วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ

วายบันเทิง - บทที่ 4 สังสรรค์หรือสงคราม โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น,วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วายบันเทิง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ

รายละเอียด

วายบันเทิง โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ

ผู้แต่ง

Run_Kantheephop

เรื่องย่อ

วายบันเทิง

The Gossip of BL

Run_Kantheephop

เรื่องแต่ง 99%  อีก 1% คือเค้าโครงจากเรื่องจริง

ขออนุญาตแก้ไขวันและเวลาในการอัพนิยายนะครับ เนื่องจากช่วงนี้มีภารกิจจากหน้าที่การงานเข้ามาจึงทำให้เขียนนิยายได้น้อยลงกว่าเดิม จากนี้ไปจะขออัพนิยายเพียงแค่สัปดาห์ละ 1 ตอนนะครับ (ทุกวันเสาร์ เวลา 18:00 น.)

ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามครับ

********************************************************************************

มีทั้งหมด 5 เล่ม

E-Book วางจำหน่ายแล้ว บน MEB

สารบัญ

วายบันเทิง-Intro บทนำ,วายบันเทิง-บทที่ 1 เด็กบ้านนอกคนหนึ่ง,วายบันเทิง-บทที่ 2 ผลลัพธ์ที่ดี,วายบันเทิง-บทที่ 3 ทริปมิตรสัมพันธ์,วายบันเทิง-บทที่ 4 สังสรรค์หรือสงคราม,วายบันเทิง-บทที่ 5 ยังไงกันแน่,วายบันเทิง-บทที่ 6 แต่ความจริงคือ...,วายบันเทิง-บทที่ 7 ระมัดระวัง,วายบันเทิง-บทที่ 8 ข่าวลือ,วายบันเทิง-บทที่ 9 มันจริงมั้ย?,วายบันเทิง-บทที่ 10 คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ,วายบันเทิง-บทที่ 11 เคลียร์ใจ,วายบันเทิง-บทที่ 12 มีซัมติงไหม?,วายบันเทิง-บทที่ 13 นี่ว่าใช่ ไม่ได้มโน,วายบันเทิง-บทที่ 14 โดนกับตัว,วายบันเทิง-บทที่ 15 ไม่พอใจ,วายบันเทิง-บทที่ 16 ต้องเลือก,วายบันเทิง-บทที่ 17 เมามาย 1,วายบันเทิง-บทที่ 18 เมามาย 2,วายบันเทิง-บทที่ 19 ทำไมทำงี้!?,วายบันเทิง-บทที่ 20 โอกาสเดียว,วายบันเทิง-บทที่ 21 หมดความอดทน,วายบันเทิง-บทที่ 22 ไม่จบไม่สิ้น,วายบันเทิง-บทที่ 23 โดนปลด,วายบันเทิง-บทที่ 24 เกาะกระแส,วายบันเทิง-บทที่ 25 ข่าวล่ามาไว,วายบันเทิง-บทที่ 26 เพื่อนใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 27 งงไปหมด,วายบันเทิง-บทที่ 28 คนใหม่?,วายบันเทิง-บทที่ 29 มันเอาอีกละ,วายบันเทิง-บทที่ 30 สามหนุ่มเปิดใจ,วายบันเทิง-บทที่ 31 ก้าวใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 32 คลาสแอคติง,วายบันเทิง-บทที่ 33 ไปแคสติงกัน,วายบันเทิง-บทที่ 34 ช่วยมาคุมความประพฤติอีสันดานนี่ที,วายบันเทิง-บทที่ 35 ข่าวเก่าเล่าใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 36 ไม่เป็นไร,วายบันเทิง-บทที่ 37 รียูเนียน?,วายบันเทิง-บทที่ 38 เลิฟซีนเป็นเหตุ,วายบันเทิง-บทที่ 39 นั่นปากเหรอ!?,วายบันเทิง-บทที่ 40 เอาแล้วหัวใจ,วายบันเทิง-บทที่ 41 ระยะปลอดภัย,วายบันเทิง-บทที่ 42 เรื่องของฮัน,วายบันเทิง-บทที่ 43 หัวใจเจ้ากรรม หวั่นไหวง่ายจัง,วายบันเทิง-บทที่ 44 แค่พี่น้อง?,วายบันเทิง-บทที่ 45 ไปเชียงใหม่กันไหม,วายบันเทิง-บทที่ 46 เริ่มเลย,วายบันเทิง-บทที่ 47 เริ่มเลย 2,วายบันเทิง-บทที่ 48 ยินดีต้อนรับ,วายบันเทิง-บทที่ 49 ม่อนแจ่ม,วายบันเทิง-บทที่ 50 ไปขึ้นเขากัน,วายบันเทิง-บทที่ 51 กิ่วแม่ปาน,วายบันเทิง-บทที่ 52 เบื่อจริงๆ ไอ้พวกปากแข็ง,วายบันเทิง-บทที่ 53 ขอสักหน่อย หายไปหลายคืน,วายบันเทิง-บทที่ 54 กลับไป ไม่กลับใจ,วายบันเทิง-บทที่ 55 ความพยายาม,วายบันเทิง-บทที่ 56 อดีตช่วยย้ำเตือน,วายบันเทิง-บทที่ 57 เริ่มต้นเปิดใจ,วายบันเทิง-บทที่ 58 บททดสอบ,วายบันเทิง-บทที่ 59 ความลับที่ฉันซ่อนไว้,วายบันเทิง-ตอนที่ 60 ตอนจบที่มีความสุข

เนื้อหา

บทที่ 4 สังสรรค์หรือสงคราม

หลังจากที่ทุกคนกลับมาจากทริปไหว้พระทำบุญที่อยุธยามาก็ทำให้สนิทกันมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะกันต์กับพี่บุ๊คที่ดูเหมือนว่าจะเริ่มคุยกันทุกวันตั้งแต่ที่กลับมา ทั้งคู่สนิทกันมากขึ้นแบบผิดหูผิดตา พวกเขามักจะชวนกันออกไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย แถมยังคุยกันทุกเรื่องอีกด้วย กันต์ก็แปลกใจอยู่เหมือนกันเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะมาสนิทกับคนแบบพี่บุ๊ค ก่อนหน้านี้ยังเคยแอบรู้สึกว่าคนๆ นี้ไม่น่าคบไม่อยากรู้จักอยู่เลย ด้วยใบหน้าตึงตลอดเวลาดูเข้าถึงยากแต่พอได้คุยได้รู้จักกันแล้วกลับกลายเป็นว่าทุกอย่างตรงกันข้ามทั้งหมด

ครืดดด ครืดดด~~

เสียงโทรศัพท์มือถือของกันต์สั่นดังขึ้นในระหว่างที่เขากำลังนั่งอ่านหนังสือนิยายอยู่ที่บ้าน เขาสะดุ้งขึ้นเล็กน้อยเพราะกำลังเพลิดเพลินอยู่ท่ามกลางความเงียบ เขาคว้าเอามือถือขึ้นมาดูที่หน้าจอ ซึ่งโชว์รายชื่อที่เขาเพิ่งบันทึกเอาไว้เมื่อไม่นานมานี้เป็นชื่อของนักแสดงที่เขาชื่นชอบมากเป็นพิเศษ

 

พี่ภูมิ~

“ฮัลโหลครับ” กันต์รีบกดรับสายทันทีหลังจากเห็นชื่อนั้น

(ฮัลโหลกันต์)

“ครับพี่”

(อยู่ไหนน้อง)

“อยู่บ้านครับ”

(ไปกินข้าวกันไหม)

“หื้ม? พี่ภูมิชวนผมไปกินข้าวเหรอครับ”

(ก็เออดิ)

“มีอะไรปะเนี่ย”

(มีเรื่องจะคุยด้วย)

“อ่อ ได้พี่ ที่ไหนอะ”

(โคเรียนทาวน์ ร้านอยู่ชั้นสอง) 

“เคครับ เจอกันพี่”

 

กันต์กดวางสายด้วยความรู้สึกงุนงงอยู่เล็กน้อยที่อยู่ๆ พี่ภูมิก็โทรมาหาแล้วชวนออกไปข้างนอก เพราะหากจะบอกว่าสนิทกันมากขึ้นแล้วก็ใช่ แต่ก็ไม่ได้ขนาดที่จะไปไหนมาไหนด้วยกันขนาดนั้น จึงเป็นเรื่องที่แปลกใจพอสมควรที่เขาได้รับคำเชิญเมื่อครู่

เขาวางหนังสือนิยายที่กำลังอ่านลงที่โซฟาแล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวทันที จากทีแรกที่เขาคิดเอาไว้ว่าจะอาบน้ำทีเดียวตอนเย็นเพราะไม่ได้มีแพลนออกไปไหนก็เลยต้องเปลี่ยนแพลนกะทันหันเพราะพี่ภูมิโทรมาชวน เขาถอดเสื้อผ้าทิ้งไปกองที่พื้นแล้วเดินเปลือยกายเข้าห้องน้ำไปด้วยความเคยชินเพราะช่วงนี้เขาอยู่คนเดียวตลอดอยู่แล้วเพราะคิมเพิ่งได้งานพาร์ทไทม์จึงไม่ค่อยได้อยู่ที่คอนโดด้วยกันเหมือนช่วงแรกๆ

ฝั่งพี่ภูมิเองหลังจากที่วางสายจากที่โทรหากันต์ก็ลุกเดินไปอาบน้ำเหมือนกันเพราะเพิ่งออกกำลังกายที่ฟิตเนสเสร็จไป เม็ดเหงื่อท่วมกายจนเสื้อเปียกไปหมด เขาถอดออกเมื่อเดินเข้ามาถึงยังบริเวณล็อกเกอร์ที่อยู่ด้านหน้าห้องอาบน้ำ จากนั้นก็ยืนส่องกระจกเพื่อชื่นชมกล้ามเนื้อบนร่างกายที่ตัวเองที่อดทนฟิตหุ่นมาอย่างหนักเป็นเวลาหลายเดือน การได้เห็นผลลัพธ์ที่ดีแบบนี้ก็ทำให้หายเหนื่อยไปได้มากเหมือนกัน เขาหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปอยู่พักหนึ่งแล้วอัปลงในไอจีก่อนจะคว้าผ้าขนหนูมาพันรอบเอวแล้วถอดกางเกงออกจากนั้นก็เดินเข้าห้องอาบน้ำไป

            พอเข้าไปในห้องอาบน้ำเขาก็ถอดผ้าขนหนูแล้วพาดไว้บนที่แขวนผ้าที่ติดอยู่กับผนังห้องอาบน้ำแล้วยื่นมือไปหมุนเปิดฝักบัว สายน้ำไหลออกมารดลงบนตัวของเขาจนเปียกชุ่ม เขาก้มหัวเข้าไปให้เปียกน้ำแล้วยกมือขึ้นขยี้เบาๆ สองสามทีแล้วเอื้อมไปหยิบเอาแชมพูมาบีบลงบนมือก่อนจะชโลมลงบนเส้นผมแล้วขยี้จนทั่ว จากนั้นเขาก็ล้างแชมพูที่มีฟองอยู่เต็มหัวออกจนหมด

            ระหว่างนั้นเขาก็พยายามจะหมุนตัวเพื่อล้างแชมพูที่ติดอยู่ตามตัวออก แต่ในระหว่างที่เขาหมุนตัวไปมาอยู่นั้นเอง สายตาของเขาก็เผลอมองไปยังประตูห้องอาบน้ำแล้วพบว่ามีสายตาหนึ่งมองเข้ามาจากด้านนอก แวบแรกเขาตกใจมากที่มีคนแอบดูเขาตอนอาบน้ำแต่เขาก็พยายามที่จะตั้งสติให้ดีเพื่อที่จะได้รับมือได้ถูก ในช่วงเวลาที่เขากำลังตั้งสติอยู่นั้น อีกฝ่ายที่แอบมองจากด้านนอกก็พยายามจะผลักประตูเข้ามา ภูมิตกใจมากแต่ก็ทำใจดีสู้เสือยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าคนนั้นโดยที่ไม่พูดอะไรแล้วชี้นิ้วเป็นสัญญาณว่าให้ออกไปจากตรงนี้ ซึ่งโชคดีที่อีกฝ่ายก็คงจะกลัวเลยเดินออกไปทันที

ภูมิจึงรีบอาบน้ำแล้วออกจากห้องอาบน้ำแล้วรีบแต่งตัวทันทีก่อนจะออกไปบอกเจ้าหน้าที่ตรงเคาท์เตอร์ด้านหน้าฟิตเนสว่ามีคนโรคจิตมาแอบดูตอนอาบน้ำ คำตอบที่ได้กลับมานั่นก็คือ มีคนมาแจ้งบ่อยมากแต่ทางเขาก็ทำอะไรไม่ได้มากนักเพราะอีกฝ่ายก็เป็นลูกค้าของฟิตเนสเหมือนกัน พอภูมิได้ยินแบบนั้นก็อารมณ์เสียเล็กน้อยแต่ก็ไม่อยากจะมีเรื่องเลยรีบเดินออกจากที่นั่นทันทีเขาตรงไปยังลานจอดรถเหวี่ยงกระเป๋าใบโตที่ใส่รองเท้าผ้าใบกับเสื้อผ้าที่เปียกเหงื่อไว้ด้านหลังรถก่อนจะเดินไปเปิดประตูฝั่งคนขับแล้วเดินขึ้นไป จากนั้นก็ออกรถเพื่อตรงไปยังสถานที่นัดหมายทันที

ส่วนกันต์ก็รีบแต่งตัวหลังจากที่อาบน้ำออกมาเสร็จ ทีแรกเขาก็ว่าจะแต่งตัวให้หล่อกว่าปกติสักหน่อยแต่พอมานั่งคิดๆ ดูแล้วว่าถ้าไปนั่งกินพวกอาหารเกาหลีจิบโซจูแล้วนั่งเมาท์มอยอยู่แต่ในร้านก็คงไม่ต้องดูอะไรมาก ขอเป็นเสื้อผ้าที่ใส่สบายเวลากินเยอะแล้วไม่อึดอัดก็แล้วกัน หลังจากนั้นเขาก็หยิบมือถือมาเปิด  แอพลิเคชันเรียกรถแท็กซี่ในทันที

“ไปโคเรียนทาวน์ครับ” กันต์เอ่ยบอกหลังจากก้าวขึ้นมานั่งบนแท็กซี่

“ครับผม” พอคนขับรถขานรับเขาก็รีบขับออกไปทันที

ช่วงเวลาเลิกงานแบบนี้ก็เลยทำให้รถราบนท้องถนนดูแน่นขนัดไปเสียหน่อย จากที่คิดว่าจะไปถึงได้ตามเวลากำหนดก็อาจจะต้องมีเลทกันบ้าง ยิ่งถนนย่านสุขุมวิทในเวลาแบบนี้รับรองได้ว่ามันคาดเดาอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย บางวันรถอาจจะไหลไปได้เรื่อยๆ แต่บางวันก็ติดเป็นชั่วโมงโดยที่รถแทบไม่ได้ขยับไปไหนเลยก็มี ซึ่งก็ทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้นอกเสียจากว่านั่งทำใจอยู่ในรถ เพราะไม่ว่าจะนายกฯ หรือผู้ว่าฯ คนไหนขึ้นมารับตำแหน่งก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการจราจรและรถติดได้แม้แต่คนเดียว แต่ก็พยายามจะเข้าใจเพราะมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะแก้ไขยาก รถยนต์เพิ่มจำนวนขึ้นทุกปีแต่พื้นที่ถนนยังคงเท่าเดิม จะไม่ให้รถติดก็คงจะแปลกไปสักหน่อย

กันต์หยิบหูฟังออกมาเชื่อมต่อกับมือถือแอนดรอยด์ของตัวเอง แม้จะมีเพื่อนหลายคนบอกให้เขาเปลี่ยนไปใช้โทรศัพท์อีกระบบปฏิบัติการหนึ่งเพราะมันดีกว่ามาก แต่เขาก็รู้สึกว่าสิ่งที่เขาใช้อยู่มันก็ไม่ได้น่าเกลียดตรงไหน อาจจะมีช้าบ้าง ค้างบ้างแต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องเปลี่ยนใหม่เพราะมันยังคงใช้ได้อยู่ อีกอย่างแอนดรอยด์ก็ราคากำลังดีไม่ได้แพงจนเกินไปเหมาะกับคนที่ใช้ของไม่ระมัดระวังแบบเขา

เสียงเพลงในหูฟังดังขึ้นหลังจากที่เขากดเลือกเพลงโปรดของเขา ช่วงนี้เขามักจะฟังเพลงป๊อปที่ฮิตติดชาร์ตอยู่บ่อยๆ แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเป็นสายเพลงอินดี้ก็ตาม ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน อยู่ๆ เพลงป๊อปพวกนี้ก็สามารถดึงความสนใจของเขาขึ้นมาได้มากทีเดียว ซึ่งมันก็ทำให้ช่วงเวลารถติดบนถนนที่น่ารำคาญแบบนี้ดูสนุกสนานและเพลิดเพลินขึ้นมาได้บ้าง

สายตาของกันต์มองไปตามข้างถนนระหว่างที่รถติด ทำให้เขาได้เรียนรู้ว่าชีวิตนั้นมีความหลากหลายมากขนาดไหน โดยเฉพาะในย่านที่ธุรกิจเติบโตขนาดนี้ยิ่งทำให้เห็นว่าผู้คนมีหลายชนชั้นและหลายเชื้อชาติมากทีเดียว มีตั้งแต่นักธุรกิจไปจนถึงผู้คนระดับรากหญ้าที่เดินสวนกันไปมา มีทั้งคนที่มีความสุขและพยายามที่จะมีความสุข แต่ละคนต่างดิ้นรนสู้ชีวิตเพื่อให้มีโอกาสรอดชีวิตไปในแต่ละวัน ลำพังคนที่อยู่ระดับบนอาจไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนในเรื่องแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่ชนชั้นรากหญ้านี่สิที่ดูจะต้องต่อสู้และอดทนกับเรื่องพวกนี้มากเป็นพิเศษ ชนิดที่ไม่มีใครมาช่วยเหลือด้วยเพราะต่างก็มองข้ามกันไปหมด กันต์เห็นอะไรแบบนี้มาเยอะมาก ยิ่งเวลารถติดแบบนี้ยิ่งทำให้เขาได้เห็นอะไรที่มันชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ปริ๊นนน!

เสียงบีบแตรดังลั่นจากรถคันหนึ่งที่สวนมาเพราะมีมอเตอร์ไซค์ขับพุ่งออกมาจากซอยที่อยู่ข้างโคเรียนทาวน์ทำเอากันต์ที่กำลังเพลิดเพลินกับเพลงในหูฟังต้องสะดุ้งขึ้นเพราะเสียงแตรนั้นมันพุ่งทะลุผ่านหูฟังเข้ามาพร้อมกับที่รถแท็กซี่ที่กำลังโดยสารอยู่เบรกแรงจนหัวเกือบคะมำ เขาหันไปมองพลางกดหยุดเพลงจึงได้ยินเสียงตะโกนด่าของคนขับรถแท็กซี่ดังขึ้นมา

‘ขับแบบนี้ไงมันถึงจะไม่ได้ตายดีน่ะ พอคนเขาชนขึ้นมาเขาก็ผิดอีก’

ซึ่งกันต์ก็แอบก็เห็นด้วยนะ แต่ว่ามันก็แค่นั้นไม่ใช่เรื่องอะไรของเขาที่จะต้องไปสนใจมากนัก คนขับแท็กซี่ตบไฟเลี้ยวซ้ายดังต๊อกแต๊กก่อนจะเบนรถเข้าไปจอดที่ริมฟุตบาท เขาจ่ายค่ารถแล้วก้าวลงจากรถไปอย่างรวดเร็วเพราะมันจอดนานมากไม่ได้ ถ้ามัวแต่ลำไยอยู่จะโดนคันหลังบีบแตรด่าเอา

สองขาของกันต์ก้าวตรงไปยังร้านที่พี่ภูมิได้นัดหมายเอาไว้ เป็นร้านไก่ทอดสไตล์เกาหลีร้านประจำที่พี่เขามาบ่อยๆ มันอยู่เกือบมุมในสุดของโคเรียนทาวน์ เมื่อไปถึงผมก็เปิดประตูร้านเข้าไปทันที มีพนักงานร้านเป็นคุณป้าสาวสวยคนหนึ่งเอ่ยทักทายแล้วถามว่ามากันกี่คนซึ่งกันต์ก็ตอบไปว่ามีเพื่อนมาแล้วแต่สายตาของเขามองไปทั่วร้านก็ไม่เห็นว่าจะมีลูกค้าสักโต๊ะจนกระทั่งคุณป้าบอกกลับมาว่าอยู่ชั้นสองค่ะ เขาจึงเดินขึ้นบันไดที่อยู่ทางขวามือไป

“หวัดดีพี่” กันต์เอ่ยทักทายพร้อมยกมือขึ้นสวัสดีเมื่อเดินขึ้นมายังชั้นสองแล้วพบว่ามีพี่ภูมินั่งอยู่ที่โต๊ะใหญ่ที่สุดซึ่งมีอยู่เพียงโต๊ะเดียวบนนั้น

“เอ้า! มานั่งๆๆ” พี่ภูมิเอ่ยบอกแล้วกวักมือเรียก

“มาถึงนานยังพี่”

“เพิ่งถึงเหมือนกัน” พี่ภูมิตอบก่อนจะหันไปมองหาพนักงานร้าน พอเห็นเด็กหนุ่มที่สวมผ้ากันเปื้อนมีตราโลโก้ร้านแปะอยู่ก็เลยยกมือเรียก “น้องครับ ขอเมนูหน่อยครับ”

