เรียนไปก็ปวดหัว มีผัวก็ปวด... งั้นถ้าจะต้องทนปวด... ก็ขอปวดแบบได้เงินด้วยละกัน! เลิศๆๆๆๆ
ชาย-ชาย,ซาดิส & มาโซฯ,วัยว้าวุ่น,ยุคปัจจุบัน,ไทย,PWP,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เอิร์ธเด็กเอ็นท์เรียนไปก็ปวดหัว มีผัวก็ปวด... งั้นถ้าจะต้องทนปวด... ก็ขอปวดแบบได้เงินด้วยละกัน! เลิศๆๆๆๆ
เอิร์ธเด็กเอ็นท์
Mr. Host Club
[PWP]
Written by Darkriku93
เปิดเรื่อง 04/01/2023
ประกาศ!!!
นิยายเรื่องนี้เป็นแนว PWP ไม่เน้นความสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ อ่านเอาฟีลลิ่ง อ่านเอามันเฉยๆ น้าาาาา
นักศึกษาจำนวนมากเดินกันขวักไขว่อยู่ในโรงอาหารกลางของมหาวิทยาลัยในช่วงเที่ยง เนื่องจากวันนี้เป็นวันสอบไฟนอลวันสุดท้าย หลายคนก็เลยมีสีหน้าที่ดูผ่อนคลายมากขึ้นหลังจากสอบเสร็จ
ผมเองก็เหมือนกันพอสอบวิชาสุดท้ายในช่วงเช้าเสร็จก็รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกหลังจากที่เครียดมาหลายอาทิตย์เพราะกลัวจะอ่านหนังสือไม่ทันแล้วจะทำข้อสอบไม่ได้ ห่างหายจากการเรียนไปพักใหญ่พอกลับมาเรียนก็เลยกดดันเป็นพิเศษกลัวจะตามเพื่อนในคลาสไม่ทันด้วยเพราะลำพังก็ไม่ใช่คนหัวดีอะไรมากมายนัก แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี ทีนี้ก็เหลือแค่รอผลสอบอย่างเดียวแล้วล่ะ
พอมานั่งนึกๆ ดูกว่าจะได้เข้ามาเรียนที่นี่พร้อมกับไอ้ต่อก็ทำเอาผมเกือบตายอยู่เหมือนกัน เพราะดันเรียนไม่จบม.หก หนีออกมากลางคัน ผมจึงต้องมาอาศัยกศน. เพื่อเทียบโอนหน่วยกิตแล้วก็เรียนเพิ่มเติมเพื่อสอบเทียบให้ได้วุฒิม.หกก่อนจะเอาคะแนนมาสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ช่วงนั้นคือสุดๆ ของชีวิตไปเลยครับ จากเด็กที่ไม่ได้สนใจเรื่องการเรียนแบบผมต้องมาตั้งใจเรียนก็เกือบแย่เหมือนกัน
“ไอ้เอิร์ธ!” เสียงเรียกคุ้นหูดังขึ้น ผมก็เลยหันไปมองจึงได้เห็นว่าเป็นเพื่อนร่วมคลาสที่รู้จักเป็นคนแรกตอนที่เข้ามาเรียนที่คณะ
“ไอ้แมน!! เพิ่งเสร็จเหรอ” ผมเอ่ยถามเมื่อเห็นมันเดินมานั่งลงข้างๆ ผม
“เออดิ ทำไมมึงเสร็จเร็วจังวะ”
“กูเตรียมตัวมาดีไง” ผมเอ่ยขิงพลางยักคิ้วกวน
“กูก็อ่านหนังสือนะเว้ย ไม่เห็นจะจำได้เลย ออกตรงกับที่เรียนหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“ก็ถ้ามึงตั้งใจเรียน ตั้งใจจดตั้งแต่ในคลาสมึงก็จะรู้ว่าที่อาจารย์ออกข้อสอบมามีอยู่ในคลาสทั้งหมด”
“ไรว้า...”
“อ่านในชีทที่เขามีให้มันก็พอได้แหละ แต่ถ้ามึงไม่ได้จดที่เขาอธิบายเพิ่มเติมมา กูรับรองได้ว่าอ่านชีทให้ตายมึงก็ไม่มีวันทำข้อสอบได้หรอก” ผมอธิบายยืดยาวจนไอ้แมนสีหน้าเปลี่ยน
“พอทำข้อสอบได้ก็ขิงกูใหญ่เลยน้า... ไอ้เวร!”
