วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ

วายบันเทิง - บทที่ 15 ไม่พอใจ โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น,วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วายบันเทิง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ

รายละเอียด

วายบันเทิง โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ

ผู้แต่ง

Run_Kantheephop

เรื่องย่อ

วายบันเทิง

The Gossip of BL

Run_Kantheephop

เรื่องแต่ง 99%  อีก 1% คือเค้าโครงจากเรื่องจริง

ขออนุญาตแก้ไขวันและเวลาในการอัพนิยายนะครับ เนื่องจากช่วงนี้มีภารกิจจากหน้าที่การงานเข้ามาจึงทำให้เขียนนิยายได้น้อยลงกว่าเดิม จากนี้ไปจะขออัพนิยายเพียงแค่สัปดาห์ละ 1 ตอนนะครับ (ทุกวันเสาร์ เวลา 18:00 น.)

ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามครับ

********************************************************************************

มีทั้งหมด 5 เล่ม

E-Book วางจำหน่ายแล้ว บน MEB

สารบัญ

วายบันเทิง-Intro บทนำ,วายบันเทิง-บทที่ 1 เด็กบ้านนอกคนหนึ่ง,วายบันเทิง-บทที่ 2 ผลลัพธ์ที่ดี,วายบันเทิง-บทที่ 3 ทริปมิตรสัมพันธ์,วายบันเทิง-บทที่ 4 สังสรรค์หรือสงคราม,วายบันเทิง-บทที่ 5 ยังไงกันแน่,วายบันเทิง-บทที่ 6 แต่ความจริงคือ...,วายบันเทิง-บทที่ 7 ระมัดระวัง,วายบันเทิง-บทที่ 8 ข่าวลือ,วายบันเทิง-บทที่ 9 มันจริงมั้ย?,วายบันเทิง-บทที่ 10 คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ,วายบันเทิง-บทที่ 11 เคลียร์ใจ,วายบันเทิง-บทที่ 12 มีซัมติงไหม?,วายบันเทิง-บทที่ 13 นี่ว่าใช่ ไม่ได้มโน,วายบันเทิง-บทที่ 14 โดนกับตัว,วายบันเทิง-บทที่ 15 ไม่พอใจ,วายบันเทิง-บทที่ 16 ต้องเลือก,วายบันเทิง-บทที่ 17 เมามาย 1,วายบันเทิง-บทที่ 18 เมามาย 2,วายบันเทิง-บทที่ 19 ทำไมทำงี้!?,วายบันเทิง-บทที่ 20 โอกาสเดียว,วายบันเทิง-บทที่ 21 หมดความอดทน,วายบันเทิง-บทที่ 22 ไม่จบไม่สิ้น,วายบันเทิง-บทที่ 23 โดนปลด,วายบันเทิง-บทที่ 24 เกาะกระแส,วายบันเทิง-บทที่ 25 ข่าวล่ามาไว,วายบันเทิง-บทที่ 26 เพื่อนใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 27 งงไปหมด,วายบันเทิง-บทที่ 28 คนใหม่?,วายบันเทิง-บทที่ 29 มันเอาอีกละ,วายบันเทิง-บทที่ 30 สามหนุ่มเปิดใจ,วายบันเทิง-บทที่ 31 ก้าวใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 32 คลาสแอคติง,วายบันเทิง-บทที่ 33 ไปแคสติงกัน,วายบันเทิง-บทที่ 34 ช่วยมาคุมความประพฤติอีสันดานนี่ที,วายบันเทิง-บทที่ 35 ข่าวเก่าเล่าใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 36 ไม่เป็นไร,วายบันเทิง-บทที่ 37 รียูเนียน?,วายบันเทิง-บทที่ 38 เลิฟซีนเป็นเหตุ,วายบันเทิง-บทที่ 39 นั่นปากเหรอ!?,วายบันเทิง-บทที่ 40 เอาแล้วหัวใจ,วายบันเทิง-บทที่ 41 ระยะปลอดภัย,วายบันเทิง-บทที่ 42 เรื่องของฮัน,วายบันเทิง-บทที่ 43 หัวใจเจ้ากรรม หวั่นไหวง่ายจัง,วายบันเทิง-บทที่ 44 แค่พี่น้อง?,วายบันเทิง-บทที่ 45 ไปเชียงใหม่กันไหม,วายบันเทิง-บทที่ 46 เริ่มเลย,วายบันเทิง-บทที่ 47 เริ่มเลย 2,วายบันเทิง-บทที่ 48 ยินดีต้อนรับ,วายบันเทิง-บทที่ 49 ม่อนแจ่ม,วายบันเทิง-บทที่ 50 ไปขึ้นเขากัน,วายบันเทิง-บทที่ 51 กิ่วแม่ปาน,วายบันเทิง-บทที่ 52 เบื่อจริงๆ ไอ้พวกปากแข็ง,วายบันเทิง-บทที่ 53 ขอสักหน่อย หายไปหลายคืน,วายบันเทิง-บทที่ 54 กลับไป ไม่กลับใจ,วายบันเทิง-บทที่ 55 ความพยายาม,วายบันเทิง-บทที่ 56 อดีตช่วยย้ำเตือน,วายบันเทิง-บทที่ 57 เริ่มต้นเปิดใจ,วายบันเทิง-บทที่ 58 บททดสอบ,วายบันเทิง-บทที่ 59 ความลับที่ฉันซ่อนไว้,วายบันเทิง-ตอนที่ 60 ตอนจบที่มีความสุข