จากนั้นพนักงานร้านก็หันไปหยิบเมนูแล้วมายื่นให้ก่อนจะยืนรออยู่ข้างโต๊ะเพื่อเตรียมจดรายชื่ออาหารที่ลูกค้ากำลังจะสั่ง ไม่นานพี่ภูมิก็สั่งอาหารแบบที่ดูก็รู้ว่ามาบ่อยเพราะเขาแค่พลิกหน้าเมนูไปมาไม่กี่ครั้งก็สั่งรัวๆ แบบที่กันต์ยังไม่ทันได้รู้เลยไอ้ชื่อเมนูที่อีกฝ่ายสั่งไปหน้าตาเป็นยังไงนอกเสียไก่ทอดเกาหลีที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี

“เอาไรเพิ่มไหม” พี่ภูมิหันมาถามกันต์

“เอาเท่านี้ก่อนก็ได้พี่ ไม่พอค่อยสั่งใหม่”

“โอเค”

“เครื่องดื่มรับอะไรดีครับ” พนักงานร้านเอ่ยถามต่อ

“โซจูครับ” พี่ภูมิเอ่ยสั่ง “น้องกันต์จะกินด้วยกันไหม”

“ได้พี่ สั่งเลยๆ”

“โซจูสองขวดครับ”

“ได้ครับ” พนักงานร้านรับคำแล้วจดเพิ่มลงไปในสมุดก่อนจะทวนเมนูที่พี่ภูมิสั่งอีกรอบ จากนั้นก็หันหลังเดินลงไปยังชั้นล่าง

ระหว่างนั้นกันต์กับภูมิก็นั่งคุยกันเรื่อยเปื่อยเพื่อรออาหารที่สั่งไป ทีแรกก็คุยกันเรื่องสัพเพเหระที่เป็นเรื่องส่วนตัวแต่อยู่ๆ พี่ภูมิก็วกมาถามเรื่องน้องซันเสียอย่างนั้นทำเอากันต์แอบงงไปเหมือนกันแต่ก็พอจะเดาได้ว่าเป้าหมายของการไถ่ถามในครั้งนี้คืออะไร

ตามสไตล์คนขี้ชิปอะเนอะ...

“กันต์ คิดว่าน้องซันเป็นคนยังไงอะ” พี่ภูมิเอ่ยถามขึ้น

“ก็น่ารักดีนะพี่ ทำไมเหรอ”

“เปล่า... ไม่มีไรๆ”

“แหนะ!” กันต์ชี้นิ้วไปที่พี่ภูมิพลางเอ่ยแซว

“อะไรรรรรร” พี่ภูมิเสียงเปลี่ยนทันทีเมื่อกำลังรู้สึกว่าถูกอีกฝ่ายจับโป๊ะได้

“ยังไงๆๆๆ”

“ไม่มีอะไร พี่ก็ว่าน้องมันน่ารักดี”

“อ่ออออออออ” กันต์ลากเสียงยาวแล้วเหล่ตามองอย่างมีเลศนัย

“ก็นั่นแหละ กินเหล้าดีกว่า” พี่ภูมิรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีเพราะดูเหมือนว่าจะทนต่อความเขินของตัวเองไม่ไหว เขารีบหันไปหยิบขวดโซจูที่พนักงานเพิ่งเอามาเสิร์ฟมาเปิดทันทีแล้วเทลงแก้วใบเล็กทั้งสองใบแล้วยื่นมาให้กันต์แก้วหนึ่ง

อ่า!!!

ทั้งคู่ส่งเสียงออกมาหลังจากที่กระดกโซจูลงคอ จากนั้นทั้งคู่ก็หันมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมาพลางเริ่มกินอาหารที่ทยอยมาเสิร์ฟบนโต๊ะ เพียงไม่นานโซจูบนโต๊ะที่พี่ภูมิสั่งมาสองขวดก็หมดลงไปอย่างรวดเร็ว เท่ากับว่าตอนนี้ทั้งพี่ภูมิและกันต์ต่างก็กินไปคนละขวดแล้ว อาการกรึ่มเริ่มปรากฏให้เห็น พี่ภูมิใบหน้าเริ่มส่งสีแดงออกมาส่วนกันต์ก็ตาเยิ้มขึ้นนิดหน่อย แต่เพราะว่ายังไม่มีใครอยากจะกลับและพี่ภูมิก็อยากจะปรึกษาเรื่องน้องซันต่อ แต่คนไร้ประสบการณ์ความรักอย่างกันต์ก็ให้คำตอบอะไรไม่ได้มากก็เลยไม่ค่อยช่วยอะไรสักเท่าไหร่

“เหงาว่ะ” พี่ภูมิบ่นขึ้นมาระหว่างนั้น

“หื้ม?”

“ก็นั่งกินกันอยู่สองคนมันเหงาอะดิ”

“ชวนใครมาเพิ่มไหมล่ะพี่” กันต์เสนอ

“เอาดิ”

“งั้นชวนพี่บุ๊คไหมครับ”

“เออๆ ชวนเลยๆ” พี่ภูมิเอ่ยบอกก่อนจะหยิบโซจูขวดใหม่ที่เพิ่งสั่งมา เทใส่แก้วแล้วยกขึ้นดื่มอีกครั้ง

กันต์เลยหยิบมือถือขึ้นแล้วเปิดแอพลิเคชันไลน์เพื่อหารายชื่อของพี่บุ๊ค เขากดโทรออกก่อนจะรอสายอยู่พักใหญ่จนเขาเกือบจะวางสายอยู่แล้วปลายสายถึงจะกดรับ

“ฮัลโหลพี่”

(ว่าไงน้อง) พี่บุ๊คเอ่ยตอบหลังจากรับสายด้วยน้ำเสียงหอบ

“อยู่ไหนพี่”

(เพิ่งฟิตเนสเสร็จอะ)

“โห ขยันจัด”

(ละโทรมามีไร)

“มากินข้าวกันไหม”

(ที่ไหน)

“โคเรียนทาวน์ ร้านไก่ทอดเกาหลี”

(เอ้ย! เอาดิ พี่อยู่ใกล้ๆ)

“มาเลยๆ นี่อยู่กับพี่ภูมิ”

(เคๆ เจอกันน้อง)

พอวางสายปุ๊บหันไปอีกทีพี่ภูมิก็กินโซจูในขวดที่สั่งมาใหม่จนเกือบหมดแล้วทำเอากันต์ตกใจอยู่มากเหมือนกันที่พี่เขาดื่มไวขนาดนี้ แต่น่าแปลกที่ก็ยังไม่ได้ดูเมาอะไรขนาดนั้นนอกเสียจากว่าหน้าแดงเฉยๆ

“โหพี่ภูมิ กินไวจังอะ”

“เครื่องมันติดละ” พี่ภูมิตอบพลางยักคิ้วกวน

“เปลืองจัดๆ เลย ถ้าดื่มเก่งขนาดนี้ ฮ่าๆๆ” กันต์ตอบพลางหัวเราะ

ไม่ทันถึงสิบห้านาทีหลังจากที่กันต์วางสายไป พี่บุ๊คก็โผล่หน้ามาให้เห็นตั้งแต่ตอนขึ้นบันไดมาชั้นสอง กันต์ที่นั่งหันหน้าออกไปทางบันไดจึงได้เห็นเป็นคนแรก เขายกมือขึ้นโบกทักทายก่อนที่บุ๊คจะเดินมานั่งลงข้างๆ เขา

“หิวฉิบหาย” พี่บุ๊คเอ่ยบ่นพลางเอาส้อมของกันต์ไปจิ้มไก่มากินทันที

“โซจูไหมพี่” กันต์ถาม

“เอามาเลยๆ”

กันต์ก็เลยเรียกพนักงานเสิร์ฟมาอีกรอบเพื่อสั่งโซจูเพิ่มมาอีกสามขวด เพราะจากการคำนวณเมื่อครู่หากสั่งมาเพียงสองก็คงไม่พอกินอยู่ดี สั่งมาเผื่อเลยแล้วกันจะได้ไม่ต้องเรียกหลายรอบ จากนั้นพนักงานหนุ่มก็เอาโซจูมาเสิร์ฟให้ทันทีแบบไม่ต้องรอนาน 

“อะพี่ ชนหน่อย” กันต์เทโซจูให้ทุกคนก่อนจะชูแก้วขึ้นมา “เอ้า!! ชนนนนน!”

เคร้ง~

เสียงแก้วชนกันดังขึ้นจากนั้นทั้งสามคนก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มทันทีรวดเดียวหมด เสียงอ่าดังขึ้นพร้อมกันจนต่างฝ่ายต่างหันหน้ามองกันแล้วขำ ภาพมันคุ้นๆ เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อกี๊ก่อนที่บุ๊คจะมา 

“นึกไงถึงได้นัดมากินข้าวกันเนี่ย” บุ๊คถามขึ้นอย่างสงสัย

“พอดีพี่ภูมิเขามีเรื่องอยากคุยด้วยอะพี่”

“เรื่องไรวะ”

“เรื่องน้องซันอะแหละ” พี่ภูมิเอ่ยพูดแทรกขึ้นมา

“อะ ยังไง” พี่บุ๊คถามต่อ

“เหมือนกูจะชอบเขาว่ะ” พี่ภูมิเอ่ยพูดออกมาโต้งๆ อาจเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปเป็นจำนวนมาก

“เห็นไหมล่ะ!” กันต์พูดแทรกขึ้นมาแล้วหันไปมองหน้าบุ๊ค เพราะไม่ได้ผิดไปจากที่พวกเขาไปยืนแอบดูสองคนนี้สวีทกันในวัด แต่ตอนนั้นเป็นบุ๊คที่บอกว่าไม่ใช่อย่างที่กันต์คิด ก็เลยโดนกันต์ทำสีหน้าเย้ยหยันนิดหน่อยที่อีกฝ่ายไม่ยอมเชื่อในเซนส์ของเขาตั้งแต่ทีแรก

“ชอบก็บอกไปเลย” พี่บุ๊คเชียร์

“มันไม่ง่ายแบบนั้นดิวะ เดี๋ยวต้องทำงานด้วยกันต่อ ถ้ามีปัญหากันขึ้นมาเสียก่อนจะทำไง ถ้าบอกไปแล้วน้องมันไม่ได้ชอบกูล่ะ” พี่ภูมิเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงกังวล

“ป๊อดขนาดนี้ก็ไม่ต้องมีหรอกแฟนอะ ชอบแต่ไม่กล้าบอกชาตินี้คงได้แดกหรอก” พี่บุ๊คเอ่ยเสริมด้วยคำพูดที่ดูรุนแรงไปสักหน่อย สำหรับกันต์เขาก็คิดว่าลองเสี่ยงดูก็ไม่เสียหาย แต่ก็เข้าใจในฝั่งของพี่ภูมิว่าถ้าบอกไปแล้วอีกฝ่ายไม่เล่นด้วยก็จะมีปัญหา ถ้าตอนทำงานมองหน้ากันไม่ติดก็จะส่งผลเสียต่องานได้นั่นจึงเป็นสิ่งที่ภูมิคิดมากแต่บุ๊คอาจจะไม่เข้าใจในส่วนนั้น

“เอ้า! ละมึงเป็นเชี่ยไรอะ มาด่ากูทำไม” ภูมิได้ยินคำพูดของบุ๊คก็รู้สึกว่าไม่เข้าหู ไม่พอใจลุกยืนแล้วเดินมากระชากคอเสื้อของบุ๊คทันที แต่อีกฝ่ายก็ดูไม่ได้ตกใจสักเท่าไหร่มีเพียงกันต์ที่นั่งอึ้งอยู่แบบนั้นเพราะทำอะไรไม่ถูก

“กูพูดความจริง กูไม่ได้ด่า อ่อนไหวจังอะ” พี่บุ๊คเถียงกลับ

“ไอ้เชี่ยบุ๊ค!”

“เอ้ยยย พอๆๆๆๆ เลย ทั้งสองคนนั่นแหละ” กันต์รีบลุกขึ้นมาห้ามและแยกทัง้สองคนทันที เพราะกลัวว่าจะมีปัญหากันมากกว่านี้ เขาไม่อยากให้ทั้งคู่มีเรื่องกัน

“...”

“...”

ทั้งภูมิและบุ๊คต่างก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ หอบหายใจแรงด้วยความโกรธ จ้องหน้ากันไปมานิ่งๆ ต่างคนต่างก็พยายามจะยับยั้งอารมณ์ตัวเองเอาไว้จนกันต์ต้องขอร้องให้ภูมิกลับบ้านไปก่อนเพราะเมามากแล้ว ทีแรกเขาก็ไม่ยอมกลับจนกันต์ต้องบอกว่าเดี๋ยวจะช่วยเรื่องน้องซันให้เองภูมิถึงได้ยอมกลับบ้านไป

“จะตีกันทำไมเนี่ย” กันต์หันไปบ่นบุ๊ค

“ก็มันเริ่มก่อน”

“ผิดด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละ เรื่องไม่เป็นเรื่องจะตีกันเพื่อ?!!!!”

“...” ภูมิไม่ตอบได้แต่หย่อนตัวลงไปนั่งที่เดิม

กันต์เห็นก็ได้แต่ส่ายหัวแล้วถอนหายใจใส่แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะคิดว่าบุ๊คคงโมโหหิวด้วยจึงอารมณ์หลุดง่ายขนาดนี้ทั้งที่ก่อนหน้านี้ กันต์ไม่เคยได้เห็นพี่ภูมิในอารมณ์นี้มาก่อนเลยก็ตาม