วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ

วายบันเทิง - บทที่ 10 คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น,วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วายบันเทิง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ

รายละเอียด

วายบันเทิง โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ

ผู้แต่ง

Run_Kantheephop

เรื่องย่อ

วายบันเทิง

The Gossip of BL

Run_Kantheephop

เรื่องแต่ง 99%  อีก 1% คือเค้าโครงจากเรื่องจริง

ขออนุญาตแก้ไขวันและเวลาในการอัพนิยายนะครับ เนื่องจากช่วงนี้มีภารกิจจากหน้าที่การงานเข้ามาจึงทำให้เขียนนิยายได้น้อยลงกว่าเดิม จากนี้ไปจะขออัพนิยายเพียงแค่สัปดาห์ละ 1 ตอนนะครับ (ทุกวันเสาร์ เวลา 18:00 น.)

ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามครับ

********************************************************************************

มีทั้งหมด 5 เล่ม

E-Book วางจำหน่ายแล้ว บน MEB

สารบัญ

วายบันเทิง-Intro บทนำ,วายบันเทิง-บทที่ 1 เด็กบ้านนอกคนหนึ่ง,วายบันเทิง-บทที่ 2 ผลลัพธ์ที่ดี,วายบันเทิง-บทที่ 3 ทริปมิตรสัมพันธ์,วายบันเทิง-บทที่ 4 สังสรรค์หรือสงคราม,วายบันเทิง-บทที่ 5 ยังไงกันแน่,วายบันเทิง-บทที่ 6 แต่ความจริงคือ...,วายบันเทิง-บทที่ 7 ระมัดระวัง,วายบันเทิง-บทที่ 8 ข่าวลือ,วายบันเทิง-บทที่ 9 มันจริงมั้ย?,วายบันเทิง-บทที่ 10 คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ,วายบันเทิง-บทที่ 11 เคลียร์ใจ,วายบันเทิง-บทที่ 12 มีซัมติงไหม?,วายบันเทิง-บทที่ 13 นี่ว่าใช่ ไม่ได้มโน,วายบันเทิง-บทที่ 14 โดนกับตัว,วายบันเทิง-บทที่ 15 ไม่พอใจ,วายบันเทิง-บทที่ 16 ต้องเลือก,วายบันเทิง-บทที่ 17 เมามาย 1,วายบันเทิง-บทที่ 18 เมามาย 2,วายบันเทิง-บทที่ 19 ทำไมทำงี้!?,วายบันเทิง-บทที่ 20 โอกาสเดียว,วายบันเทิง-บทที่ 21 หมดความอดทน,วายบันเทิง-บทที่ 22 ไม่จบไม่สิ้น,วายบันเทิง-บทที่ 23 โดนปลด,วายบันเทิง-บทที่ 24 เกาะกระแส,วายบันเทิง-บทที่ 25 ข่าวล่ามาไว,วายบันเทิง-บทที่ 26 เพื่อนใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 27 งงไปหมด,วายบันเทิง-บทที่ 28 คนใหม่?,วายบันเทิง-บทที่ 29 มันเอาอีกละ,วายบันเทิง-บทที่ 30 สามหนุ่มเปิดใจ,วายบันเทิง-บทที่ 31 ก้าวใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 32 คลาสแอคติง,วายบันเทิง-บทที่ 33 ไปแคสติงกัน,วายบันเทิง-บทที่ 34 ช่วยมาคุมความประพฤติอีสันดานนี่ที,วายบันเทิง-บทที่ 35 ข่าวเก่าเล่าใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 36 ไม่เป็นไร,วายบันเทิง-บทที่ 37 รียูเนียน?,วายบันเทิง-บทที่ 38 เลิฟซีนเป็นเหตุ,วายบันเทิง-บทที่ 39 นั่นปากเหรอ!?,วายบันเทิง-บทที่ 40 เอาแล้วหัวใจ,วายบันเทิง-บทที่ 41 ระยะปลอดภัย,วายบันเทิง-บทที่ 42 เรื่องของฮัน,วายบันเทิง-บทที่ 43 หัวใจเจ้ากรรม หวั่นไหวง่ายจัง,วายบันเทิง-บทที่ 44 แค่พี่น้อง?,วายบันเทิง-บทที่ 45 ไปเชียงใหม่กันไหม,วายบันเทิง-บทที่ 46 เริ่มเลย,วายบันเทิง-บทที่ 47 เริ่มเลย 2,วายบันเทิง-บทที่ 48 ยินดีต้อนรับ,วายบันเทิง-บทที่ 49 ม่อนแจ่ม,วายบันเทิง-บทที่ 50 ไปขึ้นเขากัน,วายบันเทิง-บทที่ 51 กิ่วแม่ปาน,วายบันเทิง-บทที่ 52 เบื่อจริงๆ ไอ้พวกปากแข็ง,วายบันเทิง-บทที่ 53 ขอสักหน่อย หายไปหลายคืน,วายบันเทิง-บทที่ 54 กลับไป ไม่กลับใจ,วายบันเทิง-บทที่ 55 ความพยายาม,วายบันเทิง-บทที่ 56 อดีตช่วยย้ำเตือน,วายบันเทิง-บทที่ 57 เริ่มต้นเปิดใจ,วายบันเทิง-บทที่ 58 บททดสอบ,วายบันเทิง-บทที่ 59 ความลับที่ฉันซ่อนไว้,วายบันเทิง-ตอนที่ 60 ตอนจบที่มีความสุข

