เรียนไปก็ปวดหัว มีผัวก็ปวด... งั้นถ้าจะต้องทนปวด... ก็ขอปวดแบบได้เงินด้วยละกัน! เลิศๆๆๆๆ
ชาย-ชาย,ซาดิส & มาโซฯ,วัยว้าวุ่น,ยุคปัจจุบัน,ไทย,PWP,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เอิร์ธเด็กเอ็นท์เรียนไปก็ปวดหัว มีผัวก็ปวด... งั้นถ้าจะต้องทนปวด... ก็ขอปวดแบบได้เงินด้วยละกัน! เลิศๆๆๆๆ
เอิร์ธเด็กเอ็นท์
Mr. Host Club
[PWP]
Written by Darkriku93
เปิดเรื่อง 04/01/2023
ประกาศ!!!
นิยายเรื่องนี้เป็นแนว PWP ไม่เน้นความสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ อ่านเอาฟีลลิ่ง อ่านเอามันเฉยๆ น้าาาาา
เป็นเวลาหลายอาทิตย์แล้วที่ไอ้ต่อกลับบ้านที่ต่างจังหวัดเพื่อไปเรียนเทอมสุดท้ายก่อนที่จะจบม.หก แรกๆ ผมก็เหงาอยู่เหมือนกันเพราะเหมือนว่าอะไรบางอย่างมันหายไปจากชีวิต ถึงแม้จะอยู่กับไอ้มิคทุกวันก็ตาม แต่ไม่มีคนมาคอยตามดูแลเทคแคร์ตลอดเวลาก็เลยเงียบเหงาแปลกๆ แม้แต่ข้อความในไลน์มันก็ตอบช้าลงกว่าทุกทีด้วยเพราะต้องไปโรงเรียน บางวันต้องรอหลังเวลาเลิกเรียนนู่นมันถึงจะตอบกลับมา
ยิ่งในเวลาแบบนี้ยิ่งคิดถึงมันเป็นพิเศษ เมื่อหลายอาทิตย์ก่อนไอ้มิคมันมาชวนผมลาหยุดจากงานประมาณหนึ่งอาทิตย์เพื่อที่จะได้ใช้เวลาไปท่องเที่ยวต่างจังหวัดเพื่อพักผ่อนร่างกายและจิตใจสักหน่อยหลังจากทำงานหนักมานาน ซึ่งผมเองก็เห็นด้วยเพราะมนุษย์เราไม่ใช่เครื่องจักร ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็ควรที่จะหาเวลาพักผ่อนเพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูตัวเองบ้าง
ความคิดถึงทวีคูณขึ้นในระหว่างที่ผมกำลังหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวที่ไอ้มิคบอกไว้ หน้าจอคอมพิวเตอร์ถูกเสิร์ชหาสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ว่ามีที่ไหนน่าสนใจและควรค่าแก่การไปเยือนบ้าง ซึ่งก็มีแต่คาเฟ่หรือไม่ก็พวกร้านอาหารแนะนำตามเว็บและเพจรีวิวต่างๆ ไม่อย่างนั้นก็คงขึ้นไปบนดอยอะไรทำนองนั้น ที่อื่นๆ ก็ดูทั่วไป ผมเลยไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนก่อนดี ที่เดียวที่ผมรู้สึกว่าอยากไปนั่นก็คือม่อนแจ่มเพราะที่นั่นมีความทรงจำที่หลากหลายอยู่บนนั้น
เพราะผมกับแม่เคยไปเที่ยวด้วยกันก่อนที่แม่จะไม่ได้อยู่กับผมอีก ซึ่งมันกลายเป็นความสุขที่สุดในชีวิตของผมเพราะในทริปนั้นพ่อไม่ได้ไปด้วย...