“ก็ธรรมดาปะวะ”
“ละนี่มึงกินไรยัง” ไอ้แมนเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าบนโต๊ะของผมยังว่างอยู่
“ยังอะ รอไอ้ต่ออยู่”
“เคๆ งั้นกูไม่กวนมึงดีกว่า เผื่ออยากกินข้าวกับแฟนสองต่อสอง” ไอ้แมนแซวแล้วยิ้มให้ก่อนจะเดินออกไปแต่ผมก็ร้องทักมันไว้เพราะไม่อยากนั่งคนเดียวเหงาๆ อะ
“เดี๋ยวมึง!”
“ว่าๆ” ไอ้แมนหันขวับกลับมา
“นั่งด้วยกันก็ได้ ไม่รู้ไอ้ต่อมันจะมาเมื่อไหร่ นั่งคุยกันก่อนได้”
“อ่อ เคมึง งั้นกูขอเดินไปซื้อของกินก่อน มึงเอาไรไหม”
“ฝากซื้อเกี๊ยวทอดให้จานหนึ่ง”
“เค รอแป๊บ” ไอ้แมนตอบรับแล้วเดินออกจากโรงอาหารไปทันที เพื่อตรงไปยังซุ้มขายของกินเล่นที่อยู่ด้านข้างโรงอาหารอีกที ส่วนผมก็ได้แต่นั่งเฝ้าโต๊ะเอาไว้ก่อนเนื่องจากในเวลาพักเที่ยงแบบนี้ถ้าลุกปุ๊บได้เสียโต๊ะเป็นแน่ๆ
ผมนั่งเล่นมือถืออยู่ไม่นานไอ้แมนก็เดินกลับมาพร้อมเกี๊ยวทอดหนึ่งจานกับบรรดาลูกชิ้นและไส้กรอกทอดอีกจานใหญ่ แขนขวาเหน็บน้ำอัดลมเย็นๆ มาด้วยอีกหนึ่งขวด นิ้วก้อยซ้ายแขวนถุงขนมไข่เต่ามาด้วยอีกถุง เมื่อมันเดินมาถึงโต๊ะที่ผมนั่งอยู่มันก็วางทั้งหมดลง
“เดี๋ยวกูโอนเงินให้นะ” ผมเอ่ยบอกมันแล้วหยิบเกี๊ยวทอดในจานมาใส่ปากแล้วเคี้ยวจนเสียงกรุบกรอบดังลอดออกมา
“ได้มึง ค่อยว่ากัน” ไอ้แมนบอกก่อนจะหันไปสนใจพวกลูกชิ้นกับไส้กรอกในจานที่ราดน้ำจิ้มจนชุ่ม ร้านนี้เป็นร้านดังมากของเหล่านักศึกษาที่นี่เพราะน้ำจิ้มสูตรเด็ดของร้านที่หากินที่ไหนไม่ได้
“ไอ้ต่อนี่มันจะเอาเต็มเลยหรือไงนะ” ไอ้แมนแซวเมื่อเห็นว่าพวกเราทั้งคู่นั่งกินกันมาสักพักแล้วแต่ยังไม่เห็นหน้าแฟนของผมเลย
“นินทากูหรือไง” เสียงไอ้ต่อดังลอยมาจากด้านหลังทันทีที่ไอ้แมนมันพูดถึง แฟนผมนี่มันตายยากเหมือนกันนะครับ
“เออไง! ไอ้ห่า คนอื่นเขาสอบเสร็จกันตั้งนานละ มึงเล่นนั่งจนหมดชั่วโมงกูก็นึกว่าจะเอาคะแนนเต็ม” ไอ้แมนบ่นยาวพลางจิ้มไส้กรอกเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ
ไอ้ต่อเดินมานั่งลงข้างผมแล้วหยิบเกี๊ยวทอดเข้าปาก มันรู้ดีว่าผมชอบกินขนาดไหนจนต้องซื้อแผ่นเกี๊ยวกับหมูสับแล้วก็น้ำจิ้มบ๊วยติดเอาไว้ในห้อง เพราะทุกครั้งที่เป็นวันหยุดผมก็มักจะหยิบออกมาทำกินเล่นระหว่างดูหนังอยู่ตลอด
