชอบไอ้ต่อมันจริงๆ แต่จะให้บอกความจริงไปก็กลัวว่าจะซวยกันทั้งคู่ เพราะจากที่เห็นเมื่อกี๊ก็ใช่ว่าเจ๊เปรี้ยวมันจะรู้สึกยินดีซะที่ไหนล่ะ
ใครจะไปอยากให้หลานคบกับเด็กเอ็นท์สกปรกๆ แบบผมใช่มั้ยล่ะ!
“ครับป้า ผมชอบไอ้เอิร์ธ” ไอ้ต่อเป็นคนพูดขึ้นมาก่อน ทำเอาผมหันขวับไปมองทันทีด้วยความกังวล
“ไอ้ต่อ...” ผมเอ่ยดุมันเสียงเบา
“อืม นี่สินะที่ทำให้แกไม่ยอมกลับบ้านสักที ทั้งๆ ที่อาทิตย์หน้าจะเปิดเทอมอยู่แล้ว” เจ๊เปรี้ยวพูดพลางถอนหายใจยาว สีหน้าบ่งบอกถึงความกังวลเป็นอย่างมาก
“ครับ” ไอ้ต่อเอ่ยตอบพลางพยักหน้าก่อนจะหันมามองผม
ผมเข้าใจว่าคนที่ยืนอยู่ข้างๆ กำลังรู้สึกอะไรเพราะผมเองก็กำลังรู้สึกแบบมันอยู่เหมือนกัน แต่ก็นั่นแหละจะให้พวกเราสองคนทำอะไรได้อีก ในเมื่อผมเองก็รู้ตัวเองดีว่าไม่เหมาะกับไอ้ต่อ ส่วนไอ้ต่อก็คงรู้อยู่แก่ใจว่าวันหนึ่งก็จะต้องกลับไปต่างจังหวัดอยู่ดีเพราะโรงเรียนกำลังจะเปิด เด็กนักเรียนอะเนอะก็ยังมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบเรื่องเรียนเพื่ออนาคตที่ดีกว่านี้ ส่วนผมที่เป็นเด็กเหลวไหลที่ไม่ยอมเรียนต่อก็คงต้องก้มหน้าทำงานต่อไป จะไปคาดหวังให้ตัวเองได้พบเจอคนดีๆ ก็อาจจะยาก
เอาเข้าจริง ผมว่าเราทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างก็รู้ดีว่าตัวเองรู้สึกต่อกันในรูปแบบไหนเพียงแต่ยังไม่พูดมันออกมาก็เท่านั้นแหละ การกระทำที่มีต่อกันหรืออะไรต่ออะไรมันก็เป็นหลักฐานที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจนแล้วว่าพวกเรารู้สึกมากเกินกว่าเพื่อนไปแล้ว แต่มันก็มีเงื่อนไขบางอย่างที่ทำให้เราทั้งคู่ไม่ได้พูดคำนั้นออกมากันสักที จนกระทั่งมาเจอในวันนี้นี่แหละ
“แล้วจะเอายังไงกันต่อ” เจ๊เปรี้ยวเอ่ยถามไอ้ต่อที่กำลังก้มหน้างุดเพราะกลัวความผิด
“ไม่รู้ครับ”
“ป้าก็ไม่ได้จะกีดกันหรอกนะ ไอ้เอิร์ธมันก็ไม่ใช่คนไม่ดีอะไร แต่พ่อแม่แกสิ ถ้ารู้เรื่องนี้พวกมันจะคิดยังไงกัน เอาลูกมาฝากให้ลองฝึกทำงานที่ร้านแต่ดันมาได้แฟน แถมเป็นเด็กเอ็นท์อีกต่างหาก พ่อแม่แกได้มาด่าฉันตายแน่ๆ”
“แล้วเป็นเด็กเอ็นท์มันผิดตรงไหนเหรอครับ” ไอ้ต่อถามกลับเสียงแข็งจนเจ๊เปรี้ยวเห็นแบบนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจ
“เป็นเด็กเอ็นท์มันไม่ผิดหรอก สำหรับป้าก็ไม่เคยติดเรื่องนี้ด้วย เด็กเอ็นท์มันก็คืออาชีพสุจริตอาชีพหนึ่งเหมือนกัน แล้วที่มีเงินมีทองไว้ใช้ฟุ่มเฟือยได้แบบนี้ ก็เพราะเป็นเจ้าของร้าน เป็นเจ้านายไอ้พวกเด็กเอ็นท์นี่แหละ แต่คนนอกวงการแบบพ่อแม่แกนั่นแหละ จะมาเข้าใจอะไรพวกนี้เหรอ คนภายนอกมีแต่มองว่าไอ้พวกนี้มันสกปรก ไม่มีใครอยากให้ลูกหลานตัวเองมาสุงสิงด้วยหรอก”