“ไงมึง สรุปมีที่ไหนที่อยากไปมั้ย” ไอ้มิคเดินแก้ผ้าออกจากห้องน้ำมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ
“ยังอะ” ผมเอ่ยตอบก่อนจะหันไปเห็น ไอ้เรื่องที่มันแก้ผ้าเดินไปมาในห้องกลายเป็นความเคยชินของสายตาผมไปเสียแล้ว ช่วงแรกก็มีตกใจบ้างแต่พอนานวันเข้าก็ชินซะละ ทำงานแบบนี้เห็นคนแก้ผ้าจนชินชา จะเห็นของเพื่อนตัวเองอีกสักคนก็ไม่ได้น่าตื่นเต้นสักเท่าไหร่หรอก
“กูอยากไปตั้งแคมป์อะ” ไอ้มิคบอกขณะที่เดินเข้ามาใกล้ผม
“ห้ะ? งานใหญ่เลยนะ”
“ไม่ขนาดนั้น ก็ไปหาพวกลานแคมป์ปิ้งที่เขามีพวกอุปกรณ์ให้เช่าไรงี้ดิ”
“อ่อ เออ ก็ดีนะ”
“งั้นแพลนอันนี้ไว้ก่อนอันหนึ่งแล้วกัน” ไอ้มิคบอกผมแล้วหันหลังเดินออกไปแต่งตัว
“อาเค”
พอรู้แบบนั้นผมก็เลยลองเปลี่ยนคำค้นหาเป็นสถานที่แคมป์ปิ้งแทน ซึ่งมันก็ขึ้นรายชื่อมาเยอะไปหมด ผมตกใจอยู่เหมือนกันที่เดี๋ยวนี้ธุรกิจแบบนี้มีเพิ่มขึ้นมากจากแต่ก่อน คงเพราะเป็นเทรนด์ในยุคนี้ด้วยแหละมั้ง ผมก็เคยคิดอยากลองดูบ้างสักครั้งเพราะเห็นรุ่นพี่ที่รู้จักเปิดร้านขายอุปกรณ์สำหรับแคมป์ปิ้ง แต่นั่นสำหรับสายที่ชอบปีนเขาตั้งแคมป์แบบจริงจัง ผมคงไปทำอะไรแบบนั้นไม่ได้เพราไม่ชอบความลำบาก แต่พอได้มาเห็นโมเดลธุรกิจลานแคมป์ปิ้งสำหรับสายคอนเทนต์ก็ต้องยอมรับว่าถูกใจผมเป็นอย่างมาก เพราะไม่ต้องเตรียมอะไรไปเลยยกเว้นเงินอย่างเดียวเพราะที่นั่นมีอุปกรณ์ทุกอย่างให้เช่าทั้งหมด
ผมใช้เวลาตลอดช่วงสายนั่งจมอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อหาข้อมูลสำหรับการท่องเที่ยวที่ผมกับไอ้มิคจะไปกันอีกไม่กี่วันข้างหน้า ข้าวปลาก็แทบไม่ได้กินจนไอ้มิคต้องยกมาเสิร์ฟให้ถึงหน้าจอคอม
“แดกซะหน่อย เดี๋ยวจะต้องออกไปร้านแล้ว”
“เออๆ”
ผมรับคำแล้วคว้าจานข้าวมานั่งกินในขณะที่ยังนั่งไล่ดูสถานที่ท่องเที่ยวของเชียงใหม่ไปเรื่อยๆ พลางก็คิดไปว่าหากไอ้ต่อได้ไปเที่ยวด้วยกันกับผมก็คงดี แต่ก็นั่นแหละคงทำได้เพียงแค่คิดเพราะว่ายังไงไอ้ต่อก็คงจะไปเที่ยวกับผมไม่ได้แน่ๆ ผมนั่งดูไปกินข้าวไปจนหมดก่อนจะได้สติแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จากนั้นจึงลุกเอาจานข้าวไปเก็บแล้วเตรียมตัวที่จะออกไปที่ร้าน
ไอ้มิคก็คงเห็นอาการของผมล่ะมั้ง มันก็เลยเดินเข้ามาหาแล้วยกมือขึ้นโอบไหล่ผมเอาไว้แล้วตบเบาๆ ไปสองสามที คงเพราต้องการให้กำลังใจผมล่ะมั้ง ซึ่งมันก็ค่อนข้างที่จะได้ผลนะ อย่างน้อยก็ทำให้ผมได้สติกลับคืนมาบ้างไม่ใช่มัวแต่เสียเวลาไปคิดถึงเรื่องของไอ้ต่อมัน
“รถมาแล้ว” ไอ้มิคโผล่ออกมาจากห้องนอนแล้วเอ่ยเรียกผมพลางหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย
“เคๆ”
เราทั้งคู่พากันลงไปด้านล่างคอนโดแล้วก้าวขึ้นรถแท็กซี่ที่ไอ้มิคมันกดเรียกผ่านแอพเพื่อตรงไปยังร้านเจ๊เปรี้ยวทันที ช่วงนี้ผมไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับการไปทำงานเหมือนช่วงก่อน ส่วนหนึ่งเพราะไอ้ต่อไม่ได้อยู่ที่ร้านนั้นแล้ว ซึ่งๆ จริงๆ มันคือส่วนใหญ่นั่นแหละ
บรรยากาศในร้านเหมือนเดิมตั้งแต่วันแรกที่ผมมาทำงานจนถึงวันนี้ แต่สิ่งที่ต่างออกไปนั่นก็คือความรู้สึกของผมเอง มันเปลี่ยนไปในทิศทางที่ออกจะแย่ด้วยซ้ำ เพราะมันทำให้ผมดูไม่สดชื่นร่าเริงเหมือนแต่ก่อน จนเจ๊เปรี้ยวมาเล่าให้ฟังว่าลูกค้าประจำของผมเริ่มบ่น ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไงเพราะทุกวันนี้ก็พยายามที่จะกลับไปเป็นแบบเดิมให้ได้ แต่สิ่งที่ยากคือผมยังคงยึดติดอยู่กับเรื่องของไอ้ต่อมันมากเกินไป ก็ได้แต่หวังว่าการไปเที่ยวเชียงใหม่กับไอ้มิคในครั้งนี้จะช่วยทำให้ผมดีขึ้นได้บ้าง
ผมกับไอ้มิคยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำงานกันอย่างเต็มที่เหมือนเดิมกับในทุกวันที่ผ่านมา ตอนนี้ผมชินชาไปเสียแล้วกับการทำอาชีพเด็กเอ็นท์อาจเพราะประสบการณ์การทำงานที่มากขึ้นเลยทำให้ผมมีภูมิคุ้มต่อลูกค้าผีๆ ได้มากขึ้นไปด้วย ผมเลยไม่ค่อยจะหวาดกลัวสักเท่าไหร่แล้ว แม้ว่าที่ผ่านมาจะเจอเลยเรื่องเลวทรามมาก็ตาม
คืนนี้เป็นอีกคืนในรอบสองอาทิตย์ที่ผ่านมาที่ลูกค้าเยอะมาก โดยเฉพาะผมกับไอ้มิคที่วนเวียนกันใช้ห้องลับสลับกันไม่มีหยุด เหนื่อยมากจนร่างแทบพังแต่ก็แลกมาด้วยเงินจำนวนมากก็ทำให้ผมต้องอดทนเอาหน่อย จะได้เอาเงินไปใช้สุรุ่ยสุร่ายตอนไปเที่ยวได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าช่องทางด้านหลังของผมจะกำลังร้องไห้ก็เถอะ
“เห้อ!!!!” ผมถอนหายใจยาวหลังจากที่รับรองลูกค้าคนสุดท้ายเสร็จ
“เหนื่อยฉิบหาย” ไอ้มิคทิ้งตัวลงนั่งข้างผมในห้องล็อกเกอร์ด้วยอาการอ่อนล้า
“เออ หิวด้วย”
“งั้นอาบน้ำเสร็จไปหาไรแดกกัน”
“เค”
ผมกับไอ้มิคพากันถอดเสื้อผ้าออกจนหมดแล้วเอาผ้าขนหนูในล็อกเกอร์ของตัวเองออกมาพันรอบเอวแล้วเดินเข้าไปยังห้องอาบน้ำแต่ว่ามันก็มีคนใช้อยู่ทั้งหมดเหลือเพียงแค่ห้องเดียวที่อยู่ริมในสุด
“มึงอาบก่อนเลย” ผมหันไปบอกไอ้มิค
“เห้ย มึงอาบก่อนเลย เดี๋ยวกูนั่งรอ”
“ไม่เป็นไร มึงอาบก่อนเลยๆ” ผมบอกมันแล้วดันหลังมันให้เดินเข้าไปก่อน แต่มันก็พยายามจะออกแรงยื้อเอาไว้ไม่ยอมเดินต่อ
“งั้นอาบพร้อมกันเลยมั้ยล่ะ” ไอ้มิคหันมาเอ่ยบอกผม
“เอางั้นเหรอ”
“เออ กูหิวละ จะได้ไปรีบแดกข้าวกัน”
“เออๆ”
ไม่ใช่ว่าไม่เคยอาบน้ำด้วยกันหรอกนะ บอกเลยว่าเป็นเรื่องปกติของผมกับไอ้มิคมากเพราะตอนอยู่ที่คอนโดพวกเราก็อาบน้ำด้วยกันออกจะบ่อยเพราะกลัวว่าจะไปทำงานไม่ทัน แต่ยังไม่เคยอาบน้ำด้วยกันที่ร้านไง กลัวเดี๋ยวใครมาเห็นจะเอาไปเมาท์กันสนุกปาก แต่ก็นั่นแหละ คืนนี้มันไม่มีใครอยู่แล้วนอกจากไอ้พวกที่อาบน้ำกันอยู่ เพราะกว่าเราจะเสร็จกิจกัน หลายคน ก็ทยอยกันเลิกงานกลับบ้านไปกันหมดละ เหลือแต่เจ๊เปรี้ยวกับเหล่าแม่บ้านที่ต้องคอยเก็บกวาดก่อนจะปิดร้าน
ผมกับไอ้มิคพากันเดินเข้าไปที่ห้องน้ำแล้วปิดประตูลง เปิดฝักบัวให้สายน้ำไหลลงมาปะทะตัว ไอ้มิคเป็นคนที่เดินเข้าไปล้างตัวจนเปียกชุ่มก่อนที่จะเดินถอยออกมาแล้วผมก็เดินเข้าไปล้างตัวต่อจากนั้น แต่ยังไม่ทันที่ร่างกายของผมจะได้เปียกโชกเพราะสายน้ำจากฝักบัว ไอ้มิคก็ยกมือมาสะกิดที่ไหล่ของผมเบาๆ จนต้องหันไปมอง
“มีไร?” ผมถามอย่างสงสัย
“ชู่ววว!!” ไอ้มิคยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะที่ปากเพื่อให้ผมเงียบเสียง
“...” ผมหุบปากลงแต่ยังคงจ้องมองอีกฝ่ายด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
“ได้ยินเสียงไรมั้ย”ไอ้มิคยื่นหน้ามากระซิบที่ข้างหูผม
ผมก็เลยตั้งใจเงี่ยหูฟังว่าไอ้เสียงที่ไอ้มิคเอ่ยถึงมันคือเสียงอะไรและมาจากไหน เพราะก่อนหน้านี้ผมไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยด้วยซ้ำจนกระทั่งไอ้มิคมันเอยทักขึ้นมานั่นแหละ
“คนเอากัน?” ผมถามเพราะเสียงแจ๊ะๆๆๆ จากสายน้ำที่ผสมกับเสียงกระแทกคุ้นเคยก็ทำให้ผมเดาได้ไม่ยาก
“อือ..”
