วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ
รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น,วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
วายบันเทิงวงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ
วายบันเทิง
The Gossip of BL
Run_Kantheephop
เรื่องแต่ง 99% อีก 1% คือเค้าโครงจากเรื่องจริง
ขออนุญาตแก้ไขวันและเวลาในการอัพนิยายนะครับ เนื่องจากช่วงนี้มีภารกิจจากหน้าที่การงานเข้ามาจึงทำให้เขียนนิยายได้น้อยลงกว่าเดิม จากนี้ไปจะขออัพนิยายเพียงแค่สัปดาห์ละ 1 ตอนนะครับ (ทุกวันเสาร์ เวลา 18:00 น.)
ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามครับ
********************************************************************************
มีทั้งหมด 5 เล่ม
E-Book วางจำหน่ายแล้ว บน MEB
ท้องฟ้าวันนี้สดใสกว่าทุกวัน แสงแดดแรงจัดสาดส่องสว่างไปทั่วพื้นที่ ความร้อนระอุจนทำเอากันต์ไม่คิดว่านี่จะเป็นเวลาเช้าตรู่ที่ยังไม่ผ่านพ้นช่วงเวลาเจ็ดโมงเช้าเลยด้วยซ้ำ เขาเดินโผล่ขึ้นมาจากรถไฟฟ้าใต้ดินเพื่อไปยังลานจอดรถตรงสถานีรถไฟฟ้าจตุจักรซึ่งเป็นสถานที่นัดรวมตัวกันของเหล่านักแสดงในซีรีส์เพื่อมาขึ้นรถบัสที่ทางทีมงานจัดเตรียมไว้ให้ เนื่องจากวันนี้ทางทีมงานได้นัดนักแสดงเพื่อจะไปทำบุญที่ต่างจังหวัดกัน
กันต์เดินเข้าไปยังสถานที่นัดพร้อมด้วยสีผมใหม่ที่เพิ่งทำมาเมื่อคืน วันนี้เขามัดผมจุกเล็กน้อยเพื่อความเท่เพราะความยาวของเส้นผมที่เป็นอยู่ในตอนนี้หากปล่อยไว้เฉยๆ คงร้อนแย่ เขาชะเง้อหน้ามองหาพี่เจี๊ยบก่อนจะเดินฝ่าไอแดดตรงไปหาทันที
“หวัดดีครับพี่เจี๊ยบ” กันต์เอ่ยทักพร้อมยกมือขึ้นไหว้
“อ้าว หวัดดีจ้าน้องกันต์ มายืนร่มๆ ก่อนมา ยังต้องรออีกหลายคน”
“ครับ”
กันต์ตอบรับแล้วขยับเดินเข้าไปหลบตรงบริเวณที่เงาของรถบัสทอดตกลงมา ไอแดดที่สะท้อนกับพื้นถนนขึ้นมาทำเอาเหงื่อผุดขึ้นมาตามร่างกายของเขาไม่หยุด แต่เขาก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน ได้แต่ยกมือขึ้นมาโบกพัดไปเรื่อยเพื่อบรรเทาความร้อนไปได้บ้าง
“อะ ให้ยืม” มือหนึ่งยื่นพัดผมมือถือมาให้ผม พัดลมมือถือที่แปลว่าพัดลมมือถือจริงๆ เพราะต้องใช้มือถือแล้วดึงเชือกเพื่อให้ใบพัดหมุนด้วยมือของตัวเอง
“อ้าว! พี่บุ๊ค เพิ่งถึงเหรอพี่”
“อือ”
“กินไรมายังพี่”
“ยังเลยอะ หิวปะ?” พี่บุ๊คเอ่ยถามพลางหันไปมองรอบๆ
“นิดหนึ่งพี่ แต่พี่เจี๊ยบบอกว่าเดี๋ยวมี snack box ให้บนรถ”
“อ่อ แต่พี่หิวมากเลยอะ แค่ snack box กลัวจะไม่อิ่ม”
