วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ
รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น,วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
วายบันเทิงวงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ
วายบันเทิง
The Gossip of BL
Run_Kantheephop
เรื่องแต่ง 99% อีก 1% คือเค้าโครงจากเรื่องจริง
ขออนุญาตแก้ไขวันและเวลาในการอัพนิยายนะครับ เนื่องจากช่วงนี้มีภารกิจจากหน้าที่การงานเข้ามาจึงทำให้เขียนนิยายได้น้อยลงกว่าเดิม จากนี้ไปจะขออัพนิยายเพียงแค่สัปดาห์ละ 1 ตอนนะครับ (ทุกวันเสาร์ เวลา 18:00 น.)
ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามครับ
********************************************************************************
มีทั้งหมด 5 เล่ม
E-Book วางจำหน่ายแล้ว บน MEB
กระแสเรือผีบุ๊คกันต์เริ่มถูกพูดถึงกันมากขึ้นอย่างเป็นวงกว้าง แฮชแท็กในแอพลิเคชันเอ็กซ์เริ่มถูกกล่าวถึงเป็นจำนวนมากกว่าหมื่นข้อความ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแบบงงๆ เพราะตั้งแต่วันที่มีแฟนคลับขอถ่ายรูปกับบุ๊คกันต์ที่ไปกินข้าวด้วยกันในห้างวันนั้น ก็เริ่มมีหลายคนที่บังเอิญพบเจอบุ๊คกันต์ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ แบบสองคนในสถานที่ต่างๆ จึงพากันแอบถ่ายแล้วปล่อยรูปลงในเอ็กซ์ จนบรรดาสาววายที่พบเห็นเริ่มได้กลิ่นแปลกๆ ระหว่างสองคนนี้ ทำให้เกิดกระแสจิ้นเรือผีระหว่างบุ๊คกันต์ขึ้นมา
ภูมิที่นั่งเลื่อนดูเอ็กซ์ระหว่างที่ช่างกำลังทำผมให้จึงได้เห็นแฮชแท็กบุ๊คกันต์กำลังไต่ขึ้นเทรนด์ เขากดเข้าไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นก่อนจะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อยที่แฮชแท็กบุ๊คกันต์ติดเทรนด์แทนที่จะเป็นของเขากับซันที่เป็นพระเอกนายเอกของเรื่อง แม้ว่าซีรีส์จะยังอยู่ในระหว่างการถ่ายทำและยังไม่ได้ออนแอร์ก็ตาม อย่างน้อยพระนายของเรื่องควรที่จะมีกระแสมากกว่าพวกนักแสดงสมทบไม่ใช่เหรอ
เขาค่อนข้างที่จะไม่พอใจแต่ก็ยังไม่สามารถแสดงอาการอะไรออกไปได้มากนัก ต้องรักษาภาพลักษณ์พระเอกที่ดีเอาไว้ ไม่อย่างนั้นอาจจะโดนเอาไปนินทาได้ นี่เป็นโอกาสครั้งใหม่ที่เขาจะได้ชุบตัวให้กลับมาดังอีกครั้งหลังจากที่ก่อนหน้านี้หลายปีเคยเข้าวงการบันเทิงมาด้วยการเล่นละครเป็นตัวสมทบอยู่หลายเรื่อง แม้จะได้แสดงประกบดาราเบอร์ใหญ่แต่เขาก็ยังไม่ค่อยมีคนรู้จักอยู่ดี ครั้งนี้การได้รับบทบาทพระเอกซีรีส์วายหลังจากที่เขาห่างหายจากการแสดงไปหลายปีจึงนับเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้หวนกลับมาเบื้องหน้าอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง ดังนั้นเขาจะพลาดไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว
การได้เห็นบุ๊คกับกันต์ที่อยู่ๆ มีคนพูดถึงจนเป็นกระแสมากกว่าเขากับซันจึงทำให้เขาตงิดใจไม่น้อย ในหัวเริ่มคิดที่จะหาวิธีการทำให้คู่ของเขาโดดเด่นขึ้นมาบ้างเพื่อกลบกระแสคู่เรือผีอย่างบุ๊คกันต์ไปให้ได้
“สวัสดีครับทุกคน หวัดดีภูมิ” บุ๊คเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวแล้วยกมือไหว้ทีมงานทุกคนที่อยู่ในห้องนั้น ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ภูมิที่นั่งทำผมอยู่ไม่ไกลพลางแตะไหล่อีกฝ่ายเพื่อทักทาย
“ไง คนดัง” ภูมิเอ่ยทักแล้วยิ้มบาง
“หื้มมม ดังอะไร คุณดังกว่าผมเยอะ!” บุ๊ครีบตอบกลับทันทีเพราะเข้าใจว่าภูมิเอ่ยแซวจึงไม่ทันได้คิดอะไร
“คุณนั่นแหละ แฮชแท็กติดเทรนด์ขนาดนี้ ดังกว่าพระเอกแล้วมั้งตอนนี้” ภูมิตั้งใจแซะอีกฝ่ายด้วยท่าทีและน้ำเสียงติดตลกเพราะเขาพยายามจะควบคุมอารมณ์ไม่ให้คนอื่นได้เห็นอย่างชัดเจนนักว่าเขากำลังอิจฉาคนที่เขากำลังคุยด้วยอยู่
แต่มีหรือที่คนอย่างบุ๊คจะไม่รู้ว่ากำลังถูกอีกฝ่ายแซะเข้า ตอนแรกเขาไม่ได้ใส่ใจจึงไม่คิดอะไร แต่พอเริ่มมีสติและได้ยินคำพูดของภูมิอีกครั้ง คนอย่างเขาที่แม้จะเพิ่งเข้าวงการบันเทิงแต่ก็มีโอกาสได้ทำงานกับผู้คนมาเยอะ เห็นผู้คนมาหลากหลาย กับเรื่องแบบนี้มันก็เลยดูออกง่ายจะตายไปว่าภูมิเริ่มไม่พอใจเขาเข้าให้แล้ว แต่เขาก็ไม่อยากที่จะสวนกลับเพราะนั่นก็จะทำให้เขากลายเป็นคนที่มีภาพลักษณ์ไม่ดีเหมือนกัน
“คุณก็คิดมากเกิน แฟนคลับเขาก็แซวกันเล่นๆ ขำๆ แหละ ไม่มีไรหรอก เดี๋ยวก็เงียบ”
“จะรอดูนะ” ภูมิส่งยิ้มผ่านกระจกมาให้บุ๊คแต่ไม่ได้รู้สึกถึงความสบายใจเลยแม้แต่น้อย รอยยิ้มนั้นดูเยือกเย็นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่บุ๊คก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพราะการรับเอาความรู้สึกเหล่านั้นเข้ามามีแต่จะทำให้ตัวเองเหนื่อยโดยใช่เหตุ
บุ๊คแอบส่ายหัวเบาๆ เมื่อสนทนากับภูมิจบ เขาไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้ แบบที่เพื่อนร่วมงานจะมาคอยจิกกัดเพราะต้องการที่จะโดดเด่นกว่า มันเสียเวลาในการทำงาน แถมยังให้เสียสมาธิอีกด้วย เขาพยายามที่จะเลิกนึกถึงปล่อยให้ภูมิประสาทกินไปคนเดียว
ภูมิเดินมาที่หน้าเซ็ตหลังจากที่แต่งตัวเสร็จ เขายืนรออยู่บริเวณหน้ามอนิเตอร์ด้านหลังผู้กำกับที่นั่งจ้องหน้าจออย่างตั้งใจ เพราะกำลังถ่ายทำซีน ของซันกับเพื่อนในกลุ่มอยู่ เขาแอบยกมือถือขึ้นมาถ่ายวิดีโอซันจากหน้ามอนิเตอร์เก็บเอาไว้ เผื่อใช้อัพลงโซเชียลตอนที่ซีรีส์ออนแอร์
‘คัท!!!!’
