วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ

วายบันเทิง - บทที่ 17 เมามาย 1 โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น,วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วายบันเทิง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ

รายละเอียด

วายบันเทิง โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ

ผู้แต่ง

Run_Kantheephop

เรื่องย่อ

วายบันเทิง

The Gossip of BL

Run_Kantheephop

เรื่องแต่ง 99%  อีก 1% คือเค้าโครงจากเรื่องจริง

ขออนุญาตแก้ไขวันและเวลาในการอัพนิยายนะครับ เนื่องจากช่วงนี้มีภารกิจจากหน้าที่การงานเข้ามาจึงทำให้เขียนนิยายได้น้อยลงกว่าเดิม จากนี้ไปจะขออัพนิยายเพียงแค่สัปดาห์ละ 1 ตอนนะครับ (ทุกวันเสาร์ เวลา 18:00 น.)

ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามครับ

********************************************************************************

มีทั้งหมด 5 เล่ม

E-Book วางจำหน่ายแล้ว บน MEB

สารบัญ

วายบันเทิง-Intro บทนำ,วายบันเทิง-บทที่ 1 เด็กบ้านนอกคนหนึ่ง,วายบันเทิง-บทที่ 2 ผลลัพธ์ที่ดี,วายบันเทิง-บทที่ 3 ทริปมิตรสัมพันธ์,วายบันเทิง-บทที่ 4 สังสรรค์หรือสงคราม,วายบันเทิง-บทที่ 5 ยังไงกันแน่,วายบันเทิง-บทที่ 6 แต่ความจริงคือ...,วายบันเทิง-บทที่ 7 ระมัดระวัง,วายบันเทิง-บทที่ 8 ข่าวลือ,วายบันเทิง-บทที่ 9 มันจริงมั้ย?,วายบันเทิง-บทที่ 10 คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ,วายบันเทิง-บทที่ 11 เคลียร์ใจ,วายบันเทิง-บทที่ 12 มีซัมติงไหม?,วายบันเทิง-บทที่ 13 นี่ว่าใช่ ไม่ได้มโน,วายบันเทิง-บทที่ 14 โดนกับตัว,วายบันเทิง-บทที่ 15 ไม่พอใจ,วายบันเทิง-บทที่ 16 ต้องเลือก,วายบันเทิง-บทที่ 17 เมามาย 1,วายบันเทิง-บทที่ 18 เมามาย 2,วายบันเทิง-บทที่ 19 ทำไมทำงี้!?,วายบันเทิง-บทที่ 20 โอกาสเดียว,วายบันเทิง-บทที่ 21 หมดความอดทน,วายบันเทิง-บทที่ 22 ไม่จบไม่สิ้น,วายบันเทิง-บทที่ 23 โดนปลด,วายบันเทิง-บทที่ 24 เกาะกระแส,วายบันเทิง-บทที่ 25 ข่าวล่ามาไว,วายบันเทิง-บทที่ 26 เพื่อนใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 27 งงไปหมด,วายบันเทิง-บทที่ 28 คนใหม่?,วายบันเทิง-บทที่ 29 มันเอาอีกละ,วายบันเทิง-บทที่ 30 สามหนุ่มเปิดใจ,วายบันเทิง-บทที่ 31 ก้าวใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 32 คลาสแอคติง,วายบันเทิง-บทที่ 33 ไปแคสติงกัน,วายบันเทิง-บทที่ 34 ช่วยมาคุมความประพฤติอีสันดานนี่ที,วายบันเทิง-บทที่ 35 ข่าวเก่าเล่าใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 36 ไม่เป็นไร,วายบันเทิง-บทที่ 37 รียูเนียน?,วายบันเทิง-บทที่ 38 เลิฟซีนเป็นเหตุ,วายบันเทิง-บทที่ 39 นั่นปากเหรอ!?,วายบันเทิง-บทที่ 40 เอาแล้วหัวใจ,วายบันเทิง-บทที่ 41 ระยะปลอดภัย,วายบันเทิง-บทที่ 42 เรื่องของฮัน,วายบันเทิง-บทที่ 43 หัวใจเจ้ากรรม หวั่นไหวง่ายจัง,วายบันเทิง-บทที่ 44 แค่พี่น้อง?,วายบันเทิง-บทที่ 45 ไปเชียงใหม่กันไหม,วายบันเทิง-บทที่ 46 เริ่มเลย,วายบันเทิง-บทที่ 47 เริ่มเลย 2,วายบันเทิง-บทที่ 48 ยินดีต้อนรับ,วายบันเทิง-บทที่ 49 ม่อนแจ่ม,วายบันเทิง-บทที่ 50 ไปขึ้นเขากัน,วายบันเทิง-บทที่ 51 กิ่วแม่ปาน,วายบันเทิง-บทที่ 52 เบื่อจริงๆ ไอ้พวกปากแข็ง,วายบันเทิง-บทที่ 53 ขอสักหน่อย หายไปหลายคืน,วายบันเทิง-บทที่ 54 กลับไป ไม่กลับใจ,วายบันเทิง-บทที่ 55 ความพยายาม,วายบันเทิง-บทที่ 56 อดีตช่วยย้ำเตือน,วายบันเทิง-บทที่ 57 เริ่มต้นเปิดใจ,วายบันเทิง-บทที่ 58 บททดสอบ,วายบันเทิง-บทที่ 59 ความลับที่ฉันซ่อนไว้,วายบันเทิง-ตอนที่ 60 ตอนจบที่มีความสุข