“งั้นจะไปหาซื้ออะไรกินรองท้องก่อนไหมครับ” กันต์เอ่ยถามขึ้น
“ก็ดีนะ”
“งั้นเดี๋ยวผมลองถามพี่เจี๊ยบดูก่อน” กันต์บอกคนตัวสูงด้านข้างแล้วหันหน้าไปมองหาพี่เจี๊ยบแล้วเดินตรงเข้าไปหาทันทีก่อนจะสะกิดเรียก “พี่เจี๊ยบครับ”
“ครับ?” พี่เจี๊ยบหันมามองอย่างรวดเร็ว
“รถออกแปดโมงใช่ไหมครับ”
“ใช่ครับ”
“งั้นเดี๋ยวผมกับพี่บุ๊คขอเดินไปหาอะไรกินก่อนนะครับ”
“แต่เดี๋ยวบนรถมีของกินให้นะ” พี่เจี๊ยบตอบกลับด้วยสีหน้าสงสัย
“พี่บุ๊คเขากลัวไม่อิ่มอะครับ” กันต์ตอบกลับพร้อมหัวเราะแหะๆ เพราะแอบเขินที่ต้องพูดออกไปแบบนั้น
แต่มันก็จริงนะ กับไอ้แค่ snack box เนี่ย มันจะมาเทียบกับอาหารมื้อหลักได้ยังไงกัน กินเข้าไปไม่ถึงชั่วโมงเดี๋ยวก็ได้หิวขึ้นมาอีกรอบอยู่ดี เพราะฉะนั้นหามื้อหลักกินไปก่อนดีกว่าแล้วบนรถค่อยกินของว่างแก้เหงาปากแทน
“อ่อ ตามใจๆ แต่อย่าไปไกลน้า เดี๋ยวจะได้กลับมาทัน”
“ได้ครับพี่เจี๊ยบ”
พอพูดจบกันต์ก็เดินกลับไปหาพี่บุ๊คแล้วพากันเดินออกไป พี่บุ๊ควิ่งนำไปก่อนเพราะไม่อยากจะตากแดดเยอะ พี่บุ๊คเป็นคนที่ผิวขาวมากแถมยังดูสุขภาพดีอีกต่างหาก ตอนแรกกันต์ก็แอบคิดว่าพี่บุ๊คคงมีตัวช่วยเป็นครีมบำรุงผิวหรือกินวิตามินบำรุงเยอะ แต่เคล็ดลับอีกอย่างที่แท้จริงอาจเป็นเพราะพี่เขาไม่ชอบโดนแดดด้วยมั้ง ซึ่งต่างกับกันต์โดยสิ้นเชิงเพราะรายนี้ชอบเดินตากแดดเป็นอย่างมาก แม้มีคนบอกว่าหากผิวขาวขึ้นอีกนิดจะหล่อกว่านี้แต่กันต์ก็รู้สึกรักในผิวสีแทนของเขาเป็นอย่างมาก สิ่งที่เขาก็มีเพียงบำรุงให้ผิวชุ่มชื้นและเรียบเนียนเท่านั้น ไม่เคยได้ใช้หรอกไอ้พวกครีมไวท์เทนนิ่งหรือวิตามินบำรุงผิวขาวน่ะ ที่กินก็มีแค่วิตามินซีเองมั้งซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ผิวขาวขึ้นสักเท่าไหร่หรอก
“พี่จะกินไรอะ” กันต์เอ่ยถามหลังจากที่เดินตามพี่บุ๊คมาจนถึงบริเวณตึกแถวริมถนนที่มาร้านค้าหลากหลายเปิดขายอาหารอยู่
“ขอดูก่อน อยากกินอะไรที่ไม่ต้องรอนาน”
“งั้นตัดร้านที่คนเยอะออกเลย” กันต์เสนอ
“ช่าย”
“ข้าวมันไก่ไหมพี่” กันต์ถามขณะเดินผ่านแล้วเห็นอาแปะเจ้าของร้านนั่งมองพวกเขาเดินผ่านหน้าร้านด้วยใบหน้าหงอย กันต์หันไปเห็นแล้วสงสารก็เลยเอ่ยถามพี่บุ๊คขึ้นมา
“แต่มันไม่มีลูกค้าเลยนะ” พี่บุ๊คหันมากระซิบข้างหูกันต์ด้วยเสียงเบาๆ
“แล้วไงอะพี่” กันต์ถามกลับอย่างสงสัย
“ก็แสดงว่ามันอาจจะไม่อร่อยไง”
“แต่ถ้าพี่เลือกเยอะก็จะไม่ทันเวลานะ ถ้าไม่ทันก็จะไม่ได้กินนะพี่”
“เออ กินก็กิน”