เนื้อหา

บทที่ 15 ไม่พอใจ

กระแสเรือผีบุ๊คกันต์เริ่มถูกพูดถึงกันมากขึ้นอย่างเป็นวงกว้าง แฮชแท็กในแอพลิเคชันเอ็กซ์เริ่มถูกกล่าวถึงเป็นจำนวนมากกว่าหมื่นข้อความ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแบบงงๆ เพราะตั้งแต่วันที่มีแฟนคลับขอถ่ายรูปกับบุ๊คกันต์ที่ไปกินข้าวด้วยกันในห้างวันนั้น ก็เริ่มมีหลายคนที่บังเอิญพบเจอบุ๊คกันต์ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ แบบสองคนในสถานที่ต่างๆ จึงพากันแอบถ่ายแล้วปล่อยรูปลงในเอ็กซ์ จนบรรดาสาววายที่พบเห็นเริ่มได้กลิ่นแปลกๆ ระหว่างสองคนนี้ ทำให้เกิดกระแสจิ้นเรือผีระหว่างบุ๊คกันต์ขึ้นมา

ภูมิที่นั่งเลื่อนดูเอ็กซ์ระหว่างที่ช่างกำลังทำผมให้จึงได้เห็นแฮชแท็กบุ๊คกันต์กำลังไต่ขึ้นเทรนด์ เขากดเข้าไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นก่อนจะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อยที่แฮชแท็กบุ๊คกันต์ติดเทรนด์แทนที่จะเป็นของเขากับซันที่เป็นพระเอกนายเอกของเรื่อง แม้ว่าซีรีส์จะยังอยู่ในระหว่างการถ่ายทำและยังไม่ได้ออนแอร์ก็ตาม อย่างน้อยพระนายของเรื่องควรที่จะมีกระแสมากกว่าพวกนักแสดงสมทบไม่ใช่เหรอ

เขาค่อนข้างที่จะไม่พอใจแต่ก็ยังไม่สามารถแสดงอาการอะไรออกไปได้มากนัก ต้องรักษาภาพลักษณ์พระเอกที่ดีเอาไว้ ไม่อย่างนั้นอาจจะโดนเอาไปนินทาได้ นี่เป็นโอกาสครั้งใหม่ที่เขาจะได้ชุบตัวให้กลับมาดังอีกครั้งหลังจากที่ก่อนหน้านี้หลายปีเคยเข้าวงการบันเทิงมาด้วยการเล่นละครเป็นตัวสมทบอยู่หลายเรื่อง แม้จะได้แสดงประกบดาราเบอร์ใหญ่แต่เขาก็ยังไม่ค่อยมีคนรู้จักอยู่ดี ครั้งนี้การได้รับบทบาทพระเอกซีรีส์วายหลังจากที่เขาห่างหายจากการแสดงไปหลายปีจึงนับเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้หวนกลับมาเบื้องหน้าอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง ดังนั้นเขาจะพลาดไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว 

การได้เห็นบุ๊คกับกันต์ที่อยู่ๆ มีคนพูดถึงจนเป็นกระแสมากกว่าเขากับซันจึงทำให้เขาตงิดใจไม่น้อย ในหัวเริ่มคิดที่จะหาวิธีการทำให้คู่ของเขาโดดเด่นขึ้นมาบ้างเพื่อกลบกระแสคู่เรือผีอย่างบุ๊คกันต์ไปให้ได้

“สวัสดีครับทุกคน หวัดดีภูมิ” บุ๊คเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวแล้วยกมือไหว้ทีมงานทุกคนที่อยู่ในห้องนั้น ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ภูมิที่นั่งทำผมอยู่ไม่ไกลพลางแตะไหล่อีกฝ่ายเพื่อทักทาย

“ไง คนดัง” ภูมิเอ่ยทักแล้วยิ้มบาง

“หื้มมม ดังอะไร คุณดังกว่าผมเยอะ!” บุ๊ครีบตอบกลับทันทีเพราะเข้าใจว่าภูมิเอ่ยแซวจึงไม่ทันได้คิดอะไร

“คุณนั่นแหละ แฮชแท็กติดเทรนด์ขนาดนี้ ดังกว่าพระเอกแล้วมั้งตอนนี้” ภูมิตั้งใจแซะอีกฝ่ายด้วยท่าทีและน้ำเสียงติดตลกเพราะเขาพยายามจะควบคุมอารมณ์ไม่ให้คนอื่นได้เห็นอย่างชัดเจนนักว่าเขากำลังอิจฉาคนที่เขากำลังคุยด้วยอยู่

แต่มีหรือที่คนอย่างบุ๊คจะไม่รู้ว่ากำลังถูกอีกฝ่ายแซะเข้า ตอนแรกเขาไม่ได้ใส่ใจจึงไม่คิดอะไร แต่พอเริ่มมีสติและได้ยินคำพูดของภูมิอีกครั้ง คนอย่างเขาที่แม้จะเพิ่งเข้าวงการบันเทิงแต่ก็มีโอกาสได้ทำงานกับผู้คนมาเยอะ เห็นผู้คนมาหลากหลาย กับเรื่องแบบนี้มันก็เลยดูออกง่ายจะตายไปว่าภูมิเริ่มไม่พอใจเขาเข้าให้แล้ว แต่เขาก็ไม่อยากที่จะสวนกลับเพราะนั่นก็จะทำให้เขากลายเป็นคนที่มีภาพลักษณ์ไม่ดีเหมือนกัน

“คุณก็คิดมากเกิน แฟนคลับเขาก็แซวกันเล่นๆ ขำๆ แหละ ไม่มีไรหรอก เดี๋ยวก็เงียบ”

“จะรอดูนะ” ภูมิส่งยิ้มผ่านกระจกมาให้บุ๊คแต่ไม่ได้รู้สึกถึงความสบายใจเลยแม้แต่น้อย รอยยิ้มนั้นดูเยือกเย็นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่บุ๊คก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพราะการรับเอาความรู้สึกเหล่านั้นเข้ามามีแต่จะทำให้ตัวเองเหนื่อยโดยใช่เหตุ

บุ๊คแอบส่ายหัวเบาๆ เมื่อสนทนากับภูมิจบ เขาไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้ แบบที่เพื่อนร่วมงานจะมาคอยจิกกัดเพราะต้องการที่จะโดดเด่นกว่า มันเสียเวลาในการทำงาน แถมยังให้เสียสมาธิอีกด้วย เขาพยายามที่จะเลิกนึกถึงปล่อยให้ภูมิประสาทกินไปคนเดียว 

ภูมิเดินมาที่หน้าเซ็ตหลังจากที่แต่งตัวเสร็จ เขายืนรออยู่บริเวณหน้ามอนิเตอร์ด้านหลังผู้กำกับที่นั่งจ้องหน้าจออย่างตั้งใจ เพราะกำลังถ่ายทำซีน ของซันกับเพื่อนในกลุ่มอยู่ เขาแอบยกมือถือขึ้นมาถ่ายวิดีโอซันจากหน้ามอนิเตอร์เก็บเอาไว้ เผื่อใช้อัพลงโซเชียลตอนที่ซีรีส์ออนแอร์

‘คัท!!!!’

