วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ

วายบันเทิง - บทที่ 12 มีซัมติงไหม? โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น,วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วายบันเทิง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ

รายละเอียด

วายบันเทิง โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ

ผู้แต่ง

Run_Kantheephop

เรื่องย่อ

วายบันเทิง

The Gossip of BL

Run_Kantheephop

เรื่องแต่ง 99%  อีก 1% คือเค้าโครงจากเรื่องจริง

ขออนุญาตแก้ไขวันและเวลาในการอัพนิยายนะครับ เนื่องจากช่วงนี้มีภารกิจจากหน้าที่การงานเข้ามาจึงทำให้เขียนนิยายได้น้อยลงกว่าเดิม จากนี้ไปจะขออัพนิยายเพียงแค่สัปดาห์ละ 1 ตอนนะครับ (ทุกวันเสาร์ เวลา 18:00 น.)

ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามครับ

********************************************************************************

มีทั้งหมด 5 เล่ม

E-Book วางจำหน่ายแล้ว บน MEB

สารบัญ

วายบันเทิง-Intro บทนำ,วายบันเทิง-บทที่ 1 เด็กบ้านนอกคนหนึ่ง,วายบันเทิง-บทที่ 2 ผลลัพธ์ที่ดี,วายบันเทิง-บทที่ 3 ทริปมิตรสัมพันธ์,วายบันเทิง-บทที่ 4 สังสรรค์หรือสงคราม,วายบันเทิง-บทที่ 5 ยังไงกันแน่,วายบันเทิง-บทที่ 6 แต่ความจริงคือ...,วายบันเทิง-บทที่ 7 ระมัดระวัง,วายบันเทิง-บทที่ 8 ข่าวลือ,วายบันเทิง-บทที่ 9 มันจริงมั้ย?,วายบันเทิง-บทที่ 10 คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ,วายบันเทิง-บทที่ 11 เคลียร์ใจ,วายบันเทิง-บทที่ 12 มีซัมติงไหม?,วายบันเทิง-บทที่ 13 นี่ว่าใช่ ไม่ได้มโน,วายบันเทิง-บทที่ 14 โดนกับตัว,วายบันเทิง-บทที่ 15 ไม่พอใจ,วายบันเทิง-บทที่ 16 ต้องเลือก,วายบันเทิง-บทที่ 17 เมามาย 1,วายบันเทิง-บทที่ 18 เมามาย 2,วายบันเทิง-บทที่ 19 ทำไมทำงี้!?,วายบันเทิง-บทที่ 20 โอกาสเดียว,วายบันเทิง-บทที่ 21 หมดความอดทน,วายบันเทิง-บทที่ 22 ไม่จบไม่สิ้น,วายบันเทิง-บทที่ 23 โดนปลด,วายบันเทิง-บทที่ 24 เกาะกระแส,วายบันเทิง-บทที่ 25 ข่าวล่ามาไว,วายบันเทิง-บทที่ 26 เพื่อนใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 27 งงไปหมด,วายบันเทิง-บทที่ 28 คนใหม่?,วายบันเทิง-บทที่ 29 มันเอาอีกละ,วายบันเทิง-บทที่ 30 สามหนุ่มเปิดใจ,วายบันเทิง-บทที่ 31 ก้าวใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 32 คลาสแอคติง,วายบันเทิง-บทที่ 33 ไปแคสติงกัน,วายบันเทิง-บทที่ 34 ช่วยมาคุมความประพฤติอีสันดานนี่ที,วายบันเทิง-บทที่ 35 ข่าวเก่าเล่าใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 36 ไม่เป็นไร,วายบันเทิง-บทที่ 37 รียูเนียน?,วายบันเทิง-บทที่ 38 เลิฟซีนเป็นเหตุ,วายบันเทิง-บทที่ 39 นั่นปากเหรอ!?,วายบันเทิง-บทที่ 40 เอาแล้วหัวใจ,วายบันเทิง-บทที่ 41 ระยะปลอดภัย,วายบันเทิง-บทที่ 42 เรื่องของฮัน,วายบันเทิง-บทที่ 43 หัวใจเจ้ากรรม หวั่นไหวง่ายจัง,วายบันเทิง-บทที่ 44 แค่พี่น้อง?,วายบันเทิง-บทที่ 45 ไปเชียงใหม่กันไหม,วายบันเทิง-บทที่ 46 เริ่มเลย,วายบันเทิง-บทที่ 47 เริ่มเลย 2,วายบันเทิง-บทที่ 48 ยินดีต้อนรับ,วายบันเทิง-บทที่ 49 ม่อนแจ่ม,วายบันเทิง-บทที่ 50 ไปขึ้นเขากัน,วายบันเทิง-บทที่ 51 กิ่วแม่ปาน,วายบันเทิง-บทที่ 52 เบื่อจริงๆ ไอ้พวกปากแข็ง,วายบันเทิง-บทที่ 53 ขอสักหน่อย หายไปหลายคืน,วายบันเทิง-บทที่ 54 กลับไป ไม่กลับใจ,วายบันเทิง-บทที่ 55 ความพยายาม,วายบันเทิง-บทที่ 56 อดีตช่วยย้ำเตือน,วายบันเทิง-บทที่ 57 เริ่มต้นเปิดใจ,วายบันเทิง-บทที่ 58 บททดสอบ,วายบันเทิง-บทที่ 59 ความลับที่ฉันซ่อนไว้,วายบันเทิง-ตอนที่ 60 ตอนจบที่มีความสุข

เนื้อหา

บทที่ 12 มีซัมติงไหม?

กันนอนหลับสะลึมสะลืออยู่บนเตียง เขารู้สึกเวียนหัวเป็นอย่างมากจนไม่อยากตื่นเพราะเมื่อคืนเขาชวนคิมมาที่บ้านแล้วสั่งชุดหมูกระทะมานั่งกินกันสองคน แถมดื่มเบียร์เข้าไปคนละหลายกระป๋อง เช้านี้ก็เลยเกิดอาการหัวหนักนิดหน่อย แต่ก็ดีที่ไม่ได้มีงานอะไรต้องทำ เขาจึงปล่อยตัวให้นอนอืดอยู่แบบนั้น ส่วนไอ้คิมก็ปล่อยให้หลับอยู่ที่โซฟาชั้นล่าง ลำพังการที่เขาแบกร่างตัวเองขึ้นมานอนในห้องนอนที่อยู่บนชั้นสี่ได้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่เก่งมากแล้ว หากจะให้พาเพื่อนสนิทเขาขึ้นมาที่นี่ด้วยอีกคนเกรงว่าจะพากันตกบันไดไปเสียก่อน

ครืดดด! ครืดดด! 

มือถือของกันต์สั่นขึ้นทำเอาเจ้าของเครื่องหน้ายู่เล็กน้อย ใครมันโทรมาแต่เช้าขนาดนี้ ลำพังชีวิตเขาก็ไม่ค่อยจะมีคนโทรหาสักเท่าไหร่ แต่ทำไมในเช้าวันที่เขายังไม่หายจากอาการมึนเมาพระเจ้าถึงได้อยากแกล้งเขานัก

 

“ฮัลโหลครับ”

(ตื่นยังน้อง)

“พี่บุ๊คเหรอ”

(อือ ยังไม่ตื่นเหรอ เดี๋ยวพี่โทรไปใหม่ละกัน)

“ตะ... ตื่นแล้วพี่ มีไรครับ”

(ทำไรวันนี้)

“ไม่มีนะ พี่มีไรเปล่า”

(ไปหาไรกินกัน)

“อ่อ ได้พี่ ที่ไหนอะ”

(เจอสยามก่อน ละเดี๋ยวค่อยว่ากัน)

“โอเคครับ ขออาบน้ำแต่งตัวก่อน”

(ได้ ชิลๆ ไม่ต้องรีบ กำลังจะอาบน้ำเหมือนกัน)

“อาเคครับ งั้นขอเวลาสักชั่วโมง เจอกันเที่ยงๆ ได้มั้ยพี่”

(ดีล! ตามนั้น เจอกันน้อง)

 

“อื้อออออ!!!!” กันต์ส่งเสียงร้องออกมาดังลั่นห้องตอนที่กำลังบิดขี้เกียจ เขายืดเหยียดทั้งแขนและขาพลางบิดเอี้ยวตัวจนสุดก่อนจะค่อยๆ ชันตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง เขาเอื้อมมือไปหยบิรีโมทแอร์มากดปิดแล้วนั่งนิ่งอยู่แบบนั้นอีกครู่ใหญ่ แม้ว่าเขาจะลืมตาตื่นแล้ว แต่เหมือนจิตวิญญาณข้างในของเขายังไม่ตื่นดีสักเท่าไหร่

เขารวบรวมพลังทั้งหมดที่พอจะมีในตอนนี้ขยับตัวลงจากเตียงแล้วเข้าห้องน้ำไป โดยหวังว่าการอาบน้ำเย็นตอนเช้าจะช่วยให้อาการมึนศีรษะจากการดื่มเบียร์เยอะบรรเทาลงได้บ้าง

เพียงชั่วเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเขาก็แต่งตัวจนเสร็จ กลิ่นน้ำหอมลอยฟุ้งจนตอนที่เดินลงมาถึงชั้นล่างคิมถึงกับทำจมูกฟุดฟิดก่อนจะลืมตาตื่นขึ้นมา พอเห็นว่าเพื่อนของตัวเองอยู่ในชุดหล่อเหลาก็อดตกใจไม่ได้

“นี่มึงจะไปไหนเนี่ย”

“กูจะออกไปสยาม พี่บุ๊คชวนกินข้าว” กันต์ยิ้มบอก

“ต้องแต่งตัวหล่อขนาดนี้เลยเหรอ?” คิมแปลกใจเล็กน้อยเพราะก่อนหน้านี้เวลาเพื่อนสนิทตัวดีของเขาจะออกไปไหนมาไหนก็ไม่เห็นว่ามันจะแต่งตัวดีเท่าวันนี้ หรือเพราะว่ามีอะไรพิเศษที่เขาไม่รู้หรือเปล่า

“นิดนึง เผื่อมีคนเจอละจำได้ไง จะได้ไม่ดูโทรมเป็นผี”

“แปลกๆ น้า~” คิมถึงกับอดใจแซวไม่ได้ เพราะท่าทีของกันต์มันดูจะดี๊ด๊าเป็นพิเศษ แต่เขาก็ไม่อยากจะด่วนสรุปอะไรไป ในเมื่อเพื่อนบอกเหตุผลมาแบบนั้น เขาก็เลือกที่จะเชื่อแทนที่จะคิดมโนไปเองก็แล้วกัน

“ฝากดูบ้านด้วยนะ” กันต์บอกก่อนจะเดินออกจากบ้านไปเพราะแกร๊บวินที่เขากดเรียกขับมาจอดที่หน้าบ้านพอดี

“เออ ไปดีๆ”

กันต์กระโดดขึ้นท้ายรถมอเตอร์ไซค์ก่อนจะสวมหมวกกันน็อคที่คนขับยื่นส่งมาให้ คนขับออกตัวทันทีเมื่อเห็นว่าผู้โดยสารขึ้นนั่งเรียบร้อย แรงกระชากตอนรถมอเตอร์ไซค์ออกตัวทำเอากันต์เกือบหงายหลังจนต้องคว้าไหล่คนขับเอาไว้ พอทรงตัวได้เขาก็ย้ายมือของตัวเองไปจับบริเวณท้ายรถมอเตอร์ไซค์แทน

ลมโบกพัดแรงตามความเร็วของวินมอเตอร์ไซค์ กันต์กระชับมือที่จับยึดไว้มั่น พยายามหุบเข่าเข้ามาให้แคบที่สุด แม้ว่าจะเผลอแนบไปขาของพี่คนขับบ้างแต่เขาก็ต้องยอมเพราะกลัวว่าพี่วินจะพาเอาเข่าเขาไปขูดกับรถยนต์ที่ขับอยู่ข้างๆ เขาเคยโดนมาครั้งหนุ่งจึงทำให้จำขึ้นใจว่าไม่อยากจะโดนอีก แม้จะดูเหมือนว่าไม่ได้หนักหนาอะไรแต่มันก็สร้างความเจ็บปวดได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

เขากระโดดลงจากรถทันทีที่มาถึง โชคดีที่เขาเลือกการจ่ายเงินแบบตัดบัตรเครดิตทำให้เขาไม่ต้องมาเสียเวลาหาเงินจ่ายหรือแสกนจ่ายเงินเพราะบริเวณด้านหน้าสยามหากจอดนานๆ ก็จะถูกพี่ๆ ทีมรักษาความปลอดภัยไล่เอาได้

กันต์เดินเข้ามาในด้านในห้างเพราะบุ๊คบอกว่ายืนรออยู่บริเวณหน้าร้านแบรนด์เนมร้านหนึ่งซึ่งมีสีประจำแบรนด์เป็นสีส้มโดดเด่น เขาจึงเร่งฝีเท้าเดินไปหาอีกฝ่ายหลังจากที่เพิ่งเห็นข้อความว่าพี่เขามาถึงที่นี่ตั้งแต่ห้านาทีที่แล้วเพราะไม่อยากให้เขารอนาน

“พี่บุ๊ค” กันต์ร้องเรียกเมื่อเห็นคนพี่ยืนอยู่ไม่ห่างออกไปมากนัก “มาถึงนานยัง”

“เพิ่งถึงเอง แกกินไรมายัง” 

“ยังเลยพี่”

“กินไรดี”

“เห้อ! คำถามนี้ยากมากเลยนะ” กันต์ถอนหายใจแล้วทำหน้าเซ็งเรียกให้อีกฝ่ายหลุดหัวเราะออกมา

“จริงแก พี่ก็ไม่รู้จะกินอะไรอะ ก็เลยถามดูก่อนเผื่อแกจะมีไอเดียดีๆ” บุ๊คบอกพลางดึงให้กันต์ขยับเข้ามาด้านข้างเพราะจุดที่ยืนอยู่เหมือนจะขวางทางคนเดินไปสักหน่อย ระหว่างนั้นบุ๊คก็หยิบมือถือขึ้นมาเพื่อเสิร์ชหาร้านอาหารที่มีอยู่ในบริเวณนั้นเพื่อช่วยในการตัดสินใจ

“พี่บุ๊คอยากกินอาหารประเภทไหนอะ”

“ญี่ปุ่นมะ”

“เบื่ออะดิ” กันต์ทำหน้ายู่เมื่อได้ยินแบบนั้น จริงๆ เขาก็ไม่น่าคาดหวังคำตอบของคำถามนี้เลยด้วยซ้ำ พอเห็นพี่บุ๊คยังไงก็ต้องนึกถึงอาหารญี่ปุ่นเป็นอย่างแรกอยู่แล้ว

“เอ่า! งั้นแกอยากกินไร” บุ๊คถึงกับวางมือถือลงเมื่อได้ยินคนน้องบอกว่าเบื่ออาหารญี่ปุ่น เขาคิดกว่าให้กันต์เป็นฝ่ายเลือกร้านเอาเองน่าจะดีกว่า เพราะกลัวว่าเลือกไปแล้วจะไม่ถูกใจน้องอีก

“อยากกินไรที่มีซุปร้อนๆ อะ”

“ชาบูไหมงั้น”

“แต่เราจะตัวเหม็นไปทั้งวันเลยนะ”

“ก็จริง” บุ๊คเพิ่งจะมานึกได้ก็ตอนที่กันต์บอกนี่แหละ เขาลืมไปเสียสนิทว่าวันนี้นัดกันต์ออกมาเที่ยว ถ้าต้องตัวเหม็นกลิ่นชาบูไปทั้งวันคงไม่รู้สึกเอ็นจอยแน่ๆ

“ราเม็งไหมครับ” กันต์เสนอไอเดีย

บุ๊คถึงกับสูดหายใจเข้าลึกเมื่ออีกฝ่ายตอบมาแบบนั้นก่อนจะมองกลับไปอย่างแกล้งหาเรื่อง “แล้วราเม็งนี้ไม่ใช่อาหารญี่ปุ่นเหรอ”

“เออว่ะ ฮ่าๆๆๆ” 

“แต่พี่กินได้ๆ เอาไง”

“ราเม็งละกันครับ”

พอตัดสินใจเลือกร้านกันได้ทั้งคู่ก็พากันเดินไปที่ร้านทันที ราเม็งร้านที่พวกเขาเลือกก็เป็นร้านแฟรนไชส์ที่มีชื่อและอยู่มายาวนาน ผู้คนนิยมไปกินกันบ่อยๆ ด้วยราคาที่ค่อนข้างถูกหากเทียบกับร้านประเภทเดียวกันในแบรนด์อื่นๆ โชคดีที่วันนี้คิวไม่เยอะกันต์และบุ๊คจึงไม่ต้องรอนาน

พวกเขาใช้เวลาอยู่ในร้านนั้นไม่นานเพราะการที่ต่างฝ่ายต่างเคยมากินประจำทำให้ทั้งคู่มีเซ็ตอาหารในใจที่มักจะสั่งทุกครั้งเวลาเข้ามาในร้านนี้ ใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีหลังจากที่อาหารมาเสิร์ฟ พวกเขาก็จัดการอาหารเสียเรียบร้อย

“ไปไหนต่อดีพี่” กันต์เอ่ยถามระหว่างที่ดึงทิชชูบนโต๊ะมาเช็ดปาก

“แกอยากทำไรไหม”

“ไม่มีเลยอะ”

“เหรอ...” บุ๊คตอบกลับพลางทำหน้าครุ่นคิด เพราะเขาเองก็ไม่ได้เตรียมแพลนสำหรับวันนี้มาสักเท่าไหร่ แค่คิดว่าจะออกมาเจอกันก็เท่านั้น แต่ถ้าเอาแต่พากันเดินเล่นเรื่อยเปื่อยไปรอบๆ สยามมีหวังกันต์อาจจะเบื่อหรือเมื่อยเสียก่อนได้ ในหัวของเขากำลังไล่นึกถึงแผนผังของสยามว่าพอจะมีที่ไหนให้ไปเดินเล่นได้โดยที่จะไม่ทำให้น่าเบื่อเสียก่อน

“พี่บุ๊คมีไรอยากทำไหมอะ” กันต์ถามขึ้นหลังจากที่เห็นว่าอีกฝ่ายนั่งเงียบไป

“กำลังคิดอยู่เลย”

“กันต์ทำไรก็ได้นะ เดินเล่นเฉยๆ ก็ได้ ถ้าไม่รู้จะทำไร จะได้ไม่เปลืองตัง”

“งั้นไปดูอควาเรียมกันไหม ที่อยู่ชั้นล่างอะ” บุ๊คเสนอขึ้นเพราะเป็นตัวเลือกเดียวที่เขาเห็นว่าน่าจะ

“ได้นะพี่ กันต์ยังไม่เคยไปเลย” กันต์มีสีหน้าตื่นเต้นทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เพราะที่นี่เป็นความใฝ่ฝันของเขาอยู่เหมือนกัน เขาอยากมาที่นี่นานมากแล้วตั้งแต่ช่วงที่เห็นข่าวว่ามันเปิดแต่ที่บ้านก็ไม่เคยให้มาเลยสักครั้งด้วยเหตุผลที่ว่าราคามันแพงเกินไป

เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมที่บ้านถึงคิดแบบนั้น เพราะที่ผ่านมาทั้งพ่อและแม่ต่างก็ดูแลซัพพอร์ตเขาไม่เคยขาดตกบกพร่อง เขารู้ดีว่าที่บ้านของเขาไม่ใช่ชนชั้นที่นับว่าเป็นครอบครัวคนรวย แต่พ่อแม่ก็ไม่เคยเลี้ยงให้เขาลำบาก เขาถูกดูแลมาแบบไม่เคยต้องเหนื่อย อยากได้อะไรก็หามาให้แม้ว่าบางอย่างจะช้าไปสักหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะขาดอะไร แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่พ่อแม่รู้สึกว่ามันสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ เขาเคยได้ยินพ่อแม่พูดว่าถ้าต้องเสียเงินขนาดนี้เพื่อไปเดินดูปลาแค่แป๊บเดียวเก็บไว้กินข้าวยังดีกว่า

ตอนเด็กๆ ก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอก แต่พอมาตอนนี้ก็พอจะเข้าใจอยู่บ้างว่าสิ่งที่พ่อแม่พูดมันหมายถึงอะไร

“โห ราคาจุกอยู่นะพี่” กันต์บ่นเมื่อเดินลงมาถึงเคาท์เตอร์ขายตั๋ว

“ปกติมันมีโปรโมชั่นอยู่นะ ของพวกเครือข่ายมือถืออะ ลองดูดิ” บุ๊คเอ่ยบอกแบบนั้น กันต์จึงลองหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาเปิดเช็คดู

“มีจริงๆ ด้วยพี่” น้ำเสียงตื่นเต้นดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มของกันต์ 

“ปังง!! ลดเท่าไหร่” 

“50% อะพี่ ดวงดีจัด” กันต์ยื่นหน้าจอมือถือให้คนข้างๆ ดู รอยยิ้มกว้างของคนน้องทำเอาบุ๊คเอ็นดูไม่ไหวเผลอยกมือขึ้นลูบหัวกันต์ไปเบาๆ จนอีกคนหันมามองหน้า แต่บุ๊คก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“เข้าไปข้างในกันเหอะ” บุ๊คหันมายิ้มให้แล้วเดินนำเข้าไป

บรรยากาศด้านในชวนให้กันต์ตื่นเต้นอย่างประหลาด อาจเพราะเป็นสถานที่ที่เขาอยากจะมานานแล้ว พอได้มายืนอยู่ตรงนี้จึงใจเต้นแรงเป็นพิเศษ เขามองไปรอบๆ อย่างสนใจ บรรดาตู้ปลาเล็กๆ ที่ตั้งไว้ต้อนรับด้านหน้าทำเอาเขาต้องรีบพุ่งตัวไปดู จากนั้นเขาเดินเข้าไปตามทางที่เรียงรายไปด้วยตู้ปลาเล็กใหญ่

แชะ!

เสียงชัตเตอร์จากกล้องมือถือดังขึ้น กันต์หันไปมองก็เห็นว่าบุ๊คกำลังถ่ายรูปของเขาอยู่แต่คนน้องก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงแต่ยิ้มให้เท่านั้น

“เดี๋ยวส่งรูปให้นะ น่ารักดี” บุ๊คยิ้มบอกแล้วยกมือถือขึ้นถ่ายรูปกันต์อีกสองสามรูป

“เอาหล่อๆ นะพี่” กันต์เอ่ยพูดพร้อมแอคท่าเท่

ทั้งคู่สนุกสนานอยู่ในนั้นกันพักใหญ่ พวกเขาเดินไปตามโซนต่างๆ ภายในอความเรียมนั้น แต่จุดที่ดูจะดึงดูความสนใจของกันต์ได้มากที่สุดแทนที่จะเป็นโซนปลากลับกลายเป็นโซนป่าดงดิบเสียอย่างนั้น เพราะเป็นโซนที่มีสัตว์แปลกที่เขาไม่ค่อยจะได้เห็นในชีวิตประจำวันสักเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะบรรดากบตัวจิ๋วและมดฝูงโต 

บุ๊ครู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเพราะคิดว่าคนอย่างกันต์จะกลัวอะไรพวกนี้แต่กลายเป็นตรงกันข้าม เขาค่อนข้างที่จะพออกพอใจที่การตัดสินใจพากันต์มาที่นี่เป็นความคิดที่ถูกต้อง โดยเฉพาะตอนที่พวกเขาเดินมาถึงโซนนกเพนกวินกันต์ก็ยิ่งดูดี๊ด๊าเป็นพิเศษ เขาวิ่งเข้าไปใกล้เพื่อให้เห็นชัดขึ้น มือถือถูกยกขึ้นมาถ่ายคลิปวิดีโอไม่หยุด กันต์ใช้เวลาอยู่ในโซนนี้นานเป็นพิเศษชนิดที่ว่าเขาตัดสินใจนั่งลงตรงเก้าอี้ด้านหน้าเพื่อนั่งดูนกเพนกวินว่ายน้ำ

“ถ้าได้มาที่นี่กับแฟนก็คงดีเนอะพี่” อยู่ๆ กันต์ก็เอ่ยพูดขึ้นทำเอาบุ๊คหันมามองอย่างสนใจ

“หื้ม?”

“แค่คิดว่ามันเหมาะกับการมาเดทอะพี่”

“อ่อ... ปกติพี่ชอบมาที่นี่คนเดียวบ่อยๆ เวลาว่างๆ เหงาๆ อะไรงี้” บุ๊คตอบขณะจ้องมองที่ใบหน้าของกันต์ ชั่วขณะหนึ่งที่กันต์หากลับมาจากตู้นกเพนกวิน สายตาของทั้งคู่ประสานกัน เพียงห้วงวินาทีนั้นจังหวะหัวใจของกันต์มันเต้นแปลกไปกว่าเดิม กันต์รีบหลบสายตาไปทางอื่นทันที

“เราไปต่อกันไหมครับ” กันต์ยิ้มบอกก่อนจะลุกขึ้นยืน

“อื้อ” 

วันนั้นทั้งวันกันต์กับบุ๊คใช้เวลาอยู่ด้วยกันแบบที่ไม่ได้แยกห่างกันตั้งแต่เช้าจนดึก เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เรียนรู้กันและกันมากขึ้นจากที่สนิทก็กลายเป็นสนิทกันมากกว่าเดิม อันที่จริงในซีรีส์พวกเขาแทบจะไม่ได้เข้าซีนด้วยกันเลยสักครั้ง แต่ไม่รู้ทำไมสองคนนี้ถึงได้มาสนิทกัน อาจเป็นเพราะอายุที่ไล่เลี่ยกันเหมือนที่พี่บุ๊คเคยบอก หรือไม่อย่างนั้นก็อาจจะเพราะอะไรบางอย่างดลจิตดลใจให้พวกเขาได้มารู้จักกันล่ะมั้ง

 

เป็นอีกวันที่กันต์ไม่มีคิวถ่ายแต่กองถ่ายยังคงออกกองตามปกติ เขาจึงนอนเบื่ออยู่ที่บ้านไถแอพลิเคชันต่างๆ ในมือถือเล่นไปเรื่อยเปื่อยก่อนจะเด้งข้อความไลน์ขึ้นมาปรากฏชื่อพี่บุ๊คอีกครั้ง หลายวันมานี้พวกเขาคุยกันตั้งแต่เช้าจนดึก ไลน์เด้งประหนึ่งที่ว่างไม่มีใครยอมวางมือถือ กันต์ก็แปลกใจไม่น้อยว่าทำไมเขาถึงได้สบายใจที่จะคุยทุกเรื่องกับบุ๊คขนาดนี้

 

Book : แกทำไร

Kan : นอนเปื่อยอยู่บ้าน

Book : วันนี้พี่เลิกกองเร็ว

Kan : อ่อ ให้ไปหามั้ยพี่

Book : มาดิ มาที่กองเลย พี่เสร็จจะได้ไปหาไรกินกัน

Kan : โอเคครับ

Book : เจอกันนน

 

กันต์รีบลุกขึ้นจากโซฟาทันทีแล้ววิ่งขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนที่เขาจะเรียรถแท็กซี่ออกไปยังกองถ่ายที่อยู่ไม่ห่างไปจากบ้านของเขามากนัก นับว่าเป็นโชคดีที่โลเคชั่นการถ่ายทำค่อนข้างที่จะอยู่ในเมือง จึงไม่ต้องนั่งรถออกไป

เขาเดินเข้าไปยังห้องแต่งตัวเมื่อมาถึงกองถ่าย พี่คอสตูมและช่างแต่งหน้ารู้สึกตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้ากันต์

“วันนี้มีเธอด้วยเหรอกันต์” พี่คอสตูมคนหนึ่งเบิกตาโตเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ไม่มีครับ แวะมาหาพี่บุ๊คเฉยๆ”

“อ่อ พี่ตกใจหมด นึกว่าฉันลืมดูเบรกดาวน์ผิด” 

“ไม่ผิดครับ ฮ่าๆ ผมเหงาเลยแวะมาเฉยๆ ครับ” กันต์หัวเราะร่าก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงที่เก้าอี้สนามของบุ๊คที่กางเอาไว้แล้ววางกระเป๋าทิ้งไว้ตรงนั้น เขาคิดว่าบุ๊คอาจจะกำลังเข้าฉากอยู่จึงตัดสินใจที่นั่งรออยู่ตรงนั้น

สายตาของเขาเหลือบเห็นพี่ช่างแต่งหน้าเดินไปหาพี่คอมตูมแล้วกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกัน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมสนใจสักเท่าไหร่ เพราะการนินทาเป็นเรื่องปกติในกองถ่ายอยู่แล้ว เพียงแต่ครั้งนี้คงเป็นเรื่องที่ไม่อยากให้กันต์รับรู้ล่ะมั้ง

“เสร็จละ” บุ๊คเดินเข้ามากันต์ที่นั่งเล่นมือถืออยู่

“เอ้า! ไวเกิ๊น”

“ไม่ดีหรือไง จะได้ไม่ต้องนั่งรอนาน” 

“ดีแล้ว แค่แปลกใจเฉยๆ” กันต์ตอบพลางคว้ากระเป๋าของบุ๊คแล้วยื่นให้อีกฝ่าย

“มา! ลุก! จะได้เก็บเก้าอี้” บุ๊คเอ่ยบอกพลางยื่นมือไปให้กันต์จับเอาไว้ก่อนที่คนตัวสูงจะออกแรงดึงให้อีกฝ่ายลุกขึ้นมา

พอกันต์ลุกขึ้นยืนเขาก็เดินหลีกออกไป ส่วนบุ๊คก็ก้มลงไปเก็บเก้าอี้สนามของตัวเองเก็บเข้าถุงก่อนจะยกขึ้นสะพายบ่า กันต์เห็นแบบนั้นก็เลยขออาสาที่จะช่วยถือกระเป๋าสะพายของบุ๊คให้

“กลับแล้วนะครับทุกคน” กันต์หันไปบอกพี่ทีมงานทุกคนในห้องนั้น

“จ้า!!! กลับดีๆ น้า ทั้งคู่เลยยยย” เสียงพี่คอสตูมเอ่ยตอบอย่างสดใส แต่สายตาแฝงซ่อนอะไรบางอย่างไว้แบบที่กันต์สังเกตเห็นได้

“มีอะไรหรือเปล่าครับ” กันต์ถามกลับทันทีเพราะเขาเป็นคนจำพวกที่ไม่ชอบเก็บความสงสัยเอาไว้ภายในใจ

“อะ... อ่อ เปล่าจ้ะ ไม่มีอะไร” พี่คอสตูมถึงกับหน้าเสียเมื่อได้ยินกันต์เอ่ยถามแบบนั้นใครมันจะไปคิดว่าจู่ๆ จะถูกจับได้ ปกติเขาก็ไม่ใช่คนเก็บสีหน้าได้สักเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่พยายามโดยเฉพาะเรื่องเมื่อครู่นี้

“อ่อครับ” กันต์ตอบรับด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยแต่แวตานั้นช่างเยือกเย็นจนอีกฝ่ายต้องขนลุกซู่

“ไปได้แล้ว” พี่บุ๊คหันมาสะกิดเมื่อเห็นว่ากันต์ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้ยิน ไม่ใช่ว่าเขาไม่เห็น แต่เขาเลือกที่จะไม่สนใจมากกว่า ไอ้เรื่องหยุมหยิมที่จะมาทำให้เรารำคาญใจหากปล่อยมันทิ้งไปบ้างก็น่าจะดีกว่าเก็บมาคิดมาก

ทั้งคู่เดินมาจนถึงรถก่อนจะช่วยกันเอาของยัดใส่ท้ายรถ แต่พอกำลังจะขึ้นไปนั่งบนรถ บุ๊คกลับพบว่าตัวเองลืมบทไว้ที่ห้องแต่งตัว ซึ่งพรุ่งนี้มีซีนที่ต้องถ่ายเยอะจึงทิ้งบทไว้ที่นี่ไม่ได้

“แกรอพี่แป๊บนะ พี่ลืมบทไว้ในห้องแต่งตัวอะ” บุ๊คหันไปบอกกับกันต์แต่ยังไม่ทันจะได้เดินออกไปอีกฝ่ายก็ทักให้หยุดชะงักเสียก่อน

“เดี๋ยวไปเอาให้ พี่รอที่รถนี่แหละสตาร์ทรถรอเลย กันต์กลับมาจะได้นั่งรถเย็นๆ” กันต์พูดจบปุ๊บก็วิ่งออกไปปั๊บ ไม่เหลือช่องว่างให้บุ๊คได้เอ่ยห้าม

กันต์รีบเดินไปยังห้องแต่งตัวทันทีแต่ไม่รู้ว่าเขาเข้ามาผิดจังหวะหรือเปล่า จึงมาทันได้ยินคนข้างในห้องกำลังนินทาถึงตัวเขาสนุกปาก

 

‘แก ชั้นว่าใช่นะ!’

‘จริงแม่ หนูว่าล้านเปอร์เซ็น’

‘ว้าย! แล้วงี้น้องก้องของฉันล่ะ อุตส่าห์เชียร์คู่นั้น’

‘คงเพราะว่าบุ๊คเลือกมาคบกับกันต์หรือเปล่า อาจจะเทน้องก้องไปแล้วงี้’

‘บ้า เขาอาจจะสนิทกันเฉยๆ ก็ได้ พี่น้องไรงี้’

‘พี่น้องบ้าไรมานั่งรอรับกลับบ้านถึงกองถ่าย’

‘จริงแม่!’

 

สิ่งที่กันต์เผลอได้ยินเข้าทำเอาเขาถึงกับถอนหายใจ เขาเชื่อแล้วว่าวงการนี้มันน่ากลัวจริงๆ เพียงแค่หายออกจากวงสนทนา คนในนั้นก็พร้อมที่จะนินทาเรื่องของคุณขึ้นมาทันที เขาสูดหายใจเข้าลึกเพราะมีเป้าหมายที่จะต้องเข้าไปในห้องนั้นเพื่อเอาบทของพี่บุ๊คกลับไป มือบางเอื้อมไปเปิดประตูห้องแต่งตัวทันทีที่โผล่หน้าเข้าไป ทุกคนก็ดูมีอาการตกใจแล้วหันมามองที่กันต์เป็นตาเดียว

“พอดีพี่บุ๊คลืมบทเอาไว้น่ะครับ” กันต์แสร้งยิ้มกว้างให้แล้ววิ่งไปหยิบบทของบุ๊คก่อนจะวิ่งออกมาจากตรงนั้น เพราะเขาไม่อยากจะสุงสิงกับคนพวกนั้นเลยจริงๆ

กันต์เดินหน้ามุ่ยกลับมาที่รถ อารมณ์ที่ดีมาทั้งวันพอเจอแบบนี้กลับทำให้เปลี่ยนไปในทันที เขาเปิดประตูแล้วขึ้นมานั่งด้วยสีหน้าบึ้งตึงจนบุ๊คที่นั่งรออยุ่ถึงกับต้องเอ่ยทักถาม เพราะอดเป็นห่วงไม่ได้ ก่อนหน้านี้ตอนที่เดินไปยังดูสดชื่นดีแต่ทำไมพอเดินกลับมาดันเหมือนผีตายซากเสียอย่างนั้น

“แกเป็นไร”

“พี่รู้ไหม พวกพี่คอสตูมกับช่างหน้าผมเขานินทาพวกเราอะ”

 “ก็ไม่แปลกใจนะ”

“เหรอ พี่ไม่โกรธเหรอ” กันต์หันมาถามราวกับอยากจะหาพวก เพราะเขาไม่อยากเป็นคนเดียวที่กำลังโมโหคนพวกนั้น

“แล้วรอบนี้เขานินทาอะไรอะ” บุ๊คเองก็อยากรู้ว่าคนพวกนั้นจะพูดถึงเขาในรูปแบบไหนอีก

“เขาบอกว่าพี่เทน้องก้องแล้วมาคบกับกันต์ ตลกเหอะ”

“ขำ ปล่อยไปเถอะ คนเราเนอะ เรื่องไม่จริงนี่พูดเก่งกันจัง เราไม่ได้คบกันจริงๆ ก็ไม่ต้องไปร้อนรนอะไร ปล่อยให้พูดไปเดี๋ยวเหนื่อยก็หยุดเองอะ” บุ๊คเอ่ยพูดหน้านิ่ง น้ำเสียงออกจะปลงอยู่ไม่น้อยกับเรื่องที่คนข้างๆ เล่าให้ฟัง 

เอาเข้าจริงเขาไม่ค่อยจะซีเรียสเท่าไหร่ เพราะเรื่องที่คนพวกนั้นนินทากันไม่ใช่เรื่องจริง และมันก็ไม่ค่อยกระทบชีวิตเขาเท่าไหร่นัก แทนที่จะเสียเวลาชีวิตมานั่งเครียดเอาเวลาไปทำงานหาเงินยังจะดีกว่าเสียอีก