อืม... ก็จริงอย่างที่เจ๊เปรี้ยวพูดนั่นแหละ สิ่งที่เจ๊ร่ายยาวมานั่นคือกำแพงเดียวที่ติดอยู่ในใจของผมจนไม่กล้าที่จะก้าวข้ามความสัมพันธ์ในปัจจุบันนี้เพื่อไปต่อในระดับที่ลึกซึ้งกว่านี้ได้ แม้ว่าจะอยากลึกซึ้งกว่านี้มากแค่ไหนก็ตาม
“มึงกลับบ้านเหอะต่อ อย่าเป็นแบบนี้เลย” ผมที่ยืนฟังอยู่พักใหญ่ตัดสินใจพูดออกไป
“...” ไอ้ต่อเงียบไม่ตอบอะไร
“ถ้ามึงเป็นอย่างนี้แทนที่พ่อแม่มึงจะยอมรับกู มันจะกลายเป็นเขาเกลียดกูแทนนะ” ผมอธิบายเสริม
ไอ้ต่อยังคงยืนนิ่งอยู่แบบนั้นไม่ตอบอะไร พอผมมีท่าทีคะยั้นคะยอต้องการคำตอบ มันก็รีบเดินหนีออกไปจากห้องทันที ทำเอาผมก็ไปต่อไม่ถูกเพราะไม่รู้ว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ เจ๊เปรี้ยวเลยได้แต่ส่ายหัวเพราะเอือมระอากับหลานชายของตัวเอง
“เจ๊ฝากดูมันหน่อยละกันนะ บอกให้มันกลับบ้านหน่อย จะเปิดเทอมแล้ว ไม่งั้นแม่มันเอาเจ๊ตายแน่ ยิ่งดุๆ อยู่” เจ๊เปรี้ยวเอ่ยพูดกับผมพลางยกมือตบไหล่ผมเบาๆ
“ได้เจ๊”
“ถ้ามันไม่ยอมกลับ มึงก็ลองเว้นระยะห่างกับมันดูหน่อยละกัน”
“อะไรนะเจ๊?”
“แบบลองห่างๆ กับมันดู ไม่ต้องตัวติดกับมันมากเหมือนเดิม ตอนนี้มันอาจจะยังติดมึงอยู่เพราะมาอยู่นี่มันก็ไม่ค่อยมีเพื่อนใช่มั้ยล่ะ ถ้าได้ลองห่างๆ กันดูก็อาจจะทำให้มันได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น เผื่อมันจะคิดได้”
“อะ...อ่อ จะลองดูนะเจ๊” ผมตอบรับแบบที่ยังคงสับสนอยู่ในใจ ให้ลองห่างกันเนี่ยนะ ฟังแล้วโคตรประหลาดเลย
“เออ... หรือว่าถ้าเกิดคบกันเมื่อไหร่ก็มาบอกเจ๊ด้วย จะได้ช่วยกันหาวิธีบอกพ่อแม่ไอ้ต่อมัน” เจ๊เปรี้ยวยื่นหน้ามากระซิบที่ข้างหูผมพลางหัวเราะเบาๆ
“ให้รอดวันนี้ไปก่อนละกันนะเจ๊” ผมแซวกลับก่อนที่เจ๊เปรี้ยวจะเดินออกไปหน้าร้าน
ผมรู้ดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้คงไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความสัมพันธ์เราเท่าไหร่ เพราะดูๆ ไปเจ๊เปรี้ยวก็ไม่ได้จะห้ามหรือขัดข้องอะไร เพียงแต่ให้ระวังเรื่องพ่อแม่ของไอ้ต่อมันก็เท่านั้น ซึ่งก็ไม่น่าจะใช่เรื่องยากมั้ง ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือทำยังไงไอ้ต่อมันถึงจะยอมกลับบ้านที่ต่างจังหวัดแบบไม่ดื้อด้าน ตั้งแต่รู้จักกับมันมาก็ยังไม่เคยทะเลาะกันจนมันเดินหนีออกไปแบบนี้ แต่คงไม่น่ายากมั้งเพราะมันทะเลาะกับเจ๊เปรี้ยวไม่ได้ทะเลาะกับผมนี่นา