“ใครวะ”
“ไม่รู้ดิ”
“แอบดูมั้ย?” ผมแกล้งถาม
“อีเวร! รีบอาบแล้วรีบกลับเหอะ มึงไม่เหนื่อยหรือไง โดนเอามาทั้งคืนนะ” ไอ้มิคตบหัวผมมาทีหนึ่ง ผมก็เลยหลุดหัวเราะออกมา เอาจริงเหตุการณ์แบบนี้เป็นเรื่องปกติของที่นี่อยู่แล้ว และพวกเราก็เจอเหตุการณ์แบบนี้กันบ่อยๆ อยู่แล้ว บางครั้งไอ้คนที่เอากันในห้องอาบน้ำนั้นก็เคยเป็นพวกผมมาก่อนด้วยเหมือนกัน
ค่ำคืนนั้นผ่านพ้นไปแบบไม่ได้มีอะไรพิเศษมากกไปกว่านั้น เพราะหลังจากที่เราอาบน้ำกันเสร็จเรียบร้อยก็พากันแต่งตัวแล้วแบกร่างไปหาอะไรกินเป็นมื้อเช้ามืดก่อนจะกลับไปที่คอนโดแล้วนอนหลับกันเป็นตาย จนวันรุ่งขึ้นกว่าพวกเราจะตื่นเวลาก็ปาไปเกินครึ่งวันแล้ว ผมกับไอ้มิคก็เลยขอลาหยุดกับเจ๊เปรี้ยวสักวันหนึ่งเพราะวันต่อไปพวกเราจะต้องไปเที่ยวกันแล้ว ถ้าร่างกายไม่ได้พักฟื้น มีหวังพวกเราคงไปเที่ยวกันไม่ได้แน่ๆ
กริ๊งงงงง!!!
เสียงมือถือของไอ้มิคดังขึ้นในระหว่างที่เรากำลังนั่งดูทีวีในช่วงเย็นของวันนั้น ไอ้มิคเลยหยิบมือถือมากดรับแล้วเดินออกไปคุยในห้องนอน เพราะหนังฆาตกรรมสืบสวนสอบสวนกำลังอยู่ในช่วงพีค ผมเลยโบกมือไล่ให้มันออกไปคุยให้ห่างจากตรงนี้เพราะไม่อยากให้รบกวนการดูหนังของผม
ไม่นานมันก็เดินกลับเข้ามาหาผมด้วยสีหน้าหนักใจ มันแลบลิ้นเลียริมฝีปากของตัวเองอยู่หลายรอบพร้อมด้วยอาการหายใจแบบผิดปกติ ผมก็เลยแปลกใจจนจับได้ว่าสายโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาเมื่อครู่คงไม่ใช่เรื่องปกติแน่ๆ มันถึงได้ดูมีอาการหนักใจขนาดนี้
“มีไรวะ” ผมกดหยุดหนังเอาไว้แล้วหันมาเอ่ยถามมัน
“กูไปเที่ยวไม่ได้แล้วว่ะ”
“ห้ะ?” ผมไม่เข้าใจ
“กูเชียงใหม่กับมึงไม่ได้แล้ว”
“เอ้า! ทำไมอะ มีเรื่องอะไรวะ”
“พอดีมีลูกค้า VVIP เข้ามาจ้างอะ แล้วให้เงินเยอะมาก กูเสียดายว่ะ” มันบอกพร้อมหน้าจ๋อยเพราะพวกเราวางแผนและเตรียมการไปทั้งหมดแล้ว
“ไรวะ...”