“กินไรยัง” ไอ้ต่อหันมาถามผม
“ยัง ก็รอมึงอยู่นี่แหละ”
“เค จะเอาไร เดี๋ยวเดินไปซื้อให้”
“เหมือนเดิม” ผมตอบแบบไม่ต้องคิด
ไอ้ต่อพยักหน้ารับแล้วเดินออกไปโดยมีไอ้แมนนั่งมองหน้าผม ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความงุนงงจนผมอดที่จะถามไม่ได้
“เป็นอะไร”
“เหมือนเดิม? คือเมนูไรวะ”
“ข้าวขาหมู เน้นหนัง ไม่เน้นเนื้อ” ผมเฉลยให้ไอ้แมนฟัง
“มึงแดกแบบนี้ทุกวันเลยเหรอ”
“อือ ก็ถ้ากินข้าวที่โรงอาหารก็แดกแต่เมนูนี้อะ”
“อ้วนตายห่าเลยมึง” ไอ้แมนแซว
“ไม่หรอก กูไม่ได้แดกทุกมื้อนี่หว่า อีกอย่างกูก็ออกกำลังกายทุกคืนด้วย ไม่เห็นจะต้องกลัวอ้วนเลย”
“พอๆๆ มึงพูดงี้กูเห็นภาพเลย ช่วยเห็นใจคนโสดอย่างกูด้วยจ้า” ไอ้แมนถึงกับส่ายหัวเมื่อรู้ว่าผมกำลังหมายถึงอะไร เพราะไอ้การออกกำลังกายของผมมันก็ไม่ได้หมายถึงการออกกำลังกายแบบทั่วไปจริงๆ นั่นแหละ
ไอ้ต่อเดินกลับมาพร้อมข้าวขาหมูของผมหนึ่งจานส่วนของมันก็เป็นข้าวราดแกงสามอย่างตามปกติที่มันมักจะกินเป็นประจำทุกวัน ตอนนี้ไอ้แมนขอตัวกลับหอไปนอนพักแล้วหลังจากที่มันกินมื้อเที่ยงจนอิ่ม ทีแรกก็คิดว่ามันจะอยู่คุยกับไอ้ต่อแต่มันบอกว่าพอหนังท้องตึงหนังตามันก็เลยเริ่มจะหย่อนเต็มที มันก็เลยขอกลับไปนอนดีกว่า
พวกเราใช้เวลากินข้าวเที่ยงกันอยู่พักใหญ่เพราะหลังจากใช้พลังงานในการสอบไปอย่างสูงจึงทำให้ต่างฝ่ายต่างก็หิวกันเหมือนอดอยากมาเป็นเวลานาน หลังจากนั้นเราก็พากันกลับมาที่ห้องแล้วก็เผลอหลับกันไปงีบใหญ่เนื่องจากอดนอนอ่านหนังสือมาทั้งคืนกว่าจะตื่นอีกทีก็ปาเข้าไปช่วงเย็นของวันเสียแล้ว
“หลับไปนานเหมือนกันแฮะ” ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูหลังจากที่ตื่นขึ้นมา จากนั้นก็หันไปมองข้างตัวแต่ไอ้ต่อไม่ได้นอนอยู่ด้วยกันแล้ว ผมก็เลยลุกออกจากเตียงแล้วเดินออกไปดูตรงห้องนั่งเล่น เห็นมันนั่งดูหนังจากเน็ตฟลิกซ์อยู่ตรงนั้นผมจึงเดินไปนั่งลงข้างๆ
“ไปบ้านกูกันไหม?” ไอ้ต่อเอ่ยถามขึ้นทันทีแบบที่ผมก็ยังไม่ทันได้ตั้งตัว
“หื้ม?”
