เรียนไปก็ปวดหัว มีผัวก็ปวด... งั้นถ้าจะต้องทนปวด... ก็ขอปวดแบบได้เงินด้วยละกัน! เลิศๆๆๆๆ
ชาย-ชาย,ซาดิส & มาโซฯ,วัยว้าวุ่น,ยุคปัจจุบัน,ไทย,PWP,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เอิร์ธเด็กเอ็นท์เรียนไปก็ปวดหัว มีผัวก็ปวด... งั้นถ้าจะต้องทนปวด... ก็ขอปวดแบบได้เงินด้วยละกัน! เลิศๆๆๆๆ
เอิร์ธเด็กเอ็นท์
Mr. Host Club
[PWP]
Written by Darkriku93
เปิดเรื่อง 04/01/2023
ประกาศ!!!
นิยายเรื่องนี้เป็นแนว PWP ไม่เน้นความสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ อ่านเอาฟีลลิ่ง อ่านเอามันเฉยๆ น้าาาาา
ผมลากกระเป๋าเดินทางแล้วก้าวออกมานั่งรออยู่ที่บริเวณด้านหน้าของสนามบินเชียงใหม่ เพื่อรอให้ไอ้ต่อที่บินตามมาจากอีกจังหวัดมาเจอกันแล้วออกเดินทางไปยังลานแคมป์ปิ้ง ระหว่างผมก็ได้ติดต่อกับบริษัทที่เปิดเช่ารถยนต์เพื่อนัดหมายรับรถซึ่งทางนั้นก็มาถึงเรียบร้อยแล้วผมก็เลยต้องออกไปรับรถยนต์คันที่เช่าเอาไว้เสียก่อน พอเสร็จธุระเรียบร้อยผมก็เดินกลับเข้ามานั่งที่เดิมเพื่อรอเวลาที่อีกคนจะมาถึง
ครืดดด!
เสียงสั่นจากข้อความไลน์เด้งแจ้งเตือนผมก็เลยหยิบขึ้นมาเปิดดูด้วยความเร่งรีบ
Tor: ถึงแล้ว
Earth: อาเค
Earth: นั่งรออยู่ข้างนอก เดินออกมาเจอเลย
Tor: โอเคคค
ไม่นานไอ้ต่อก็เดินออกมาพร้อมกระเป๋าเดินทางส่งยิ้มตรงมาให้ผมแต่ไกล มันไม่ได้เอาอะไรมาเยอะเพราะผมบอกมันไปว่าให้เอาแค่เสื้อผ้ากับของใช้จำเป็นติดตัวมาก็พอ เพราะอุปกรณ์ตั้งแคมป์มันหาเช่าเอาได้เมื่อไปถึง
“เดี๋ยวไปหาอะไรกินก่อนละกันเนอะ” ผมเอ่ยบอกมัน
“หิวเหรอ”
“อือ...”
“แล้วจะไปยังไงอะ” ไอ้ต่อเอ่ยถามขึ้น
“กูเช่ารถไว้อะ”
“แล้วมึงขับเป็นเหรอ กูไม่เห็นรู้มาก่อน” ไอ้ต่อถามขึ้นอีกรอบ
“เออ ขับได้ ใบขับขี่ก็มีแล้ว เพิ่งไปทำมา”
ไอ้ต่อมันพยักหน้ารับแล้วเดินตามผมไปขึ้นรถที่จอดไว้ที่ลานจอดรถไม่ห่างจากตัวอาคารมากนัก จากนั้นการเดินทางของพวกเราทั้งคู่ก็เริ่มต้นขึ้น
ผมออกรถแล้วพามันไปยังร้านอาหารเหนือที่ผมเคยกินตั้งแต่ที่มากับครอบครัวเมื่อคราวก่อน ซึ่งผมติดใจในรสชาติอาหารมากทีเดียว และผมเองก็อยากให้ไอ้ต่อได้ลองชิมดูบ้าง อะไรที่ผมถูกใจก็อยากจะให้มันได้ลองลิ้มรสในสิ่งที่ผมชอบดูบ้าง อยากให้มันได้ลองเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างที่ผมชอบ
แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้ พอไอ้ต่อได้ลองชิมอาหารที่ผมแนะนำมันก็ชื่นชอบไม่ต่างไปจากผม มันบอกว่านี่เป็นอาหารเหนือร้านแรกที่ทำให้มันกินได้อย่างเอร็ดอร่อยและไม่เลิกกินไปเสียก่อน นั่นก็เลยให้ผมรู้สึกดีอยู่ไม่น้อย