เนื้อหา

บทที่ 17 เมามาย 1

กันต์กับบุ๊คตามมาถึงร้านอาหารที่ซึ่งภูมิได้เข้าไปนั่งรออยู่ก่อนแล้ว พวกเขาเลือกนั่งที่โต๊ะตำแหน่งเดิมบนชั้นสองเนื่องจากค่อนข้างที่จะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าด้านล่าง ทั้งคู่หย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้อีกฝั่งที่ว่างอยู่ พนักงานเดินเอาเมนูมายื่นให้ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาสั่งทุกอย่างแทบจะเหมือนกับครั้งก่อน มีเพียงไข่ตุ๋นชีสที่บุ๊คขอสั่งเพิ่มเพราะอยู่ๆ ก็อยากจะกินขึ้นมา

“เอาไรเพิ่มอีกเปล่า” พี่ภูมิเอ่ยถามขึ้นอย่างอารมณ์ดี ทำเอาทั้งบุ๊คและกันต์ต่างก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปเจออะไรมาเหมือนกัน

“ทำไมอารมณ์ดีจังวะ” บุ๊คตัดสินใจถามออกไปเพราะสงสัยในตัวของภูมิ

“ไม่มีไรหรอก กูแค่ดีใจที่ซีรีส์กระแสดี” ภูมิเอ่ยพูดพลางยักไหล่ เขาดูมีท่าทีสบายกว่าตอนที่รู้จักกันใหม่ๆ

“นี่เราสนิทกันจนใช้กูมึงได้ละเหรอ” บุ๊คถามต่อเพราะก่อนหน้านี้เวลาพวกเขาคุยกันก็ใช้คำแทนตัวเองว่าคุณกับผม แต่อยู่ๆ ตอนนี้ภูมิกลับแทนตัวเองด้วยคำว่ากู บุ๊คก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าไปสนิทกันตอนไหน

“เอาน่ะ หรือว่ามึงถือ?” ภูมิถามกลับ

“แล้วแต่เลย เอาที่สะดวก” บุ๊คเอ่ยอย่างไม่ได้ใส่ใจมากนัก อันที่จริงเขาก็ไม่ใช่คนถือตัวอะไร ใครจะแทนตัวเองว่ายังไงมันก็ไม่ได้สลักสำคัญกับชีวิตเพียงแค่เลือกใช้ให้มันเหมาะสมกับกาลเทศะก็พอ

กันต์ลอบยิ้มเบาๆ เมื่อเห็นภูมิกับบุ๊คสนทนากันเมื่อครู่ ความเปลี่ยนแปลงระหว่างท่าทีของคนทั้งสองดูเหมือนจะดีขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศบนโต๊ะอาหารในวันนี้จึงแปลกไปกว่าที่เคยเป็นมา จากที่เคยน่าอึดอัดกลายเป็นดูผ่อนคลายอย่างประหลาด เขาก็ได้แต่หวังว่าหลังจากที่น้ำเมาเข้าปากไปแล้วจะไม่ทำให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยกับครั้งก่อน

ไม่นานพนักงานร้านก็นำอาหารที่พวกเขาสั่งมาเสิร์ฟ จากหนึ่งจานเป็นสองจานจนเริ่มวางเต็มพื้นที่โต๊ะและสิ่งสำคัญที่ดูเหมือนจะเป็นพระเอกในคืนนี้นั่นก็คือโซจูขวดเขียวที่ภูมิสั่งมาหลายขวดจนกันต์อดตกใจไม่ได้ ปกติเขากินคนเดียวสองขวดก็เมาจะแย่ แต่นี่พี่ภูมิเล่นสั่งมาเกือบโหล คืนนี้คงได้เมาเละกันไปข้าง

“ไม่เยอะไปเหรอพี่” กันต์ถามด้วยท่าทีประหลาดใจ

“ไม่เยอะหรอก ยาวๆ ไปคืนนี้ พี่เลี้ยงเอง” ภูมิตอบพร้อมยิ้มกว้าง มือหนาคว้าหยิบขวดโซจูที่อยู่ใกล้มือมากที่สุดมาเปิดแล้วเทลงในแก้วช็อตที่ทางร้านนำมาวางไว้ให้ก่อนจะรีบกระดกเข้าไปรวดเดียวจนหมด

“โห... พี่ รีบไปเปล่า” กันต์แซวเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกินเหล้าก่อนที่อาหารจะเข้าปากเสียอีก

“เรียกน้ำย่อยๆ” ภูมิยิ้มเล็กๆ ก่อนจะเทโซจูให้กับกันต์และภูมิ

“ขอบใจ”​ บุ๊คบอกขณะที่ในปากกำลังเคี้ยวหมูย่างก่อนจะยื่นมือไปรับแก้วโซจูที่อีกฝ่ายยื่นมาให้ยกซดเข้าปากไป สีหน้าของบุ๊คดูสดชื่นขึ้นกว่าเดิม