“ไปเที่ยวบ้านกูกันไหม”
“พ่อแม่มึงจะไม่ด่ากูใช่ไหม”
“ไม่รู้เหมือนกัน กูก็ยังไม่ได้บอกเรื่องมึงเลย กะว่ากลับไปคราวนี้จะบอก”
“แล้วเขาจะไม่ฆ่ากูเลยเหรอ อยู่ๆ ลูกชายก็พาแฟนผู้ชายเข้าบ้านอะ” ผมพูดพลางหัวเราะฝืนๆ เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเครียด แม้ว่าตัวเองจะกำลังเครียดมากแค่ไหนก็ตาม
ไอ้ต่อยื่นมือมากุมมือผมไว้แน่นราวกับจะสร้างความเชื่อใจให้ “ไม่ลองก็ไม่รู้ปะ”
“เอาดิ” ผมก็เลยตอบแบบไม่ต้องคิดเลย แม้จะกังวลอยู่บ้างเพราะไม่รู้ว่าที่บ้านของไอ้ต่อจะว่ายังไงเรื่องของผม ไม่รู้ว่าพวกเขาจะรังเกียจผมไหมถ้าหากรู้ว่าลูกชายเขาคบกับผม แต่ก็เอาเถอะ ไม่ลองก็ไม่รู้นี่นา อย่างน้อยๆ ไปให้ถึงถิ่นเขาจะได้รู้กันไปเลยว่าจะต้องทำยังไงต่อ
เช้าวันรุ่งขึ้นผมกับไอ้ต่อพากันแบกกระเป๋าเป้ที่ใส่เสื้อผ้าและสัมภาระที่จำเป็นต้องใช้ไปยังสถานีขนส่งเพื่อขึ้นรถทัวร์ไปยังบ้านเกิดของไอ้ต่อที่อยู่ต่างจังหวัด เนื่องจากเป็นวันธรรมดาผู้คนบนรถก็เลยไม่ได้เยอะสักเท่าไหร่นัก ผมก็เลยสบายใจขึ้นมานิดหน่อยเพราะปกติไม่ค่อยชอบเดินทางไปไหนมาไหนบนรถทัวร์ที่มีผู้โดยสารเต็มคัน
อาจฟังดูตลกแต่ผมกลับรู้สึกว่าการนั่งรถที่มีผู้โดยสารน้อยให้ความรู้สึกอึดอัดน้อยกว่ากันเยอะ
พอถึงเวลาเดินทางรถบัสก็เคลื่อนตัวออกทันที นี่คงเป็นอีกหนึ่งในความประหลาดใจของผมที่รถโดยสารสาธารณะออกตรงตามเวลากำหนด เพราะปกติดูเหมือนว่ามันจะสายตลอดเวลา
ผมกับไอ้ต่อนั่งกันอยู่บริเวณแถวกลางๆ ของรถ ผมนั่งไปหลับไปในขณะที่ไอ้ต่อนั่งเปิดหนังดูในไอแพดไปด้วย มันบอกผมตั้งแต่แรกว่าใช้เวลาไม่นานประมาณสองถึงสามชั่วโมงก็ถึงบ้านมันแล้วผมก็เลยไม่ได้เตรียมตัวอะไรมากนักแค่คิดว่าหลับไปสักตื่นก็คงถึงพอดี แต่ในความเป็นจริงก็ใช้เวลาหลับๆ ตื่นๆ อยู่หลายรอบเหมือนกัน
“มึง..” ไอ้ต่อสะกิดปลุกผม
“หื้ม?”