หลังจากนั้นเราก็พากันออกเดินทางอีกครั้งเพื่อตรงไปยังจุดหมายคือสถานที่ตั้งแคมป์บนดอยที่ไอ้มิคเป็นคนเลือกเอาไว้ให้ แต่ในระหว่างนั้นเราทั้งคู่ต่างก็พากันแวะเที่ยวอีกหลายจุดที่รถยนต์ของเราขับผ่าน นับว่าเป็นช่วงเวลาดีๆ ที่ผมได้มี ความสุขที่มันห่างหายจากผมไปนานบัดนี้มันเกิดขึ้นได้อีกครั้งก็เพราะได้อยู่กับไอ้ต่อมันนี่แหละ ต้องขอบคุณมันเหมือนกันนะ
“เดี๋ยวเสร็จจากตรงนี้เราไปที่แคมป์ปิ้งกันเลยมั้ย กลัวมันจะมืดซะก่อน” ผมหันไปบอกไอ้ต่อที่กำลังดูดกาแฟในมือเข้าไปอึกใหญ่
“อื้อ ก็ดีนะ มืดแล้วเดี๋ยวจะอันตราย”
“จริง ไม่ค่อยชินทางด้วย”
“งั้นก็รีบไป”
ไอ้ต่อเอ่ยบอกแล้วยกมือขึ้นมาโอบไหล่ของผมเอาไว้แล้วพาเดินกลับไปที่รถ อากาศเย็นๆ ของเชียงใหม่ในช่วงปลายปีแบบนี้ทำเอาคนโดนกอดอย่างผมรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกอดหรือเป็นเพราะความรู้สึกข้างในของผมกันแน่
รถยนต์ของเราขับไปตามเส้นทางที่จีพีเอสบอก ผมไม่ได้ขับเร็วมากนักเพราะไม่คุ้นเส้นทางเลยกลัวว่าจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ไอ้ต่อก็ทำหน้าที่คนนั่งได้เป็นอย่างดีเพราะมันคอยช่วยดูแผนที่รวมถึงดูป้ายบอกทางแถมยังคอยช่วยระมัดระวังตามรายทางให้กับผมอีกด้วย
ไม่นานนักผมก็ขับมาถึงยังสถานที่ตั้งแคมป์ที่ได้ปักหมุดหมายเอาไว้ในแผนที่ ผมพารถเข้าไปจอดยังลานจอดรถที่ทางแคมป์เตรียมเอาไว้ให้ก่อนจะลงไปติดต่อในส่วนของออฟฟิศเพื่อขอเช่าอุปกรณ์ตั้งแคมป์ซึ่งผมกับไอ้ต่อขอเช่าทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเต็นท์หรืออุปกรณ์ทำอาหารและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกทั้งหลาแหล่ พอจ่ายเงินแล้วได้ของมาผมกับไอ้ต่อก็ช่วยกันแบกไปยังจุดที่ได้จองเอาไว้
พวกเราทั้งคู่ใช้เวลาอยู่พักใหญ่ในการตั้งเต็นท์และจัดวางข้าวของให้เข้าที่แม้จะเหนื่อยแต่ก็สนุกมากอยู่เหมือนกัน ระหว่างนั้นผมก็แอบใช้เวลาหลังจากที่พวกเราจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ววิดีโอคอลไปหาไอ้มิคที่กำลังรอทำงานอยู่ที่ร้านเพื่อให้มันอิจฉาเล่นๆ ซึ่งก็ได้ผลเพราะมันได้แต่โวยวายเพราะเสียดาย สมน้ำหน้ามันเหมือนกันก็อยากเลือกเงินเองนี่หว่า...
บรรยากาศของที่นี่มันช่างแตกต่างจากในเมืองเป็นอย่างมาก มันเหมาะสำหรับการมาพักผ่อนอย่างแท้จริง แต่ก็ทำให้เราได้รับหลากหลายความรู้สึกด้วย หากมาคนเดียวก็คงรู้สึกเหงาอย่างน่าประหลาด แต่ถ้ามาเป็นคู่หรือมากับครอบครัวก็คงทำให้ได้รับความรู้สึกที่แตกต่างออกไป
“อากาศเย็นจัง” ผมบ่นขณะที่กำลังนั่งต้มมาม่าเป็นมื้อเย็น
“จริง แต่อากาศแบบนี้ก็ฟินดีนะ”
“ช่าย”
“อยากกินอะไรเพิ่มมั้ยนอกจากมาม่ากับบาร์บีคิวนี่” ไอ้ต่อหันมาถามขณะที่มือก็พลิกไม้บาร์บีคิวบนเตาไปด้วย
“มึง...”