เสียงคำสั่งของผู้กำกับดังขึ้นนักแสดงในเซ็ตก็หลุดออกจากคาแรกเตอร์ก่อนจะพากันเดินออกมา ทุกคนยกมือไหว้ทักทายภูมิที่ยืนอยู่ตรงนั้นแล้วเดินกลับไปที่ห้องแต่งตัว เว้นแต่ซันที่เดินเข้ามาหาภูมิพร้อมยิ้มทักทาย ภูมิจึงเดินเข้าไปกอดแน่น ซึ่งแน่นอนว่าการกระทำแบบนั้นทำเอาทีมงานในกองถ่ายพากันหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อถ่ายรูปและคลิปวิดีโอเก็บไว้ โดยเฉพาะทีมคอนเทนต์ที่แทบจะหยิบกล้องมาถ่ายไม่ทัน หนำซ้ำยังซูมใกล้ให้เห็นโมเมนต์แบบชัดๆ อีกด้วย
“เหนื่อยไหม” ภูมิถามด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่อบอุ่น
“ไม่เหนื่อยครับ เพิ่งถ่ายไปสองซีนเอง” ซันตอบขณะที่คลายออกจากอ้อมกอดของภูมิ
“เอ้า! ถ่ายอยู่เหรอครับ งี้ก็เห็นหมดเลยดิ โหยย เขินนะเนี่ย” ภูมิเอ่ยทักเมื่อหันมาเห็นกล้องจากทีมคอนเทนต์ เขาพูดจาด้วยท่าทีเคอะเขินราวกับโดนจับได้ที่แอบกอดกับซัน
‘ทำไรกันอยู่คะเนี่ย คนเยอะแยะ’
“ไม่มีอะไรครับ แค่ทักทายกันเฉยๆ ครับ” ซันเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มก่อนจะหันหลังเตรียมเดินออกไปเพราะต้องไปเปลี่ยนชุดมาถ่ายซีนต่อไป แต่ดูเหมือนว่าทีมคอนเทนต์จะกระหายมากไปเสียหน่อยจึงชงคำถามต่อ
‘ทักทายกันแบบนี้ประจำเลยเหรอคะ’
“ใช่ครับ ทักทายกันตามประสาพี่น้องครับ” ภูมิช่วยพูดยืนยันแล้วหันดึงซันมาโอบไหล่ไว้แน่น
‘หูยยย พี่น้องเขาทักทายกันแบบนี้เหรอเนี่ย เพิ่งรู้เลยนะคะ’
ซันเริ่มหันหน้าส่งสายตาเพื่อขอความช่วยเหลือเพราะเขาจำเป็นที่จะต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเข้าซีนต่อไปแล้ว เขาเริ่มเห็นเพื่อนนักแสดงคนอื่นที่ไปเปลี่ยนชุดเดินกลับมาที่หน้าเซ็ต เขาไม่อยากให้คนอื่นต้องมานั่งรอ
เหมือนโชคชะตาจะเข้าข้างซันอยู่บ้างเพราะพี่เจี๊ยบเดินผ่านมาพอดี เธอจึงเดินเข้ามาใกล้ในขณะที่ทีมคอนเทนต์กำลังถ่ายทำกันอยู่แล้วส่งเสียงขัดทันที
“น้องซันต้องไปเปลี่ยนชุดแล้วนะคะ จะได้ถ่ายซีนต่อไปเนอะ พี่ไม่อยากให้เสียเวลา” พี่เจี๊ยบเอ่ยบอกพลางคว้าจับเข้าที่แขนของซันก่อนจะพาเดินออกไปจากตรงนั้น
นับว่ายังเป็นข้อดีของพี่เจี๊ยบที่แยกแยะเวลาทำงานกับเวลาเมาท์มอยตามประสาสาววายได้ ถึงแม้ว่าเธอจะแอบจิ้นภูมิกับซันอยู่เหมือนกัน แต่ในเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งหวีดโมเมนต์เพราะหากรบกวนเวลาการถ่ายทำจนทำให้ถ่ายไม่ทันตามเบรกดาวน์ที่วางไว้ คนที่จะโดนผู้จัดเล่นงานก็เห็นจะเป็นพี่เจี๊ยบและเธอไม่อยากจะมาเดือดร้อนภายหลัง
~~~~~~~~~~ The Gossip of BL ~~~~~~~~~~