“ลงไปเข้าห้องน้ำไหม”
“อือๆ” ผมที่เพิ่งสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาหันมองไปรอบๆ จึงได้เห็นว่าตอนนี้รถจอดอยู่ที่ปั๊มแห่งหนึ่งซึ่งผมไม่รู้ว่ามันอยู่ในพื้นที่ส่วนไหนของประเทศนี้
“อีกครึ่งชั่วโมงก็ถึงบ้านกูละ” ไอ้ต่อเอ่ยบอกก่อนที่พวกเราจะพากันเดินลงจากรถบัสไป
รถบัสจอดให้ผู้โดยสารทำธุระเพียงชั่วครู่เท่านั้น ผมกับไอ้ต่อเข้าห้องน้ำกันเสร็จก็รีบเดินไปซื้อเครื่องดื่มเย็นๆ ในร้านสะดวกซื้อมาติดเอาไว้เพราะลำพังแอร์บนรถก็ไม่ได้เย็นสักเท่าไหร่นัก ก็เลยต้องหาพึ่งตัวช่วยอื่นๆ บ้าง
ไม่นานรถบัสก็เข้ามาจอดที่ท่ารถของตัวอำเภอที่เป็นบ้านเกิดของไอ้ต่อ พวกเราพากันคว้ากระเป๋าสัมภาระแล้วเดินลงจากรถทันที ไอ้ต่อเดินนำไปยังจุดจอดรถตุ๊กๆ ก่อนจะขอต่อราคาเล็กน้อยจากนั้นก็พากันกระโดดขึ้นไปเพื่อตรงไปยังบ้านของมัน
ผมรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมาทันทีเมื่อรถตุ๊กๆ ขับมาจอดที่หน้าประตูรั้วของบ้านไอ้ต่อ จากที่ก่อนหน้านี้แทบจะไม่ได้รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่พอมายืนอยู่หน้าบ้านมันจริงๆ กลับไม่เป็นแบบที่คิดเลยแม้แต่น้อย ในหัวมันคิดตีกันมั่วไปหมด กลัวว่าที่บ้านมันจะรับไม่ได้ กลัวจะโดนด่าหรือโดนไล่ตะเพิดออกมา
“เดี๋ยวมึง” ผมคว้าแขนไอ้ต่อไว้ในตอนที่เห็นมันกำลังจะเปิดประตูบ้าน
“ทำไมอะ”
“กู... ตื่นเต้นว่ะ”
“กูก็เหมือนมึงนั่นแหละ แต่รีบเข้าไปข้างในก่อน ร้อนจะตายห่าละเนี่ย”
“เออๆ” ผมพยักหน้ารับหลังจากไอ้ต่อมันพูดจบ เอาวะ เป็นไงเป็นกัน
มือขวาของไอ้ต่อจับเข้าที่ประตูแล้วเลื่อนเปิดออกช้าๆ ผมใจเต้นระรัวแต่ก็พยายามจะฝืนอาการเอาไว้ ทำเป็นใจดีสู้เสือ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ยิ้มสู้ไว้ก่อนแล้วกัน
ผมเดินตามหลังไอ้ต่อเข้าไปภายในบ้านแล้ววางกระเป๋าลงตรงบริเวณห้องนั่งเล่นนั้นก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งที่โซฟาอย่างระแวง ไม่นานพ่อกับแม่ของไอ้ต่อก็เดินออกมา ผมรีบลุกขึ้นทันทีพร้อมหัวใจที่เต้นแรง
“สวัสดีครับ” ผมรีบยกมือขึ้นไหว้ทันที
“หวัดดีจ้ะ” แม่ยิ้มรับแล้วเอ่ยตอบผมมา ส่วนพ่อทำเพียงแค่ยกมือรับไหว้แล้วยิ้มบางโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
เอาล่ะใบหน้ายิ้มแย้มแบบนี้เพราะยังไม่รู้หรือเปล่านะว่าผมมาบ้านในฐานะอะไร
พ่อกับแม่ของไอ้ต่อนั่งลงที่โซฟาอีกด้านหนึ่ง ผมกับไอ้ต่อก็เลยหย่อนตัวลงนั่งตามบ้าง ในหัวสับสนวุ่นวายแต่ก็แสดงออกได้เพียงแค่ยิ้มเข้าไว้แค่นั้น
“เหนื่อยไหมลูก นั่งรถนานๆ” แม่เอ่ยถามขึ้น
