วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ
รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น,วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
วายบันเทิงวงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ
วายบันเทิง
The Gossip of BL
Run_Kantheephop
เรื่องแต่ง 99% อีก 1% คือเค้าโครงจากเรื่องจริง
ขออนุญาตแก้ไขวันและเวลาในการอัพนิยายนะครับ เนื่องจากช่วงนี้มีภารกิจจากหน้าที่การงานเข้ามาจึงทำให้เขียนนิยายได้น้อยลงกว่าเดิม จากนี้ไปจะขออัพนิยายเพียงแค่สัปดาห์ละ 1 ตอนนะครับ (ทุกวันเสาร์ เวลา 18:00 น.)
ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามครับ
********************************************************************************
มีทั้งหมด 5 เล่ม
E-Book วางจำหน่ายแล้ว บน MEB
ผ่านไปสองสัปดาห์ซีรีส์ที่พวกเขาร่วมแสดงกระแสดีขึ้นเรื่อยๆ จนไม่น่าเชื่อ แฮชแท็กซีรีส์ในแต่ละอีพีติดอันดับหนึ่งทุกครั้งในช่วงเวลาที่ออนแอร์ นักแสดงทุกคนโดยเฉพาะกลุ่มนักแสดงหลักที่ดูเหมือนกับจะได้รับความสนใจมากที่สุด กันต์เองก็พลอยได้รับอานิสงส์นั้นไปด้วย แม้จะเป็นเพียงแค่ตัวละครสมทบแต่เขาก็ได้รับโอกาสเฉิดฉายเพราะทุกครั้งที่เขาปรากฏตัวนั้นมักจะขโมยซีนอยู่เสมอ
ด้วยบทบาทในเรื่องที่เขาจะโผล่มาด้วยสถานการณ์ที่มันตลกอยู่เสมอ ผู้คนก็เลยจำเขาได้ติดตา เวลาไปไหนมาไหนคนก็เริ่มทักทายเขาด้วยชื่อของตัวละครในเรื่อง นั่นทำให้เขารู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก
ไม่รู้จะเรียกว่าเป็นโชคชะตาของเขาหรือเปล่า แต่เพราะกระแสตอบรับที่ดีแบบนี้จึงทำให้เขาได้มีโอกาสมาร่วมเดินสายโปรโมทในวันนี้ด้วย ทั้งๆ ที่มีแค่พี่ภูมิ น้องซัน พี่บุ๊ค และน้องก้องก็เพียงพอแล้ว กันต์ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงถูกเชิญมาร่วมการเดินสายโปรโมทในวันนี้เพราะเขาเป็นเพียงนักแสดงสมทบคนเดียวที่ได้รับโอกาส แถมยังมาแทนที่ในตำแหน่งที่ควรจะเป็นก้องด้วยซ้ำ เขาจึงออกอากาศประหม่าอยู่หน่อยๆ ตอนแรกเขาก็แอบถามพี่เจี๊ยบอยู่ว่าทำไมถึงไม่เอาก้องมา พี่เขาก็แจ้งกลับมาแค่ว่าคิวน้องก้องไม่ว่างจึงเอากันต์มาแทน
กันต์เดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ที่ว่างอยู่เพื่อจะแต่งหน้าทำผมหลังจากที่น้องซันเพิ่งแต่งเสร็จ บรรยากาศภายในห้องแต่งตัวดูเหมือนจะปกติจนกระทั่งเขาจับสังเกตท่าทีพี่ๆ ช่างแต่งหน้าในเวลาที่พี่ภูมิเดินเข้ามาพูดคุยกับเขาหรือแม้กระทั่งเดินผ่านไปมาได้ ในเวลานั้นเขาจึงรู้ได้แน่ชัดว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติเกิดขึ้น
มีเรื่องอะไรหรือเปล่านะ?
กันต์ได้แต่สงสัยอยู่กับตัวเองเพราะกลัวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะมาจากความคิดมากของตัวเองเพียงคนเดียว หรือนี่อาจจะเป็นอาการของคนร้อนตัวเพราะกลัวถูกคนอื่นนินทา แม้ว่าจะไม่ได้ทำอะไรผิดแต่ท่าทีที่เกิดขึ้นจากคนรอบตัวก็ทำให้เขาอดขนลุกไม่ได้
เขาได้แต่หวาดหวั่นอยู่ภายในใจแต่ก็พยายามที่จะไม่ใส่ใจ เขาปิดเปลือกตาลงเมื่อเห็นว่าพี่ช่างแต่งหน้าบรรจงเทครีมบำรุงลงบนฝ่ามือสำหรับเตรียมผิวก่อนแต่งหน้าให้กับเขา
การแต่งหน้าผ่านไปเกือบชั่วโมงโดยที่กันต์มีแต่เรื่องที่สงสัยอยู่ภายในหัว แต่ไม่กล้าถามออกไป พี่ช่างแต่งหน้าและช่างผม รวมถึงทีมงานหลายคนมีท่าทีซุบซิบนินทาอย่างประหลาด เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังกลายเป็นประเด็นในวงสนทนาเป็นแน่ เพราะทุกครั้งที่เขาเดินไปตรงไหน กลุ่มคนที่กำลังซุบซิบนินทาก็วงแตกในทันที แม้แต่ละคนจะส่งยิ้มมาให้เขาแต่ภายใต้หน้ากากนั้นเขากลับรู้สึกว่ามันกำลังซ่อนอะไรเอาไว้อยู่
“พี่ว่าวันนี้ทีมงานเขาแปลกๆ ไหม” กันต์หันไปเอ่ยถามภูมิที่เดินมานั่งลงข้างเขาหลังจากที่เพิ่งแต่งหน้าทำผมเสร็จ
“อืม รู้สึกอยู่”
“มีอะไรไหมนะ” กันต์เอ่ยถามอย่างสงสัยพลางมองไปรอบๆ ห้องแต่งตัว
“ไม่รู้ดิ คิดว่านินทาพวกเราอยู่เหรอ” ภูมิบอกพลางยิ้มเบาๆ เขาไม่ค่อยประหลาดใจเท่าไหร่เพราะเจอเรื่องแบบนี้มาจนชิน เขาไม่ได้จะใส่ใจอะไรเพราะไม่มีใครบนโลกที่ไม่โดนนินทา ไม่ว่าเรื่องเหล่านั้นจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงก็ตาม
“พี่ก็รู้สึกไม่ใช่เหรอ”
“อือ”
ยังไม่ทันจะได้พูดคุยอะไรกันต่อ น้องทีมงานคนหนึ่งเดินเข้ามาเห็นพวกเขาก็มีท่าทีสะดุ้งตกใจ ด้วยเพราะภูมิกับกันต์กำลังกระซิบคุยกันอยู่ ใบหน้าของทั้งสองคนจึงใกล้ชิดกันมากกว่าปกติ ลำพังถ้าไม่มีรีแอคชั่นของน้องทีมงานคนนั้นก็คงไม่ได้แปลกใจอะไรเท่าไหร่ แต่การที่น้องเข้ามาแล้วสะดุ้งกับความใกล้ชิดระหว่างกันต์กับภูมิยิ่งทำให้น่าสงสัยมากขึ้นกว่าเดิม
ทั้งคู่รีบผละตัวถอยห่างออกจากกันก่อนที่น้องทีมงานคนนั้นจะบอกกับภูมิว่าให้ออกไปถ่ายรูปเดี่ยวรวมถึงรูปคู่กับน้องซันเพื่อเก็บไว้ใช้ตอนส่งข่าวให้เหล่าสำนักข่าวลงข่าวให้ คนพี่จึงลุกเดินออกไปทิ้งให้กันต์นั่งอยู่ตรงนั้นคนเดียว
“น้องกันต์~ เหงาไหมจ๊ะ นั่งคนเดียว” เสียงหนึ่งจากพี่ปาล์มผู้ซึ่งเป็นช่างแต่งหน้าประจำกองเอ่ยทักพร้อมเดินมานั่งข้างๆ ก่อนจะยื่นขนมจีบที่ซื้อจากรถเข็นริมถนนด้านหน้าบริษัทให้กับเขา “กินไหมจ๊ะ?”
“ไม่เป็นไรครับ กำลังดูไอจีเพลินๆ เลยพี่” กันต์พร้อมยิ้มเล็กๆ ก่อนจะก้มไปดูที่หน้าจอมือถือของตัวเอง
“นี่น้องกันต์ พี่มีเรื่องสงสัยขอถามได้ไหมจ๊ะ”
“ครับ?”
“คือ... อย่าว่าพี่ยังงั้นยังงี้เลยนะจ๊ะ แต่พอดีพี่ไปได้ยินมา เลยอยากรู้สักหน่อยว่ามันจริงหรือไม่จริง” พี่ปาล์มเอ่ยถามอย่างกระอักกระอ่วนเพราะเธอรู้ดีว่าเรื่องที่ตนเองอยากรู้นั้นมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแรงและดูไม่ค่อยจะมีมารยาทสักเท่าไหร่ในการไถ่ถามถึงแต่ก็นั่นแหละ ไม่มีอะไรเอาชนะความอยากรู้อยากเห็นไปได้
กันต์ก็สันนิษฐานได้อยู่บ้างว่าพี่ปาล์มคงเป็นตัวแทนของทุกคนในห้องที่อยากรู้อยากเห็นเหมือนกันแต่ไม่มีใครกล้ามาถามกับเขาตรงๆ จึงต้องส่งพี่ปาล์มผู้กล้ามาถามแทน
“เรื่องอะไรเหรอครับ?” กันต์ถามกลับในสิ่งที่เขาอยากรู้ด้วยเหมือนกัน
“มีคนเขาเมาท์กันว่า... เอ่อ...”
“พูดมาเลยครับพี่ปาล์ม ไม่เป็นไร”
“เขาพูดกันว่าภูมิอะ พาน้องกันต์ขึ้นคอนโดจริงไหมจ๊ะ เขาเมาท์กันให้ทั่วเลยว่าน้องกันต์กับภูมิได้กันแล้ว” พี่ปาล์มเปลี่ยนเสียงพูดเป็นกระซิบเพราะเอาเข้าจริงเธอก็ยังมีความเกรงใจคนตรงหน้าอยู่เล็กน้อยด้วยว่ากันต์ไม่เคยทำตัวเป็นเด็กไม่ดี แถมยังน่าเอ็นดูมาโดยตลอด การที่จะต้องมาถามเรื่องอะไรแบบนี้ก็ทำเอาพี่ปาล์มรู้สึกกระดากอายอยู่ไม่น้อย
กันต์ได้ยินคำถามก็ถึงกับขมวดคิ้วยุ่ง เขาไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้หลุดมาถึงหูคนเหล่านี้ได้อย่างไรก็ในเมื่อเรื่องคืนนั้นมีเพียงแค่เขากับพี่ภูมิที่รู้กันอยู่สองคน ในเมื่อเขาไม่ได้เป็นคนพูดเรื่องนี้ออกมา แสดงว่าพี่ภูมิเป็นคนปล่อยเรื่องนี้ให้มาถึงหูทุกคนอย่างนั้นเหรอ แต่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ คนอย่างพี่ภูมิที่ยืนอยู่ในตำแหน่งของพระเอกซีรีส์วายที่กำลังมีกระแสโด่งดังขนาดนี้คงไม่ทำให้ตัวเองต้องมาตกที่นั่งลำบากหรอกมั้ง
กันต์มองหน้าพี่ปาล์มอย่างสงสัยก่อนจะถามกลับไป “พี่ไปเอาข่าวนี้มาจากไหนครับ?”
“ก็... น้องที่รู้จักอยู่คอนโดเดียวกับภูมิน่ะสิ เขาว่าเขาเห็นมากับตา”
ฉิบหายละ!
ในหัวของกันต์เด้งคำสบถขึ้นมาทันที แม้ว่าเขาจะยังพอมีสติอยู่บ้างแต่ก็ตกใจไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าคนจะรู้เรื่องนี้อย่างรวดเร็ว อย่างนี้สินะที่เขาบอกว่าความลับไม่มีในโลก แม้จะปิดมิดแค่ไหนแต่ก็ยังดันมีคนเห็นเข้าจนได้
กันต์พยายามคิดอยู่ในหัวว่าจะปฏิเสธเรื่องนี้อย่างไรดีให้ไม่ผิดปกติ เพราะมีหลักฐานพยานที่เห็นพวกเขาทั้งคู่ขึ้นคอนโดไปพร้อมกัน การจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องจริงก็คงจะถูกตราหน้าว่าโกหกอย่างแน่นอน แล้วหลังจากนี้ก็จะไม่มีใครเชื่อถือเขาอีก แต่จะให้ยอมรับไปตรงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องดี เพราะข่าวคาวๆ แบบนี้มีแต่จะแพร่กระจายไปได้อย่างรวดเร็ว
“ไม่ได้ตาฝาดแน่นะครับ” กันต์เอ่ยถามย้ำอีกครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้เข้าใจผิด
“ไม่นะ เขายังเอารูปมาให้พี่ดูอยู่เลย ถึงจะเห็นแค่ด้านข้างแต่ทุกคนก็ดูออกหมดว่าเป็นภูมิกับกันต์”
“ก็นั่นแหละครับ ถ้าทุกคนเห็นว่าใช่มันก็คือใช่ ผมก็ไม่รู้จะปฏิเสธทำไม” กันต์ยอมรับออกไปตรงๆ เพราะมีหลักฐานยืนยันตัวตนขนาดนี้ก็คงจะปฏิเสธไม่ได้
“ว้าย! ตายแล้ว! เรื่องจริงปะคะเนี่ย!!” ท่าทางของพี่ปาล์มดูตกใจอย่างมากแต่ก็พยายามที่จะไม่กระโตกกระตาก
“คืองี้พี่ปาล์ม... ผมไปนอนคอนโดพี่ภูมิจริง เพราะคืนนั้นไปปาร์ตี้กันมาแล้วเมา ผมกลับบ้านไม่ไหว พี่ภูมิเลยบอกให้ผมไปนอนที่ห้องเขาแค่นั้นเองครับ แต่พวกเราไม่ได้มีอะไรกัน...” กันต์พยายามอธิบายอย่างใจเย็น
ไม่ได้สอดใส่ก็ถือว่ายังไม่ได้กันเนอะ ไม่นับ...
กันต์ได้แต่นึกอยู่ในใจ แม้จะมีการช่วยเหลือจนสำเร็จความใคร่กันทั้งคู่แต่ก็เป็นเพียงภายนอกเท่านั้น ไม่มีมีการสอดใส่เพื่อร่วมเพศ ดังนั้นเขาจะถือว่าข่าวที่เมาท์กันนั้นไม่ใช่ความจริงเพราะเขากับพี่ภูมิยังไม่ได้กัน
“ก็นั่นน่ะสิ พี่ก็ว่าอยู่ ว่าน้องกันต์ไม่น่าจะใช่คนแบบนั้น ดูเรียบร้อยจะตาย” พี่ปาล์มเอ่ยพูดด้วยท่าทีที่ดูโล่งใจมากขึ้น แต่กันต์รู้สึกเหมือนถูกด่ายังไงชอบกล แต่เขาก็ปล่อยผ่านพยายามที่จะไม่ใส่ใจอะไร
หลังจากได้รับคำตอบเป็นที่เรียบร้อย พี่ปาล์มก็เดินแยกตัวกลับไปยังตำแหน่งของตัวเองส่วนกันต์ก็นั่งเล่นมือถือเพื่อรอเวลาขึ้นรถออกเดินทางไปเดินสายโปรโมทซีรีส์
แต่ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เหมือนจะแทรกเข้ามาเสียอย่างนั้น เพราะเพียงไม่นานพี่ทีมงานก็เรียกกันต์ให้ออกไปถ่ายรูปเดี่ยวด้านนอก ซึ่งระหว่างที่เดินออกไปก็สวนทางกับบุ๊คที่มองหน้าเขาด้วยใบหน้าบึ้งตึงราวกับมีเรื่องไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่ทันจะได้ทักถามอะไรเพราะต้องรีบออกไปถ่ายงานให้เรียบร้อยเสียก่อน
ซึ่งทันทีที่กันต์เสร็จธุระจากการถ่ายรูปเขาก็รีบเดินเข้ามาหาบุ๊คทันที เพราะได้กลิ่นไม่ดีจากสีหน้าของคนพี่ ทำให้เขาอยากรู้ขึ้นมาว่าบุ๊คไม่พอใจอะไรในตัวเขาหรือเปล่า เพราะกันต์ก็คิดทบทวนดูแล้วว่าไม่ได้ทำเรื่องไม่พอใจให้พี่บุ๊คแต่ทำไมอีกฝ่ายถึงได้บึ้งตึงใส่เขาขนาดนั้น
“พี่บุ๊ค เป็นไรเปล่าเนี่ย” กันต์เอ่ยถามเมื่อมองเห็นแล้วว่ารอบๆ ไม่มีใครอยู่
“...” อีกฝ่ายเงียบไม่ตอบอะไร นั่นยิ่งเป็นการยืนยันให้กับกันต์ได้เป็นอย่างดีว่ามีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นแล้วอย่างแน่นอน
“เอาดีๆ เป็นไร” กันต์เอ่ยถามย้ำ
“ไปทำไรมาล่ะ” บุ๊คหันมามองด้วยใบหน้านิ่งก่อนจะถามกลับ
“อย่าบอกนะว่าเรื่องที่เขาเมาท์กัน”
“มีอะไรที่ยังไม่ได้บอกพี่ไหม...” บุ๊คถามต่อเพราะเขาอยากได้ยินความจริงจากปากของกันต์มากกว่า
“พี่ได้ยินอะไรมาบ้างล่ะ”
“จะเล่าไม่เล่า” บุ๊คเสียงแข็งเพราะเริ่มหงุดหงิด เขาไม่ได้อยากจะเซ้าซี้เพียงแต่เขากำลังคิดมากเพราะไม่อยากให้น้องของเขามีเรื่องเสื่อมเสียกับคนอย่างภูมิเพราะมันไม่คุ้มกัน
“เรื่องที่เขาบอกว่ากันต์ได้กับพี่ภูมิอะเหรอ...” กันต์เสียงอ่อนลงขณะที่พูดถึงเรื่องนี้
“อืม”
“ถ้าเรื่องนั้นอะไม่จริงแน่ๆ”
“แต่เรื่องที่ไปนอนคอนโดภูมิคือเรื่องจริงใช่ไหม” บุ๊คถามต่อ
“ใช่ครับ”
“อืม... จริงๆ พี่ก็เห็นรูปแล้วแหละที่เขาเอามาเมาท์กันอะ แต่อยากจะแน่ใจ ก็เลยมาถามแกอีกที อยากได้ยินจากปาก”
“ครับ..”
“สบายใจละ จะได้ช่วยแก้ต่างให้ได้ เวลามีคนมาพูดให้ได้ยิน” บุ๊คเอ่ยพูดด้วยสีหน้าที่ดูผ่อนคลายกว่าเดิม แต่การได้เห็นแบบนั้นยิ่งทำให้กันต์รู้สึกหนักใจเพราะรู้สึกผิดว่าตัวเองยังบอกความจริงไม่หมด มีบางส่วนที่เขายังปิดบังบุ๊คอยู่
“เอ่อ..พี่” กันต์เอ่ยเรียกบุ๊คเอาไว้อย่างลังเล
“ว่า”
“จริงๆ ก็มีอีกเรื่องหนึ่งที่ยังไม่ได้บอก”
“หื้ม?” บุ๊คมองหน้ากันต์อย่างสงสัย
“คือ...” กันต์มองซ้ายมองขวาแล้วกวักมือให้คนพี่ขยับเข้ามาใกล้ๆ เพราะไม่อยากที่จะพูดเสียงดัง กลัวว่าใครจะผ่านมาได้ยินเข้า หากหลุดไปถึงหูไอ้พวกช่างพูดก็คงจะถูกนินทาไปอีกไกลแน่ๆ แบบนั้นคงไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่นัก
“...”
“จริงๆ คืนนั้น ผมกับพี่ภูมิ... เราภายนอกกันอะ”
“ห้ะ!!!” บุ๊คอุทานออกมาเสียงดังลั่นด้วยความตกใจ จนกันต์ต้องรีบยกมือมาปิดปากบุ๊คเอาไว้
“พี่!! เดี๋ยวมีคนมาได้ยิน”
“ไอ้กันต์!! ทำไมแกทำแบบนี้!!” บุ๊คหัวเสียอย่างเห็นได้ชัด ที่ผ่านมาเขาก็ไม่ชอบขี้หน้าไอ้ภูมิอยู่แล้ว พอมารู้ว่าน้องที่ตัวเองสนิทไปทำกิจกรรม 18+ กับมันก็ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ ถึงแม้ว่าจะยังไม่ถึงขั้นมีอะไรกัน แต่การที่ช่วยกันสำเร็จความใคร่แบบภายนอกมันก็มากเกินพอแล้ว
“ก็ตอนนั้นเมาอะพี่ แต่กันต์ก็ไม่ได้เอากับพี่ภูมิเขาจริงๆ นะ ข่าวลือมันมั่วอะ ยังไม่ได้กันสักหน่อย”
“พี่ล่ะปวดหัวกับแกจริงๆ” บุ๊คถึงกับส่ายหน้า เขาโกรธกันต์มากก็จริง แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ถ้าข่าวนี้หลุดไปละก็นอกจากกันต์จะโดนนินทาให้ดูไม่ดี อาจจะโดนภูมิเล่นงานอีกด้วย เพราะรายนั้นคงไม่ปล่อยให้ภาพลักษณ์ตัวเองดูแย่อย่างแน่นอน
“ขอโทษครับ กันต์ไม่ได้ตั้งใจอะ” กันต์หน้าเสียอย่างเห็นได้ชัด ตอนที่เขาทำก็ไม่ทันได้คิดหน้าคิดหลังให้ดี เพราะความใคร่มันบดบังความรู้สึกนึกคิดแห่งความถูกผิดไปเสียหมด จึงปล่อยตัวไปตามกามารมณ์เพียงเพราะคิดว่าไม่น่าจะเสียหายอะไรเพราะทั้งคู่ต่างก็ยินยอมทั้งสองฝ่าย มันก็ดูแฟร์ดี แต่ไม่ทันได้คิดว่านี่มันคือวงการบันเทิง การกระทำทุกอย่างมันมีโอกาสที่จะย้อนกลับมาทำลายตัวเองได้อยู่เสมอ พอได้เห็นถ้าทีของบุ๊คในเวลานี้แล้วก็ทำให้เขาเพิ่งจะคิดได้ว่าบางครั้งความใคร่ที่เกิดขึ้นอาจส่งผลเสียให้เขาได้บ้างเหมือนกัน
“อย่าให้หลุดไปถึงหูใครเชียว” บุ๊คย้ำอีกครั้ง
“ครับ เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ นอกจากพี่กับพี่ภูมิ”
บุ๊คถึงกับกรอกตาเมื่อได้ยินชื่อภูมิ เอาเข้าจริงคนที่น่ากลัวที่สุดก็เห็นจะเป็นตัวต้นเรื่องนั่นแหละ
“น้องบุ๊คน้องกันต์ ไปขึ้นรถเร็ว ได้เวลาละค่ะ” พี่ทีมงานเดินเข้ามาเรียกทำเอาทั้งคู่สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับแล้วเดินตามหลังออกไป
ก็ได้แต่ภาวนาว่าเรื่องจะจางหายไปตามกาลเวลาโดยไม่มีใครพูดถึงมันอีกรวมทั้งตั้วของบุ๊คและกันต์ด้วย เพราะคงไม่ใช่เรื่องดีแน่หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยขึ้นมาในสักวัน