พอตัดสินใจกันได้ปั๊บ ทั้งสองคนก็พากันเดินเข้าไปในร้านทันที สีหน้าของอาแปะที่นั่งเหงาอยู่เปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างทันที เขารีบลุกเดินมาหาเด็กหนุ่มทั้งคู่แล้วเอ่ยถามออเดอร์ทันที
“กินไรดีเด็กๆ” อาแปะถามด้วยภาษาไทยสำเนียงแปล่ง
“เอาข้าวมันไก่สองจานครับ” พี่บุ๊คเอ่ยสั่ง
“เอาธรรมดาหรือพิเศษดี”
“ธรรมดาครับ”
“ได้ๆ รออั๊วแป๊บนะ” อาแปะยิ้มให้แล้วหันหลังเดินกลับไปที่หน้าเขียงแล้วเอื้อมมือไปหยิบไก่ที่แขวนไว้ในตู้ลงมาวางบนเขียงแล้วเอามีดสับลงไปจนเสียงดังปักๆ กันต์มองแบบนั้นแล้วก็เผลอยิ้มออกมาจนพี่บุ๊คเอ่ยทัก
“ยิ้มไร”
“เอ็นดูอาแปะอะ”
“ทำไมวะ”
“ก็ดูเขามีความสุขกับงานเขาน่าดูเลย ทำทุกอย่างแบบตั้งใจมากๆ ก็เลยคิดว่าถ้าเราทุกคนได้ทำอะไรที่ตัวเองมีความสุขก็คงจะดีเนอะ”
“อือ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เลือกทำในสิ่งที่เราอยากทำได้นี่เนอะ”
“จริงพี่”
กันต์กับบุ๊คคุยกันยังไม่ทันจบอาแปะก็เดินเอาข้าวมันไก่สองจานมาวางเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ ทั้งคู่บอกขอบคุณก่อนจะหันมาสนใจจานข้าวบนโต๊ะต่อ มือของกันต์เอื้อมไปหยิบโหลใส่น้ำจิ้มมาเปิดฝาออกแล้วตักน้ำจิ้มราดลงไปบนไก่ในจานของตัวเองก่อนจะยื่นกลับไปให้คนพี่ที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“อร่อยไหม” พี่บุ๊คเอ่ยถามเมื่อเห็นว่ากันต์ตักข้าวเข้าปากไปคำแรก
“อื้อ อร่อยดิ”
“จริงดิ?”
“จริงดิพี่ อร่อยจนสงสัยเลยว่าทำไมไม่มีลูกค้า” กันต์บอกแล้วมองไปรอบๆ ร้าน “อาจเพราะสภาพร้านมันดูเก่าก็ได้มั้งพี่”
“ก็จริง ตอนแรกพี่ก็ไม่คิดจะเข้าเหมือนกัน ร้านเก่าแถมยังไม่มีลูกค้าอีก”
“แต่มันอร่อยจริงนะพี่ ลองกินดู”
กันต์คะยั้นคะยอจนอีกฝ่ายหลุดหัวเราะออกมาเพราะอดเอ็นดูไม่ได้ เชียร์จนบุ๊คคิดว่ากันต์เป็นเซลล์ของร้านข้าวมันไก่ร้านนี้ไปเสียแล้ว บุ๊คเลยตัดสินใจลองตักข้าวมันไก่ในจานของตัวขึ้นชิมดูบ้างก่อนจะต้องตาโตเมื่อพบว่ารสชาติของข้าวมันไก่นั้นดีกว่าที่ตัวเองคาดคิดเอาไว้เยอะมากทีเดียว
ทั้งคู่ใช้เวลานั่งกินข้าวอยู่พักใหญ่รวมเวลานั่งคุยหลังจากที่กินข้าวกันเสร็จด้วย พอทั้งคู่ดื่มน้ำจากในแก้วจนหมดพี่บุ๊คก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูแล้วพบว่าใกล้เวลาแปดโมงเต็มทีก็เลยชวนกันต์ให้เดินกลับไปยังลานจอดรถก่อนที่จะถึงเวลาล้อหมุน
บุ๊คกับกันต์เดินกลับเข้ามาที่รถบัสก่อนจะพบว่ามีจำนวนสมาชิกจากทีมนักแสดงมายืนรอเพิ่มขึ้นจากตอนแรกเยอะทีเดียวรวมถึงพี่ภูมิด้วย กันต์กับบุ๊คยกมือไหว้ทุกคนเป็นการทักทายก่อนจะไปยืนหลบร่มใต้เงารถบัสเหมือนเดิม
8:00 น.