“ห้ะ?”
“ก็มึงถามว่าอยากกินอะไรเพิ่มมั้ยไง”
“...” ไอ้ต่อนั่งมองหน้าผมนิ่ง
“กูก็เลยตอบว่าอยากกินมึงไง” ผมเอ่ยตอบพลางยกยิ้มเจ้าเล่ห์ให้อีกฝ่าย
เท่านั้นแหละแววตาของไอ้ต่อก็เปลี่ยนไปในทันที มันวางทุกอย่างทิ้งไว้บนเตาแล้วก็พุ่งตรงมาหาผมทันที มันโอบกอดผมไว้แน่นแล้วหอมแก้มผมเข้ามาฟอดใหญ่จนต้องยกมือขึ้นมาฟาดไหล่มันไปเบาๆ ทีหนึ่งเพราะว่ากลัวแขกคนอื่นในแคมป์นี้จะเห็นเข้า
“อย่าพูดเล่นนะ เพราะกูเอาจริง” ไอ้ต่อเอ่ยบอกกับผมด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะเอามือผมไปแตะที่ตรงกลางเป้ากางเกงที่แก่นกายที่ซ่อนอยู่ในภายในกำลังแข็งตัว
“ไอ้บ้า ไม่ใช่ตอนนี้”
“อ่าว...”
“รอก่อน รอทำอาหารให้เสร็จก่อนละกัน”
“เอ้า!! ได้ดิ งั้นผมนี่รีบทำเลยครับบบ!!!” ไอ้ต่อรีบถอยตัวออกจากผมแล้วไปนั่งดูบาร์บีคิวบนเตาทันที
ผมเองก็หันไปตอกไข่ลงไปในหม้อมาม่าที่กำลังเดือดได้ที่ จากนั้นก็เอาผักโรยลงไปแล้วรีบยกออกจากเตา ควันร้อนลอยเป็นไอโขมงไปทั่วบริเวณ กลิ่นหอมนั้นลอยมาเตะจมูกเย้ายวนชวนให้หิวเป็นอย่างมาก ผมหันไปหยิบชามกระดาษชานอ้อยสองใบมาวางไว้แล้วเอากระบวยตักมาม่าพร้อมน้ำซุปแบ่งใส่ทั้งสองชามให้เท่ากันก่อนจะยกไปเสิร์ฟที่หน้าไอ้ต่อแล้วเดินกลับมานั่งที่ของตัวเองแล้วหยิบเอาตะเกียบไม้มาแกะซองออกแล้วคีบเส้นมาม่าที่กำลังร้อนเข้าปาก
อากาศเย็นแบบนี้ก็คงจะต้องกินอาหารร้อนๆ แบบนี้แหละมันถึงจะฟิน
“อร่อยอะ” ไอ้ต่อเอ่ยบอกขึ้นหลังจากที่มันสูดเส้นมาม่าเข้าไปคำแรก
“แต่มีอย่างอื่นที่อร่อยกว่านะ”
“อะไร”
“กูไง” ผมแกล้งบอกต่อ ทำเอาอีกฝ่ายยิ้มแป้น ก็นะ ผมน่ะพอจะรู้ตัวดีว่าอะไรที่ทำให้ไอ้ต่อมันหลงใหลในตัวผมบ้าง
“เอาอีกละนะ รอกูกินหมดก่อนเหอะ”
ผมได้แต่ยิ้มตอบไม่เอ่ยพูดอะไร จากนั้นไอ้ต่อก็หยิบเอาบาร์บีคิวที่ย่างสุกแล้วใส่จานกระดาษมาให้ผม ต้องบอกว่ามันทำได้อร่อยจริงๆ นะ อร่อยกว่าร้านในตลาดที่ผมเคยซื้อกินอีก ทำไมไม่ลองไปเปิดร้านขายดูก็ไม่รู้ อาจจะขายดีก็ได้นะ
เอิ๊กกก!!!
