วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ
รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น,วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
วายบันเทิงวงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ
วายบันเทิง
The Gossip of BL
Run_Kantheephop
เรื่องแต่ง 99% อีก 1% คือเค้าโครงจากเรื่องจริง
ขออนุญาตแก้ไขวันและเวลาในการอัพนิยายนะครับ เนื่องจากช่วงนี้มีภารกิจจากหน้าที่การงานเข้ามาจึงทำให้เขียนนิยายได้น้อยลงกว่าเดิม จากนี้ไปจะขออัพนิยายเพียงแค่สัปดาห์ละ 1 ตอนนะครับ (ทุกวันเสาร์ เวลา 18:00 น.)
ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามครับ
********************************************************************************
มีทั้งหมด 5 เล่ม
E-Book วางจำหน่ายแล้ว บน MEB
ไม่มีใครรู้ว่าหลังจากที่พี่เจี๊ยบได้รับฟังคำบอกเล่าเรื่องซันมีแฟนจากปากของภูมิแล้วนำไปเล่าให้ฝั่งผู้จัดฟังนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างจนกระทั่งมีการเรียกตัวซันให้เข้าไปพบที่ออฟฟิศของบริษัท ในวันนั้นนอกจากฝั่งผู้จัดก็ยังมีพี่เจี๊ยบและพี่อิ๋วอยู่ที่นั่นด้วย
ทุกคนมีสีหน้าเป็นกังวลและเคร่งเครียด ยกเว้นก็แต่ซันกับผู้จัดการของเขาเพราะทั้งสองคนไม่รู้เลยว่าการที่ถูกเรียกเข้ามาพบที่ออฟฟิศในวันนี้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
“สวัสดีครับพี่วันดี” ซันยกมือไหว้พี่ผู้จัดเมื่อเข้ามาในห้องประชุม
“จ้ะ นั่งก่อนลูก” พี่วันดีรับไหว้พลางยิ้มให้บางๆ ก่อนจะผายมือให้ให้คนตรงหน้าหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้ว่าง
“มีอะไรกันหรือเปล่าคะถึงได้เรียกน้องมาพบ” พี่นิกผู้จัดการของซันเอ่ยถามขึ้นในทันทีเนื่องจากไม่อยากให้เสียเวลา เพราะเขาก็ไม่ได้อยากจะอยู่ที่นี่นานสักเท่าไหร่ ลำพังก่อนหน้านี้เขากับวันดีก็ไม่ใช่ว่าจะญาติดีกันนัก พอต้องมาทำงานด้วยกันจึงจำใจจะต้องพูดจากันบ้างทั้งที่ปกติแทบไม่มองหน้ากัน แต่เพื่อผลประโยชน์ของเด็กพี่นิกจึงยอมลดอีโก้ของตัวเองลง
“คืองี้นะ...” วันดีเริ่มต้นประโยคด้วยท่าทีหนักใจ เธอหันไปมองหน้าพี่เจี๊ยบแวบหนึ่งเพราะยังลังเลว่าจะพูดเรื่องนี้ดีหรือไม่ แต่พอเห็นพี่เจี๊ยบพยักหน้าให้สัญญาณเธอจึงรบรวมความกล้าแล้วตัดสินใจพูดออกมา “ซันมีแฟนแล้วใช่ไหมลูก”
“ครับ” ซันเอ่ยตอบอย่างไม่ลังเล ฝ่ายพี่นิกเองก็ไม่ได้มีทีท่าตกใจอะไร
“อ่อ... เหรอ” วันดียิ้มแห้งเมื่อได้ยินคำตอบนั้น “เรื่องนี้นิกรู้ไหม?”
“อ๋อ รู้อยู่แล้ว น้องมันก็เล่าให้ฟังทุกเรื่อง แต่นี่มองว่าไม่ได้เป็นปัญหาอะไร เรื่องส่วนตัวของมันก็เลยไม่ได้สนใจ” นิกตอบกลับไปแบบลายหน้าลอยตา จากประสบการณ์การเป็นผู้จัดการดารามาหลายปี แค่ได้ยินคำถามเขาก็รู้ทันทีว่าที่วันดีเรียกมาคุยวันนี้เพราะอะไร วันดีกำลังต้องการที่จะเข้ามาควบคุมเรื่องส่วนตัวในชีวิตของซัน ซึ่งเขาไม่ทำแบบนั้นจึงแอบแซะกลับไปว่าเขาไม่ชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของเด็กในสังกัด
“นิก... มันเป็นปัญหานะเรื่องนี้ เธอก็รู้ว่าซีรีส์วายกับผู้หญิงมันเป็นของต้องห้าม” วันดีพยายามอธิบายต่อด้วยท่าทีที่เป็นกังวล
“แล้วพี่วันดีต้องการให้ผมทำยังไงครับ”
“ซันมั่นใจมั้ยว่าเขาจะอยู่ในที่ของเขา ไม่ออกมาเพ่นพ่านหรือแสดงตัวในสื่อ”
“ผมว่าน่าจะคุยกันได้นะครับ”
“ซันต้องมั่นใจนะว่าทำได้ เพราะที่ผ่านมามันมีเคสตัวอย่างหลายคนแล้วนะที่พังเพราะมีแฟน”
“จริงจ้ะน้องซัน หลายๆ คนมาเล่นซีรีส์วายปุ๊บก็ดังเปรี้ยงปร้าง สุดท้ายมาจบด้วยเรื่องผู้หญิงทั้งนั้น ชีวิตในวงการดับเลยนะ” พี่เจี๊ยบช่วยพูดเสริมท้ายหลังเห็นว่าวันดีพูดจบ
“ผมเข้าใจครับ แต่ผมกับแฟนคบกันมานานแล้วนะครับ ตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง นี่ผมปีสี่แล้ว” ซันพยายามอธิบายในส่วนของตัวเอง ท่าทีไม่ได้เป็นกังวลมากนัก เพียงแค่อยากให้พี่วันดีเข้าใจว่าเขาแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันได้
“พี่เข้าใจเรื่องนั้น แต่ก็กลับไปลองคิดดูแล้วกันว่าจะเอายังไงต่อ ตอนนี้ซันยังไม่ดังมันก็พูดง่าย แต่ถ้าซันดังขึ้นมา แล้วผู้หญิงเขาจะไม่อยากแสดงตัว แสดงความเป็นเจ้าของเหรอ” เสียงวันดีเริ่มเป็นกังวลมากขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีที่จะยอมฟังกันง่ายๆ
“ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมไม่รู้อนาคตเลย” ซันเอ่ยตอบด้วยความใสซื่อ ทำเอาพี่นิกหลุดขำออกมาเบาๆ แต่ก็ต้องพยายามจะฮึบไว้ เขารู้จักเด็กในสังกัดของเขาดีเสียยิ่งกว่าอะไร ไอ้ที่ตอบออกไปแบบนั้นไม่ใช่ว่ากวนตีนหรืออะไรหรอกนะ แต่ซันเป็นคนซื่อ คิดอะไรก็ตอบออกไปแบบนั้น ไม่ทันได้คิดหรอกว่าคนฟังจะสะอึกหรือเปล่า
“ใช่ไหมล่ะ! พี่ก็เลยคิดว่าเราควรตัดไฟตั้งแต่ต้นลมไหม แบบตัดปัญหาไปซะตั้งแต่เนิ่นๆ จะได้ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าจะเกิดปัญหาขึ้นเมื่อไหร่ จะต้องแก้ปัญหายังไง อะไรแบบนี้” พี่วันดีจดจ้องอยู่ที่ซัน แววตาของเธอซ่อนความพยายามเป็นอย่างมากที่จะโน้มน้าวให้เด็กตรงหน้ายอมทำตามในสิ่งที่ตนเองพูด
“โอ๊ยย! จะพูดให้มันมากความทำไม เด็กมันไม่เข้าใจหรอก จะเอาอะไรก็พูดออกมาตรงๆ ไปเลย เด็กมันจะได้ตัดสินใจถูก” พี่นิกเริ่มจะหงุดหงิดที่วันดีไม่พูดอะไรให้มันชัดเจนสักที ไอ้ตัวเขาก็เข้าใจอยู่หรอกว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร แต่เด็กซื่อๆ อย่างซันก็คงจะตามไม่ทันหรอก อยากได้อะไรก็ต้องบอกมันไปตรงๆ เสียดีกว่า
“ใช่ครับพี่วันดี คุยกับผมตรงๆ ได้เลยครับ ไม่เป็นไรครับ” ซันช่วยย้ำคำของพี่นิกอีกครั้ง เพราะไอ้เท่าที่ฟังมาเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่
“คือ... พี่ว่า ถ้าเป็นไปได้เลิกกันน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดนะ” วันดีเอ่ยพูดพลางยิ้มเล็กน้อย แววตาแอบซ่อนความกังวลอยู่นิดหน่อยเพราะกลัวว่าจะถูกปฏิเสธ
“ผมว่ามันเยอะเกินไปนะครับ ถ้าจะให้เลิกกัน”
“พี่ว่าละ” แววตาของวันดีเปลี่ยนไปในทันที “คิดอยู่แล้วว่าซันจะต้องไม่ยอมแน่ๆ”
“...”
“คืองี้... พี่ลงทุนกับโปรเจ็กต์นี้ไปเยอะนะ ใช้เงินไม่ใช่น้อยๆ ถ้าซันจะทำให้เกิดปัญหาขึ้น ซันมั่นใจไหมว่าจะรับผิดชอบพี่ได้... ซันจะทำยังไงหน้าเกิดปัญหาแล้วซีรีส์มันไปต่อไม่ได้ จะรับผิดชอบยังไง มีปัญญาจ่ายค่าปรับให้พี่ไหม ลองไปอ่านสัญญาดูนะคะ มันมีระบุไว้หมด หากใครทำให้เกิดความเสียหายกับโปรเจ็กต์ ต้องรับผิดชอบค่ะ”
“พูดแบบนี้มันก็เกินไปนะคะคุณวันดี มันขู่กันชัดๆ” พี่นิกไม่พอใจที่อีกฝ่ายมาขู่เด็กของเขา
“ไม่ได้ขู่นะคะ พูดตามความจริงค่ะ ลองกลับไปอ่านทบทวนในสัญญาดูได้ค่ะ เลือกเอานะคะว่าจะทำงานต่อหรือจะอยู่กับแฟน” วันดียิ้มเย็นอีกครั้งหลังพูดจบก่อนจะลุกเดินออกไปในทันที ไม่รอให้อีกฝ่ายโต้ตอบอะไร พี่เจี๊ยบ พี่อิ๋วเห็นแบบนั้นก็รีบเดินตามออกไปในทันที
ซันกับพี่นิกมองหน้ากันด้วยความหนักใจ พี่นิกไม่ได้รู้สึกลำบากใจนักเพราะคนที่ควรจะต้องตัดสินใจคือตัวของซันเอง แต่สิ่งที่เขาไม่พอใจมากกว่าคือความรู้สึกพ่ายแพ้ที่วันดีถือไพ่เหนือกว่าในตอนนี้ เขาได้แต่คิดเจ็บใจว่าจะเอาคืนวันดีให้ได้สักวัน
“ผมควรทำยังไงดี” ซันเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล
“แล้วแต่แกเลย จะเอายังไงบอก พี่จะได้วางแฟนถูกว่าจะทำยังไงต่อ”
“ได้ครับ ขอเวลาคิดก่อนนะพี่” ซันเอ่ยบอกผู้จัดการของตัวเอง ใจเขาก็มีคำตอบอยู่แล้วเพียงแต่ว่ายังไม่อยากรีบตัดสินใจในตอนนี้ เพราะด้านหนึ่งก็ความฝันของเขาที่เฝ้ารอมานาน ส่วนอีกด้านก็เป็นคนรักที่คบมานานแล้วเหมือนกัน การจะรีบตัดสินใจแบบไม่ยั้งคิดอาจทำให้เกิดความผิดพลาดได้เหมือนกัน
~~~~~~~~~~ The Gossip of BL ~~~~~~~~~~
หลังจากที่ซีรีส์ออนแอร์กระแสตอบรับก็ดีเกินกว่าที่ทุกคนคาดหวังเอาไว้ ติดเทรนด์ในเอ็กซ์เป็นอันดับหนึ่งแถมกระแสของคู่ภูมิและซันก็ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก ในโซเชียลมีแต่รูปพวกเขาเต็มไปหมด บรรดาสาววายต่างพากันหวีดอย่างหนักด้วยที่ผ่านมาซีรีส์วายได้ห่างหายจากหน้าจอทีวีไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง พอมีเรื่องนี้โผล่ขึ้นมาแถมยังแซ่บถึงใจจึงทำให้ทุกคนต่างพากันโดนตกเข้าเต็มเปา
ภูมิและซันดีใจกันยกใหญ่ รู้สึกหายเหนื่อยกับช่วงเวลาที่ผ่านมา เพราะพวกเขาต้องเผชิญอะไรกันมากมายทีเดียวกว่าจะได้มาถึงวันที่ซีรีส์ออนแอร์แล้วประสบความสำเร็จขนาดนี้
ก่อนหน้านี้ตอนที่ซันถูกพี่วันดีเรียกเข้าไปคุยว่าให้เลิกกับแฟนสาว เขาก็ค่อนข้างที่จะเครียดว่าอยู่ๆ จะให้ไปบอกเลิกง่ายๆ ด้วยเหตุผลที่ว่ากำลังจะเป็นนักแสดงไม่อยากมีข่าวเสียหาย มันก็ฟังดูไม่มีเหตุผลและเห็นแก่ตัวสำหรับฝ่ายหญิงไปเสียหน่อย แต่ถ้าไม่เลิกก็เขาก็อาจจะไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเอง เขาคิดไม่ตกอยู่หลายวัน จนกระทั่งพี่นิกมาถามไถ่ความคืบหน้า ซันจึงตอบกลับไปตามใจจริงว่าเขาเลือกไม่ถูก ยังไม่มีคำตอบ พี่นิกจึงบอกให้ซันอยู่เฉยๆ แล้วนิ่งเงียบไว้ ที่เหลือพี่นิกจะจัดการเอง
สุดท้ายพี่นิกเลือกที่จะคุยกับแฟนสาวของซันโดยที่ซันเองก็ไม่ต้องเลิกรากับแฟนสาวด้วยซ้ำ พี่นิกชี้แจงให้แฟนของซันเข้าใจถึงสถานการณ์ในปัจจุบันเพื่อให้เธอเข้าใจ แล้วบอกว่าช่วงนี้ให้เงียบไว้ก่อน ไม่ให้เปิดเผยอะไรทั้งนั้น เพราะถ้ามีข่าวเล็ดลอดออกมาคงไม่ต้องไปถึงพี่วันดี เพราะพี่นิกจะเป็นคนจัดการเอง แฟนของซันก็ตอบตกลงและให้สัญญาว่าจะไม่สร้างปัญหาให้อย่างแน่นอน หลังจากนั้นพี่นิกก็เลยให้ซันไปบอกกับพี่วันดีว่าตัดสินใจเลิกรากับแฟนสาวแล้วเรียบร้อย พอรู้แบบนั้นทั้งพี่วันดี พี่เจี๊ยบ และพี่อิ๋วต่างก็พากันดีใจกันยกใหญ่ว่าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีตามที่ได้วางแผนเอาไว้
“กลับไงกันอะ ไปหาไรกินกันไหม” ภูมิเอ่ยชวนทุกคนอย่างอารมณ์ดีหลังจากที่วันนี้เดินสายโปรโมทซีรีส์หลังออนไปได้หนึ่งตอน
“ว่าจะกลับเลยครับ เดี๋ยวแม่มารอรับ” ซันเอ่ยตอบทำเอาภูมิที่ได้ยินถึงกับสีหน้าเปลี่ยน เขารู้สึกเสียดายเล็กน้อยเพราะตั้งใจว่าอยากจะชวนทุกคนไปฉลองเสียหน่อยที่ซีรีส์กระแสดีขนาดนี้
“เสียดาย ว่าจะชวนกินเหล้าซะหน่อย” ภูมิบ่นอุบ
“ไว้วันหลังนะพี่” ซันยิ้มตอบก่อนจะรับสายโทรศัพท์เพราะว่าแม่โทรเข้ามา “ไปก่อนนะครับ แม่มาถึงแล้ว” ซันยกมือไหว้พี่ๆ ทุกคนตรงนั้นแล้วหันหลังเดินไป
“งั้นพวกพี่กลับก่อนนะจ๊ะ” พี่ปูผู้จัดการของมินกับภัทรเอ่ยพูดขึ้นโดยที่ทั้งสองคนยังไม่ทันจะได้พูดอะไร
“อ้าว! ไปกินข้าวด้วยกันก่อนสิครับพี่ปู พามินกับภัทรไปด้วยกัน” ภูมิเอ่ยเชื้อเชิญอีกครั้ง เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมถึงมีแต่คนหนีกลับบ้าน ไม่ยอมไปกินข้าวด้วยกันก่อน