พอถึงเวลาล้อหมุนทุกคนก็ทยอยกันขึ้นไปนั่งบนรถ ต่างคนต่างก็ทยอยนั่งข้างกับคนที่สนิท ทีแรกกันต์ก็อยากจะนั่งข้างพี่บุ๊คแต่พี่ภูมิก็ดันมาดึงกันต์ไปนั่งด้วยเสียก่อน ทำเอาเขางงอยู่เหมือนกันว่าทำไมอยู่ดีๆ มาชวนเขาไปนั่งด้วย
“พี่ภูมิไม่นั่งกับน้องคนนั้นเหรอพี่ ที่เล่นคู่พี่อะ เขาชื่ออะไรละนะ” กันต์เอ่ยถามอย่างสงสัย
“อ๋อ ชื่อน้องซันๆ”
“เออ นั่นแหละ”
“น้องบอกอยากนั่งกับผู้จัดการอะ” พี่ภูมิบอกพลางถอดรองเท้าผ้าใบออก
“อ่อครับ” กันต์เอ่ยตอบก่อนจะหันไปมองหน้าพี่บุ๊คที่นั่งอยู่แถวถัดไปทางด้านหลัง พี่บุ๊คก็พยักหน้าให้เป็นสัญญาณบอกว่าให้นั่งไปเถอะไม่เป็นไร เขาก็เลยสบายใจขึ้นมานิดหน่อยก่อนจะเห็นว่ามีน้องคนหนึ่งที่ชื่อว่าก้องเดินไปนั่งลงที่เบาะว่างข้างพี่บุ๊ค กันต์จึงรู้สึกดีขึ้นหน่อยที่พี่บุ๊คจะได้ไม่ต้องนั่งเหงาไปตลอดทาง
ตลอดเส้นทางจากกรุงเทพไปยังอยุธยากันต์ไม่ได้เห็นเลยว่าสองข้างทางเป็นอย่างไรหรือว่าคนอื่นเขาเอ็นจอยและสนุกสนานกับอะไรบ้างเพราะเขาหลับไปตลอดทาง ก็มันต้องตื่นตั้งแต่เช้าเขาก็เลยไม่อาจทนต่อสู้กับความอ่อนเพลียได้จึงเผลอหลับไปตั้งแต่ที่รถเคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถได้ไม่นาน
กว่ากันต์จะรู้สึกตัวได้อีกทีก็ตอนที่มีคนสะกิดที่ตัวของเขา ร่างกายของเขาสะดุ้งขึ้นเล็กน้อยก่อนเปลือกตาจะเริ่มเปิดขึ้น ในตอนนั้นเองเขาถึงรู้สึกตัวว่ากำลังนอนซบอยู่ที่ไหล่ของพี่ภูมิจนหลายคนแอบเอามือถือมาถ่ายไว้เพราะจะเก็บไว้แซว
“โทษทีพี่” กันต์รีบยกหัวขึ้นตั้งตรงแล้วหันไปเอ่ยพูดกับพี่ภูมิ
“ไม่เป็นไรๆ พี่เข้าใจ” พี่ภูมิหัวเราะเบาๆ แล้วเอ่ยบอก
กันต์หันมองไปรอบๆ เห็นทุกคนหัวเราะคิกคักกันก็ได้แต่เขินอายเพราะไม่รู้ว่าจะแก้ตัวยังไง โชคดีที่รถบัสมาถึงสถานที่ปลายทางแล้วก็เลยมีเวลาให้เขาอายเพียงไม่นานเพราะทุกคนก็หันไปสนใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากกว่า
รถบัสขับเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของวัด ทุกคนก็เลยเตรียมตัวที่จะลงไปข้างล่าง กันต์หยิบเอาสเปรย์กันแดดออกมาฉีดทั่วทั้งแขนและคอด้านหลัง พอพี่ภูมิเห็นก็ขอให้กันต์ฉีดให้บ้าง เท่านั้นแหละทุกคนก็เลยเดินเรียงคิวมาหาและขอฉีดสเปรย์กันแดดกันหมดยกเว้นก็แต่พี่บุ๊คนั่นแหละที่ไม่ยอมเดินเข้ามาฉีดกันแดด ทั้งๆ ที่ตัวเองก็เป็นคนกลัวแดดเป็นอย่างมาก แล้วการมาวัดที่อยู่กลางแจ้งแดดจัดขนาดนี้แต่ไม่ยอมมาฉีดกันแดดมันก็น่าแปลกอยู่เหมือนกัน