เสียงเรอของไอ้ต่อดังลั่นหลังจากที่มันจัดการอาหารทั้งหมดแล้วดื่มน้ำตามอึกใหญ่ ผมหันไปมองทันทีก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมาเพราะอดใจไม่ไหวที่มันเผลอเรอดังออกมาขนาดนั้น ทำเอาคนที่อยู่เต็นท์รอบข้างหันมามองกันเป็นตาเดียว
“แหวะ! อ้วกเหอะ เรอขนาดนี้” ผมแกล้งแซวมัน
“มา! พร้อมละ” มันหยิบทิชชูเช็ดปากแล้วเดินตรงเข้ามาหาผม
“อะไรรร”
“ก็เมื่อกี๊พูดอะไรไว้ล่ะ”
“ไม่รู้~~”
“มานี่เลยยยยย” ไอ้ต่อจับเข้าที่ข้อมือผมแล้วลากให้ลุกตามเข้าไปในเต็นท์ทันที
ตุบ!!
มันเหวี่ยงผมลงที่พื้นด้านในเต็นท์ โชคดีที่ปูเบาะเอาไว้สำหรับนอนคืนนี้ก็เลยไม่ได้เจ็บตัวมากสักเท่าไหร่ เพราะหากว่าเป็นพื้นดินแข็งๆ เลยก็อาจจะทำให้ผมเจ็บตัวได้มากกว่านี้ ไอ้ต่อเดินมาขึ้นคร่อมผมทันทีแล้วกดจูบลงบนริมฝีปากของผมด้วยความดุเดือด ผมเองก็ตอบรับทันทีเพราะโหยหามาหลายวันตั้งแต่ที่เราทั้งสองคนห่างกันไป
มือหนาของมันเร่งปลดเสื้อผ้าของผมออกโดยมีผมคอยช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เสื้อของผมถูกโยนออกไปข้างๆ ก่อนที่มันจะถอดเสื้อของตัวเองออกบ้าง จากนั้นมันก็ก้มหน้ามาลงลิ้นที่ยอดอกสีชมพูดของผมแล้วละเลงอย่างเมามัน
“อ่า...” ผมครางออกมาเพราะรู้สึกเสียววูบเมื่อปลายลิ้นสัมผัสเข้าที่จุดอ่อนไหวบนหน้าอกของผม
ไอ้ต่อละเลงลิ้นไปทั่วทั้งยอดอกทั้งสองข้างจนผมต้องจิกเกร็งฝ่ามือไว้ที่หัวไหล่ของเขา ผมไม่อยากจะร้องออกเสียงสักเท่าไหร่นัก เพราะกลัวว่าคนที่อยู่ภายนอกจะได้ยินเข้า
ระหว่างนั้นไอ้ต่อก็ใช้มือหนาปลดกางเกงของผมออกอย่างรวดเร็ว ผมเองก็พยายามที่จะใช้ขาทั้งสองข้างช่วยเขี่ยกางเกงให้ออกพ้นตัว จากนั้นไอ้ต่อมันก็หันไปถอดกางเกงของตัวเองออก ผมก็เลยถอดกางเกงในของตัวเองออกบ้างจนร่างกายเปลือยเปล่าไม่มีอะไรปิดบังอีกต่อไป ส่วนตอนนี้อีกฝ่ายก็เช่นกันเพราะชั้นในตัวสุดท้ายเพิ่งถูกเหวี่ยงออกไปไกลตัว
“เตรียมตัวให้พร้อมล่ะ” ไอ้ต่อเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงกระเส่าก่อนจะจับขาทัง้สองข้างของผมตั้งขึ้นแล้วแหวกให้ห่างออกจากกันเป็นรูปตัวเอ็มในภาษาอังกฤษ
“กูพร้อมตลอดนะ” ผมบอกพร้อมยักคิ้วเจ้าเล่ห์ให้มันทีหนึ่ง แล้วมันก็เริ่มทันที
มันหยิบเอาถุงยางในกระเป๋าสะพายของมันออกมาฉีกซองออกแล้วใส่ลงไปที่ส่วนกลางลำตัวก่อนจะจับเอาแก่นกายของมันจ่อที่ช่องทางด้านหลังของผมโดยไม่มีการอุ่นเครื่องหรือเตรียมความพร้อมให้ผมเลยแม้แต่น้อย แต่ก็อย่างว่าของมันเคยๆ กันอยู่ก็พอจะรู้จังหวะจะโคนกันอยู่บ้าง ผมขยับขาออกอีกเล็กน้อยเมื่อรู้สึกไม่ถนัด ไอ้ต่อเองก็ขยับตัวให้เข้าที่เข้าทางแล้วเริ่มยัดไอ้นยั่นเข้ามาในตัวของผมทันที
“อื้อออออ” ผมร้องเมื่อความรู้สึกที่คุ้นเคยสอดผ่านเข้ามา แม้ว่าจะไม่แน่นเหมือนเดิมเพราะผมใช้งานมันทุกวันจนค่อนข้างที่จะไม่กระชับ แต่ว่าผมก็ยังมั่นใจว่าไอ้ต่อมันไม่ได้ติดอะไร