“ไม่เป็นไรจ้ะ พอดีเด็กๆ มีธุระกันต่อ ไว้โอกาสหน้านะจ๊ะ ไปละ” พี่ปูตอบพลางยิ้มกว้างก่อนจะพามินกับภัทรออกไปจากบริเวณนั้น
ตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่กันต์กับบุ๊คที่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น แม้ภูมิจะไม่ค่อยอยากชวนบุ๊คไปเท่าไหร่ แต่ถ้าจะให้ไปกับกันต์เพียงแค่สองคนก็คงจะไม่สนุกเขาจึงตัดสินใจเอ่ยชวนออกไป “ไปไหม? ถ้าไม่ไปพี่จะได้กลับบ้านเลย”
“กันต์ไปได้นะ ไม่ติดอะไร หิวข้าว” กันต์เอ่ยตอบพลางหน้ายู่เพราะท้องกำลังร้องโครกครากด้วยความหิว
“แล้วคุณล่ะครับคุณบุ๊ค”
“ไม่รู้สิ ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่” บุ๊คตอบกลับด้วยน้ำเสียงห้วน ความจริงเขาไม่ได้อยากจะไปสักเท่าไหร่ เพราะตั้งแต่ที่เมาจนตีกันครั้งก่อนลามมาถึงเรื่องที่ภูมิไม่พอใจเรื่องที่แฮชแท็กบุ๊คกันต์ติดเทรนด์ในตอนนั้น พวกเขาทั้งสองคนก็เหมือนจะทะเลาะกันมาเรื่อยๆ แบบไม่ได้แสดงออกมากนัก แต่มักจะชอบแซะกันผ่านคำพูดในแต่ละครั้งมากกว่า
โครกกกก~
เสียงท้องร้องของบุ๊คดังขึ้นทำเอากันต์ถึงกับหันไปมองแล้วหลุดหัวเราะลั่นออกมา บุ๊คก็ยืนหน้าตายเพราะไม่รู้จะแก้ตัวยังไงในเมื่อร่างกายมันฟ้องออกมาขนาดนี้
“ไหนบอกไม่ค่อยหิว” กันต์หัวเราะก่อนจะเอ่ยแซว
“เออๆ ไปด้วยก็ได้” บุ๊คทำหน้าเซ็งเล็กน้อย อย่างที่บอกว่าเขาไม่ได้อยากไปด้วยสักเท่าไหร่นักเพราะเบื่อหน้าภูมิแต่ก็นั่นแหละเพราะความหิวจึงทำให้เขาต้องยอมตอบตกลง
“งั้นเดี๋ยวไปเจอกันที่ร้านละกัน เดี๋ยวส่งโลเคชั่นให้” ภูมิเอ่ยบอกก่อนจะหันหลังเดินขึ้นรถที่จอดอยู่ไม่ไกล
กันต์หันไปยิ้มแห้งให้กับบุ๊ค เขาหัวเราะแหะๆ เพราะเห็นใบหน้าตึงของคนพี่ เขารู้ดีว่าสองคนนี้ไม่ถูกกันขนาดไหน แต่เขาก็ไม่อยากไปกินข้าวกับพี่ภูมิสองต่อสองเพราะกลัวว่าตัวเองจะอึดอัดมากเกินไป จึงตัดสินใจที่จะชวนบุ๊คไปด้วยกัน
ทั้งคู่พากันเดินไปขึ้นรถก่อนจะขับออกไป เพียงครู่เดียวภูมิก็ส่งโลเคชั่นมาให้กันต์ มันเป็นร้านอาหารเกาหลีเหมือนครั้งที่เคยไปกินกันมา พอเห็นแบบนั้นภาพครั้งก่อนที่ภูมิกับบุ๊คเมาแล้วตีกันก็ฉายแทรกขึ้นมาในหัวของกันต์ทันที เขาไม่รู้ว่าวันนี้จะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอีกไหม ก็ได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก ขอให้เป็นมื้ออาหารที่สุขที่สุดสักมื้อบ้างก็แล้วกัน