“กูขอโทษ แต่เงินมันเยอะอ่า”
“เออๆ กูเข้าใจ” แม้ว่าผมจะแอบเสียดายแต่ก็เข้าใจไอ้มิคมัน เพราะหากมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับผม ผมก็เลือกเงินมากกว่าไปเที่ยวอยู่แล้ว เพราะระดับลูกค้า VVIP ล่ะก็ไม่เคยได้เงินต่ำกว่าหลักแสนเลยสักครั้ง
“เอางี้ มึงลองชวนเพื่อนคนอื่นไปมั้ย เดี๋ยวค่าใช้จ่ายกูออกให้ทั้งหมดเลย ถือว่าเป็นการรับผิดชอบเรื่องนี้แล้วกัน”
“โห.. แล้วจะไปชวนใครทันอะ” ผมบ่น
“เอาน่ะ ลองดูก่อน ไปเที่ยวฟรี ใครจะไม่อยากไป”
“เออๆ เดี๋ยวลองดู”
ผมตอบรับมันก่อนที่มันจะโถมตัวเข้ามากอดผมแน่นเพราะต้องการจะออดอ้อนให้ผมเลิกงอนมัน ซึ่งอันที่จริงก็ไม่ได้งอนมันหรอกเพียงแต่รู้สึกนอยด์เล็กๆ ที่ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันแล้วทั้งที่วางแผนด้วยกันมาตั้งนาน จากนั้นเราทั้งคู่ก็นั่งดูหนังด้วยกันจนจบซึ่งไอ้มิคก็ชิงหลับไปอีกรอบบนโซฟานั้น
ผมก็เลยตัดสินใจออกมาหาซื้อมื้อเย็นที่ตลาดใกล้ๆ คอนโด เพราะมันได้เวลามื้อเย็นและร่างกายของผมมันก็เริ่มเรียกร้องหาอาหารเข้าไปในท้องแล้ว ผมเดินเลือกซื้อของที่ตัวเองชอบกินมาสองสามอย่างแล้วก็ไม่ลืมที่จะซื้อของที่ไอ้มิคมันชอบกินด้วย
ระหว่างนั้นผมก้าวขาเดินผ่านร้านปาท่องโก๋เจ้าประจำที่มีคนต่อคิวยาวเหยียด ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่ผมจะปล่อยผ่านเพราะปาท่องโก๋จิ้มสังขยาของร้านนี้มันอร่อยเสียจนไม่กินไม่ได้ ผมยืนต่อคิวที่หางแถวยาวออกไปจนเกือบถึงริมถนน ผมยืนรออยู่พักใหญ่ก่อนจะพยายามนึกไปด้วยว่าจะชวนใครไปเที่ยวแทนไอ้มิคดี แล้วอยู่ๆ ก็เหมือนพระเจ้าจะเป็นใจเมื่อมีสายเรียกเข้าจากคนที่ผมคุ้นเคย
ไอ้ต่อ!
หน้าจอมือถือของผมโชว์รายชื่อคนโทรเข้ามาพร้อมกับสั่นไปด้วย ผมสไลด์หน้าจอเพื่อกดรับสายพลางคิดไปด้วยว่าจะลองชวนมันไปเที่ยวเชียงใหม่ด้วยกันดู แม้ว่าโอกาสที่จะเป็นไปได้มีอยู่น้อยมากก็ตาม
“ฮัลโหล”
(ทำไรอยู่)
“รอซื้อปาท่องโก๋”
(เห้ย! ร้านนั้นอะเหรอ)
“ช่าย ร้านประจำที่กูชอบซื้ออะ”
(โอ่ยยย อยากกินอ่า...)
“ก็มาหาดิ”
(ไปไงล่ะ ติดเรียนไง)
“แล้วถ้าชวนไปเที่ยวอะ”
(เที่ยวไหน)
“เชียงใหม่ ไปแคมป์ปิ้งงี้”
(ไป ฮ่าๆๆ)
“ไหนบอกติดเรียน”
(เมื่อไหร่อะ แต่อยากไป)
“พรุ่งนี้ ไปฟรี มีคนออกเงินให้”
(โอเค ไป เดี๋ยวโดดเรียนเอา)
“เอาจริงเหรอ?”
(อือ เดี๋ยวเก็บกระเป๋าเลย)
“โอเค ใจง่ายจริงเว้ย”
(ก็คิดถึงนี่หว่า)
“เออๆ เจอกัน”
ผมรีบวางสายทันทีเพราะรู้สึกเขินขึ้นมาซะอย่างงั้น ซึ่งก็เป็นจังหวะที่ดีที่คิวซื้อปาท่องโก๋มันมาถึงผมพอดี ผมก็เลยสั่งปาท่องโก๋มาสี่ตัวพร้อมด้วยสังขยามาสองกระปุกก่อนจะจ่ายเงินแล้วเดินกลับห้องไป
ความสุขบางอย่างปรากฏขึ้นในหัวใจของผมแบบที่ห่างหายไปนานหลายวัน จะได้เจอหน้าไอ้ต่อแล้วถึงแม้ว่ามันจะต้องโดดเรียนมาก็ตาม แต่ก็เอาเหอะยังไงมันก็มีสิทธิ์ลาหยุดได้อยู่แล้วนี่นา...