“ทำไม มันฟินเหรอ” กันต์อดแซวไม่ได้เมื่อเห็นบุ๊คดูดี๊ด๊าขึ้นเมื่อได้เหล้าเข้าปาก

“ก็นิดนึง”

ทั้งสามคนนั่งสังสรรค์กันแบบนั้นอยู่นานจนลืมดูเวลา กระทั่งพนักงานหนุ่มหน้าตาน่าเอ็นดูเดินเข้ามาเอ่ยบอกว่าอีกยี่สิบนาทีร้านจะปิด พวกเขาพยักหน้ารับทราบแต่ความเมามายก็กลืนกินพวกเขาทั้งสามคนไปแล้วเรียบร้อย กันต์ดูเมาที่สุด ในขณะที่ภูมิเมารองลงมา คนที่ดูเหมือนจะยังมีสติที่สุดก็คงเป็นบุ๊คที่ยกข้อมือดูนาฬิกาแล้วตาเบิกโตด้วยตกใจในเวลาที่ล่วงเลยมาแบบไม่ทันได้รู้ตัว

“เดี๋ยวพี่กลับก่อนนะ” บุ๊คหันไปเอ่ยบอกกับกันต์ที่นั่งพิงหัวกับผนังร้าน แก้มแดงเถือกเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป “พรุ่งนี้มีงานเช้า”

“คะ...ครับ อึก!” กันต์ยกศีรษะขึ้นมามองหน้าแล้วเอ่ยตอบก่อนจะสะอึกเพราะลมตีขึ้นมา

“แกกลับบ้านไหวใช่ไหม” บุ๊คเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง สีหน้าเขาดูไม่ค่อยไว้ใจสักเท่าไหร่นักว่าน้องชายตรงหน้าจะสามารถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย

“หวะ...ไหวพี่ เดี๋ยวเรียกแท็กซี่เอา” 

“โอเค...” บุ๊คบอกพลางหันไปมองภูมิที่กำลังนั่งไถมือถือเล่น “ภูมิ ฝากดูกันต์ด้วยนะ”

“เออ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวกูส่งน้องกลับบ้านเอง” ภูมิตอบพลางยิ้มให้ก่อนจะยกมือเรียกพนักงานให้มาคิดเงิน

“เค กูกลับละ” บุ๊คตอบก่อนจะหันหลังเดินออกจากร้านไป แม้ว่าเขาจะยังคงรู้สึกเป็นห่วงกันต์อยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่สามารถที่จะพาคนน้องไปส่งที่บ้านได้เนื่องจากบ้านเขากับบ้านกันต์อยู่คนละฝั่งกรุงเทพกันเลย แถมพรุ่งนี้เขาก็มีประชุมเช้ามากที่ออฟฟิศบริเวณปริมณฑล เขาจึงต้องรีบกลับบ้านไม่อยากจะอยู่ดึกไปมากกว่านี้เพราะไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้เขาอาจจะตื่นไม่ทันไปประชุมได้

ภูมิหันมาสะกิดกันต์ที่เผลอหลับไประหว่างที่เขากำลังจัดการเรื่องค่ามื้ออาหารในค่ำคืนนี้ ด้วยความเมาหนักทำเอากันต์ตื่นลืมตาขึ้นมายากสักหน่อย ภูมิจึงต้องเขย่าอยู่หลายครั้งกว่าจะเรียกสติของน้องข้างๆ ให้ตื่นขึ้นมาได้

“กันต์ ตื่นเร็ว กลับบ้านกัน ร้านปิดแล้ว” 

“อือออ....” เสียงกันต์ครางเบาๆ ในลำคอก่อนจะค่อยๆ ขยับตัวขึ้นนั่งตัวตรง

“กลับบ้านไหวไหมเนี่ย” ภูมิถามอย่างเป็นกังวล

“ไหวครับ... อุ๊บ!!” กันต์เอ่ยตอบ แต่เพียงเสี้ยววินาทีเขาก็รีบยกมือขึ้นอุดปากเพราะดูเหมือนว่าอะไรๆ ที่กินเข้าไปก่อนหน้านี้มันจะตีกลับจากช่องท้องขึ้นมาทางลำคอจนอยากจะพ่นออกมา คนตัวเล็กรีบวิ่งไปห้องน้ำทันที

ภูมิได้แต่ส่ายหัวเมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่าย เขาเก็บกระเป๋าเงินของตัวเองลงกระเป๋ากางเกงก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กของกันต์ขึ้นมาถือเอาไว้แล้วเดินไปรออีกฝ่ายที่หน้าห้องน้ำทันทีเพื่อที่จะปล่อยให้พนักงานร้านเคลียร์โต๊ะได้อย่างสะดวกเพราะใกล้เวลาปิดร้านเต็มที

โครกกก~

แกร็ก!

เสียงกดชักโครกดังก่อนจะตามมาด้วยเสียงปลดล็อกประตูเป็นสัญญาณว่าคนด้านในเสร็จธุระของตัวเองเรียบร้อย เสียงอาเจียนที่ดังก่อนหน้านั้นทำเอาภูมิเป็นห่วงอยู่เหมือนกันแต่จะให้เขาเข้าไปลูบหลังก็ดูจะเกินหน้าที่เขาไปสักหน่อย เขายิ่งไม่ชอบอะไรที่มันน่าขยะแขยงด้วย

บานประตูห้องน้ำเปิดออกมาพร้อมปรากฏใบหน้าของกันต์ที่อิดโรย เม็ดเหงื่อผุดทั่วเต็มใบหน้าจนภูมิอดขำไม่ได้ เขาหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ แม้ว่าจะสงสารอีกฝ่ายแต่สภาพของกันต์ที่ภูมิเห็นในตอนนี้มันต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง

“ไหวปะเนี่ย” ภูมิถามย้ำเพราะเขาจะได้ส่งกันต์กลับบ้านเสียที

“...” กันต์ไม่ได้ตอบอะไร เอาแต่ส่ายหัว

“เอาไงอะ”

“เดี๋ยวนั่งรอข้างล่างก่อนละกันครับ พี่ภูมิกลับก่อนเลย เดี๋ยวดีขึ้นผมค่อยเรียกแท็กซี่กลับ” กันต์บอกก่อนจะค่อยๆ พยุงตัวเองให้เดินออกจากห้องน้ำแล้วเดินตรงไปยังบันไดเพื่อจะลงไปด้านล่าง ความลำบากของร้านนี้คือมีสองชั้น แล้วพวกเขาก็ดันชอบมานั่งที่ชั้นสองเสียด้วย พอเมาทีไรก็ต้องคอยระวังเวลาเดินลงไปด้านล่างทุกที

“ระวังนะน้อง ค่อยๆ ลง” ภูมิเอ่ยบอกก่อนจะค่อยๆ ประคองหลังกันต์ลงบันไดไปอย่างระมัดระวัง เพราะเขาไม่อยากที่จะให้คนน้องต้องได้รับอันตรายเหมือนกัน

ภูมิพากันต์เดินลงไปชั้นหนึ่งอย่างปลอดภัยแล้วพาเดินออกไปนั่งที่ม้านั่งด้านหน้าของร้าน แต่ภายนอกร้านอื่นๆ ก็เริ่มทยอยปิดกันหมด แถมวันนี้ยังไม่ใช่วันหยุดจำนวนคนที่มาเที่ยวตอนกลางคืนจึงบางตากว่าช่วงสุดสัปดาห์ บรรยากาศจึงค่อนข้างที่จะน่ากลัวไปสักนิดในเวลาดึกแบบนี้

“มั่นใจเหรอว่าจะนั่งรอตรงนี้อะ” ภูมิถามย้ำ เพราะมันดูจะอันตรายไปสักหน่อยหากปล่อยน้องทิ้งไว้ตรงนี้คนเดียว

“ได้พี่ ไม่เป็นไร พี่กลับเลย” 

ภูมิหันมองซ้ายมองขวาเห็นผู้หญิงที่แต่งตัวเซ็กซี่ยั่วยวนตามสไตล์ผู้หญิงขายบริการในย่านนี้เดินผ่านไปมาแถวนั้น แววตายั่วยวนถูกส่งมาให้ไม่หยุดเพราะคิดว่าพวกเขาคือลูกค้า นั่นยิ่งสร้างความน่ากังวลให้กับภูมิไม่น้อย เขาจึงตัดสินใจสะกิดบอกกันต์อีกครั้ง

“พี่ว่า กันต์ไปนอนคอนโดพี่เหอะคืนนี้ ขืนอยู่ตรงนี้ต่อไม่ค่อยน่าจะปลอดภัยเท่าไหร่นะ ถึงจะเป็นผู้ชายแต่เราก็ควรจะต้องระวังตัวไว้บ้าง” ภูมิพยายามกระซิบบอกคนน้อง เขาก็ไม่อยากให้หญิงสาวที่เดินผ่านไปมาแถวนั้นได้ยิน เพราะแม้ว่าพวกเธอจะทำงานขายบริการทางเพศ แต่ก็ยังมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่ไม่ควรจะไปดูถูก การเลือกทำในอาชีพเหล่านี้ของพวกเธอคงมีเหตุผลที่คนอื่นไม่อาจรับรู้ซ่อนอยู่ก็เป็นได้

“ก็ได้ครับพี่” กันต์หันมองไปรอบๆ ก็เห็นภาพเดียวกันกับที่ภูมิกระซิบบอก เขาจึงพยักหน้ารับข้อเสนอจากคนตรงหน้า

“งั้นไปเหอะ จะได้ไม่ดึกไปกว่านี้” ภูมิบอกพลางช่วยดึงกันต์ให้ลุกขึ้นยืนแล้วเดินนำไปยังที่จอดรถ

ภูมิพากันต์กลับมาถึงคอนโดของตัวเองที่อยู่ไม่ไกลจากร้านอาหารมานัก ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ ทั้งคู่พากันเข้าลิฟต์ไปยังชั้นสิบห้าก่อนภูมิจะประคองกันต์เข้าห้องของตัวเองไป