“ไม่ฉีดกันแดดเหรอพี่” กันต์เอ่ยถามพลางชูกันแดดให้ดู
“อ่อ พี่ทาแล้ว ก้องทาให้อะ”
“อ่อ ครับ” กันต์บอกพลางหันไปมองน้องก้องที่นั่งอยู่ด้านข้างพี่บุ๊ค
รอยยิ้มของน้องก้องมันดูสดใสเหลือเกิน สดใสจนน่าประหลาดใจ ไม่รู้ว่าแอบแฝงอะไรไว้หรือเปล่า กันต์คิดแบบนั้นขึ้นมาในแวบแรกก่อนจะรีบสะบัดหัวเพื่อเปลี่ยนความคิด เขาไม่อยากคิดไม่ดีกับคนที่เพิ่งจะได้รู้จักกัน ไม่อยากตัดสินใครง่ายๆ ทั้งที่ยังไม่ได้ทำความรู้จักกันแบบจริงจัง
พี่เจี๊ยบที่ลงไปยืนรอด้านล่างเรียกรวมนักแสดงทุกคนให้ยืนรวมกันไว้เป็นกลุ่มใหญ่ก่อนจะเดินไปเอาธูปเทียนดอกไม้มาให้ทุกคนแล้วต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไปไหว้จากนั้นก็หามุมถ่ายรูปกันตามอำเภอใจ ซึ่งวันนี้เป็นวันธรรมดาคนก็เลยไม่ค่อยเยอะสักเท่าไหร่
ระหว่างนั้นกันต์เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ก็บังเอิญไปเห็นโมเมนต์ชวนจิ้นขึ้นมาเมื่อแอบไปเห็นพี่ภูมิและน้องซันกำลังยืนหลบแดดอยู่ที่ใต้ต้นไม้ คนพี่หยิบทิชชูออกมาซับให้อีกฝ่ายส่วนคนน้องก็ยืนนิ่งให้คนพี่ยืนซับเหงื่อให้แบบนิ่งเฉย ไอ้ตอนแรกที่ขึ้นรถมาก็คิดว่าไม่สนิทกันเสียอีกแต่พอมาเจอแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่ามันมีอะไรในกอไผ่หรือเปล่าเพราะว่ามันมีเคมีบางอย่างที่ทำให้อดคิดไม่ได้จริงๆ
“มายืนทำไรตรงนี้” พี่บุ๊คเดินเข้ามาจากด้านหลังแล้วเอ่ยทักเสียงเบา
“เชี่ย!” กันต์สะดุ้งแล้วเผลออุทานคำหยาบออกไปก็เลยทำให้พี่บุ๊คถึงกับหัวเราะออกมา
“ต้องด่ากันเลยเหรอ” พี่บุ๊คเอ่ยแซว
“เปล่าพี่ ผมตกใจเฉยๆ”
“สรุปมายืนทำอะไรตรงนี้”
“มาเดินถ่ายรูปอะพี่ พอดีเห็นคนสวีทกันเลยแอบดู”
“ทะลึ่งจริงๆ เลยแก”
“ทะลึ่งตรงไหน แค่บังเอิญเดินมาเห็นเฉยๆ เหอะ” กันต์แก้ตัวแล้วหันกลับไปมองที่พี่ภูมิกับน้องซันที่กำลังดื่มน้ำจากหลอดเดียวกัน
“ใครอะ” พี่บุ๊คเอ่ยถามหลังจากพยายามที่ชะเง้อหน้ามองตามคนน้องที่ยืนอยู่ด้านหน้า
“ก็พี่ภูมิกับน้องซันไง”
“อ้าวเหรอ เขาทำอะไรกันอะ” พี่บุ๊คถามต่อ
“ก็เช็ดเหงื่อ กินน้ำด้วยกัน”
“ฮะ? แล้วมันดูสวีทยังไง” พี่บุ๊คยังคงไม่เข้าใจว่ากันต์มายืนส่องอะไร หรือมันมีอไรให้น่าแอบดู
“โหพี่บุ๊คอะ แสดงว่าพี่ไม่ได้มีเลือดวายอยู่ในตัวสินะ พี่ไม่เห็นเหรอเขาดูแลกันเกินไปไหมอะ มันดูสนิทเกินเพื่อนร่วมงานปะ” กันต์พยายามเล่าด้วยอารมณ์ที่ตื่นเต้นเต็มที่
“มโนแล้วแกอะ อย่าไปคิดเยอะ”
“ช็อตฟีลมาก”
“ก็จริงไหมล่ะ แกคิดเองเออเองหมดเลยเนี่ย เห็นแค่ภาพอย่างเดียวก็คิดไปเสียไกล บางทีสิ่งที่แกเห็นอาจจะไม่ได้เป็นแบบที่แกคิดก็ได้ อย่าเพิ่งตัดสินอะไรไปเองว่าจะเป็นอย่างที่เราเห็น”
“โอเคจบ” กันต์ถอนหายใจแล้วหันไปมองพี่บุ๊คที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“ไปเหอะ ไม่ร้อนหรือไง”
“ก็ร้อนอยู่”
“กลับรถไหม ไปนั่งตากแอร์ดีกว่า” พี่บุ๊คเอ่ยชวน ซึ่งกันต์ก็เห็นด้วยก็เลยพากันเดินกลับไปที่รถ
สองขาของทั้งสองคนก้าวเดินออกจากใต้ต้นไม้ที่อยู่บริเวณศาลาที่ภูมิกับซันนั่งพักอยู่ แสงแดดยามสายยิ่งร้อนมากขึ้นกว่าตอนเช้าที่พวกเขาได้เจอมา ยิ่งเป็นต่างจังหวัดแบบนี้ด้วยยิ่งทำให้รู้สึกว่าอากาศมันร้อนแบบทวีคูณ พี่บุ๊คที่เดินอยู่ข้างกันต์ก็เลยถอดเสื้อเชิ้ตของตัวเองออกมาแล้วชูขึ้นสูงพลางขยับเข้าไปใกล้กันต์ให้มากขึ้นเพื่อให้เงาเสื้อบังแดดให้กับกันต์ด้วย ทำเอาคนตัวเล็กกว่าที่เดินอยู่ด้านข้างหันมามองด้วยสายตางุนงง ยังไม่เข้าใจการกระทำของคนข้างๆ ว่าคืออะไร แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือหัวใจของเขาที่อยู่ๆ มันก็เต้นแรงขึ้นมาแบบที่ยับยั้งไม่ได้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้รู้สึกแบบนี้ แต่พอมาเจอโมเมนท์นี้ก็ทำให้กันต์รู้สึกบางอย่างขึ้นมากับพี่บุ๊คทันที อาจเพราะความอบอุ่นหรือความเอาใจใส่ดูแลที่พี่บุ๊คมอบให้กันต์ ก็เลยทำให้หัวใจที่เคยแห้งแล้งของเขาเกิดอาการเต้นแรงขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“เป็นไร ทำไมหูแดง” พี่บุ๊คเอ่ยถามขึ้นระหว่างที่กำลังเดินกลับรถ
“ก็... อากาศมันร้อนไงพี่”
“อ่อ... งั้นก็รีบเดิน”
“ได้พี่”
กรี๊ดดดด วู้วววววว~!
อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงหวีดร้องขึ้นมา กันต์ก็เลยเงยหน้ามองจึงได้เห็นว่ามีพี่ทีมงานและกลุ่มเพื่อนยืนมองพวกเขาอยู่แล้วยิ้มแป้นพลางยกมือถือขึ้นมาถ่ายกันใหญ่ ทำเอากันต์เขินไม่ไหว เขาหันไปมองหน้าพี่บุ๊คก่อนจะเห็นว่าพี่บุ๊คก็ยิ้มให้ เขาก็เลยไม่รู้จะทำยังไงเพราะมันเขินจนแทบจะทนไม่ไหว เลยตัดสินใจวิ่งออกจากใต้เงาเสื้อเชิ้ตของคนข้างๆ แล้วฝ่าแสงแดดที่แรงจ้าหนีขึ้นรถบัสไปท่ามกลางเสียง แซวจากบรรดาเพื่อนฝูงที่ดังโหวกเหวกอยู่ที่ด้านล่างรถบัส