การถ่ายทำดำเนินผ่านไปอีกหลายซีนจนเกินเวลาครึ่งวันไปเสียแล้ว นักแสดงบางส่วนก็หมดซีนจนเก็บของกลับบ้าน แต่กับบุ๊คคือเพิ่งถึงคิวถ่ายทำซีน แรกของตัวเอง เขารอจนเผลอหลับไปตื่นหนึ่งจนกระทั่งกันต์มาสะกิดปลุกนั่นแหละถึงได้รู้ตัวว่าได้เวลาการถ่ายทำของเขาแล้ว
ในขณะที่บุ๊คเพิ่งได้เริ่มถ่ายทำ กันต์ก็เพิ่งเดินทางมาถึงกองถ่ายเพราะวันนี้เขามีแค่คิวถ่ายตอนกลางคืนเท่านั้น พอมาถึงก็เห็นบุ๊คนอนหลับอยู่เขาจึงไม่ได้เข้าไปทักทายอะไร จนกระทั่งเขานั่งแต่งหน้าทำผมไปได้พักหนึ่งก็ได้ยินเสียงวอเรียกจากผู้ช่วยผู้กำกับว่าให้บุ๊คไปแสตนบายที่หน้าเซ็ต กันต์จึงขออนุญาตพี่ๆ ช่างหน้าช่างผมลุกเดินไปปลุกบุ๊คที่กำลังหลับให้ตื่นมาเตรียมตัวเพื่อออกไปที่หน้าเซ็ต ส่วนตัวเองก็กลับไปเตรียมตัวต่อ เพราะอีกไม่กี่ซีนก็จะถึงคิวถ่ายของเขาแล้ว
ทุกอย่างดูราบรื่นอย่างน่าประหลาด การถ่ายทำเป็นไปได้ด้วยดีจนทุกซีนถ่ายทำได้ตามเวลาที่กำหนดเอาไว้ในเบรกดาวน์ พี่เจี๊ยบ ผู้กำกับ ทีมงาน และผู้จัดต่างก็พากันสบายใจที่งานในวันนี้จะลุล่วงตามที่ได้วางแผนเอาไว้
“วันนี้เลิกตรงเบรกดาวน์แน่ๆ พี่ ปังเกินนน!!” กันต์กระซิบพูดกับพี่เจี๊ยบตอนที่เดินเข้ามาดูที่หน้าเซ็ต เพราะอยากดูซีนที่ภูมิกับซันทะเลาะกัน
“ว้ายยย!!! ห้ามพูดงี้นะน้องกันต์” พี่เจี๊ยบตกใจตอนที่ได้ยินแบบนั้นพลางยกมือขึ้นตีไหล่กันต์เบาๆ
“ทำไมอะครับ” กันต์รู้สึกตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นรีแอคจากพี่เจี๊ยบ เพราะเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าห้ามพูดแบบนี้จึงทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้
“ในกองถ่ายเขาไม่ให้ทักเสร็จเร็ว เสร็จทันไรงี้ เขาถือ ทักปุ๊บเกินเวลาทุกที ทีหลังห้ามพูดอีกนะ” พี่เจี๊ยบเล่าให้ฟัง กันต์จึงถึงกับบางอ้อ เขาก็แค่พูดไปตามความจริง ใครจะไปรู้ว่าเรื่องแบบนี้คนในกองถ่ายเขาถือกัน
การถ่ายทำดำเนินไปจนกระทั่งท้องฟ้าเริ่มมืด พอพระอาทิตย์ตกดินปุ๊บผู้กำกับก็สั่งเบรกกองเพื่อกินข้าวเย็นทันที ทีมงานทุกคนต่างก็พากันแยกย้ายไปเข้าคิวต่อแถวรับข้าวจากแม่สวัสดิการ ส่วนของทีมนักแสดงก็มีคนตักเตรียมวางไว้บนโต๊ะให้
กันต์ไม่เคยเข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องมีการแบ่งแยกชนชั้นกันขนาดนี้ แต่เพราะเขาก็เป็นเพียงนักแสดงตัวเล็กๆ จึงไม่มีปากมีเสียงมากพอที่จะพูดอะไรได้ เขาเดินมานั่งโต๊ะเดียวกับบุ๊คก่อนจะมีเพื่อนนักแสดงคนอื่นๆ อย่างมินและภัทรมานั่งร่วมโต๊ะด้วย
ทุกคนพูดคุยกันเล็กน้อยก่อนเริ่มกินข้าวเย็นกันเพราะมีเวลาพักประมาณหนึ่งชั่วโมงพวกเขาจึงไม่ได้เร่งรีบมากนัก ไม่นานภูมิก็เดินมาร่วมวงด้วยแต่ไม่ได้กินข้าวที่กองถ่ายเตรียมไว้ให้เพราะว่าเขาได้รับฟู้ดซัพพอร์ตเป็นอาหารญี่ปุ่นที่แฟนคลับส่งมาให้ชุดใหญ่ ทำเอาทุกคนในนั้นหันมองกันตาปริบๆ
“กินด้วยกันได้นะทุกคน” ภูมิหันมายิ้มบอกเพื่อนร่วมโต๊ะ แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปขอกินด้วย
“พี่ภูมิกินเลยครับ ตรงนี้กับข้าวเยอะเลย” กันต์ตอบกลับไปแบบไม่ได้คิดอะไร
“จริงด้วย น่าเสียดายเนอะพี่กินอะไรแบบนี้ไม่ได้ อยากลองบ้างแต่กินไม่เป็น” คำตอบของภูมิทำเอามินเผลอมองบนใส่ แม้ว่ามินกับภูมิจะรู้จักกันมานานเพราะเคยร่วมงานกันมาก่อน แต่เขาก็ไม่เคยจะชินกับพฤติกรรมของภูมิเลยสักครั้ง
“ก็แค่เอาใส่ปากแล้วก็เคี้ยวๆ กลืน มันจะกินไม่เป็นได้ยังไง ไอ้ห่านี่” มินแกล้งพูดหยอกเย้าภูมิด้วยท่าทีตลก ทำเอาหลายคนบนโต๊ะหลุดขำออกมา แม้แต่ตัวของภูมิเองที่หัวเราะร่วนโดยไม่ได้ฉุกคิดเลยว่ามินกำลังแซะตัวเองอยู่
“ก็คนมันไม่เคยกินโว้ย เลยบอกว่ากินไม่เป็น”
“อ่อๆๆๆ” มินตอบรับแบบเสียไม่ได้ก่อนจะก้มลงไปกินข้าวในจานตัวเองต่อ ไม่ได้สนใจว่าภูมิจะเป็นยังไงต่อ
“แล้วไอ้บุ๊คไม่มีใครส่งอะไรมาให้บ้างเหรอ ช่วงนี้กำลังดังนี่ แฮชแท็กอะไรนะ บุ๊คกันต์ปะนะ?” ภูมิเอ่ยพูดต่อทำเอากันต์หันขวับมามองหน้า ส่วนบุ๊คก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา เพราะสิ่งที่ภูมิกำลังทำมันดูเหมือนเด็กทะเลาะกันเสียเหลือเกิน ที่มาคอยนั่งจิกกัดกันเวลาเจอหน้า
“กูบอกเองว่าไม่ต้องส่งมา มันเปลือง” บุ๊คตอบเสียงนิ่งขณะตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปากก่อนจะยกจานเปล่าเดินออกไปคืนที่เต็นท์สวัสดิการ
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเป็นไปอย่างเงียบเชียบ ไม่รู้ว่าทำไมแต่หลังจากที่ภูมิมานั่งกินข้าวด้วยทุกคนก็ดูจะอึดอัดไม่ค่อยกล้าพูดคุยกันสักเท่าไหร่นัก ยิ่งเห็นการกระทำเมื่อครู่ยิ่งทำให้แต่ละคนรู้สึกว่าภูมิเป็นคนที่ประหลาดและไม่ค่อยน่าคบอยู่เหมือนกัน
กันต์เดินเอาจานมาเก็บที่สวัสดิการหลังจากเร่งกินข้าวให้เสร็จเพราะไม่อยากจะร่วมวงบนโต๊ะที่มีภูมินั่งอยู่ เขาจึงได้เห็นว่าซันนั่งกินข้าวอยู่กับพวกพี่ช่างไฟที่พื้นแทนที่จะไปกินบนโต๊ะที่จัดไว้ให้นักแสดง โดยมีบุ๊คนั่งคุยอยู่ข้างๆ อย่างสนุกสนาน
บรรยากาศรอบตัวของซันกับบรรดาพี่ทีมงานแตกต่างกับของภูมิอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งมันก็น่าประหลาดอยู่ไม่น้อย อาจเพราะพฤติกรรมของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง ฝั่งของซันดูจะมีชีวิตที่เรียบง่าย ติดดิน และเข้ากันได้ดีกับผู้คนทั่วไปได้มากกว่า ทุกคนดูเอ็นดูและอยากที่จะคุยด้วย
“มานั่งทำไรตรงนี้อะน้องซัน” กันต์เดินเข้าไปเอ่ยทัก
“กินข้าวกับพี่ๆ เขาครับ ผมขี้เกียจเดินไปตรงนู้น” ซันตอบพลางยิ้มกว้างให้
กันต์ได้เข้าใจแล้วว่าทำไมผู้คนถึงได้เอ็นดูน้องซันกันนัก ก็เพราะรอยยิ้มที่จริงใจแบบไม่มีอะไรซ่อนอยู่ในแววตานี่แหละ เป็นเสน่ห์ที่ทำให้คนรอบตัวของเขาตกหลุมรักได้ไม่ยาก
‘อีกสิบห้านาทีขอให้ทุกคนเข้าประจำตำแหน่งเดิมนะคร้าบ เตรียมถ่ายต่อน้า’
เสียงประกาศผ่านวอจากผู้ช่วยผู้กำกับดังขึ้นดึงสติทุกคนจากที่กำลังคุยกันอย่างออกรส ซันลุกขึ้นเดินเอาจานไปเก็บก่อนจะยืดเส้นสายเล็กน้อยเพราะนั่งขัดสมาธิอยู่นานจึงเกิดอาการเมื่อยขึ้นมาบ้าง ส่วนบุ๊คที่นั่งร่วมวงสนทนาก็ลุกขึ้นหันมายิ้มให้กันต์เล็กน้อยก่อนจะชวนกันต์กับซันกลับไปที่ห้องแต่งตัว
ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศในห้องแต่งตัวปะทะเข้ากับร่างกายของทั้งสามคนทันทีที่เปิดบานประตู ความรู้สึกสดชื่นเกิดขึ้นในทันใดหลังจากที่พวกเขานั่งร้อนอยู่ด้านนอกมาเป็นเวลานาน พวกเขาหย่อนตัวลงนั่งตามมุมต่างๆ ในห้องนั้น กันต์และบุ๊คนั่งลงที่โซฟาตัวประจำของพวกเขา ส่วนซันนั่งลงกับพื้นห้องพลางหยิบมือถือขึ้นมาเล่นเกม ในขณะที่ภูมินั่งอยู่บนเก้าอี้บริเวณโต๊ะแต่งหน้า ก่อนหน้านี้บุ๊คเคยเอาเก้าอี้สนามมาเองไว้เป็นที่นั่งส่วนตัว แต่พอเห็นว่าเพื่อนคนอื่นไม่มีใครเอามา เขาก็เลยเกิดความกระดากขึ้นมาเสียอย่างนั้น จึงตัดสินใจที่จะไม่นำเก้าอี้มาอีก อาศัยนั่งโซฟาที่มีอยู่ภายในห้องแทน
“ซัน ต่อบทกันไหม” ภูมิเอ่ยเรียกอีกฝ่ายท่ามกลางความเงียบ
“อ้อ! ได้พี่ แป๊บนะครับ จะจบเกมละ” ซันตอบพลางจิ้มกดหน้าจออยู่อีกครู่หนึ่ง ชั่วขณะหนึ่งกันต์แอบเห็นว่าสีหน้าของภูมิพยายามที่จะเก็บซ่อนความไม่พอใจเอาไว้ ก่อนที่ซันจะลุกขึ้นเก็บมือถือลงในกระเป๋ากางเกงแล้วเดินเข้ามาหาภูมิ
ทั้งคู่นั่งต่อบทกันอยู่ได้ไม่นาน โทรศัพท์ของซันก็มีสายเข้าแต่เขาก็ตัดสายไป ไม่นานก็มีสายเข้าอีกจนซันต้องขออนุญาตภูมิเพื่อวิ่งออกไปรับสายข้างนอก สีหน้าของภูมิในครั้งนี้แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขาถอนหายใจแรงก่อนจะโยนบทในมือลงไปวางที่เก้าอี้ว่างตรงหน้า
“หงุดหงิดอะไรจ๊ะ” พี่เจี๊ยบเดินเข้ามาหาพลางวางมือลงบนไหล่ของภูมิ
“ก็ซันน่ะสิครับ ไม่ตั้งใจทำงานเลยครับ” ภูมิพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เขาต้องการที่จะทำทีเป็นฟ้องพี่เจี๊ยบเพื่อที่จะได้ดึงพี่ๆ ทีมงานให้มาอยู่ฝั่งตัวเอง
“หื้ม? พี่ก็เห็นน้องซันตั้งใจทำงานอยู่นะ” พี่เจี๊ยบแย้งตามสิ่งที่ตัวเองได้สัมผัสมาจริง
“โธ่! พี่เจี๊ยบ เมื่อกี๊ผมนั่งต่อบทกันอยู่ ละน้องก็วิ่งออกไปรับสายซะงั้น ทำไมไม่โฟกัสที่งานตรงหน้าก่อนก็ไม่รู้”
“เขาอาจจะมีธุระก็ได้ อาจเป็นสายด่วนไรงี้”
“ก็คงด่วนแหละ เห็นเมมชื่อไว้ว่า Babe แถมมีหัวใจต่อท้ายด้วย”
“อุ๊ย!” พี่เจี๊ยบถึงกับตกใจยกมือขึ้นทาบอก
“สงสัยแฟนโทรมาเลยต้องรีบออกไปรับสายก่อนมั้งครับ คงกลัวแฟนงอน” ภูมิพยายามอธิบายหาเหตุผลมาซัพพอร์ตให้น้องซัน แต่เป้าหมายของเขาก็คงหนีไม่พ้นการทำให้อีกฝ่ายรู้ให้ได้ว่าซันมีแฟนแล้ว แถมเป็นผู้หญิงสวยหุ่นดีอีกต่างหาก
อันที่จริงเรื่องนี้ไม่มีใครรู้นอกไปจากผู้จัดการส่วนตัวของซันและภูมิ ซันตัดสินใจบอกเรื่องนี้ก็เพราะตอนเวิร์คช็อปมีคลาสที่ต้องละลายพฤติกรรมเพื่อให้ภูมิกับซันสนิทกันมากขึ้นเวลาเล่นฉากเลิฟซีนหรือ NC จะได้ไม่ต้องเคอะเขินกัน การแสดงของทั้งคู่จะได้ราบรื่น ไม่ติดขัด ครูสอนแอคติ้งบอกให้แชร์ความลับที่อีกฝ่ายไม่รู้กันมาคนละข้อ ซันจึงเลือกที่จะแชร์ให้ภูมิฟังว่าตัวเองนั้นกำลังคบหาอยู่กับสาวนอกวงการ ซึ่งในคลาสนั้นทุกคนก็ตกลงกันแล้วว่าจะไม่มีการนำเรื่องราวความลับตอนเวิร์กช็อปออกไปพูดข้างนอกอย่างเด็ดขาด นั่นจึงทำให้ซันสบายใจที่จะแชร์ความลับนี้ให้อีกฝ่ายได้รู้ แต่ในขณะเดียวกันภูมิบอกเพียงแค่ว่าความลับของเขาคือเรื่องที่เขาไม่ค่อยชอบอาบน้ำในตอนเช้าแค่เท่านั้น
กันต์กับบุ๊คเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่าง ทั้งคู่ได้แต่มองหน้ากันพลางส่งสายตาว่าอีกไม่นานคงเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นเป็นแน่ เพราะแววตาของภูมิเวลาที่พูดคุยกับพี่เจี๊ยบนั้นแฝงไปด้วยความชั่วร้ายแบบที่พวกเขาดูออก แต่พี่เจี๊ยบกลับดูไม่ออกเสียอย่างนั้น
“เดี๋ยวพี่ไปบอกพวกอิ๋วก่อนดีกว่า” พี่เจี๊ยบเอ่ยพูดด้วยเสียงกระซิบ เพราะกลัวคนอื่นจะได้ยินเข้า
“ลองดูครับพี่เจี๊ยบ ผมว่าถ้าอนาคตแฟนซันออกมาเปิดตัวล่ะก็ กระทบกับซีรีส์แล้วก็กระแสคู่จิ้นแน่ๆ ไม่น่าดีเท่าไหร่นะครับ” ภูมิพยายามที่จะชักจูงให้อีกฝ่ายเห็นด้วย ซึ่งดูเหมือนคนหูเบาอย่างพี่เจี๊ยบก็เชื่อคำพูดของภูมิอย่างสนิทใจ ราวกับโดนเวทมนตร์ยังไงยังงั้น
“เออ ก็จริงของแก เดี๋ยวพี่ไปปรึกษากับทีมก่อนว่าจะเอาไง” พี่เจี๊ยบรีบตอบรับด้วยท่าทีตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที สำหรับสาววายการมีหญิงสาวมาขัดขวางคู่จิ้นแบบชายชายนั้นถือเป็นเรื่องผิดมหันต์ เธอจึงคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องพูดคุยกับทีมผู้จัดเพื่อที่จะหาทางแก้ไขปัญหาไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในอนาคต
กันต์ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาเพราะรู้ดีแล้วว่าหนทางการแก้ไขปัญหานี้จะออกมาในทิศทางไหน เพราะเขาเองก็เคยได้ยินเรื่องแนวๆ นี้มาอยู่บ้าง ก็ได้แต่หวังว่าน้องซันจะสามารถรับมือกับปัญหานี้ได้ก็แล้วกัน