เขาค่อยๆ ปล่อยให้กันต์นั่งลงที่โซฟาในห้องนั่งเล่นในสภาพที่กึ่งหลับกึ่งตื่น เขาจึงรีบเดินไปเอาน้ำเย็นมาวางไว้ให้

“กันต์ กินน้ำหน่อยเร็ว จะได้ดีขึ้น”

“อื้อ....” กันต์ครางตอบเบาๆ แต่ไม่ได้มีท่าทีขยับร่างกายเลยแม้แต่น้อย

“เห้อ.. เมาขนาดนี้เลยเหรอ” ภูมิถึงส่ายหัว เขาไม่ได้โกรธเคืองอะไรเพียงแต่อดแปลกใจไม่ได้ เพราะไม่เคยคิดว่าคนที่ดูเรียบร้อยอย่างกันต์จะดื่มเก่งจนเมามายได้ถึงเพียงนี้

“...” กันต์นอนนิ่งมีเพียงเสียงลมหายใจเข้าออกที่ดังออกมาพร้อมๆ กับเสียงกรนเบาๆ ในลำคอ

“เดี๋ยวพี่ไปเอาผ้าห่มมาให้ละกัน” ภูมิบอกก่อนจะเดินกลับไปหยิบผ้าห่มในห้องนอนมาคลี่ออกแล้วค่อยๆ คลุมให้กับกันต์ที่กำลังนอนหลับไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์

“พี่...” กันต์ร้องเรียกออกมาเบาๆ ในขณะที่เปลือกตายังปิดสนิท มือข้างหนึ่งของเขาคว้าแขนของภูมิเอาไว้แน่น

“หื้ม? มีไรเปล่าน้อง” ภูมิถามกลับอย่างสงสัย

“...” กันต์ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่ออกแรงดึงอีกฝ่ายให้นั่งลง

“เป็นอะไรปะเนี่ย” ภูมิยกยิ้มบางก่อนจะค่อยๆ หย่อนตัวนั่งลง แม้เขาจะรู้สึกงุนงงอยู่ก็ตาม

“ขอกอดหน่อย” กันต์ไม่พูดเปล่า เขาขยับตัวพลางสอดมือข้างหนึ่งเข้าไปที่ด้านหลังของภูมิ ส่วนอีกข้างก็พาดผ่านด้านหน้าบริเวณเอวแล้วกอดไว้หลวมๆ 

ภูมิรู้สึกตกใจเล็กน้อยเพราะไม่รู้ว่าคนน้องกำลังคิดถึงใครอยู่กันแน่ เขาเข้าใจว่าอีกฝ่ายเมา แต่เขาคงไม่ใช่คนที่กันต์อยากกอดแน่ๆ

คนตัวเล็กกอดภูมินิ่ง นอนซบศีรษะอยู่บริเวณหน้าตักของคนตัวโตกว่า ไม่นานใบหน้าของกันต์ก็เริ่มขยับเล็กน้อยราวกับแมวน้อยที่กำลังอ้อน

“กันต์ อย่าทำงี้ พี่จั๊กจี๊” ภูมิบอกเสียงเบาพลางขยับตัวเล็กน้อยเพื่อส่งสัญญาณให้กันต์หยุดขยับศีรษะเสียที

“อื้อ.!!!” น้ำเสียงเชิงรำคาญถูกส่งผ่านออกมาจากลำคอของกันต์ คิ้วทั้งสองข้างขมวดกันเป็นปมด้วยความหงุดหงิด เขาเปิดเปลือกตาขึ้นมามองหน้าภูมิแล้วกอดแน่นกว่าเดิม “อยู่เฉยๆ ขอกอดหน่อย”

“อะไรวะเนี่ย”

“...” กันต์นิ่งเงียบ จากที่นอนกอดเฉยๆ กลายเป็นฝ่ามือข้างหนึ่งเริ่มลูบไล้ที่หน้าขาของภูมิ ทีแรกมันก็อยู่แค่ต้นขาช่วงล่าง แต่พอเห็นว่าภูมิไม่ได้พูดอะไรมือบางนั้นก็เหมือนจะลูบไล้ขึ้นมาสูงเรื่อยๆ จนเกือบจะถึงจุดสำคัญ

หมับ!

มือหนาของภูมิคว้ามือบางของกันต์เอาไว้ให้หยุดก่อนที่จะมาถึงจุดนั้น เขาเองแม้ว่าจะไม่ได้คิดอะไรกับกันต์เลยแม้แต่น้อย แต่การที่ถูกกระตุ้นในเวลาที่ร่างกายมีแอลกอฮอล์ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายนั้นก็สามารถกระตุ้นอารมณ์ความใคร่ได้มากเหมือนกัน

“กันต์ จะทำอะไร...” ภูมิเอ่ยถามเสียงเบา

“หื้ม?” เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมามองคนที่เอ่ยถามด้วยใบหน้านิ่ง แววตาแฝงซ่อนอารมณ์บางอย่างเอาไว้ 

“กันต์...” ภูมิเรียกชื่ออีกฝ่ายอีกครั้ง เพราะมือไม้ที่เริ่มอยู่ไม่สุขของกันต์กำลังจะทำให้คนที่อ่อนไหวทางกามารมณ์ได้ง่ายอย่างเขาเริ่มมีอาการบางอย่างปะทุขึ้นมาในตัว

“ครับพี่ภูมิ...” เสียงเรียกกระเส่าดังขึ้นพร้อมแววตาอ้อนจากกันต์ รวมไปถึงฝ่ามือบางที่กำลังซุกซนมากขึ้นทุกที ทำเอาภูมิถึงกับต้องสูดหายใจลึก

“พี่ว่าไม่ดีมั้ง...” 