เสียงคำสั่งของผู้กำกับดังขึ้นนักแสดงในเซ็ตก็หลุดออกจากคาแรกเตอร์ก่อนจะพากันเดินออกมา ทุกคนยกมือไหว้ทักทายภูมิที่ยืนอยู่ตรงนั้นแล้วเดินกลับไปที่ห้องแต่งตัว เว้นแต่ซันที่เดินเข้ามาหาภูมิพร้อมยิ้มทักทาย ภูมิจึงเดินเข้าไปกอดแน่น ซึ่งแน่นอนว่าการกระทำแบบนั้นทำเอาทีมงานในกองถ่ายพากันหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อถ่ายรูปและคลิปวิดีโอเก็บไว้ โดยเฉพาะทีมคอนเทนต์ที่แทบจะหยิบกล้องมาถ่ายไม่ทัน หนำซ้ำยังซูมใกล้ให้เห็นโมเมนต์แบบชัดๆ อีกด้วย

“เหนื่อยไหม” ภูมิถามด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่อบอุ่น

“ไม่เหนื่อยครับ เพิ่งถ่ายไปสองซีนเอง” ซันตอบขณะที่คลายออกจากอ้อมกอดของภูมิ

“เอ้า! ถ่ายอยู่เหรอครับ งี้ก็เห็นหมดเลยดิ โหยย เขินนะเนี่ย” ภูมิเอ่ยทักเมื่อหันมาเห็นกล้องจากทีมคอนเทนต์ เขาพูดจาด้วยท่าทีเคอะเขินราวกับโดนจับได้ที่แอบกอดกับซัน 

‘ทำไรกันอยู่คะเนี่ย คนเยอะแยะ’

“ไม่มีอะไรครับ แค่ทักทายกันเฉยๆ ครับ” ซันเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มก่อนจะหันหลังเตรียมเดินออกไปเพราะต้องไปเปลี่ยนชุดมาถ่ายซีนต่อไป แต่ดูเหมือนว่าทีมคอนเทนต์จะกระหายมากไปเสียหน่อยจึงชงคำถามต่อ

‘ทักทายกันแบบนี้ประจำเลยเหรอคะ’

“ใช่ครับ ทักทายกันตามประสาพี่น้องครับ” ภูมิช่วยพูดยืนยันแล้วหันดึงซันมาโอบไหล่ไว้แน่น

‘หูยยย พี่น้องเขาทักทายกันแบบนี้เหรอเนี่ย เพิ่งรู้เลยนะคะ’

ซันเริ่มหันหน้าส่งสายตาเพื่อขอความช่วยเหลือเพราะเขาจำเป็นที่จะต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเข้าซีนต่อไปแล้ว เขาเริ่มเห็นเพื่อนนักแสดงคนอื่นที่ไปเปลี่ยนชุดเดินกลับมาที่หน้าเซ็ต เขาไม่อยากให้คนอื่นต้องมานั่งรอ

เหมือนโชคชะตาจะเข้าข้างซันอยู่บ้างเพราะพี่เจี๊ยบเดินผ่านมาพอดี เธอจึงเดินเข้ามาใกล้ในขณะที่ทีมคอนเทนต์กำลังถ่ายทำกันอยู่แล้วส่งเสียงขัดทันที

“น้องซันต้องไปเปลี่ยนชุดแล้วนะคะ จะได้ถ่ายซีนต่อไปเนอะ พี่ไม่อยากให้เสียเวลา” พี่เจี๊ยบเอ่ยบอกพลางคว้าจับเข้าที่แขนของซันก่อนจะพาเดินออกไปจากตรงนั้น

นับว่ายังเป็นข้อดีของพี่เจี๊ยบที่แยกแยะเวลาทำงานกับเวลาเมาท์มอยตามประสาสาววายได้ ถึงแม้ว่าเธอจะแอบจิ้นภูมิกับซันอยู่เหมือนกัน แต่ในเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งหวีดโมเมนต์เพราะหากรบกวนเวลาการถ่ายทำจนทำให้ถ่ายไม่ทันตามเบรกดาวน์ที่วางไว้ คนที่จะโดนผู้จัดเล่นงานก็เห็นจะเป็นพี่เจี๊ยบและเธอไม่อยากจะมาเดือดร้อนภายหลัง