“อ่า...” ไอ้ต่อร้องครางออกมาเบาๆ
ไฟราคะเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วินาทีนั้น แม้ว่าอากาศจะหนาวเย็นกว่าตอนกลางวันมากแต่พวกผมก็ไม่ได้รู้สึกถึงความหนาวเหน็บเลยแม้แต่น้อย เพราะความเร่าร้อนในตัวพวกเรามันกำลังพลุ่งพล่านทีเดียวหลังจากห่างหายกันไปนาน
เสียงกระแทกสะโพกเริ่มดังขึ้นอย่างเป็นจังหวะ ผมจ้องหน้าของไอ้ต่อเขม็งเพราะรู้สึกคิดถึงและโหยหายที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานาน ยิ่งในตอนนี้ที่ไอ้ต่อมันกำลังหื่นกามใบหน้ามันโคตรมีสเน่ห์แบบที่ผมยิ่งเห็นก็ยิ่งมีอารมณ์ แก่นกายของผมแข็งโด่ขึ้นมาบ้างแล้ว ผมก็เลยเอามือไปจับแล้วเริ่มชักขึ้นลงตามจังหวะ
เมื่อเสียงเริ่มดังขึ้นผมก็เลยได้สติแล้วตีเข้าที่แขนของไอ้ต่อเบาๆ เพื่อเตือนว่าให้ระวังที่เสียงจะดังไปมากกว่านี้เพราะไม่อยากให้คนข้างนอกรู้ กลัวว่าจะต้องเขินอายหลังจากเสร็จกิจแล้วออกไปด้านนอก
“เสียวจัง” ไอ้ต่อกระซิบที่ข้างหูผมขณะที่ผ่อนแรงเข้าออกของสะโพก
“อ่า!!!”
“โคตรคิดถึงเลยรู้มั้ย”
“...”
“ไม่ตอบ อยากโดนเหรอ” ไอ้ต่อเอ่ยพูดแล้วเปลี่ยนจังหวะเป็นกระแทกแรงขึ้นจนผมรู้สึกจุกไปหมด
“อ๊า!!!” ผมหลุดปากร้องลั่นเพราะความเจ็บที่ช่องทางด้านหลัง น้ำตาผมไหลออกมาเล็กน้อย พอไอ้ต่อเห็นมันก็เอานิ้วขึ้นมาเช็ดออกให้แล้วยิ้มร่าออกมาเล็กน้อย
“ขอโทษๆ จะแกล้งเฉยๆ” มันบอกพลางผ่อนแรงลง
มันถอนแก่นกายของมันออกจากตัวผมแล้วจับผมให้พลิกตัวขึ้นแล้วเปลี่ยนเป็นท่าคุกเข่าแทน จากนั้นอีกฝ่ายก็จับขาผมแหกออกกว้างอีกครั้งแล้วตีก้นผมเบาๆ ก่อนจะเสียบแก่นกลางลำตัวของมันเข้ามาที่ช่องทางรักของผมอีกครั้ง
“อื้อออ” ผมร้องครางเบาๆ ในลำคอ
เวลาเนิ่นนานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เราเริ่มกิจกรรมบรรเลงเพลงรักกัน แม้จะเหงื่อท่วมร่างกายจนเปียกโชกแต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย ความสุขแผ่ซ่านไปทั่วตัวผม มันเหมือนกับเป็นเวลาที่ห่างหายไปจากชีวิตผมอยู่เหมือนกันตั้งแต่ที่ไอ้ต่อกลับไปต่างจังหวัดเพราะเปิดเทอม
เสียงจังหวะที่ผิวหนังของพวกเราทั้งคู่สัมผัสกันมันช่างไพเราะเสียเหลือเกินในเวลานี้ เอาเข้าจริงตอนนี้ผมลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าต้องระวังเรื่องเสียงให้ดี ไม่อย่างนั้นคนภายนอกจะรับรู้เอาได้ว่ากำลังทำอะไรกัน เพราะความสุขมันเอ่อล้นจนผมไม่ได้แคร์เรื่องนั้นแล้วล่ะ อย่างน้อยผมกับไอ้ต่อก็ทำกันในที่ลับสายตาก็แล้วกัน
“อ๊ะ!!” ผมร้องออกมาเมื่อสัมผัสได้ว่าไอ้ต่อมันกระแทกแรงขึ้น พร้อมทั้งมือสองข้างที่จับสะโพกผมเอาไว้แน่นเป็นสัญญาณว่าใกล้ถึงฝั่งฝันทันที
“อื้อออออ” ไอ้ต่อร้องครางพร้อมรัวสะโพกไม่หยุด
“อ๊า! เจ็บบบ”
“จะแตกแล้ว อ๊ะ!! อ๊า!!!!!!”
“อื้ออออ”
ไอ้ต่อรัวกระแทกอีกสองสามทีแล้วหยุดนิ่งก่อนจะโน้มตัวลงมาซบผมแล้วหอบแรงเพราะความเหนื่อย ส่วนผมเองก็ยังไม่เสร็จเหมือนเดิม ไอ้ต่อมันชอบชิงเสร็จก่อนตลอดแต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ก็เข้าใจแหละว่าประสบการณ์ยังน้อยจะให้ทนกลั้นไว้เสร็จพร้อมกันก็อาจจะยากสักหน่อย
“เห้อ! มีความสุขจัง” ไอ้ต่อกระซิบบอกที่ข้างหูแล้วหอมแก้มผมไปฟอดใหญ่
“แต่กูไม่มี...”
“อ่าว”
“เพราะกูยังไม่เสร็จ” ผมบอกแล้วพลิกตัวกลับมาให้มันดูว่าตรงนั้นของผมยังคงตั้งโด่อยู่
“มาเดี๋ยวกูช่วย” ไอ้ต่อบอกแบบนั้นแล้วก็ก้มลงเอาปากครอบส่วนนั้นของผมทันที
ความเสียวซ่านทำผมขนลุกซู่ไปทั่วทั้งร่างเมื่อถูกสัมผัสด้วยลิ้นร้อนจากอีกฝ่าย ทักษะของไอ้ต่อนี่มันทำผมประหลาดใจได้เสมอ แม้ว่ามันจะไม่เคยมีเซ็กส์กับใครมาก่อนและเพิ่งถูกเปิดซิงจากผมไปเมื่อครั้งนั้น ผมก็ไม่เคยคิดเลยว่าไอ้ต่อมันจะมีสัญชาตญาณนักล่าขนาดนี้
“อื้ออออ” มือผมจิกเกร็งเพราะรู้สึกว่าไอ้ต่อมันเริ่มบุกหนักขึ้นเรื่อยๆ
ไม่นานแก่นกายของผมก็เริ่มส่งสัญญาณ ความเสียวในท้องน้อยของผมมันพุ่งพล่าน ผมกัดริมฝีปากแน่นพลางแอ่นสะโพกรับจังหวะที่ไอ้ต่อขยับปากเข้าออกเพียงไม่นานสิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดก็มาถึง
“อ๊ะ!! อ๊า!!!!!” ผมร้องออกมาเพราะทนความเสียวไม่ไหว ของเหลวสีขาวขุ่นในตัวผมพุ่งทะลักออกมาเต็มโพรงปากอีกฝ่าย
อึก!!
ไอ้ต่อมองหน้าผมแล้วกลืนสิ่งนั้นลงคอไปจนหมด ผมตกใจแทบบ้าเพราะไม่คิดว่ามันจะทำแบบนี้ แทนที่จะคายออกจะกลืนลงไปทำไมก็ไม่รู้
“มึงจะกลืนทำไม ทำไมไม่คายออกมา” ผมว่าพลางฟาดมือไปที่แขนเขาเบาๆ
“ไม่เห็นเป็นไรเลย” ไอ้ต่อยิ้มแป้น
“มันสกปรกไง”
“ไม่เป็นไรหรอก ก็ของแฟน กูไม่รังเกียจหรอก”
“ห้ะ? ว่าไงนะ” เหมือนผมได้ยินไม่ถนัด ก็เลยตกใจไม่น้อยจนต้องถามย้ำ
“เป็นแฟนกับกูนะ” ไอ้ต่อเอ่ยถามพลางจับมือผมไว้แน่น
“แต่...”
“มึงไม่โอเคเหรอ” เสียงไอ้ต่ออ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
“เปล่า... แต่กูทำอาชีพแบบนี้ กลัวที่บ้านมึงจะไม่โอเค” ผมบอกอย่างกังวล
“ปล่อยให้เป็นเรื่องอนาคต ไว้ถึงเวลานั้นค่อยไปแก้ปัญหาทีหลังแล้วกัน” ไอ้ต่อยิ้มแล้วยกมือขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ “สรุปเอาไง เป็นแฟนกับกูเหอะนะ”
“เออ... เป็นก็เป็น”
“เย่!”
จุ๊บ!
ไอ้ต่อร้องดีใจแล้วชิงหอมแก้มผมก่อนจะโผกอดผมเอาไว้แน่น ผมเองก็กอดยกมือขึ้นกอดตอบอย่างดีใจ แม้จะยังมีเรื่องกังวลอยู่บ้างแต่ก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตก็แล้วกัน ยังไงซะจับมือกันไว้แล้วแก้ปัญหาไปด้วยกันก็น่าจะผ่านไปได้ด้วยดีแม้จะยากแค่ไหนก็ตาม
“งั้นกู... จะลาออกจากร้านป้ามึง”
“หื้ม?”
“กูจะเลิกเป็นเด็กเอ็นท์... เพื่อมึง” ผมเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงและแววตาที่หนักแน่น
“ถ้ามึงพูดแบบนั้น กูก็จะตั้งใจเรียน อนาคตจะได้มีงานดีๆ มาดูแลมึงได้ ดีมั้ย?”
“อื้อ” ผมยิ้มแล้วพยักหน้ารับ
“เอิร์ธ... กูรักมึงมากนะ รักมานานแล้วด้วย แค่ไม่กล้าบอก” ไอ้ต่อจับมือผมไว้แน่นระหว่างที่พูดนั้นสายตาที่ฉายประกายความจริงใจก็จดจ้องมาที่ผมแบบไม่ละไปทางอื่น
“กู..ก็รักมึงนะไอ้ต่อ กูจะพยายามทำตัวให้ดีขึ้น ให้เหมาะสมกับมึงนะ” ผมย้ำชัดก่อนที่ไอ้ต่อจะโน้มตัวเข้ามาผมแล้วบรรจงกดจูบลงมาที่ริมฝีปากของผมเบาๆ
ผมไม่รู้หรอกว่าอนาคตหลังจากนี้เรื่องระหว่างผมกับไอ้ต่อจะเป็นยังไง แต่ผมมั่นใจว่าพวกเราทั้งสองคนนั้นจะจับมือฝ่าฟันไปได้อย่างแน่นอน แม้ว่าเราทั้งคู่จะยังอายุน้อยมากก็ตามแต่ผมจะพาความสัมพันธ์ของเราเดินต่อไปข้างหน้าให้ได้ ไม่ว่าจะต้องเจอกับอุปสรรคใด ผมพร้อมที่จะปรับตัวให้ดีขึ้น หางานที่ดีทำเพื่อที่จะได้ไม่ต้องกลายเป็นภาระให้กับไอ้ต่อ อีกทั้งจะได้ไม่ต้องเป็นที่รกหูรกตาให้กับพ่อแม่ของไอ้ต่อด้วย เพราะไม่มีใครยอมรับที่ลูกชายตัวเองมีแฟนเป็นเด็กขายตัวได้อย่างแน่นอน
ผมก็ได้แต่หวังว่าเรื่องราวระหว่างผมกับไอ้ต่อจะสามารถพิสูจน์ถึงความรักระหว่างคนสองคนได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน เพศใด ทำงานแบบไหนก็สามารถที่จะมีความรักที่ดีได้เหมือนกัน ขอให้เรื่องราวของผมกับไอ้ต่อหลังจากนี้ได้พบเจอแต่เส้นทางที่สวยงามและไม่มีถูกทำลายไปไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม