วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ
รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น,วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
วายบันเทิงวงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ
วายบันเทิง
The Gossip of BL
Run_Kantheephop
เรื่องแต่ง 99% อีก 1% คือเค้าโครงจากเรื่องจริง
ขออนุญาตแก้ไขวันและเวลาในการอัพนิยายนะครับ เนื่องจากช่วงนี้มีภารกิจจากหน้าที่การงานเข้ามาจึงทำให้เขียนนิยายได้น้อยลงกว่าเดิม จากนี้ไปจะขออัพนิยายเพียงแค่สัปดาห์ละ 1 ตอนนะครับ (ทุกวันเสาร์ เวลา 18:00 น.)
ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามครับ
********************************************************************************
มีทั้งหมด 5 เล่ม
E-Book วางจำหน่ายแล้ว บน MEB
อุณหภูมิจากเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำจนกันต์ไม่อยากจะลุกจากที่นอน เมื่อคืนเขากับคิมดูหนังในเน็ตฟลิกซ์กันเสียจนดึกดื่นแถมยังดื่มเบียร์กันเข้าไปอีกคนละหลายกระป๋อง เช้านี้ทั้งคู่จึงยังนอนนิ่งกันอยู่บนเตียงแม้เสียงนาฬิกาปลุกของคิมจะดังขึ้นมาเพราะเขาลืมกดปิดตอนก่อนนอนก็ยังไม่สามารถปลุกให้พวกเขาตื่นจากการหลับไหลได้
ครืด ครืด ครืด...
โทรศัพท์ของกันต์สั่นขึ้นเมื่อมีข้อความจากแอพลิเคชันเด้งเข้ามา เจ้าของเครื่องสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงสั่นสะเทือนนั้นแต่ก็ยังไม่ทันจะได้ลืมตาตื่นขึ้นในทันที เขาขยับตัวเล็กน้อยพร้อมใบหน้ายู่ด้วยความงัวเงียก่อนจะพลิกตัวไปเอื้อมหยิบมือถือขึ้นมาแล้วค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้น แสงสว่างจากหน้าจอทำให้เขาต้องหรี่ตาเล็กน้อยเพื่อรอให้รูม่านตาปรับตัวรับแสงเสียก่อน เขาพยายามโฟกัสบนจอว่าใครที่เป็นคนส่งข้อความมาหาเขาในเวลาเช้าแบบนี้
P’ Book sent you a message.
“หือ? พี่บุ๊คเหรอ?” กันต์พึมพำกับตัวเองเมื่อเห็นชื่อคนที่ส่งข้อความเข้ามา “มีไรวะ”
เพราะเขาตั้งค่าปิดพรีวิวข้อความเอาไว้จึงทำให้เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไลน์มาหาเขาเรื่องอะไรนอกเสียจากว่าจะต้องกดเข้าไปดูด้านใน เรียวนิ้วของเขากดเข้าไปอย่างไม่รอช้า
P’ Book : วันนี้ทำไรน้อง
P’ Book : พี่ว่าจะไปนั่งทำงานที่สยาม
P’ Book : ไปด้วยกันมั้ย
เขานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งหลังจากที่ได้เห็นข้อความเหล่านั้น ทีแรกเขาก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมพี่บุ๊คทักมาชวนเขา ทำไมถึงไม่ไปชวนก้องแทน แต่เขาก็เลิกคิดถึงเรื่องนั้นทันทีเพราะมองว่านี่คือโอกาสที่เขาจะได้มีโอกาสออกไปไหนมาไหนกับพี่บุ๊คบ้าง เขารอเวลานี้มานานอยู่เหมือนกัน แม้จะเคยคิดชวนพี่บุ๊คออกไปเดินเล่นสยามด้วยกันสองคนแต่เขาก็ไม่กล้าพอ วันนี้เหมือนฟ้าประทานโอกาสมาให้ถ้าเขาจะไม่คว้าไว้ก็กระไรอยู่
Kan : ได้ครับ กี่โมงดีพี่
P’ Book : สักเที่ยงๆ ก็ได้นะ
P’ Book : จะได้มากินข้าวกัน
Kan : โอเคค้าบ
P’ Book : เจอกันน้อง
กันต์จิ้มนิ้วรัวพิมพ์แชทตอบอีกฝ่ายด้วยหัวใจที่เต้นแรงไม่น้อย อยู่ๆ ก็เกิดอาการตื่นเต้นขึ้นมาเสียดื้อๆ รู้สึกราวกับพี่บุ๊คมาชวนเดท ทั้งที่เขาแค่ชวนออกไปกินข้าวด้วยเท่านั้น
เขาวางมือถือลงที่โต๊ะข้างหัวเตียงแล้วขยับตัวลุกขึ้นก่อนจะก้าวเท้าลงจากเตียง แรงสั่นไหวทำให้คนที่นอนข้างๆ เขาเกิดสะดุ้งตื่นขึ้นมามองด้วยสีหน้างุนงงว่าทำไมเพื่อนตัวเองถึงได้ตื่นเช้าแบบนี้ แต่กันต์ก็ไม่ทันได้สังเกตเห็น เขายื่นมือไปคว้าเอาผ้าขนหนูมาพาดบ่าแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
กันต์กระชับสายกระเป๋าที่สะพายข้างเมื่อได้ยินเสียงประกาศจากรถไฟฟ้าว่าสถานีต่อไปเป็นสถานีสยาม เขานั่งรถจนขบวนรถเคลื่อนตัวเข้าจอดที่ชานชาลานิ่งสนิทจึงลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามหลังผู้โดยสารคนอื่นๆ ออกไปนอกขบวนรถ ผู้คนจำนวนมากเดินขวักไขว่อยู่บนชานชาลานั้น เขาจึงหลบเลี่ยงเดินไปอีกฝั่งหนึ่งที่อยู่ริมสุดซึ่งมีบันไดเลื่อนแต่คนมักไม่ค่อยเดินไปใช้กัน เพราะเขาไม่อยากเบียดเสียดเพื่อแย่งกันลงไปด้านล่างชานชาลา
เขาเดินตรงไปยังทางออกฝั่งที่มีทางเชื่อมจากรถไฟฟ้าเข้าไปยังตัวห้าง มือซ้ายของเขาล้วงหยิบเอาบัตรโดยสารรถไฟฟ้าออกมาจากกระเป๋ากางเกงเพื่อนำมาแตะที่ประตูทางออก เมื่อประตูเลื่อนเปิดออกเขาก็รีบเดินผ่านไปในทันที เขามุ่งหน้าตรงไปยังร้านกาแฟชื่อดังที่อยู่ตรงบริเวณทางเชื่อมเพราะพี่บุ๊คยังไม่ได้บอกว่าจะให้ไปเจอกันที่ร้านไหนเพียงแค่บอกว่าให้มาเจอกันที่สยามเท่านั้น
เขาแวบเดินเข้าไปในร้านกาแฟนั้นเพราะอยากหาอะไรดื่มสักหน่อยเพื่อที่จะได้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง เขายังคงรู้สึกมึนหัวอยู่เล็กน้อยไม่รู้ว่านอนน้อยหรือเป็นอาการแฮงค์กันแน่ กาแฟอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้ที่จะทำให้ตาตื่นขึ้นมาได้บ้าง
กันต์ยืนรอคิวอยู่ไม่นานโทรศัพท์ของเขาก็สั่นขึ้นมา เขาสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะจ้องมองที่หน้าจอมือถือจึงได้เห็นว่าคนที่โทรเข้ามานั้นคือพี่บุ๊ค เขาจึงไม่รีรอที่จะกดรับสายในทันที
“ฮัลโหลครับ”
(ถึงยังน้อง)
“ถึงแล้วพี่ กำลังซื้อกาแฟครับ”
(อ่อ พี่กำลังวนหาที่จอดรถ รอแป๊บนะ)
“ได้พี่ จะเอากาแฟไรเปล่า”
(ไม่เป็นไร พี่กินกาแฟแล้วนอนไม่หลับ)
“อาเคครับ”
(จอดรถแป๊บ เดี๋ยวไปหาที่ร้านกาแฟ)
“ได้พี่”
พอคุยจบกันต์ก็กดวางสายแล้วหันไปสั่งกาแฟกับน้องพนักงานที่เคาท์เตอร์เพราะถึงคิวของเขาพอดี เครื่องดื่มที่เขาสั่งก็ไม่พ้นเมนูประจำที่เขามักจะซื้อกินอยู่บ่อยๆ เพราะเป็นกาแฟที่พนักงานของร้านแนะนำมาให้เมื่อครั้งก่อนเนื่องจากเขารีเควสไปว่าอยากได้กาแฟที่ดื่มแล้วสดชื่น จึงได้เมนูกาแฟผสมน้ำสตรอเบอรี่มาแบบบังเอิญแต่มันก็ทำให้เขาถูกใจมาจนทุกวันนี้
“กันต์” เสียงคุ้นหูเรียกขึ้นในจังหวะที่กันต์ยื่นมือไปรับกาแฟของตัวเองพอดี
“อ้าว พี่บุ๊ค หวัดดีครับ!”
“กินไรดี”
“พี่อยากกินไรครับ”
“ได้หมดเลย”
“ยากเลย” กันต์ถึงกับเหงื่อตกเมื่อได้ยินแบบนั้น ไอ้คำว่าได้หมดเลยนี่แหละที่ยากยิ่งการบอกว่าต้องการจะกินอะไรเสียอีก
กันต์กับบุ๊คพากันเดินออกมาจากร้านกาแฟนั้นก่อนที่จะเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปยังชั้นสี่เพราะเป็นชั้นที่มีร้านอาหารให้เลือกเป็นจำนวนมาก สายตาของทั้งคู่สาดส่องไปทั่วบริเวณเพื่อดูว่ามีร้านอะไรที่พอจะเข้าตาพวกเขาในเวลานี้บ้าง ถามว่าหิวไหม มันก็หิวแต่ไอ้เวลาแบบนี้นี่แหละที่มันมักจะเลือกไม่ถูกว่าจะกินอะไรดี เพราะมันก็น่ากินไปเสียทุกร้านเลย
“กินไรดีอะพี่” กันต์ถามด้วยน้ำเสียงเจือหัวเราะเบาๆ
“นั่นดิ เลือกไม่ถูก แกเลือกเลย”
“ปิ้งย่าง?” กันต์เสนอตัวเลือกแรกเพราะเป็นสิ่งที่เขารู้สึกอยากกินที่สุดในตอนนี้
“ไม่เอาอะ เดี๋ยวตัวเหม็น ต้องนั่งปั่นธีสิสที่นี่ทั้งวัน” บุ๊คปฏิเสธพลางทำหน้ายู่
“งั้น....” กันต์คิดพลางมองหาร้านอาหารร้านอื่น พลันสายตาก็ไปสะดุดกับร้านอาหารจีนสีแดงสดมีชื่อร้านเป็นตัวอักษรภาษาจีนตัวเบ้อเริ่มเปิดไฟสีขาวสว่างจ้า “หม่าล่ามั้ยพี่ อันนี้เป็นแบบชั่งกิโลอะ เขาทำให้พร้อมกินเลย ไม่ต้องมานั่งต้มเองให้ตัวเหม็น”
สีหน้าของบุ๊คมีความลังเลอยู่เล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบจากอีกฝ่าย “อืม... ก็ได้นะ”
“โอเคครับ”
กันต์เดินนำไปยังร้านหม่าล่าโดยมีบุ๊คเดินตามหลังไป พอไปถึงร้านเขาก็กดปุ่มเปิดประตู ทันทีที่บานประตูเลื่อนออกพนักงานร้านก็เดินออกมาต้อนรับ ไม่ทันที่พนักงานจะได้ถามว่ามากี่คน กันต์ก็ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน จากนั้นเขาก็เดินตามพนักงานไปยังโต๊ะที่ว่างอยู่ แต่ยังไม่ทันได้นั่งพนักงานก็บอกว่าให้ไปตักอาหารได้เลย กันต์ที่กลัวว่าจะต้องเสียที่นั่งให้ลูกค้าคนอื่นที่เดนิตามเข้ามาจึงสั่งให้พี่บุ๊คนั่งรออยู่ที่โต๊ะแล้วตนเองเป็นคนไปตักอาหารเอง
เขาเดินไปคว้าหยิบเอากะละมังใบเล็กพร้อมที่คีบอาหารที่วางเอาไว้ข้างตู้เย็นไปหนีบเอาวัตถุดิบต่างๆ ที่อยากกินลงไป เขาหนีบไปเผื่อสำหรับสองคนก่อนจะเดินไปให้พนักงานร้านชั่งกิโล กันต์เลือกให้ทางร้านปรุงแบบซุปหม่าล่าดั้งเดิม แม้ตอนแรกจะมีความคิดอยากกินแบบหม่าล่าผัดแห้งก็ตาม
กันต์เดินกลับมานั่งโต๊ะพร้อมป้ายเลขโต๊ะและใบเสร็จ พี่บุ๊คหยิบใบเสร็จไปดูราคาอาหารก็ถึงกับตกใจเพราะถ้าหารกันสองคนก็ตกเพียงคนละร้อยกว่าบาทเท่านั้น
“ถูกเวอร์”
“จริงพี่”
ไม่นานหม่าล่าชามยักษ์ถูกยกมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะสร้างความตกใจให้ทั้งสองคนไม่น้อย บุ๊คและกันต์รีบคว้าเอามือถือขึ้นมากดถ่ายรูปเพื่อลงสตอรี่ไอจีทันที จากนั้นกันต์ก็ลุกเดินไปหยิบน้ำจิ้มที่ทางร้านปรุงเอาไว้มาให้พี่บุ๊คที่โต๊ะ ตอนแรกเขาว่าจะปรุงน้ำจิ้มสูตรที่เขาชอบกินเวลาไปร้านอื่นมาให้อีกฝ่ายลองชิมแต่ก็กลัวว่าจะไม่ถูก จึงเลือกหยิบน้ำจิ้มที่ทางร้านปรุงสำเร็จมาให้กินแทนดีกว่า
“เออพี่ เห็นไปออกกองมาแล้ว เป็นไงมั่ง สนุกมั้ย” อยู่ๆ กันต์ก็เอ่ยถามขึ้นมา
“ก็ดีมั้ง...” บุ๊คตอบออกมาอย่างไม่เต็มเสียงนัก สีหน้าดูตรงกันข้ามกับสิ่งที่ตัวเองพูด “แล้วแกอะ ตอนถ่ายเป็นไงมั่ง”
“สนุกดีนะพี่”
“หรอ...”
“อะ... มันยังไงไหนเล่าหน่อย” กันต์อยากรู้ขึ้นมาทันที เพราะไอ้สีหน้าแบบนี้แสดงว่าพี่บุ๊คต้องไปเจออะไรที่ไม่ชอบใจมาแน่ๆ
“อืม... จะเล่าไงดีอะ” สีหน้าของบุ๊คดูเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อยๆ เขาหยุดกินพลางนยั่งนิ่งเหมือนนึกอะไรบางอย่าง “พี่ไม่โอเคนิดหน่อยอะ”
“...”
“คือแกก็รู้ว่านี่คือซีรีส์เรื่องแรกของพี่ใช่ปะ แต่ไม่มีใครบอกอะไรเลย พี่ไปถ่ายแบบหัวโล่ง จำบทไปแต่พออยู่หน้างานพี่ไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ว่าเขาทำงานกันยังไง ไอ้คำศัพท์ที่เขาใช้กันตอนถ่ายว่า คัท คีพโรล ต่อซีน เปลี่ยนคัท อีดิท อะไรพวกนี้พี่แม่งไม่เข้าใจเลยเว้ย พอพี่ไม่เข้าใจบางครั้งก็เลยไม่ได้ทำตามที่เขาสั่ง สรุปผู้กำกับก็ด่าพี่ ก็พี่ไม่รู้ ทำไมไม่บอกดีๆ ล่ะ” บุ๊คเอ่ยบ่นยาวเหยียดเหมือนอัดอั้นในใจมานานแล้วไม่สารมารถที่จะระบายให้ใครฟังได้ พอกันต์มาสะกิดต่อมเพียงนิดเดียว เขาก็เลยพรั่งพรูออกมาไม่หยุด
“อ่า...”
“แกเข้าใจพี่ใช่ปะ”
“เข้าใจ... ตอนกันต์ไปถ่ายก็เหมือนกัน ไม่รู้อะไรเลย แต่ก็พยายามสังเกตคนอื่นเอาว่าเขาทำยังไง”
“นั่นแหละ พี่ก็ทำเว้ย แต่ก็ใช่ว่าเราจะเข้าใจได้เองทุกเรื่องไง อย่างน้อยมีคนคอยบอกคอยสอนก็ดี”
“ไม่เป็นไรนะพี่ กันต์เข้าใจ มันเรื่องแรกอะ ไม่รู้ก็ไม่ผิด ค่อยเรียนรู้เก็บประสบการณ์กันไป” กันต์พยายามที่จะปลอบใจอีกฝ่ายเพราะรู้ว่าบุ๊คกำลังทุกข์ใจและไม่โอเคกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง แต่เขาก็ทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้
เขาเข้าใจดีว่าการทำงานจริงคงไม่มีใครมานั่งบอกนั่งสอน เพราะต่างฝ่ายต่างก็ต้องทำงานแข่งกับเวลา เขาเป็นศิลปินฝึกหัดมา 3 ปีกว่า เขาเห็นการทำงานเบื้องหลังมาทั้งหมด ตอนที่ไปออกกองถ่ายซีรีส์จึงไม่ได้ประหม่ามากนัก แต่คนอย่างพี่บุ๊คที่ปกติเป็นเพียงพนักงานประจำทำงานบริษัทมาเจออะไรแบบนี้ก็คงจะอดตกใจไม่ได้
“พี่แค่ไม่ชอบให้ตัวเองดูโง่อะ วันนั้นทุกคนทำเหมือนพี่เป็นคนโง่มาก โคตรไม่ชอบเลย”
“อ่า... กันต์เข้าใจในมุมพี่นะ ก็ค่อยๆ เรียนรู้ไปนั่นแหละพี่ ไม่รู้เราก็แค่ถาม ถ้าใครมันด่าว่าเราโง่ ก็แค่ด่ากลับว่า ‘มึงรู้มาตั้งแต่เกิดเลยมั้ง ไม่มีใครเก่งเท่ามึงละ!’ แบบนี้ดีมั้ยพี่ ฮ่าๆๆ”
บุ๊คได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ พอเห็นแบบนี้กันต์จึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างเพราะเขาไม่อยากให้คนตรงหน้าไม่เอ็นจอยกับงานในวงการนี้ ด้วยตัวของบุ๊คเองก็ดูมีศักยภาพพอที่จะไปต่อในวงการนี้ได้ เขาจึงไม่อยากให้อีกฝ่ายถอดใจไปเสียก่อน
“ขอบใจมากน้อง กินต่อเถอะ โทษทีชวนคุยซะยาวเลย”
“ไม่เป็นไรพี่” กันต์ยิ้มตอบก่อนทั้งคู่จะก้มลงไปกินหม่าล่าในจานต่อหลังจากที่ปล่อยให้มันอ้างว้างมานาน
สีหน้าของบุ๊คดูผ่อนคลายขึ้นเยอะหลังจากที่ได้ระบายสิ่งที่อึดอัดอยู่ในใจออกมา แถมอาหารที่กินคงถูกปากคนอายุมากกว่าจึงดูเอ็นจอยขึ้นมาก กันต์เห็นแบบนั้นก็รู้สึกดีที่ได้ช่วยให้อีกฝ่ายปลดเปลื้องความทุกข์ในใจไปได้บ้าง แต่คงจะดีกว่านี้ถ้าเขาได้มีโอกาสดูแลจิตใจของพี่บุ๊คไปตลอดชีวิต
“มองไร” บุ๊คเอ่ยทักเมื่อเห็นว่ากันต์นั่งมองหน้าเขาอยู่นานแถมยังแอบอมยิ้มอยู่หน่อยๆ ด้วย
ชิบหายละ!
“ปะ... เปล่าครับ ไม่มีไรพี่” กันต์รีบปฏิเสธทันควัน เขาตกใจไม่น้อยที่ปล่อยใจฝันเรื่องตัวเองกับพี่บุ๊คไปได้ขนาดนี้ ดีที่ยังแก้ตัวทัน
“นึกว่ามีเศษข้าวติดหน้า จะได้ให้แกเอาออกให้” พี่บุ๊คแกล้งพูด
ตายๆๆ กูตายยย
อย่ายิ้มแบบนั้นได้มั้ยยย ฮื่ออออ
“ไม่มีๆ มองเฉยๆ”
“อ่อ...”
“ถามอะไรหน่อยได้มั้ยพี่” กันต์เอ่ยพูดออกไปอย่างไม่มั่นใจนัก
“อะไรอะ”
“คือ.... สัญญานะว่าถ้ากันต์ถามไปแล้วพี่จะไม่โกรธ”
“เออออ ถามมา ถ้าตอบได้จะตอบ” บุ๊คพูดพลางคีบเอาไส้กรอกในชามขึ้นมากิน
“พี่กับก้องคบกันอยู่เหรอ” กันต์ถามอย่างไม่เต็มเสียง ใจหนึ่งก็อยากรู้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองคน กันต์จะได้รู้ว่าจะต้องวางตัวยังไง อยากรู้ว่าเขาจะสามารถใฝ่ฝันถึงเรื่องระหว่างเขากับพี่บุ๊คได้อยู่ไหม แต่อีกใจก็กลัวว่าพี่บุ๊คจะโกรธที่มาละลาบล้วงเรื่องราวส่วนตัว
“...” บุ๊คนิ่งเงียบหลังจากได้ยินคำถาม เขาวางตะเกียบลงแล้วมองหน้ากันต์
“เอ่อ... ถ้าไม่อยากตอบ ไม่ต้องตอบก็ได้นะพี่”
“ตอบได้ๆ พี่กับก้องไม่ได้เป็นอะไรกัน สนิทกันเฉยๆ” บุ๊คตอบเสียงนิ่ง
“เห็นคนอื่นบอกว่าพวกพี่คุยกันอยู่”
“ก็คุยกันจริง คุยกันทุกวัน แต่คุยแบบคุยอะ ไม่ใช่การคุยแบบคนที่ดูๆ กัน”
“อ่อครับ” กันต์พยักหน้ารับ เขาไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมานั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่เขาก็เลือกที่จะเชื่อ
ในเมื่อบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน เขาก็ยังมีสิทธิ์ใช่ไหมนะ...