 

~~~~~~~~~~ The Gossip of BL ~~~~~~~~~~

 

การถ่ายทำดำเนินผ่านไปอีกหลายซีนจนเกินเวลาครึ่งวันไปเสียแล้ว นักแสดงบางส่วนก็หมดซีนจนเก็บของกลับบ้าน แต่กับบุ๊คคือเพิ่งถึงคิวถ่ายทำซีน แรกของตัวเอง เขารอจนเผลอหลับไปตื่นหนึ่งจนกระทั่งกันต์มาสะกิดปลุกนั่นแหละถึงได้รู้ตัวว่าได้เวลาการถ่ายทำของเขาแล้ว

ในขณะที่บุ๊คเพิ่งได้เริ่มถ่ายทำ กันต์ก็เพิ่งเดินทางมาถึงกองถ่ายเพราะวันนี้เขามีแค่คิวถ่ายตอนกลางคืนเท่านั้น พอมาถึงก็เห็นบุ๊คนอนหลับอยู่เขาจึงไม่ได้เข้าไปทักทายอะไร จนกระทั่งเขานั่งแต่งหน้าทำผมไปได้พักหนึ่งก็ได้ยินเสียงวอเรียกจากผู้ช่วยผู้กำกับว่าให้บุ๊คไปแสตนบายที่หน้าเซ็ต กันต์จึงขออนุญาตพี่ๆ ช่างหน้าช่างผมลุกเดินไปปลุกบุ๊คที่กำลังหลับให้ตื่นมาเตรียมตัวเพื่อออกไปที่หน้าเซ็ต ส่วนตัวเองก็กลับไปเตรียมตัวต่อ เพราะอีกไม่กี่ซีนก็จะถึงคิวถ่ายของเขาแล้ว

ทุกอย่างดูราบรื่นอย่างน่าประหลาด การถ่ายทำเป็นไปได้ด้วยดีจนทุกซีนถ่ายทำได้ตามเวลาที่กำหนดเอาไว้ในเบรกดาวน์ พี่เจี๊ยบ ผู้กำกับ ทีมงาน และผู้จัดต่างก็พากันสบายใจที่งานในวันนี้จะลุล่วงตามที่ได้วางแผนเอาไว้

“วันนี้เลิกตรงเบรกดาวน์แน่ๆ พี่ ปังเกินนน!!” กันต์กระซิบพูดกับพี่เจี๊ยบตอนที่เดินเข้ามาดูที่หน้าเซ็ต เพราะอยากดูซีนที่ภูมิกับซันทะเลาะกัน 

“ว้ายยย!!! ห้ามพูดงี้นะน้องกันต์” พี่เจี๊ยบตกใจตอนที่ได้ยินแบบนั้นพลางยกมือขึ้นตีไหล่กันต์เบาๆ 

“ทำไมอะครับ” กันต์รู้สึกตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นรีแอคจากพี่เจี๊ยบ เพราะเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าห้ามพูดแบบนี้จึงทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้

“ในกองถ่ายเขาไม่ให้ทักเสร็จเร็ว เสร็จทันไรงี้ เขาถือ ทักปุ๊บเกินเวลาทุกที ทีหลังห้ามพูดอีกนะ” พี่เจี๊ยบเล่าให้ฟัง กันต์จึงถึงกับบางอ้อ เขาก็แค่พูดไปตามความจริง ใครจะไปรู้ว่าเรื่องแบบนี้คนในกองถ่ายเขาถือกัน

การถ่ายทำดำเนินไปจนกระทั่งท้องฟ้าเริ่มมืด พอพระอาทิตย์ตกดินปุ๊บผู้กำกับก็สั่งเบรกกองเพื่อกินข้าวเย็นทันที ทีมงานทุกคนต่างก็พากันแยกย้ายไปเข้าคิวต่อแถวรับข้าวจากแม่สวัสดิการ ส่วนของทีมนักแสดงก็มีคนตักเตรียมวางไว้บนโต๊ะให้

กันต์ไม่เคยเข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องมีการแบ่งแยกชนชั้นกันขนาดนี้ แต่เพราะเขาก็เป็นเพียงนักแสดงตัวเล็กๆ จึงไม่มีปากมีเสียงมากพอที่จะพูดอะไรได้ เขาเดินมานั่งโต๊ะเดียวกับบุ๊คก่อนจะมีเพื่อนนักแสดงคนอื่นๆ อย่างมินและภัทรมานั่งร่วมโต๊ะด้วย

ทุกคนพูดคุยกันเล็กน้อยก่อนเริ่มกินข้าวเย็นกันเพราะมีเวลาพักประมาณหนึ่งชั่วโมงพวกเขาจึงไม่ได้เร่งรีบมากนัก ไม่นานภูมิก็เดินมาร่วมวงด้วยแต่ไม่ได้กินข้าวที่กองถ่ายเตรียมไว้ให้เพราะว่าเขาได้รับฟู้ดซัพพอร์ตเป็นอาหารญี่ปุ่นที่แฟนคลับส่งมาให้ชุดใหญ่ ทำเอาทุกคนในนั้นหันมองกันตาปริบๆ 

“กินด้วยกันได้นะทุกคน” ภูมิหันมายิ้มบอกเพื่อนร่วมโต๊ะ แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปขอกินด้วย

“พี่ภูมิกินเลยครับ ตรงนี้กับข้าวเยอะเลย” กันต์ตอบกลับไปแบบไม่ได้คิดอะไร

“จริงด้วย น่าเสียดายเนอะพี่กินอะไรแบบนี้ไม่ได้ อยากลองบ้างแต่กินไม่เป็น” คำตอบของภูมิทำเอามินเผลอมองบนใส่ แม้ว่ามินกับภูมิจะรู้จักกันมานานเพราะเคยร่วมงานกันมาก่อน แต่เขาก็ไม่เคยจะชินกับพฤติกรรมของภูมิเลยสักครั้ง

“ก็แค่เอาใส่ปากแล้วก็เคี้ยวๆ กลืน มันจะกินไม่เป็นได้ยังไง ไอ้ห่านี่” มินแกล้งพูดหยอกเย้าภูมิด้วยท่าทีตลก ทำเอาหลายคนบนโต๊ะหลุดขำออกมา แม้แต่ตัวของภูมิเองที่หัวเราะร่วนโดยไม่ได้ฉุกคิดเลยว่ามินกำลังแซะตัวเองอยู่

“ก็คนมันไม่เคยกินโว้ย เลยบอกว่ากินไม่เป็น” 

“อ่อๆๆๆ” มินตอบรับแบบเสียไม่ได้ก่อนจะก้มลงไปกินข้าวในจานตัวเองต่อ ไม่ได้สนใจว่าภูมิจะเป็นยังไงต่อ

“แล้วไอ้บุ๊คไม่มีใครส่งอะไรมาให้บ้างเหรอ ช่วงนี้กำลังดังนี่ แฮชแท็กอะไรนะ บุ๊คกันต์ปะนะ?” ภูมิเอ่ยพูดต่อทำเอากันต์หันขวับมามองหน้า ส่วนบุ๊คก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา เพราะสิ่งที่ภูมิกำลังทำมันดูเหมือนเด็กทะเลาะกันเสียเหลือเกิน ที่มาคอยนั่งจิกกัดกันเวลาเจอหน้า 

“กูบอกเองว่าไม่ต้องส่งมา มันเปลือง” บุ๊คตอบเสียงนิ่งขณะตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปากก่อนจะยกจานเปล่าเดินออกไปคืนที่เต็นท์สวัสดิการ

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเป็นไปอย่างเงียบเชียบ ไม่รู้ว่าทำไมแต่หลังจากที่ภูมิมานั่งกินข้าวด้วยทุกคนก็ดูจะอึดอัดไม่ค่อยกล้าพูดคุยกันสักเท่าไหร่นัก ยิ่งเห็นการกระทำเมื่อครู่ยิ่งทำให้แต่ละคนรู้สึกว่าภูมิเป็นคนที่ประหลาดและไม่ค่อยน่าคบอยู่เหมือนกัน

กันต์เดินเอาจานมาเก็บที่สวัสดิการหลังจากเร่งกินข้าวให้เสร็จเพราะไม่อยากจะร่วมวงบนโต๊ะที่มีภูมินั่งอยู่ เขาจึงได้เห็นว่าซันนั่งกินข้าวอยู่กับพวกพี่ช่างไฟที่พื้นแทนที่จะไปกินบนโต๊ะที่จัดไว้ให้นักแสดง โดยมีบุ๊คนั่งคุยอยู่ข้างๆ อย่างสนุกสนาน 

บรรยากาศรอบตัวของซันกับบรรดาพี่ทีมงานแตกต่างกับของภูมิอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งมันก็น่าประหลาดอยู่ไม่น้อย อาจเพราะพฤติกรรมของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง ฝั่งของซันดูจะมีชีวิตที่เรียบง่าย ติดดิน และเข้ากันได้ดีกับผู้คนทั่วไปได้มากกว่า ทุกคนดูเอ็นดูและอยากที่จะคุยด้วย

“มานั่งทำไรตรงนี้อะน้องซัน” กันต์เดินเข้าไปเอ่ยทัก

“กินข้าวกับพี่ๆ เขาครับ ผมขี้เกียจเดินไปตรงนู้น” ซันตอบพลางยิ้มกว้างให้ 

กันต์ได้เข้าใจแล้วว่าทำไมผู้คนถึงได้เอ็นดูน้องซันกันนัก ก็เพราะรอยยิ้มที่จริงใจแบบไม่มีอะไรซ่อนอยู่ในแววตานี่แหละ เป็นเสน่ห์ที่ทำให้คนรอบตัวของเขาตกหลุมรักได้ไม่ยาก

‘อีกสิบห้านาทีขอให้ทุกคนเข้าประจำตำแหน่งเดิมนะคร้าบ เตรียมถ่ายต่อน้า’

เสียงประกาศผ่านวอจากผู้ช่วยผู้กำกับดังขึ้นดึงสติทุกคนจากที่กำลังคุยกันอย่างออกรส ซันลุกขึ้นเดินเอาจานไปเก็บก่อนจะยืดเส้นสายเล็กน้อยเพราะนั่งขัดสมาธิอยู่นานจึงเกิดอาการเมื่อยขึ้นมาบ้าง ส่วนบุ๊คที่นั่งร่วมวงสนทนาก็ลุกขึ้นหันมายิ้มให้กันต์เล็กน้อยก่อนจะชวนกันต์กับซันกลับไปที่ห้องแต่งตัว

ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศในห้องแต่งตัวปะทะเข้ากับร่างกายของทั้งสามคนทันทีที่เปิดบานประตู ความรู้สึกสดชื่นเกิดขึ้นในทันใดหลังจากที่พวกเขานั่งร้อนอยู่ด้านนอกมาเป็นเวลานาน พวกเขาหย่อนตัวลงนั่งตามมุมต่างๆ ในห้องนั้น กันต์และบุ๊คนั่งลงที่โซฟาตัวประจำของพวกเขา ส่วนซันนั่งลงกับพื้นห้องพลางหยิบมือถือขึ้นมาเล่นเกม ในขณะที่ภูมินั่งอยู่บนเก้าอี้บริเวณโต๊ะแต่งหน้า ก่อนหน้านี้บุ๊คเคยเอาเก้าอี้สนามมาเองไว้เป็นที่นั่งส่วนตัว แต่พอเห็นว่าเพื่อนคนอื่นไม่มีใครเอามา เขาก็เลยเกิดความกระดากขึ้นมาเสียอย่างนั้น จึงตัดสินใจที่จะไม่นำเก้าอี้มาอีก อาศัยนั่งโซฟาที่มีอยู่ภายในห้องแทน

“ซัน ต่อบทกันไหม” ภูมิเอ่ยเรียกอีกฝ่ายท่ามกลางความเงียบ

“อ้อ! ได้พี่ แป๊บนะครับ จะจบเกมละ” ซันตอบพลางจิ้มกดหน้าจออยู่อีกครู่หนึ่ง ชั่วขณะหนึ่งกันต์แอบเห็นว่าสีหน้าของภูมิพยายามที่จะเก็บซ่อนความไม่พอใจเอาไว้ ก่อนที่ซันจะลุกขึ้นเก็บมือถือลงในกระเป๋ากางเกงแล้วเดินเข้ามาหาภูมิ

ทั้งคู่นั่งต่อบทกันอยู่ได้ไม่นาน โทรศัพท์ของซันก็มีสายเข้าแต่เขาก็ตัดสายไป ไม่นานก็มีสายเข้าอีกจนซันต้องขออนุญาตภูมิเพื่อวิ่งออกไปรับสายข้างนอก สีหน้าของภูมิในครั้งนี้แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขาถอนหายใจแรงก่อนจะโยนบทในมือลงไปวางที่เก้าอี้ว่างตรงหน้า

“หงุดหงิดอะไรจ๊ะ” พี่เจี๊ยบเดินเข้ามาหาพลางวางมือลงบนไหล่ของภูมิ

“ก็ซันน่ะสิครับ ไม่ตั้งใจทำงานเลยครับ” ภูมิพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เขาต้องการที่จะทำทีเป็นฟ้องพี่เจี๊ยบเพื่อที่จะได้ดึงพี่ๆ ทีมงานให้มาอยู่ฝั่งตัวเอง

“หื้ม? พี่ก็เห็นน้องซันตั้งใจทำงานอยู่นะ” พี่เจี๊ยบแย้งตามสิ่งที่ตัวเองได้สัมผัสมาจริง

“โธ่! พี่เจี๊ยบ เมื่อกี๊ผมนั่งต่อบทกันอยู่ ละน้องก็วิ่งออกไปรับสายซะงั้น ทำไมไม่โฟกัสที่งานตรงหน้าก่อนก็ไม่รู้”

“เขาอาจจะมีธุระก็ได้ อาจเป็นสายด่วนไรงี้”

“ก็คงด่วนแหละ เห็นเมมชื่อไว้ว่า Babe แถมมีหัวใจต่อท้ายด้วย” 

“อุ๊ย!” พี่เจี๊ยบถึงกับตกใจยกมือขึ้นทาบอก

“สงสัยแฟนโทรมาเลยต้องรีบออกไปรับสายก่อนมั้งครับ คงกลัวแฟนงอน” ภูมิพยายามอธิบายหาเหตุผลมาซัพพอร์ตให้น้องซัน แต่เป้าหมายของเขาก็คงหนีไม่พ้นการทำให้อีกฝ่ายรู้ให้ได้ว่าซันมีแฟนแล้ว แถมเป็นผู้หญิงสวยหุ่นดีอีกต่างหาก

อันที่จริงเรื่องนี้ไม่มีใครรู้นอกไปจากผู้จัดการส่วนตัวของซันและภูมิ ซันตัดสินใจบอกเรื่องนี้ก็เพราะตอนเวิร์คช็อปมีคลาสที่ต้องละลายพฤติกรรมเพื่อให้ภูมิกับซันสนิทกันมากขึ้นเวลาเล่นฉากเลิฟซีนหรือ NC จะได้ไม่ต้องเคอะเขินกัน การแสดงของทั้งคู่จะได้ราบรื่น ไม่ติดขัด ครูสอนแอคติ้งบอกให้แชร์ความลับที่อีกฝ่ายไม่รู้กันมาคนละข้อ ซันจึงเลือกที่จะแชร์ให้ภูมิฟังว่าตัวเองนั้นกำลังคบหาอยู่กับสาวนอกวงการ ซึ่งในคลาสนั้นทุกคนก็ตกลงกันแล้วว่าจะไม่มีการนำเรื่องราวความลับตอนเวิร์กช็อปออกไปพูดข้างนอกอย่างเด็ดขาด นั่นจึงทำให้ซันสบายใจที่จะแชร์ความลับนี้ให้อีกฝ่ายได้รู้ แต่ในขณะเดียวกันภูมิบอกเพียงแค่ว่าความลับของเขาคือเรื่องที่เขาไม่ค่อยชอบอาบน้ำในตอนเช้าแค่เท่านั้น

กันต์กับบุ๊คเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่าง ทั้งคู่ได้แต่มองหน้ากันพลางส่งสายตาว่าอีกไม่นานคงเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นเป็นแน่ เพราะแววตาของภูมิเวลาที่พูดคุยกับพี่เจี๊ยบนั้นแฝงไปด้วยความชั่วร้ายแบบที่พวกเขาดูออก แต่พี่เจี๊ยบกลับดูไม่ออกเสียอย่างนั้น

“เดี๋ยวพี่ไปบอกพวกอิ๋วก่อนดีกว่า” พี่เจี๊ยบเอ่ยพูดด้วยเสียงกระซิบ เพราะกลัวคนอื่นจะได้ยินเข้า

“ลองดูครับพี่เจี๊ยบ ผมว่าถ้าอนาคตแฟนซันออกมาเปิดตัวล่ะก็ กระทบกับซีรีส์แล้วก็กระแสคู่จิ้นแน่ๆ ไม่น่าดีเท่าไหร่นะครับ” ภูมิพยายามที่จะชักจูงให้อีกฝ่ายเห็นด้วย ซึ่งดูเหมือนคนหูเบาอย่างพี่เจี๊ยบก็เชื่อคำพูดของภูมิอย่างสนิทใจ ราวกับโดนเวทมนตร์ยังไงยังงั้น

“เออ ก็จริงของแก เดี๋ยวพี่ไปปรึกษากับทีมก่อนว่าจะเอาไง” พี่เจี๊ยบรีบตอบรับด้วยท่าทีตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที สำหรับสาววายการมีหญิงสาวมาขัดขวางคู่จิ้นแบบชายชายนั้นถือเป็นเรื่องผิดมหันต์ เธอจึงคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องพูดคุยกับทีมผู้จัดเพื่อที่จะหาทางแก้ไขปัญหาไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในอนาคต

กันต์ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาเพราะรู้ดีแล้วว่าหนทางการแก้ไขปัญหานี้จะออกมาในทิศทางไหน เพราะเขาเองก็เคยได้ยินเรื่องแนวๆ นี้มาอยู่บ้าง ก็ได้แต่หวังว่าน้องซันจะสามารถรับมือกับปัญหานี้ได้ก็แล้วกัน