“ไม่เหนื่อยเท่าไหร่อะแม่ ดูหนังมาเรื่อยๆ” ไอ้ต่อเอ่ยตอบก่อนที่แม่จะหันมามองหน้าผมแล้วเอ่ยถาม
“แล้วลูกล่ะเหนื่อยไหม”
“ผมไม่เหนื่อยเลยครับ”
“มันจะเอาอะไรมาเหนื่อย หลับมาตลอดทาง” ไอ้ต่อพูดแซวขึ้นเรียกเสียงหัวเราะของพ่อกับแม่ขึ้นมาได้บ้าง ผมยกมือขึ้นฟาดไหล่มันไปหนึ่งทีข้อหาเมาท์เรื่องนี้ให้พ่อแม่มันฟัง
“แล้วนี่กินอะไรกันมาหรือยัง หิวไหม” พ่อเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง น้ำเสียงทุ้มของเขาให้ความรู้สึกอบอุ่นได้มากทีเดียว
“ยังเลยครับ มีไรกินมั่งอะ” ไอ้ต่อถามขึ้น
“แม่ทำแต่ของโปรดไว้ให้เยอะเลย ไปกินกันก่อนเถอะ แล้วค่อยมาคุยกันเนอะ” แม่ยิ้มให้แล้วหันมามองผมก่อนจะชวนพ่อลุกขึ้นไป
ผมก็ได้แต่เอะใจว่าไอ้ที่แม่พูดว่ากินข้าวก่อนแล้วค่อยคุยกันนี่มันหมายถึงอะไร หรือจริงๆ อาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้แต่ผมแค่คิดมากไปเอง ก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างหลังนะ
ไอ้ต่อยื่นมือมาให้ผมจับเหมือนในทุกครั้งเพื่อที่จะดึงผมให้ลุกขึ้นจากโซฟาผมเองก็ทำแบบเดิมอย่างที่ร่างกายเคยชิน ทีแรกก็แอบมองซ้ายมองขวาอยู่บ้างเพราะกลัวว่าพ่อแม่ของไอ้ต่อจะเห็นเข้า แต่พอเห็นว่าไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแล้วก็เลยรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย
“โห แม่มึงทำกับข้าวเยอะจังวะ” ผมพูดขึ้นเมื่อเดินเข้ามาเจอจานอาหารวางอยู่เต็มโต๊ะ
“สงสัยทำไว้ต้อนรับลูกสะใภ้มั้ง” ไอ้ต่อเอ่ยแซวพลางหัวเราะเบาๆ
“ตลกละ”
“มึงทำตัวตามสบายได้เลยนะ ไม่ต้องกลัว พ่อแม่กูใจดี”
“แล้วถ้าพ่อแม่มึงรู้ว่ากูเป็นแฟนมึงเขาจะยังใจดีอยู่ไหมล่ะ ลูกชายมีแฟนเป็นผู้ชายเลยนะ ไม่ใช่ทุกบ้านที่จะโอเคนี่หว่า อีกอย่างมึงก็ไม่เคยบอกที่บ้านด้วยนี่ว่าชอบผู้ชายอะ”
“ก็จริง...” ไอ้ต่อสีหน้าเปลี่ยนทันทีที่ผมพูดแบบนั้น “แต่พ่อแม่กูไม่น่าจะว่าอะไรหรอกน่า ปกติเขาก็ดูจะเข้าใจเรื่องอะไรแบบนี้ได้ไม่ยากนะ”
“เห้อ... แดกข้าวก่อนละกัน แล้วค่อยว่ากันว่าจะเอายังไงต่อ” ผมถอนหายใจยาวแล้วหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้ของโต๊ะอาหาร
“กูก็คิดงั้น กินข้าวให้อิ่มก่อน แล้วค่อยคุยอีกที”
“อือ เคๆ ตักข้าวให้หน่อย” ผมหยิบจานเปล่าที่ว่างอยู่ใกล้มือยื่นให้ไอ้ต่อมันตักข้าวในหม้อหุงข้าวให้ผม
พวกเราใช้เวลาที่โต๊ะอาหารกันอย่างเต็มที่เพราะพ่อแม่ของไอ้ต่อไม่ได้มานั่งกินข้าวด้วยเนื่องจากเหตุผลอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะกินไปแล้วหรืออาจจะไม่อยากรบกวนพวกเราก็ได้เพราะพวกเขาทั้งคู่ก็ไม่ได้บอกอะไรนอกจากลุกออกไปเฉยๆ
“โอยยย อิ่มจัด” ผมเอนหลังพิงเก้าอี้หลังจากที่กินข้าวเสร็จ อาหารอร่อยจนผมเผลอกินเข้าไปจนท้องแน่น
“กับข้าวฝีมือแม่กูอร่อยอะดิ”
“เออ ไม่เถียงเลย อร่อยฉิบหาย”
“ค่อยยังชั่วหน่อย ทีนี้มึงก็มาเป็นลูกสะใภ้บ้านนี้ได้สบายๆ ละ”
“กวนตีน”
ไอ้ต่อหัวเราะออกมาทันทีเมื่อได้ยินผมด่า จากนั้นพวกเราทั้งคู่ก็ช่วยกันเก็บโต๊ะอาหารนั้นแล้วเอาจานไปล้างเก็บให้เรียบร้อยก่อนจะพากันเดินออกไปนั่งที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้ง
มันคว้าเอารีโมตขึ้นมาเปิดทีวีเพื่อไม่ให้เงียบจนเกินไป หน้าจอทีวีฉายละครช่วงบ่ายที่ช่องนำมาออกอากาศซ้ำซึ่งก็คือเรื่องที่ผมเคยดูไปแล้วแถมยังติดใจเป็นอย่างมากอีกด้วย
“เรื่องนี้มึงชอบนี่” ไอ้ต่อหันมาถามผม
“ใช่ๆ”
“แม่กูก็ชอบเหมือนกัน”
“จริงปะเนี่ย”
“เออดิ ตอนที่มันออนแอร์รอบก่อน แม่กูนั่งเฝ้าหน้าจอเลย ถ้าวันไหนละครออนแอร์กูกับพ่อนี่ไม่ต้องได้ดูอย่างอื่น”
“ไม่แปลกหรอก ละครมันสนุกนี่หว่า” ผมเอ่ยบอกพลางแย่งรีโมตมาจากมือมันเพื่อที่จะเร่งเสียง
“นี่ไง กูถึงบอกว่ามึงอยู่บ้านนี้ได้แบบสบายๆ เลย”
“พอ! เลิกพูด กูจะดูละคร” ผมบอกพลางทำหน้าดุใส่มันแล้วหันไปสนใจละครในทีวี
“อุ๊ย!! ชอบดูละครเรื่องนี้เหมือนกันเหรอจ๊ะ” แม่ไอ้ต่อเดินเข้ามาเห็นก็เอ่ยทัก
ผมที่กำลังนั่งดูแบบเพลิดเพลิน ปล่อยตัวให้เอนไหลไปกับโซฟาถึงกับต้องลุกขึ้นมานั่งตัวเกร็งทันทีเพราะกลัวว่าจะไม่สุภาพ
“นั่งตามสบายเถอะจ้ะ” แม่ไอ้ต่อเอ่ยบอก
“ครับผม”
“แม่ดูดิ ไอ้เอิร์ธอยู่นี่ได้สบายเลยนะ มันบอกกับข้าวแม่ก็อร่อย แถมยังชอบดูละครเรื่องเดียวกับแม่อีก ต้องคุยกับแม่ถูกคอแน่ๆ” ไอ้ต่อเอ่ยพูดยาวเหยียดจนผมอยากจะทุบมันสักที
“จริงเหรอ ดีเลยๆ”
“แล้วพ่ออยู่ไหนอะแม่”
“กำลังเดินมาละ”
“ทำไม ไอ้ตัวดี ถามหาพ่อทำไมเหรอ” พ่อเดินถือแก้วกาแฟเข้ามาพร้อมกับคุกกี้ธัญพืชถุงโตแล้วมานั่งลงข้างๆ แม่
“เปล่า จะได้พูดทีเดียวไง”
“ไอ้ต่อ!” ผมหันขวับไปหามันทันทีพร้อมฝ่ามือที่ฟาดลงไปที่หน้าขาของมันเต็มๆ ซึ่งผมเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนี้แต่ร่างกายมันตอบโต้ไปเอง
“อะไรเล่า!” ไอ้ต่อเถียงกลับพลางลูบหน้าขาตัวเองเบาๆ
“อะๆๆ อย่าเพิ่งตีกัน” แม่เอ่ยขัดขึ้นมาก่อนแล้วจ้องมองมาที่ผมกับไอ้ต่อสลับไปมา “มีอะไรจะบอกพ่อกับแม่เหรอ”
ผมหันหน้าไปมองไอ้ต่อทันทีเพราะเรื่องนี้ถ้าจะให้ผมพูดด้วยตัวเองก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมนัก คนที่ควรพูดเรื่องความสัมพันธ์ของเรามากที่สุดก็คงจะต้องเป็นไอ้ต่อคนเดียวเท่านั้นนั่นแหละ
“...”
“เอ้า! เงียบ” พ่อถึงกับเอ่ยแซวเมื่อคนข้างๆ ผมไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักที
“คือ...” ไอ้ต่ออึกอักด้วยท่าทีที่ดูเขินอายเล็กน้อยจนผมอดที่จะแปลกใจไม่ได้เพราะที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นมันในลักษณะนี้เหมือนกัน
ผมใช้นิ้วสะกิดขามันเล็กน้อยเพื่อส่งสัญญาณให้มันพูดสักทีเพราะพ่อแม่ของมันก็รอฟังอย่างตั้งใจ
“คือผมกับไอ้เอิร์ธ... เป็นแฟนกันอยู่อะ” ไอ้ต่อเอ่ยพูดแบบไม่เต็มเสียงนัก ผมเองก็ใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ เพราะรอลุ้นว่าพ่อแม่จะรู้สึกยังไง
“อื้อ พ่อกับแม่รู้อยู่ละ” แม่เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งไม่ได้มีท่าทีตกใจเลยสักนิดแถมยังส่งยิ้มให้อีกต่างหาก
“ห้ะ? แล้วรู้ได้ไงอะ” ไอ้ต่อเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่แม่พูด
“ก็เอะใจตั้งที่บอกว่าจะพาเพื่อนมาด้วยแล้ว ยิ่งพอมาเห็นตอนถึงบ้านก็รู้เลยว่าไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดาแน่ๆ”
“แล้วพ่อกับแม่ไม่เสียใจเหรอ ที่ผมชอบผู้ชาย”
“จะเสียใจทำไมล่ะ แกจะรักจะชอบใครก็เรื่องของแก โตป่านนี้แล้ว ตัดสินใจด้วยตัวเองได้แล้ว ดูแลตัวเอง รับผิดชอบตัวเองให้ดีก็พอ พ่อไม่ได้ติดใจอะไรหรอก จะคบกันก็ดูแลกันดีๆ ล่ะ” พ่อเอ่ยเสริมด้วยน้ำเสียงอบอุ่น นั่นทำให้ผมยิ่งรู้สึกซึ้งใจจนอยากจะร้องไห้ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะไอ้คนข้างๆ ผมมันดันชิงร้องไห้ไปเสียก่อน
“ขอบคุณนะครับ” ไอ้ต่อลุกขึ้นทั้งน้ำตาเดินไปโอบกอดพ่อและแม่เอาไว้แน่น ผมก็ได้แต่นั่งมองแล้วยิ้มให้เพราะอดที่จะเอ็นดูไม่ได้
“น้องเอิร์ธ มานี่มา” แม่หันมาเห็นผมก็เอ่ยเรียกแล้วพยักหน้าให้ผมเข้าไปหา ผมจึงรีบลุกเดินเข้าไปทันที
“ตอนนี้เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วน้า มีอะไรก็คุยกันได้ทุกเรื่องนะลูก” แม่กับพ่อของไอ้ต่อโอบกอดผมแน่นราวกับเป็นลูกอีกคนหนึ่ง เท่านั้นแหละกำแพงความกลัวที่อยู่ภายในใจของผมก็พังทลายลงทันที ไอ้ที่หวาดกลัวมาตั้งแต่ต้นกลายเป็นฝุ่นไปในพริบตา ผมโคตรรู้สึกโชคดีที่ได้มาเจอครอบครัวของไอ้ต่อมัน เพราะคนรอบข้างของผมบางคนก็เจอพ่อแม่ที่ไม่ค่อยเปิดรับสักเท่าไหร่ ทำให้ผมอดกังวลไม่ได้ จนกระทั่งได้มาเจอกับตัวถึงได้รู้ว่าบนโลกนี้ยังมีคนใจดีให้กับความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายกับผู้ชายอยู่เหมือนกัน
จากนี้ไปผมกับไอ้ต่อก็คงจะได้สานสัมพันธ์กันต่อไปได้อย่างราบรื่น ส่วนใครที่กำลังต่อสู้กับเรื่องเหล่านี้อยู่ก็ขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีนะครับ ผมกับไอ้ต่ออยู่ข้างพวกคุณเสมอ