“ไม่ดียังไงครับพี่ภูมิ” กันต์เอ่ยถามกลับพลางขยับตัวลุกขึ้นนั่ง เขาขยับตัวเข้าไปใกล้จนหัวไหล่แนบชิดติดกับอีกฝ่าย

“ถ้าคนอื่นรู้เข้าจะไม่ดีหรือเปล่า...” ภูมิพูดอย่างลังเล แม้ว่าแขนข้างหนึ่งของเขาจะยกขึ้นไปวางพาดหัวไหล่ของอีกฝ่าย

“ถ้าผมไม่พูด พี่ไม่พูด แล้วใครจะรู้ล่ะครับ” กันต์ตอบพลางมองหน้าภูมินิ่งก่อนจะเลื่อนสายตาลงมาที่ริมฝีปากของภูมิเพื่อส่งสัญญาณว่าเขามีความต้องการบางอย่างซึ่งภูมิก็น่าจะเข้าใจได้ไม่ยาก

อันที่จริงความลับหนึ่งอย่างที่ไม่เคยมีใครได้รู้นอกจากเพื่อนสนิทของเขาไม่กี่คนนั่นก็คือ เวลาที่กันต์เมา เขามักจะมีอารมณ์ทางเพศที่ค่อนข้างสูงกว่าในเวลาปกติ เขาเองก็รู้ตัวดีแต่ก็ใช่ว่าจะมีอะไรกับคนอื่นไปทั่วในตอนที่เมา เพราะเขาเองก็เลือกคู่นอนอยู่เหมือนกัน และด้วยภาพลักษณ์ที่ดูสดใสและเรียบร้อยทำให้หลายคนเผลอตกหลุมพรางของเขาได้ไม่ยากนัก

ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ดูเหมือนว่าภูมิจะเริ่มโดนความเร่าร้อนของกันต์ตกเข้าให้เสียแล้ว แววตาและท่าทางอันยั่วยวนนั้นปลุกความใคร่ในตัวของคนโตกว่าได้เป็นอย่างดี

“พี่ภูมิครับ...” กันต์เอ่ยเรียกเจ้าของห้องอีกครั้งเมื่อเห็นว่าภูมิกำลังนั่งนิ่งมองหน้าเขาอยู่แบบนั้น พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบอะไรกันต์จึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้หวังที่จะประทับจูบลงบนริมฝีปากแต่ภูมิก็ขยับหน้าหนีห่างออกมาเสียก่อน

“พี่ว่าอย่าเลย...” ภูมิพยายามปฏิเสธอีกครั้ง เพราะเขารู้ตัวดีว่าเขากำลังจะทนไม่ไหว เพราะไอ้ส่วนนั้นของเขามันเริ่มจะตอบสนองขึ้นมาบ้างเสียแล้ว การตื่นตัวของมันบ่งบอกความรู้สึกของภูมิได้เป็นอย่างดีว่าทั้งร่างกายและอารมณ์ของเขามันพร้อมออกรบเต็มที แต่ด้วยคนตรงหน้าที่อยู่ในสถานะน้องชายบวกกับการเป็นเพื่อนร่วมงานจึงทำให้เขาก็แอบคิดหนักอยู่ไม่น้อย กลัวว่าหากในคืนนี้เกินเลยกันไปแล้ว วันข้างหน้าจะทำให้มองหน้ากันไม่ติดแล้วจะทำให้การทำงานมันลำบากมากขึ้น

“จะไม่ทำจริงๆ เหรอครับ” ความยั่วยวนของกันต์ยังไม่จบสิ้น ในเมื่อมันมาถึงขนาดนี้แล้ว แถมภูมิก็ไม่ได้มีท่าทีจะปฏิเสธอย่างจริงจัง เขาจึงคิดว่าหากตื้อต่ออีกสักหน่อยก็คงไม่พลาด

ก็คนมันอยากได้ไปแล้ว จะปล่อยให้หลุดมือไปได้ยังไงกัน....

ที่ผ่านมาเวลาที่เขาเมาแล้วเกิดสถานการณ์แบบนี้ ถ้าอีกฝ่ายไม่เล่นด้วยก็จะมีการปฏิเสธอย่างจริงจัง ลุกหนี เดินหนี หรือมีท่าทางในการปฏิเสธที่จริงจังกว่านี้ แต่กับภูมิมันดูเป็นการปฏิเสธด้วยท่าทีที่ลังเล กันต์จึงอนุมานไปเองว่าพี่ภูมิก็คงมีความอยากอยู่เหมือนกันเพียงแต่มีความคิดอะไรบางอย่างปิดกั้นเอาไว้ เขาก็แค่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับภูมิว่าเรื่องนี้เป็นการยินยอมจากทั้งสองฝ่าย แม้ว่ากันต์จะเมาแต่เขาก็ยังมีสติครบดีทุกอย่าง ไม่จำเป็นจะต้องกังวลอะไรทั้งนั้น

เขารู้เรื่องดีทุกอย่าง!

อีกอย่างที่กันต์มั่นใจว่ายังไงเขาก็ไม่พลาด เพราะที่ผ่านมาข่าวคราวของภูมิที่เคยมีคนพูดถึงในยุคที่ทวิตเตอร์ยังไม่ถูกเรียกว่าเอ็กซ์นั้นมันยังฝังอยู่ในความทรงจำของกันต์เป็นอย่างดี กับไอ้เรื่องที่ว่าครั้งหนึ่งภูมิเคยสนิทกับน้องนักแสดงคนหนึ่งชนิดที่ใครก็คิดว่ากำลังคบกัน แต่อยู่ดีๆ วันหนึ่งก็เลิกสนิทกันเสียอย่างนั้น ด้วยสาเหตุที่ว่าภูมิขอมีอะไรกับน้องคนนั้น แต่น้องคนนั้นไม่ยินยอม ก็เลยมีปากมีเสียงกันจนห่างหายกันไป

ซึ่งก็เป็นที่เลื่องลือกันหนาหูว่าภูมิไปบังคับขู่เข็ญ พยายามที่จะล่วงละเมิดอีกฝ่าย แต่บางข่าวก็บอกว่าอีกฝ่ายไปอ่อยก่อนก็เลยไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่พูดจริงพูดเท็จ และไอ้ข่าวนี่แหละที่ทำให้กันต์ในฐานะที่เคยติดตามภูมิมาก่อนก็เกิดความคิดอยากจะได้ภูมิขึ้นมาบ้างเหมือนกัน ก่อนหน้านี้กันต์แอบคิดมาตลอดว่าคงจะเป็นเรื่องยากที่จะได้หลับนอนกับนักแสดงที่ตัวเองชื่นชอบ จนกระทั่งโอกาสก็มาถึงในวันนี้แบบฟลุคๆ เขาจะปล่อยให้หลุดมือไปก็ใช่เรื่อง

“ถ้ากันต์ไม่หยุด พี่จะไม่ปล่อยไปแล้วนะครับ” ภูมิกระชับเอวบางของกันต์ไว้แน่น แววตาประกายความกระหายขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เสียงลมหายใจที่ดังถี่ขึ้นทำให้คนตัวเล็กตรงหน้ารับรู้ได้ทันทีว่าเขาจุดไฟราคะในตัวอีกฝ่ายติดแล้ว

“ก็ลองดูสิครับ” น้ำเสียงยั่วยวนจากกันต์ทำเอาสติของภูมิขาดผึงเขาผลักกันต์ลงนอนที่โซฟา แม้เขาจะยังแปลกใจที่พอคนตรงหน้าเมาก็เปลี่ยนนิสัยจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากเด็กที่ดูเรียบร้อยก็กลายเป็นแม่เสือสาวขึ้นมาเสียอย่างนั้น

เสียงแอร์ดังขึ้นชัดเมื่อคนทั้งสองเงียบลง ไม่มีบทสนทนาใดอีกนอกจากการกระทำของทั้งคู่ที่ดูจะใกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อยๆ ภูมิประกบริมฝีปากของเขาลงบนริมฝีปากของกันต์ก่อนจะเริ่มบดเบียดริมฝีปากนั้นอย่างแผ่วเบาแต่ก็ดูเร่าร้อนอยู่ในที ลิ้นร้อนแทรกซอนเข้าไปในโพรงปากของกันต์ตอนที่คนตัวเล็กเผลอเปิดปากขึ้นเพื่อช่วงชิงเอาอากาศเข้าไปในตัวด้วยเพราะหายใจไม่ทัน

มือบางของกันต์วางทาบอยู่ที่แผ่นอกแกร่งของภูมิพลางลูบไล้ไปมาเบาๆ เขายังคงตอบรับจูบนั้นอย่างหิวกระหาย เพียงครู่เดียวภูมิก็ถอนริมฝีปากออกแล้วจ้องมองหน้ากันต์เหมือนกับกำลังตัดสินใจว่าจะไปต่อดีหรือไม่ แต่กันต์ไม่รอช้าล้วงมือเข้าไปภายใต้เสื้อยืดของภูมิทันที เขาลากมือบางผ่านบริเวณหน้าอกของอีกฝ่าย เรียวนิ้วสัมผัสเข้ากับยอดหน้าอกก่อนจะหยุดอยู่ตรงนั้นพลางใช้นิ้วโป้งสะกิดเขี่ยเพื่อยั่วเย้าอารมณ์คนตรงหน้า ภูมิไม่รอช้าเมื่อเริ่มรู้สึกว่าเสื้อตัวที่ใส่อยู่กำลังกลายเป็นอุปสรรคในกิจกรรมครั้งนี้ เขารีบขยับตัวออกเล็กน้อยเพื่อให้พอมีพื้นที่ในการถอดเสื้อตัวนั้นออกจากร่างกายก่อนจะเหวี่ยงมันออกไปโดยไม่ได้สนใจว่าจะไปตกอยู่บริเวณใดของห้อง