เนื้อหา

บทที่ 10 คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ

เป็นอีกเช้าที่กันต์ต้องตื่นแต่เช้าเพราะวันนี้คืองานอีเวนต์งานแรกหลังจากที่ซีรีส์เริ่มเปิดตัวไป เขาค่อนข้างแปลกใจเพราะการตอบรับมันเกินกว่าที่คาดคิดเอาไว้มากทีเดียว ทั้งที่ซีรีส์ยังไม่ออนแอร์ด้วยซ้ำ เขาไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสไปออกงานอีเวนต์อะไรแบบนี้อาจเพราะเขาเป็นแค่เพียงนักแสดงสมทบในเรื่อง แต่โชคชะตาคงเห็นใจจึงทำให้นักแสดงทีมหลักบางคนคิวไม่ได้ในวันนี้ โอกาสจึงตกมาถึงเขา

เขารีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อลงมารอที่ด้านล่างของบ้านเพราะพี่ซีบอกว่ากำลังเข้ามารับ ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นานรถยนต์ของผู้จัดการก็ขับมาจอดที่หน้าบ้านแบบตรงเวลาเป๊ะ ที่พวกเขาต้องรีบออกแต่เช้าก็เพราะโลเคชั่นการจัดงานในวันนี้อยู่ที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง หากไม่เผื่อเวลาเดินทางอาจเจอรถติดแบบมหันต์ได้

ซึ่งเขากับพี่ซีก็คิดถูกเพราะขนาดที่เขาออกมาแต่เช้าก็ยังหนีไม่พ้นขบวนรถแน่นขนัดที่พากันออกมาเที่ยวในวันหยุด แต่ก็ยังดีที่มันยังพอจะเคลื่อนตัวไปได้เรื่อยๆ ไม่ได้ติดแหง็กอยู่กับที่เป็นชั่วโมง

เมื่อมาถึงพี่ซีกับกันต์ก็รีบเดินขึ้นไปที่ห้องแต่งตัวในทันที ทั้งคู่แอบหลงนิดหน่อยเพราะเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก แม้จะโทรหาพี่เจี๊ยบแล้วเดินไปตามทางที่เธอบอกก็ตาม แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไปถึงห้องแต่งตัวได้ทันเวลานัด

“สวัสดีครับ!” กันต์ยกมือขึ้นไหว้แล้วเอ่ยทักทุกคนในห้องทันทีที่เข้าไป ทุกคนหันมาทักทายกลับด้วยความยิ้มแย้ม

“น้องกันต์!! มานั่งนี่เลยจ้า” พี่เจี๊ยบร้องทักแล้วเดินเข้ามาคว้าแขนเจ้าของชื่อก่อนจะพาเดินไปนั่งยังหน้าโต๊ะแต่งหน้าที่มีกระจกบานใหญ่และไฟส่องสว่างอยู่

“สวัสดีครับ” กันต์ยกมือไหว้พี่ช่างแต่งหน้าที่อยู่ตรงนั้น พี่เขาก็ยิ้มให้ก่อนที่จะเริ่มลงมือแต่งหน้าให้กับกันต์ทันที

กันต์นั่งแต่งหน้าอยู่ได้พักใหญ่ พี่บุ๊ค พี่ภูมิ และน้องซันก็ตามมาสมทบ ทุกคนมาถึงก็ไม่ได้ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า มานั่งประจำที่ให้ช่างแต่งหน้าและทำผมทันที กันต์ได้ยินแต่เสียงทักทายแต่ก็ยังไม่ได้ลืมตาขึ้นไปมองเพราะพี่ช่างแต่งหน้ากำลังลงอายแชโดว์บนเปลือกตาให้อยู่

อีเวนต์วันนี้เป็นครั้งแรกที่นักแสดงในเรื่องทุกคนได้มาออกงานร่วมกัน จึงทำให้ทั้งพวกเขาทั้งแฟนคลับต่างก็ตื่นเต้นกันมากเป็นพิเศษ แถมงานนี้ยังเป็นงานประกาศรางวัลอีกด้วย นับว่าเป็นงานแรกที่เป็นงานใหญ่จึงทำให้ดูพิเศษมากขึ้นกว่าเดิม

“กินไรยังพี่” น้องซันหันมาเอ่ยทักหลังจากที่เห็นว่ากันต์แต่งหน้าทำผมเสร็จเรียบร้อย ในขณะที่ตัวน้องซันเองยังทำผมไม่เสร็จ

“ยังไม่ได้กินเลยน้อง ว่าจะหาอะไรกินอยู่” 

“ผมซื้อของกินมาหลายอย่างเลยพี่ แบ่งไปกินได้นะ”

“ขอบใจมากน้อง เดี๋ยวพี่ไปเดินดูก่อน” 

“ครับ”

กันต์ยิ้มร่าหลังจากที่น้องซันบอกแบบนั้น เขายังคงมองว่าน้องซันเป็นเด็กที่น่ารักแบบเสมอต้นเสมอปลาย เจอกันวันแรกเป็นยังไงตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น แต่ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าหลังจากที่ซีรีส์ออนแอร์ไปแล้วน้องซันจะยังเป็นคนเดิมอยู่หรือเปล่า

เขาไม่ได้จะใส่ความใครแต่ก็แค่คิดเอาไว้ล่วงหน้าเฉยๆ เพราะชื่อเสียงและความโด่งดังมักจะทำให้คนลืมตัวอยู่เสมอ

“อันนี้กินได้ไหมครับ” กันต์เห็นข้าวกล่องจำนวนมากวางอยู่ที่โต๊ะหน้าขาวมุมห้องแต่งตัวจึงเอ่ยถามพี่สต๊าฟที่อยู่แถวนั้น แต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบเขาได้ ทำได้แค่เพียงตอบว่าไม่รู้ เขาถึงกับถอนหายใจจนหันไปเจอพี่เจี๊ยบเดินเข้ามาพอดีเขาจึงตะโกนเรียกแล้วเอ่ยถาม “พี่เจี๊ยบครับ ข้าวบนโต๊ะกินได้ไหมครับ”

“กินได้ๆ กินเลย”

“อาเคครับ” กันต์ยิ้มรับแล้วหันหลังกลับไปหยิบข้าวกล่องบนโต๊ะ ชั่วขณะหนึ่งเขาสบตากับพี่สต๊าฟคนเก่าที่ก่อนหน้านี้ส่ายหัวตอบว่าไม่รู้ว่าข้าวบนโต๊ะนั้นสามารถกินได้ไหม แม้กันต์จะแอบเคืองอยู่เล็กน้อยแต่เขาก็พยายามจะเก็บอารมณ์เหล่านั้นเอาไว้แล้วเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้างก่อนจะขยับปากบอกอีกฝ่ายแบบไร้เสียงว่า ‘มันกินได้ครับ’ แต่กลายเป็นว่าพี่สต๊าฟคนนั้นดูจะกลัวเขาขึ้นมามากกว่าเดิม

“เดี๋ยวกินเสร็จแล้วไปเปลี่ยนชุดนะ” พี่ซีเดินเข้ามากระซิบบอกพร้อมยื่นกาแฟเย็นแก้วโตจากยี่ห้อดังให้กับเขา

“ครับพี่ซี”

กันต์ตอบรับพลางรับกาแฟแก้วนั้นมาวางไว้ใกล้ๆ ส่วนพี่ซีก็เดินออกไปข้างนอกเพราะพี่เขาไม่อยากจะอยู่เกะกะในห้อง เดี๋ยวจะต้องกลายเป็นขี้ปากให้ทีมงานเมาท์อีก กันต์ค่อยๆ แกะกล่องข้าวเปิดออกภายในเป็นข้าวกะเพราหมูสับไข่ดาวทั่วไปแต่ดูจากพริกที่ใส่มานั้นก็คงเดาได้ไม่ยากว่ามีรสชาติเผ็ดแน่นอน เขาบรรจงเอาช้อนและส้อมเขี่ยพริกออกเพราะคิดเอาว่าจะช่วยบรรเทารสเผ็ดไปได้บ้าง

“ไม่กินเผ็ดเหรอ” พี่ภูมิที่เพิ่งแต่งหน้าทำผมเสร็จเดินมานั่งลงข้างๆ พร้อมข้าวกล่องที่หยิบมาจากที่เดียวกัน

“ใช่พี่”

“กินเผ็ดน้อยได้ไหม หรือไม่กินเผ็ดเลย” พี่ภูมิถามต่อ แม้ว่ากันต์จะงงๆ เล็กน้อยแต่ก็ยินดีที่จะตอบ

“ถ้าเผ็ดแบบนิดหน่อยก็ยังพอได้อยู่พี่ บางอย่างถ้าไม่เผ็ดก็ไม่อร่อยอะ” กันต์ยู่หน้าเล็กน้อยตามอารมณ์ที่พูดพลางตักข้าวกะเพราในกล่องมาเข้าปาก

“เป็นไง” พี่ภูมิถามพลางยกยิ้ม

“เผ็ดอยู่ครับ แต่พอกินได้” 

“ดีแล้วๆ” พี่ภูมิเห็นแบบนั้นก็เลยหันไปกินข้าวของตัวเองบ้าง เพราะเวลาเหลืออีกไม่มากก็จะใกล้เวลาเริ่มงาน ไหนจะต้องเปลี่ยนชุดอีก 

กันต์นั่งกินข้าวอยู่ตรงนั้นกับพี่ภูมิอยู่พักใหญ่ ซันและพี่บุ๊คก็ตามมาสมทบโดยทั้งคู่ลากเอาข้าวที่ตัวเองซื้อติดมือมานั่งร่วมวงแล้วบอกให้ภูมิกับกันต์ลองชิมของที่ตัวเองซื้อมาด้วย

ในนั้นมีอาหารญี่ปุ่นหลายอย่างเพราะพี่บุ๊คชอบกิน ส่วนน้องซันจะเน้นเป็นพวกไก่ทอดเสียมากกว่า ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องดีที่ทำให้กันต์ได้มีอะไรกินแก้เผ็ดบ้าง ไอ้ผัดกะเพราที่ตอนแรกว่าเผ็ดพอจะทนได้กลับกลายเป็นว่าพอกินไปนานๆ มันก็เผ็ดขึ้นเรื่อยๆ เสียอย่างนั้น

“เด็กๆ กินกันเสร็จยังจ๊ะ” พี่เจี๊ยบเดินเข้ามาถามหลังจากเวลาผ่านไปได้พักใหญ่

“เสร็จละครับ” พี่บุ๊คเป็นตัวแทนในการเอ่ยตอบบสนทนานั้น ก่อนจะคว้าหยิบเอาบรรดากล่องเปล่าที่พวกเขากินสิ่งที่อยู่ด้านในกันหมดแล้วทิ้งลงถุงขยะ จนพี่สต๊าฟที่อยู่ใกล้ๆ ต้องวิ่งเข้ามาหาแล้วบอกว่าให้วางทิ้งไว้เดี๋ยวพวกเขาจะเป็นคนเก็บไปทิ้งให้เอง

“เดี๋ยวไปเปลี่ยนชุดเลยนะ ใกล้เวลางานเริ่มละ” พี่เจี๊ยบพูดจบก็เดินออกไป โดยทิ้งให้น้องสต๊าฟอีกคนวิ่งเข้ามาดูแลและพากลุ่มนักแสดงไปเปลี่ยนชุดแทน

ทั้งหมดเปลี่ยนไปใส่ชุดสูทธีมสีเหลืองตามที่งานกำหนดเอาไว้ โดยที่พี่ภูมิกับน้องซันใส่สูทสีเหลืองนวล ในขณะที่พี่บุ๊คกับกันต์ใส่สูทสีเทาแล้วเชิ้ตด้านในเป็นสีเหลืองอ่อน พอทุกคนเปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อยมายืนรวมกันก็ดูโดดเด่นขึ้นมาในทันที 

“หล่อมากทุกคน” พี่เจี๊ยบเดินกลับเข้ามาเห็นเข้าก็อดตะลึงไม่ได้จนถึงกับหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเอาไว้ก่อนจะเช็คดูความเรียบร้อยของแต่ละคนอีกครั้งแล้วเอ่ยบอก “เรียบร้อยเนอะ พร้อมมั้ย”

“ครับ” เสียงของซันดังขึ้นพร้อมยิ้มกว้าง พี่เจี๊ยบจึงพยักหน้าให้ทุกคนเดินตามออกไป

พวกเขาเดินตามหลังพี่เจี๊ยบและสต๊าฟในงานไปตามทาง ระหว่างนั้นกันต์หันไปเห็นพี่ซีเดินตามมา จึงหันไปถามว่าตัวเองดูดีแล้วหรือยัง พี่ซีได้แต่พยักหน้าให้แล้วยกนิ้วโป้งแถมชมว่าหล่อมาก ทำให้กันต์รู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้น

ยิ่งเดินมาใกล้ทางออกเมื่อไหร่ พวกเขาก็ยิ่งตื่นเต้นมากเท่านั้น เสียงอื้ออึงด้านนอกดังลอดเข้ามาภายใน บริเวณที่พวกเขายืนแสตนบายเพื่อรอที่จะเดินพรมแดงนั้นเต็มไปด้วยผู้คน ไม่ว่าจะเป็นสต๊าฟ ทีมงาน กลุ่มนักแสดงศิลปิน หรือทีมรักษาความปลอดภัย ทุกคนกำลังดูยุ่งกับหน้าที่ของตัวเอง

“รอตรงนี้แป๊บนึงนะ เดี๋ยวพี่มา” พี่เจี๊ยบหันมาบอกทุกคนก่อนจะพุ่งตัวไปหาทีมงานคนหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนักก่อนจะเดินกลับมาหาพวกเขา “พร้อมนะ พี่จะได้ให้ไปแสตนบายเลย”

“ครับ” ทุกคนส่งเสียงตอบออกมาพร้อมกันแบบไม่ได้นัดหมาย

พี่เจี๊ยบเดินนำทุกคนไปยังจุดแสตนบาย ความตื่นเต้นยิ่งทวีคูณขึ้นไปใหญ่เมื่อกันต์เริ่มได้ยินเสียงพิธีกรที่พูดผ่านไมโครโฟน เสียงผู้คนที่มายืนรอส่งเสียงเชียร์นักแสดงและศิลปินที่ตนเองชื่นชอบ นี่เป็นครั้งแรกที่กันต์จะได้เดินพรมแดงในงานประกาศรางวัลที่ใหญ่โตขนาดนี้ เขาเคยได้แต่ฝันไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้ทำมันจริงๆ

“ตื่นเต้นอะ” กันต์หันไปกระซิบบอกบุ๊คที่ยืนอยู่ข้างๆ

“พี่ก็เหมือนกัน” บุ๊คตอบพลางยกมือขึ้นมาโอบไหล่กันต์ๆ เหมือนต้องการจะให้กำลังใจคนข้างๆ หรือไม่ก็อาจจะเรียกกำลังใจให้ตัวเองตื่นเต้นน้อยลง

หลังจากนั้นไม่นานทีมงานก็เดินมาแจ้งว่าถึงคิวของทีมพวกเขา พวกเขาจึงเดินตามพี่ทีมงานคนนั้นไป ยืนรอจนกระทั่งได้ยินเสียงพิธีกรประกาศชื่อของพวกเขา พวกเขาจึงก้าวเดินผ่านบานประตูไป เสียงกรี๊ดและเสียงตะโกนเรียกชื่อของทุกคนดังสนั่นทำเอาจังหวะหัวใจของกันต์เต้นแรงมากขึ้นกว่าเดิม เขายิ้มกว้างแล้วโบกมือให้แฟนคลับที่ยืนอยู่ด้านนอก ก่อนจะเดินตามภูมิและซันไปตามทางเดินที่ปูพรมแดงเอาไว้

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่กันต์ก็ไม่ได้มีสติมากมายนัก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพิธีกรสัมภาษณ์อะไรบ้าง กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เดินเข้ามาในงานแล้ว

“คนเยอะมาก” กันต์ได้ยินซันเอ่ยปากคุยกับภูมิ

“จริง ตกใจเลยอะ” ภูมิตอบแล้วหันมาหาทุกคน

ยังไม่ทันที่กันต์กับบุ๊คจะได้ร่วมสนทนาด้วยก็มีทีมงานเดินมาพาไปยังที่นั่งเสียก่อน โดยตำแหน่งที่นั่งของพวกเขาก็อยู่ด้านหลังถัดจากกลุ่มนักแสดงชื่อดังมาเพียงแถวเดียว จึงทำให้ตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก เพราะทุกอย่างดูใหม่สำหรับพวกเขาทั้งหมด

งานประกาศรางวัลเริ่มต้นขึ้นท่ามกลางเสียงเชียร์จากแฟนคลับบ้านต่างๆ ที่เฝ้าลุ้นอยากให้คนของตัวเองได้รับรางวัล รวมไปถึงโชว์พิเศษจากศิลปินหลายๆ คน ทำให้งานในวันนี้น่าสนใจมากกว่าที่คิด ทั้งกันต์ บุ๊ค ภูมิ และซันก็ดูสนุกสนานร่วมไปกับงานด้วย

หลังจากจบงานพี่เจี๊ยบก็เดินมากระซิบบอกพวกเขาว่ามีแฟนคลับรอเจออยู่ เดี๋ยวจะให้อยู่รวมพลเพื่อเจอแฟนคลับประมาณยี่สิบนาที พวกเขาก็รับทราบตามนั้นก่อนจะลุกเดินตามออกไป 

จุดนัดรวมพลอยู่บริเวณไม่ไกลจากงานมากนัก พวกเขารู้สึกตกใจไม่น้อยเมื่อเดินมาถึงแล้วพบว่ามีแฟนคลับกลุ่มใหญ่นั่งรอพวกเขาอยู่ แถมบางคนยังถือป้ายเชียร์เป็นชื่อพวกเขาอีกด้วย

“สวัสดีคร้าบบบ” กันต์ บุ๊ค ภูมิ ซัน ยกมือขึ้นไหว้แล้วเอ่ยทักทายแฟนคลับพร้อมกัน ก่อนจะเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงกึ่งกลางบริเวณด้านหน้ากลุ่มแฟนคลับ

เสียงกรี๊ดดังขึ้นจนพวกเขาตกใจก่อนที่พี่เจี๊ยบจะวิ่งเข้ามาแล้วบอกให้กลุ่มแฟนคลับเบาเสียงนิดหนึ่งเพราะตอนขออนุญาตใช้สถานที่นั้นถูกห้ามเอาไว้ว่าห้ามส่งเสียงดัง ทุกคนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี 

กันต์ บุ๊ค ภูมิ ซัน ยืนแยกกันโดยมีระยะห่างประมาณหนึ่งช่วงแขนหลังจากที่ยืนรวมกลุ่มเพื่อทักทายและให้แฟนคลับถ่ายรูปรวมไปแล้ว เพราะเป็นช่วงเวลาที่จะให้แฟนคลับได้ต่อคิวเพื่อมอบของขวัญหรือถ่ายรูปกับศิลปินที่เป็นเมนของตัวเอง ซึ่งความนิยมก็วัดได้จากจำนวนประชากรที่ต่อแถวนั่นแหละ

แถวของภูมิและซันมีคนต่อยาวที่สุดในขณะที่ของบุ๊คก็พอสูสี ส่วนแถวของกันต์นั้นมีจำนวนสั้นที่สุด มีแฟนคลับต่อแถวอยู่ไม่ถึงสิบคน กันต์เห็นแบบนั้นก็รู้สึกน้อยใจอยู่นิดหน่อยแต่ก็เข้าใจว่าเขาเป็นเพียงนักแสดงสมทบในเรื่อง ความนิยมย่อมน้อยกว่าคนอื่นอยู่แล้ว เขาจึงหันกลับมาสนใจแฟนคลับที่อยู่ตรงหน้าของเขามากกว่า เพราะอุตส่าห์เสียเวลามารอเจอเขา เขาก็อยากจะพูดคุยกับแฟนคลับตรงหน้าให้เต็มที่เพื่อตอบแทนความรักที่มอบให้กับเขา

“หมดเวลาแล้วนะคะ ขอบคุณทุกคนมากเลยน้า เดี๋ยวไว้เจอกันใหม่ครั้งหน้านะคะ” เสียงพี่เจี๊ยบดังขึ้นทำเอาแฟนคลับบางส่วนโห่ร้องออกมาด้วยความเสียดาย เพราะยังไม่ทันถึงคิวที่ตัวเองจะได้ถ่ายรูปกับศิลปินของตัวเองก็หมดเวลาเสียแล้ว แต่เรื่องแบบนั้นไม่เกิดขึ้นกับแถวของกันต์เนื่องจากแฟนคลับในแถวได้ถ่ายรูปคู่กันครบตั้งแต่ห้านาทีแรก

พี่เจี๊ยบพาพวกเรากลับมาที่ห้องแต่งตัวเพื่อเก็บข้าวของส่วนตัวและเปลี่ยนชุดกลับไปเป็นชุดของตัวเอง เพราะชุดที่ใส่เข้างานจะต้องนำไปคืนให้กับร้าน ภูมิเปลี่ยนเสร็จเป็นคนแรกจึงขอตัวกลับบ้านก่อน 

“กลับก่อนนะครับทุกคน หวัดดีครับ”​ภูมิยกมือไหว้แล้วส่งยิ้มให้ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องแต่งตัวไป 

หลังจากนั้นไม่นานกันต์ บุ๊ค ซันก็เปลี่ยนชุดเสร็จแล้วส่งคืนให้กับพี่เจี๊ยบก่อนที่แต่ละคนจะคว้ากระเป๋าขึ้นสะพายแล้วเดินออกจากห้อง

“กลับไง” บุ๊คหันมาถามกันต์

“บีทีเอสครับ”

“งั้นไปหาไรกินด้วยกันก่อนมั้ย” 

“ได้พี่ เดี๋ยวผมไปบอกพี่ซีแป๊บนึง” กันต์บอกก่อนจะเดินออกไปหาพี่ซีที่กำลังเดินเช็คว่ามีของอะไรที่กันต์ลืมวางทิ้งเอาไว้อีกไหม

“น้องซัน จะไปด้วยกันไหมครับ” บุ๊คหันไปถามซันที่กำลังยืนคุยอยู่กับผู้จัดการของตัวเอง

“ไม่น่านะครับ พอดีเดี๋ยวผมมีรวมพลเดี่ยวต่อครับ” ซันยิ้มแหยเมื่อบุ๊คถามแบบนั้น ใจจริงเขาเองก็อยากจะกลับบ้านแล้ว แต่เพราะผู้จัดการแนะนำว่าควรจะต้องรวมพลสำหรับแฟนคลับที่เป็นบ้านเดี่ยวของซันเสียหน่อย เขาจึงปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องทำตาม

“อ่อ โอเค ได้ๆ งั้นพี่ไปละ” บุ๊คเอ่ยบอกพลางหันไปส่งสัญญาณให้กับกันต์ว่าถึงเวลาที่จะต้องไปหาอะไรกินสักที 

“พี่ไปก่อนนะน้องซัน” กันต์วิ่งกลับมาก่อนจะยกมือโบกลารุ่นน้องตรงหน้าพลางยิ้มกว้างแล้วหันหลังเดินออกจากห้องแต่งตัวไปพร้อมกับบุ๊ค

บุ๊คกับกันต์พากันเดินไปยังลานจอดรถที่อยู่ติดกับตัวอาคารห้องแต่งตัว ทั้งคู่ขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างไม่รอช้า ปลายทางเป็นร้านอาหารอีสานที่บุ๊คมักจะไปกินอยู่บ่อยๆ ตั้งแต่สมัยเรียน กันต์ได้รับฟังประสบการณ์ความอร่อยจากเจ้าของรถตั้งแต่ขึ้นรถมาจนถึงร้านที่อยู่ห่างออกไปเพียงสองสถานีรถไฟฟ้าเท่านั้น ก็ยิ่งรู้สึกอยากจะลิ้มรสอาหารของร้านนี้เหลือเกินว่ามันจะสมคำร่ำลือที่พี่บุ๊คได้เล่าให้ฟังไหม

ลานจอดรถมีรถจอดอยู่แน่นขนัดแต่ก็ยังไม่ถึงกับเต็ม บุ๊คได้ที่จอดแบบพอดิบพอดีหลังจากที่เลี้ยวรถเข้ามาก็มีรถคันที่จอดอยู่ก่อนหน้าถอยออก ต้องขอบคุณเจ้าที่เจ้าทางที่เห็นใจคนหิวทั้งสองคน

บุ๊คเดินนำลิ่วเข้าไปด้านในทันทีหลังจากที่ลงจากรถ เป็นเพราะความหิวโซของเขา ส่วนกันต์ก็ได้แต่เดินตามต้อยๆ มาด้านหลัง ไม่รู้หรอกว่าไอ้ร้านที่คนพี่บอกมันอยู่ตรงไหน

“สองคนครับ” บุ๊คเอ่ยบอกพนักงานที่ยืนอยู่หน้าร้านอย่างชำนาญด้วยความที่มากินที่ร้านนี้บ่อยตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรี

บุ๊คพากันต์เดินเข้ามานั่งในร้านที่มีลูกค้าแค่พวกเขาเพียงโต๊ะเดียว กันต์ถึงกับงุนงงมองไปรอบๆ ร้าน ไหนพี่บุ๊คบอกว่าอร่อยแต่ทำไมถึงไม่มีลูกค้าสักโต๊ะ

“มันอร่อยจริงเหรอพี่ ทำไมไม่มีลูกค้าเลย”

“แกลองกินดูก่อน หอยแครงลวกที่นี่อร่อยมาก” พี่บุ๊คเอ่ยบอกพลางหยิบกระดาษกับปากกาที่วางอยู่บนโต๊ะออกมาจดเมนูหอยแครงลวกลงไป “แกจะกินไร”

“ยำหมูยอ แล้วก็ต้มแซ่บกระดูกอ่อน” กันต์ตอบระหว่างที่เปิดดูเมนูอาหาร

“โอเค ข้าวเหนียว 2 เนอะ”

“ครับ”

“จบ น้องครับ สั่งอาหารหน่อยครับ” พี่บุ๊คยกมือเรียกพนักงานแล้วยื่นกระดาษที่จดเมนูให้

ครืดดดด~~

เสียงมือถือของกันต์สั่นดังขึ้น กันต์หยิบขึ้นมาดูก็ต้องแปลกใจเพราะเป็นรายชื่อที่เขาไม่คิดว่าจะโทรมาหา เขาจึงรีบกดรับสายทันที

“ฮัลโหลครับพี่ภูมิ”

(กันต์อยู่ไหนอะ)

“กินข้าวอยู่กับพี่บุ๊คครับ”

(ทำไมถึงปล่อยให้ซันไปรวมพลเดี่ยวอะ)

“หื้ม? กันต์ไม่รู้เหมือนกันครับ เหมือนว่าพี่ผู้จัดการของซันจะบอกนะครับ”

(งงอะ ก็คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่แยกไปรวมพลเดี่ยว แบบนี้แฟนคลับจะมองว่าพี่เป็นคนยังไงเนี่ย)

กันต์ถึงกับทำหน้างงเมื่อได้ยินภูมิพูดด้วยน้ำเสียงที่มีอารมณ์แบบนั้น เขาตัดสินใจเปิดลำโพงเพื่อให้พี่บุ๊คได้ฟังด้วย

“พี่ภูมิหมายถึงอะไรนะครับ”

(ก็คุยกันไว้ว่าเราจะรวมพลด้วยกัน เสร็จแล้วก็แยกย้าย ไม่มีไปรวมพลเดี่ยว แต่ทำไมน้องซันถึงไปรวมพลเดี่ยวอยู่คนเดียว แล้วแบบนี้คนอื่นเขาจะไม่มองว่าพี่หนีแฟนคลับ ไม่รู้จักให้เวลากับแฟนคลับเหรอ ไอ้ซันก็ได้ซีนไปเต็มๆ เลยดิ)

“เอ่อ... ผมว่าพี่ภูมิน่าจะคิดมากไปนะครับ ของน้องซันผู้จัดการเขาเป็นคนบอกให้ทำครับ”

(แล้วทำไมไม่บอกน้องมันอะ ประเด็นคือเราคุยกันแล้วไง)

“ก็ผู้จัดการเขาเป็นคนจัดแจง จะให้ไอ้กันต์มันไปพูดได้ยังไงล่ะ ไม่ใช่หน้าที่มันซะหน่อย” พี่บุ๊คเริ่มทนไม่ไหวที่ภูมิดูงี่เง่าเกินเหตุ กับเรื่องแค่นี้ทำไมถึงได้เป็นเดือดเป็นร้อนนักก็ไม่รู้

(โว้ะ!!) ภูมิอารมณ์เสียขึ้นมาเสียอย่างนั้นแล้วก็กดตัดสายไปทำเอาทั้งบุ๊คและกันต์ต่างก็งงเป็นไก่ตาแตก

“เขาเป็นไรของเขาอะ” กันต์เอ่ยพูดพลางเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า

“ไม่รู้ แต่พี่ว่าเขาแปลก เริ่มรู้สึกไม่ค่อยถูกชะตาละ” บุ๊คเอ่ยบอกพลางหัวเราะออกมาเบาๆ

“นั่นดิพี่ แล้วไอ้ที่บอกว่า ‘ไอ้ซันได้ซีนไปเต็มๆ’ นี่กันต์ว่ามันแรงไปหน่อยไหม ก็ทำงานด้วยกันแท้ๆ แบบนี้เหมือนมองว่าน้องเป็นคู่แข่งมากกว่า”

“ก็คงจะยังงั้นล่ะมั้ง แต่ก็อย่าเพิ่งไปตัดสินเขาเลย รอดูไปก่อน แต่จากที่เห็นวันนี้ก็คงไม่พ้นแบบที่แกบอกนั่นแหละ”