ผิวกายขาวที่ประดับไปด้วยอกแกร่งและกล้ามหน้าท้องปรากฏชัดต่อหน้ากันต์ และนั่นยิ่งทำให้กามารมณ์ของคนตัวเล็กปะทุหนัก ส่วนกลางลำตัวของกันต์แข็งชันขึ้นภายใต้กางเกงนั้นจนรู้สึกอึกอัด สองมือของเขาจึงรีบปลดกระดุมกางเกงยีนส์ตัวที่ใส่อยู่ออก แก่นกายของเขาตื่นตัวเต็มที่ภายใต้กางเกงในสีดำทรงสี่เหลี่ยมประจักษ์ชัดจนภูมิที่กำลังมองมาอดยิ้มไม่ได้

“พร้อมเชียวนะ”

“พี่ภูมิ!” กันต์ฟาดฝ่ามือลงไปที่ท่อนแขนขวาของภูมิเบาๆ เพราะรู้สึกเขินอายนิดหน่อยที่โดนอีกฝ่ายแซว แม้เขาจะมีความใคร่มากขนาดไหนแต่การโดนเอ่ยทักถึงส่วนนั้นในเวลาแบบนี้ก็ทำเอารู้สึกเขินขึ้นมาบ้างเหมือนกัน

สายตาของภูมิจ้องมองไปยังแววตาของกันต์ก่อนจะพยักเพยิดเคลื่อนสายตามาที่บริเวณกางเกงของตัวเองเพื่อส่งสัญญาณให้คนตัวเล็กกว่าช่วยปลดกระดุมกางเกงให้หน่อย

กันต์ยกยิ้มมุมปากแล้วเคลื่อนมือทั้งสองไปช่วยปลดเปลื้องเอากางเกงตัวนั้นออกจากร่างกายส่วนล่างของภูมิ แก่นกลางลำตัวของคนตรงหน้าปรากฏชัดแข็งนูนผ่านเนื้อผ้าของกางเกงในสีขาวที่ภูมิใส่อยู่ กันต์แอบนิ่งไปครู่หนึ่งเมื่อได้เห็นสิ่งนั้นเพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีโอกาสดีขนาดนี้ ลำพังก่อนหน้านี้สมัยที่เป็นแค่ติ่งของพี่ภูมิ การได้ไปเจอตัวจริงก็นับว่าเป็นแต้มบุญมากแล้ว แต่ในเวลานี้การที่เขาได้เห็นถึงส่วนลับที่สุดของอีกฝ่ายมันก็นับว่าเกินกว่าที่ใฝ่ฝันไปไกลอยู่เหมือนกัน

มือเรียวของกันต์คว้าหมับเข้าที่สิ่งนั้นทันที มันแข็งชันพร้อมรบเต็มทีและเขาก็ไม่รอช้าที่จะก้มหน้าครอบริมฝีปากลงไปสัมผัสอย่างแผ่วเบา แม้ว่าจะมีเนื้อผ้าเป็นสิ่งคั่นกลางแต่ก็ไม่ได้ทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกได้น้อยลง

“อ่า...” เสียงครางเบาๆ ในลำคอของภูมิดังขึ้นก่อนที่ฝ่ามือหนาของเขาจะยกขึ้นมาลูบหัวกันต์เล็กน้อย

คนตัวเล็กกว่าขบเม้มบริเวณส่วนปลายยอดเล็กน้อยเพื่อหยอกล้อคนตัวสูงทำเอาอีกฝ่ายเผลอกระตุกตัวหนีเพราะความกระสัน จากนั้นกันต์จึงใช้นิ้วเรียวเกี่ยวเอากางเกงในซึ่งเป็นพันธนาการสุดท้ายออกจากตัวภูมิ ในตอนนี้ร่างกายเปลือยเปล่าของคนตรงหน้าปรากฏให้เห็นอย่างโจ่งแจ้ง กันต์รู้สึกร้อนรุ่มมากขึ้นกว่าเดิมทำเอาเขาต้องรีบปลดเปลื้องเสื้อผ้ารวมถึงกางเกงในที่ใส่อยู่ออกให้หมดเพราะอดที่จะรำคาญไม่ได้ เขาอยากจะเป็นอิสระโดยปราศจากเส้นใยจากเนื้อผ้าที่สัมผัสตามร่างกายด้วยว่าอยากให้ผิวกายของตัวเองนั้นได้สัมผัสกับสิ่งอื่นมากกว่า

“อมให้พี่หน่อย” ภูมิเอ่ยพูดอย่างไม่รอช้า หากเขาพูดในเวลาอื่นอาจทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนมากกว่านี้ แต่ในเวลานี้กันต์ยินยอมที่จะทำทุกอย่างขอเพียงแค่เอ่ยปากบอก แต่เอาเข้าจริงถึงอีกฝ่ายไม่พูดอะไรเขาก็คงจะทำให้อยู่ดี

ใครจะปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไป...