วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ

วายบันเทิง - บทที่ 20 โอกาสเดียว โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น,วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วายบันเทิง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ

รายละเอียด

วายบันเทิง โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ

ผู้แต่ง

Run_Kantheephop

เรื่องย่อ

วายบันเทิง

The Gossip of BL

Run_Kantheephop

เรื่องแต่ง 99%  อีก 1% คือเค้าโครงจากเรื่องจริง

ขออนุญาตแก้ไขวันและเวลาในการอัพนิยายนะครับ เนื่องจากช่วงนี้มีภารกิจจากหน้าที่การงานเข้ามาจึงทำให้เขียนนิยายได้น้อยลงกว่าเดิม จากนี้ไปจะขออัพนิยายเพียงแค่สัปดาห์ละ 1 ตอนนะครับ (ทุกวันเสาร์ เวลา 18:00 น.)

ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามครับ

********************************************************************************

มีทั้งหมด 5 เล่ม

E-Book วางจำหน่ายแล้ว บน MEB

สารบัญ

วายบันเทิง-Intro บทนำ,วายบันเทิง-บทที่ 1 เด็กบ้านนอกคนหนึ่ง,วายบันเทิง-บทที่ 2 ผลลัพธ์ที่ดี,วายบันเทิง-บทที่ 3 ทริปมิตรสัมพันธ์,วายบันเทิง-บทที่ 4 สังสรรค์หรือสงคราม,วายบันเทิง-บทที่ 5 ยังไงกันแน่,วายบันเทิง-บทที่ 6 แต่ความจริงคือ...,วายบันเทิง-บทที่ 7 ระมัดระวัง,วายบันเทิง-บทที่ 8 ข่าวลือ,วายบันเทิง-บทที่ 9 มันจริงมั้ย?,วายบันเทิง-บทที่ 10 คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ,วายบันเทิง-บทที่ 11 เคลียร์ใจ,วายบันเทิง-บทที่ 12 มีซัมติงไหม?,วายบันเทิง-บทที่ 13 นี่ว่าใช่ ไม่ได้มโน,วายบันเทิง-บทที่ 14 โดนกับตัว,วายบันเทิง-บทที่ 15 ไม่พอใจ,วายบันเทิง-บทที่ 16 ต้องเลือก,วายบันเทิง-บทที่ 17 เมามาย 1,วายบันเทิง-บทที่ 18 เมามาย 2,วายบันเทิง-บทที่ 19 ทำไมทำงี้!?,วายบันเทิง-บทที่ 20 โอกาสเดียว,วายบันเทิง-บทที่ 21 หมดความอดทน,วายบันเทิง-บทที่ 22 ไม่จบไม่สิ้น,วายบันเทิง-บทที่ 23 โดนปลด,วายบันเทิง-บทที่ 24 เกาะกระแส,วายบันเทิง-บทที่ 25 ข่าวล่ามาไว,วายบันเทิง-บทที่ 26 เพื่อนใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 27 งงไปหมด,วายบันเทิง-บทที่ 28 คนใหม่?,วายบันเทิง-บทที่ 29 มันเอาอีกละ,วายบันเทิง-บทที่ 30 สามหนุ่มเปิดใจ,วายบันเทิง-บทที่ 31 ก้าวใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 32 คลาสแอคติง,วายบันเทิง-บทที่ 33 ไปแคสติงกัน,วายบันเทิง-บทที่ 34 ช่วยมาคุมความประพฤติอีสันดานนี่ที,วายบันเทิง-บทที่ 35 ข่าวเก่าเล่าใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 36 ไม่เป็นไร,วายบันเทิง-บทที่ 37 รียูเนียน?,วายบันเทิง-บทที่ 38 เลิฟซีนเป็นเหตุ,วายบันเทิง-บทที่ 39 นั่นปากเหรอ!?,วายบันเทิง-บทที่ 40 เอาแล้วหัวใจ,วายบันเทิง-บทที่ 41 ระยะปลอดภัย,วายบันเทิง-บทที่ 42 เรื่องของฮัน,วายบันเทิง-บทที่ 43 หัวใจเจ้ากรรม หวั่นไหวง่ายจัง,วายบันเทิง-บทที่ 44 แค่พี่น้อง?,วายบันเทิง-บทที่ 45 ไปเชียงใหม่กันไหม,วายบันเทิง-บทที่ 46 เริ่มเลย,วายบันเทิง-บทที่ 47 เริ่มเลย 2,วายบันเทิง-บทที่ 48 ยินดีต้อนรับ,วายบันเทิง-บทที่ 49 ม่อนแจ่ม,วายบันเทิง-บทที่ 50 ไปขึ้นเขากัน,วายบันเทิง-บทที่ 51 กิ่วแม่ปาน,วายบันเทิง-บทที่ 52 เบื่อจริงๆ ไอ้พวกปากแข็ง,วายบันเทิง-บทที่ 53 ขอสักหน่อย หายไปหลายคืน,วายบันเทิง-บทที่ 54 กลับไป ไม่กลับใจ,วายบันเทิง-บทที่ 55 ความพยายาม,วายบันเทิง-บทที่ 56 อดีตช่วยย้ำเตือน,วายบันเทิง-บทที่ 57 เริ่มต้นเปิดใจ,วายบันเทิง-บทที่ 58 บททดสอบ,วายบันเทิง-บทที่ 59 ความลับที่ฉันซ่อนไว้,วายบันเทิง-ตอนที่ 60 ตอนจบที่มีความสุข

เนื้อหา

บทที่ 20 โอกาสเดียว

ซีรีส์ของพวกเขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากแบบที่ไม่มีใครได้คาดคิด ตลอดการออกอากาศกระแสพวกเขามีแต่ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่หยุด นักแสดงทุกคนในเรื่องได้รับความรักจากคนดูเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะภูมิและซันที่กลายเป็นคู่จิ้นห้างแตกไปอีกคู่ เพราะไม่ว่าจะไปออกอีเวนต์ที่ไหนก็ตาม แฟนคลับก็มักจะไปรอกันจนแน่นขนัดไปทั่วพื้นที่

นับว่าเป็นความสำเร็จในรอบหลายปีของภูมิหลังที่ดั้นด้นสู้ชีวิตในการเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง ในที่สุดวันนี้เขาก็สามารถทำได้สำเร็จเสียที ในขณะเดียวกับที่นับว่าเป็นความโชคดีของซันที่มาเล่นซีรีส์เพียงเรื่องแรกก็สามารถโด่งดังได้ในทันที ไม่ต่างอะไรกับกันต์ที่สมดังใจหวังหลังจากที่วิ่งแคสติ้งงานมานานหลายปี

กระแสซีรีส์เติบโตจนพวกเขาต่างก็มีงานเข้ามาไม่ขาดสาย จึงไม่น่าแปลกใจที่แฟนคลับทั้งหลายจะเรียกร้องให้จัดงานแฟนมีตติ้งขึ้น ซึ่งพี่วันดีก็เห็นดีเห็นงามเป็นอย่างยิ่งเนื่องด้วยมีสปอนเซอร์หลายรายพร้อมที่จะเข้ามาสนับสนุนการจัดงานกันอย่างเต็มที่ เม็ดเงินมหาศาลทำเอาพี่วันดีไม่ปฏิเสธการจัดงาน เธอรู้ดีว่าสิ่งนี้จะนำมาซึ่งรายได้มากมายขนาดไหนหลังจากที่เธอได้จัดงานชวนแฟนคลับดูซีรีส์อีพีสุดท้ายในโรงภาพยนตร์มาก่อนหน้านี้

ครืดดด~!

เสียงโทรศัพท์มือถือสั่นดังขึ้นในขณะที่กันต์กำลังนั่งดูซีรีส์อยู่ที่บ้านกับคิม หลายวันมานี้คิมมาฝังตัวอยู่ที่บ้านเขาเนื่องจากว่าทะเลาะกับคนคุยคนล่าสุดไป จึงไม่อยากอยู่คนเดียวเพราะจะคิดมาก มันเลยขอมานอนด้วยสักสามสี่คืนให้หายเหงา แต่ดูทรงแล้วก็คงไม่พ้นสองวันเดี๋ยวก็น่าจะกลับไปคืนดีกับคนคุยแล้วก็หายไปจากชีวิตของกันต์อีกรอบเหมือนกับที่เคยเป็นมา

“ฮัลโหลครับ” กันต์เอ่ยทักทายหลังกดรับสาย

(น้องกันต์ใช่ไหมจ๊ะ) เสียงปลายสายที่คุ้นหูดังขึ้น

“ใช่ครับ”

(พี่อิ๋วเองน้า)

“อ้อ ครับพี่อิ๋ว”

(พอดีพี่วันดีเขาจะจัดแฟนมีต เลยให้โทรมาถามเรื่องคิวกับค่าตัวของน้องกันต์หน่อยจ้า)

“อ๋อ งานเมื่อไหร่นะครับ”

(29 ตุลาจ้า น้องกันต์ว่างไหม)

“ว่างครับ”

(ส่วนค่าตัวพี่วันดีเขาเสนอให้น้องกันต์สองหมื่นน้าสำหรับขึ้นโชว์ น้องกันต์ติดอะไรไหมจ๊ะ)

“ไม่ติดอะไรครับ ราคานี้ได้ครับ”

(แล้วก็พี่วันดีเขาอยากให้น้องกันต์ช่วยซ้อมเต้น ซ้อมโชว์ให้เพื่อนๆ ด้วยหน่อย แบบมีคนคิดโชว์ใดๆ ให้อยู่แล้ว แต่เวลาซ้อมไรงี้ อยากให้น้องกันต์ช่วยดูให้ด้วย อยากให้ออกมาดี ตรงนี้น้องกันต์คิดเงินยังไงเอ่ย)

“อ่า... กันต์ไม่แน่ใจเลยอะครับ คือช่วยได้ แต่ราคานี่ไม่รู้จะคิดยังไงครับ” กันต์เอ่ยตอบกลับไปอย่างลังเลเพราะไม่เคยมีประสบการณ์ในรูปแบบนี้มาก่อนเลยสักครั้ง จึงไม่รู้ว่าควรจะคำนวณค่าใช้จ่ายยังไงดี

(โอเค คืองี้ ในส่วนนี้พี่วันดีเขาเสนอราคาไว้ที่หมื่นนึง น้องกันต์โอเคไหมจ๊ะ)

“อ่อ ได้ครับ ผมโอเค”

(โอเคจ้ะ! งั้นตามนี้เนอะ เดี๋ยวเรื่องคิวซ้อมพี่จะแจ้งอีกทีนะ)

“ค้าบ ขอบคุณนะครับพี่อิ๋ว”

(จ้า)

พี่อิ๋วตัดสายไป กันต์ก็ดีใจจนออกนอกหน้า ใครไปคิดว่าวันหนึ่งความฝันที่เคยโหยหามาตลอดจะเกิดขึ้นจริง ภาพเวทีใหญ่ๆ เวลาไปดูคอนเสิร์ตแล้วอยากจะขึ้นไปสัมผัสความรู้สึกบนนั้นบ้าง ในวันนี้มันได้เดินทางมาหาเขาแล้ว ความตั้งใจของเขาเพิ่มเป็นทวีคูณ เรื่องเงินที่ได้ก็เป็นแรงกระตุ้นให้กับเขาได้อยู่บ้างว่าให้เต็มที่กับงานที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่เขาจะได้ขึ้นไปยืนอยู่บนเวทีใหญ่ที่มีคนดูแน่นขนัดมากกว่า

“มีไรวะ” คิมถึงกับหันมาถามเมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทตัวเองยิ้มกว้างไม่หยุดหลังจากที่วางสาย

“ซีรีส์กำลังจะมีแฟนมีตอะ พี่อิ๋วโทรมาเมื่อกี๊”

“ปังงง!!! ดีใจด้วยมึง” คิมลุกขึ้นนั่งทันทีหลังจากที่เอนนอนเลื้อยอยู่บนโวฟา

“เออ แต่เหนื่อยแน่มึง ต้องซ้อมอีกอะไรอีก มีเวลาแค่เดือนกว่าๆ” 

“สู้มึง โอกาสเฉิดฉายมึงมาละ”

“จริง กูจะเต้นให้ยับเลย”

กันต์บอกพลางหยิบขนมถุงที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมากินแล้วนั่งลงดูหนังในทีวีต่อ หลังจากที่เขาแอบน้อยใจเล็กน้อยที่พอซีรีส์จบทุกคนได้รับกระแสที่ดีจากคนดู แต่กลับกลายเป็นว่าเขาไม่ค่อยมีงานมากเท่าที่ควรเหมือนกับคนอื่นๆ อาจเพราะไม่ได้มีผู้จัดการส่วนตัวที่หางานเก่งๆ เหมือนนักแสดงคนอื่น จึงทำให้เขาค่อนข้างที่จะว่างงานไม่น้อย นี่จึงเป็นอีกครั้งที่นับได้ว่าเป็นโอกาสที่จะทำให้กันต์ได้แสดงความสามารถที่ตัวเองมีออกมาสู่สายตาคนทั่วไปบ้าง เผื่อว่ามันจะเป็นโอกาสในการสานต่ออนาคตของอาชีพนี้ให้กับเขาได้

วันซ้อมเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่มีการติดต่อมาเพียงแค่สัปดาห์เดียว ทุกอย่างดูจะเกิดขึ้นรวดเร็วจนกันต์ยังอดประหลาดใจไม่ได้ เขาตื่นเต้นกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก จนทำให้เดินทางมาถึงห้องซ้อมเป็นคนแรกก่อนที่เหล่าพี่ทีมงานจะเดินทางมาถึงเสียอีก ความกระตือรือร้นอยากจะทำการแสดงมันลุกโชนจนเขาเองเก็บมันเอาไว้ข้างในไม่อยู่

‘สวัสดีครับทุกคน’

‘สวัสดีค่า’

‘เอ้า! หวัดดี ไม่เจอนานมาก’

‘คิดถึงมาก ฮือออ’

เสียงทักทายดังระงมไปทั่วพื้นที่ห้องซ้อมหลังจากที่ทุกคนเดินทางมาถึง หลายคนห่างหายกันไปหลังจากปิดกล้องและจบโปรเจ็กต์ซีรีส์ ล่าสุดที่ได้เจอก็คืองานดูซีรีส์ตอนสุดท้ายแต่ก็ได้เจอกันเพียงในงานเท่านั้น ไม่ได้มีเวลาทำอย่างอื่นด้วยกันนอกจากงาน

แต่สำหรับงานแฟนมีตติ้ง การมาซ้อมก็เหมือนการได้นัดมาแฮงเอาท์กับเพื่อนๆ นักแสดงด้วยกันแบบที่ไม่ใช่เวลางาน แถมทุกคนยังดูมีความสุขมากอีกด้วยที่ได้กลับมาขึ้นงานแฟนมีตติ้งด้วยกัน บรรยากาศโดยรอบจึงอบอวลไปด้วยความสุขอยู่เต็มไปหมด

11:00 น.

ทุกคนกำลังวอร์มร่างกายโดยมีกันต์คอยช่วยเหลืออยู่ เพราะก่อนหน้านี้กันต์บอกว่าถ้าต้องซ้อมเต้นเยอะๆ คนที่ไม่เคยเต้นจะปวดตัวมาก เขาจึงอาสาที่จะสอนยืดเส้น ยืดกล้ามเนื้อให้กับทุกคนก่อนเพื่อที่ว่าจะได้ไม่ต้องมาทนทรมานทีหลัง

“น้องกันต์จ๊ะ” พี่อิ๋วเปิดประตูห้องซ้อมเข้ามาหลังจากที่ออกไปรับโทรศัพท์ก่อนจะตะโกนเอ่ยเรียกเจ้าของชื่อเสียงดังลั่น

“ครับพี่อิ๋ว”

“ช่วยวอร์มเพื่อนๆ ไปก่อนนะ ครูสอนเต้นจะมาถึงตอนบ่ายโมงจ้ะ” 

“อ่อ ครับ” กันต์ตอบรับด้วยความงุนงงเล็กน้อย ก็ในเมื่อครูจะเข้ามาสอนตอนบ่ายโมงทำไมถึงนัดทุกคนมาเช้าขนาดนี้

ทุกคนก็ดูเหมือนว่าจะรู้สึกไม่ต่างไปจากกันต์สักเท่าไหร่ เพราะทันทีที่พี่อิ๋ว ออกจากห้องไปทุกคนก็มองหน้ากันแล้วขำออกมา แต่กันต์ก็พอเข้าใจดีในเมื่อพี่วันดีจ่ายเงินเพิ่มเพื่อให้เขาคอยดูแล คอยสอนเพื่อนๆ เขาก็ควรที่จะต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

“โอเค ระหว่างรอครูมา เดี๋ยวจะสอนเบสิกให้ทุกคนก่อนแล้วกันเนอะ บางคนไม่เคยเต้นมาก่อนเลย นี่ว่าการฝึกเบสิกเพื่อเรียนรู้ร่างกายน่าจะเวิร์ก ก่อนที่เราจะไปเริ่มเต้นจริงๆ กับครูตอนบ่าย” กันต์อธิบายในสิ่งที่ตัวเองรู้ให้กับเพื่อนๆ ฟัง เพื่อที่ว่าจะได้รู้ว่าสิ่งที่กำลังจะทำอยู่ต่อไปนี้ มีจุดประสงค์เพื่ออะไร จะได้ไม่รู้สึกเคว้งคว้างว่าทำไปเพื่ออะไร 

ทุกคนพยักหน้ารับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทุกคนดูไว้ใจในตัวของกันต์เสียเหลือเกิน แม้ว่าจะไม่มีใครพูดออกมาตรงๆ แต่ลักษณะท่าทางที่แสดงออกมามันทำให้กันต์รู้สึกแบบนั้น

เหมือนรับหน้าที่เป็นครูสอนเต้นอยู่กลายๆ

แม้ว่าจะยากแต่ก็ดูทุกคนจะตั้งใจกับสิ่งที่กันต์สอนเป็นอย่างมาก หลายคนดูรู้เลยว่าทำไม่ได้ แต่สายตาของพวกเขาก็ดูมุ่งมั่นและเต็มไปด้วยความตั้งใจ ทำให้กันต์อดที่จะเอ็นดูไม่ได้ มีแต่อยากจะสอนให้เก่งขึ้นไปเรื่อยๆ ด้วยว่าแพ้ความตั้งใจที่ทุกคนมี

12:15 น.

ก๊อกๆๆ

เสียงเคาะประตูห้องซ้อมดังขึ้นสองถึงสามครั้งแต่ก็ไม่ทันจะได้ยินเพราะเพลงที่เปิดดังสนั่นจนลั่นห้อง กระทั่งมีเสียงเคาะดังแว่วมาอีกครั้ง ทุกคนในห้องถึงเพิ่งจะได้ยินแล้วไปสนใจที่บานประตูนั้น

กันต์เดินไปกดหยุดเพลงแต่ยังไม่ทันที่จะได้มีคนเดินไปเปิดประตูห้องซ้อม บานประตูก็ถูกเปิดออกแล้วผลักเข้ามาโดยคนที่โผล่หน้ามานั่นก็คือ ภัทร นักแสดงอีกคนที่อยู่ในกลุ่มนักแสดงหลักที่โดยปกติจะแยกกันซ้อมเพราะมีการแสดงคนละชุดกัน แต่ภัทรดันมีโชว์ร่วมกับกลุ่มนักแสดงสมทบแบบพวกเขาด้วย ภัทรจึงต้องเดินทางมาซ้อมพร้อมพวกเขา ซึ่งก่อนหน้านี้ทุกคนไม่มีใครรู้มาก่อนว่าในโชว์จะมีภัทรมาร่วมแสดงจึงไม่ได้มีใครทักท้วงตอนที่เขายังมาไม่ถึงเมื่อถึงเวลานัดซ้อม

“สวัสดีครับบบ” ภัทรยกมือไหว้ทุกคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและแต่งตัวมาเต็มกว่าทุกคนมาก ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหรือหน้าผม

มันอาจจะเป็นอคติของกันต์ที่รู้สึกว่าอีกฝ่ายพยายามที่จะมีซีนตลอดเวลา แต่ก็นั่นแหละอันที่จริงอาจเพราะภัทรเป็นตัวร้ายในเรื่องซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมากก็ได้ล่ะมั้ง กันต์ถึงได้รู้สึกว่าภัทรมีกำแพงบางอย่างที่ทำให้เขาไม่สามารถสัมผัสตัวตนจริงๆ ของภัทรได้ มันเหมือนกับว่าภัทรใช้ชีวิตแบบสร้างภาพอยู่ตลอดเวลา

แต่พี่ภูมิกับน้องซันก็ไม่เห็นจะเป็นแบบนี้...

“ถึงไหนกันแล้วนะครับ” ภัทรเอ่ยถามในขณะที่เดินเข้ามาตรงที่ว่างพลางยืดเหยียดร่างกายไปด้วย

“กำลังทำเบสิกกันอยู่เลย หลายคนเต้นไม่ได้ พี่เลยสอนเบสิกให้ก่อน ทำด้วยกันไหม” กันต์เอ่ยตามเพื่อเชิญชวนอย่างเป็นมิตร 

“อ้อ! งั้นเดี๋ยวผมนั่งรอครูก่อนละกันครับ พอดีผมเต้นได้อยู่แล้วครับ” ภัทรตอบพลางยิ้มกว้างแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงมุมห้องเพราะไม่อยากจะเสียเวลาเหนื่อยทำในสิ่งที่ตัวเองทำได้อยู่แล้ว

ทุกคนหันมองหน้ากันเลิ่กลั่กแต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ซึ่งก็คงรู้สึกไม่แตกต่างกันสักเท่าไหร่นัก เพราะแววตาที่ส่งหากันนั้นแอบซ่อนความรู้สึกอิหยังวะอยู่เต็มไปหมด

ภัยความมั่น!

กันต์ได้แอบด่าอยู่ในใจเพราะเขาเป็นคนจำพวกที่ว่าต่อให้เก่งแค่ไหนก็ต้องเต็มที่กับการซ้อม มันคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการแสดงบนเวที แล้วยิ่งการที่ต้องทำงานเป็นทีมร่วมกับคนอื่นๆ ยิ่งต้องเต็มที่ เพื่อนซ้อม เราก็ต้องซ้อม ไม่ใช่ว่าเก่งแล้ว ทำได้แล้ว จะมานั่งพักรอเฉยๆ ไม่ได้ เพราะมันเป็นการเอาเปรียบเพื่อนๆ ในทีมที่ยังต้องเหนื่อยซ้อมอยู่

“จะไม่มาซ้อมด้วยกันจริงๆ เหรอ” กันต์เอ่ยถามย้ำอีกรอบแบบทีเล่นทีจริง ทั้งที่ข้างในหัวของเขาร้อนจะแย่ เขาโกรธไม่น้อยแต่ก็นั่นแหละแสดงออกมากก็ไม่ได้อยู่ดี ทั้งที่เขาได้รับหน้าที่ให้มาช่วยสอนทุกคนในโชว์แต่ดูเหมือนว่าภัทรจะมองข้ามสิ่งนั้นไปโดยสิ้นเชิง

“ไม่ดีกว่าครับ ให้คนที่ยังเต้นไม่ได้ซ้อมเบสิกก่อนเลยครับ ผมจะได้ไม่ต้องเหนื่อยซ้อมหลายรอบ” ภัทรยิ้มกว้างก่อนจะหันกลับไปสนใจโทรศัพท์ที่อยู่ในมือแทน

“โอเค..” กันต์ตอบรับก่อนจะหันมาสนใจน้องๆ คนอื่นที่กำลังตั้งใจซ้อมแทนที่จะไปใส่ใจภัทรให้ประสาทเสีย

แกร็ก~!

บานประตูห้องซ้อมเปิดออกอีกครั้งในระหว่างที่พวกกันต์กำลังซ้อมอยู่ บุคคลที่ปรากฏใบหน้าก่อนจะย่างกรายเข้ามาในห้องคือพี่แบมผู้ช่วยของพี่ปูผู้จัดการส่วนตัวของภัทรที่เดินเข้ามาด้วยใบหน้าบึ้งตึงไม่รับแขก เธอหันมองซ้ายขวาโดยไม่พูดอะไรแล้วหย่อนตัวลงนั่งข้างภัทร

กันต์เดินไปปิดเพลงเมื่อพาทุกคนเต้นเบสิกเสร็จ เสียงหายใจหอบดังระงมไปทั่วห้องซ้อมแต่ทุกคนก็ยังมีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้า บ้างก็บ่นเล็กน้อยว่าเหนื่อยมากแทบขาดใจตาย บ้างก็เชียร์อัพว่าเอาอีกๆ กำลังสนุก บรรยากาศภายในห้องซ้อมกำลังเป็นไปด้วยดีจนกระทั่งเสียงหนึ่งดังขัดหูขึ้นมา

“นี่ทำอะไรกันอยู่เหรอคะ” พี่แบมทักขึ้นเสียงแข็ง

“ซ้อมเบสิกให้น้องๆ อยู่ครับพี่แบม พอดีน้องบางคนเต้นไม่ได้ครับ” กันต์เอ่ยตอบตามจริงด้วยน้ำเสียงนอบน้อมเพราะเขารู้ดีว่าคนตรงหน้าที่กำลังสนทนาอยู่ด้วยเป็นคนยังไง เสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงวีรกรรมของพี่แบมดังไปทั่วทั้งวงการ

“แล้วไม่มีครูมาสอนเหรอ ถึงต้องมาสอนกันเอง” พี่แบมถามต่อ น้ำเสียงและสีหน้าดูไม่ค่อยจะพอใจนัก

“เดี๋ยวครูมาตอนบ่ายโมงครับ” กันต์อธิบาย

“ก็เลยมาซ้อมกันเองก่อนอะเหรอ”

“ใช่ครับ”

“ได้เหรอ มันจะไปได้เรื่องไหมเนี่ย ให้คนที่ไม่ใช่ครูมาสอน...” พี่แบมเสียงดังก่อนจะหันหลังเดินออกไป ทิ้งให้กันต์ยืนหน้าเสียอยู่ตรงนั้น

เขาไม่รู้หรอกว่าพี่แบมตั้งใจด่าเขาตรงๆ หรือแค่พูดลอยๆ แต่เขารู้สึกแย่ไม่น้อยเพราะคำพูดของพี่แบมมันแทงตรงเข้ามาที่หัวใจของกันต์ทันที ความรู้สึกดีที่มีมาตั้งแต่เช้าหายวับไปกับตาและดูเหมือนว่าน้องๆ นักแสดงคนอื่นจะเข้าใจกันต์เป็นอย่างดี ทันทีที่พี่แบมหันหลังเดินกลับไปที่มุมห้องทุกคนก็ส่งสายตาให้กำลังใจมาที่กันต์กันหมด

“ฮัลโหลน้องอิ๋วจ๊ะ” เสียงพี่แบมคุยโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งทำเอาทุกคนหันไปมอง

(...)

“ทำไมถึงไม่มีครูมาสอนเด็กๆ ล่ะคะ” พี่แบมเอ่ยถามเสียงแข็ง ฟังดูดุดันไม่น้อย

(...) ไม่มีใครรู้ว่าปลายสายอย่างพี่อิ๋วตอบกลับมาว่าอะไร เพราะไม่มีใครได้ยิน ทำได้แค่ยืนลุ้นว่าพี่แบมจะวีนอะไรอีก

“แล้วมันจะได้เรื่องเหรอน้องอิ๋ว พี่ว่าไม่น่าจะเวิร์กนะ เท่าที่เห็นเมื่อกี๊ก็ดูไม่น่าใช้ขึ้นโชว์ได้นะจ๊ะ แต่ละคนดูไม่เอาไหนเลยอะ ทำแบบนี้น้องวันดีจะเสียชื่อเอาได้นะจ๊ะ เอาเด็กๆ มากระโดดหยองแหยงบนเวที คนดูคงขำน่าดู” คำพูดของพี่แบมไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าจะไปทำร้ายจิตใจใครบ้างหรือเปล่า สักแต่ว่าขอให้ได้พ่นออกไปจากปากก็เพียงเท่านั้น

(...)

“ไม่ใช่อะไรค่า ไม่งั้นน้องภัทรต้องเสียเวลามารอตอนซ้อมอะค่ะ เวลาของน้องภัทรเป็นเงินเป็นทองเนอะ ถ้าเด็กๆ ทำไม่ได้ก็เปลี่ยนโชว์ดีกว่าไหมจ๊ะ แบบให้ไปทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่เต้นอะ หรือไม่ก็ยุบโชว์นี้ไปแล้วเพิ่มโชว์ให้น้องภัทรแทนอะไรแบบนี้ เพราะยังไงคนดูก็น่าจะอยากดูน้องภัทรมากกว่านักแสดงสมทบอยู่แล้วเนอะ กระแสน้องมาแรงขนาดนี้” พี่แบมเอ่ยพูดยาวเหยียดแบบเสียงดังลั่นห้องซ้อมโดยไม่ได้แคร์เลยว่าทุกคนที่พี่เขาเอ่ยถึงนั้นยังอยู่ในห้องเดียวกัน เธอไม่ได้คิดสักนิดเลยว่าคำพูดเหล่านั้นจะทำร้ายจิตใจนักแสดงคนอื่นๆ รวมไปถึงทำลายภาพลักษณ์ของภัทรเด็กในสังกัดเธอด้วย

(...)

“ยังไงพี่ฝากด้วยละกันนะ วันนี้พี่ขอพาน้องภัทรกลับก่อนละกัน คนอื่นยังเต้นกันไม่ได้เลย ให้น้องภัทรมาซ้อมด้วยก็เหนื่อยฟรี ไว้ค่อยมาวันหลังละกันนะจ๊ะ” พี่แบมพูดจบก็กดวางสายแล้วกวักมือเรียกให้ภัทรลุกเดินตามออกจากห้องซ้อมไปโดยไม่มีการกล่าวลาเพื่อนๆ นักแสดงคนอื่นในห้องเลยแม้แต่นิดเดียว 

ไม่แม้แต่จะชายหางตามามองด้วยซ้ำ...

“วันนาบีสุดๆ” เสียงพูดของน้องแอ้ม น้องสาวคนเล็กสุดของทีมนักแสดงสมทบเอ่ยดังขึ้นก่อนจะส่ายหัว

“จริง มั่นหน้าสุด” อีกเสียงหนึ่งเห็นด้วย

ในเวลานี้ทุกคนดูจะพาลไม่พอใจทั้งพี่แบมทั้งภัทรกันไปหมด ทั้งที่น้องภัทรก็ยังไม่ได้ทำอะไรให้ขนาดนั้น แต่เพราะคำพูดของผู้จัดการส่วนตัวอย่างพี่แบมนั่นแหละ จึงทำให้ทุกคนรู้สึกขยะแขยงคนทั้งคู่ไปในทันที

กันต์ยืนเงียบไม่พูดอะไรออกมา แม้เขาจะรู้สึกเห็นด้วยกับคำพูดของหลายๆ คน แต่ในเวลานี้ดูเหมือนว่าเขาจะโมโหเกินไปจนพูดอะไรไม่ออก เขารีบเดินออกจากห้องซ้อมไปด้านนอกทันทีเพราะรู้สึกเหมือนว่าหัวของตัวเองกำลังจะระเบิดออกมา

สองขาก้าวฉึบฉับเดินไปหลบอยู่ที่บันไดหนีไฟก่อนที่เขาจะทรุดตัวลงนั่งแล้วปล่อยโฮออกมา น้ำตาของกันต์ไหลออกมาไม่หยุด ความรู้สึกโกรธและโมโหแต่ทำอะไรไม่ได้มันเป็นแบบนี้นี่เอง เขาไม่ได้อยากจะมีปัญหากับใคร เขาพยายามอย่างเต็มที่เสมอในทุกงานที่ได้รับมอบหมาย แต่การเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็ทำลายกำลังใจเขามากเหมือนกัน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมีการแบ่งชั้นวรรณะ ทำไมต้องถือว่าตัวเองเด่นดังกว่าคนอื่นๆ ในเมื่อก็อยู่ในฐานะนักแสดงเหมือนกัน อาชีพเดียวกัน นับว่าเป็นเพื่อนร่วมอาชีพไม่ได้เหรอ แต่ก็นั่นแหละ วงการนี้มันคือโลกแห่งการแย่งชิงเพื่อก้าวขึ้นไปอยู่บนยอดพีระมิด ใครอยากเด่นอยากดังก็คงต้องอาศัยเหยียบคนที่ต่ำกว่าขึ้นไปกันทั้งนั้น 

เสียงสะอึกสะอื้นทำเอาน้องๆ นักแสดงคนอื่นๆ ที่เดินตามออกมาถึงกับน้ำตาคลอเพราะอดสงสารกันต์ไม่ได้ แต่สิ่งที่พวกเขาทำได้ก็มีแค่เพียงคอยนั่งปลอบใจคนตรงหน้าพร้อมแสดงท่าทีว่าจะสู้เคียงข้างไปกับกันต์ด้วย

“ไม่เป็นไรนะพี่กันต์ ไม่ต้องสนใจพวกปากหอยปากปูมัน” เสียงหนึ่งดังขึ้นในขณะที่เขากำลังก้มหน้าร้องไห้ จึงไม่ทันได้มองว่าใครเป็นคนพูด แต่จากเสียงก็คงไม่พ้นน้องสาวคนเล็กของทีมอย่างแน่นอน

“ไม่ต้องใส่ใจ เราโฟกัสแต่โชว์ของเราก็พอ ถ้าเราทำเต็มที่ ผลลัพธ์มันย่อมออกมาดีอยู่แล้ว ใครไม่ตั้งใจก็ปล่อยมันไปนะพี่กันต์” น้องเท่ นักแสดงหนุ่มท่าทีสุขุมเอ่ยปลอบกันต์ด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

กันต์เงยหน้าขึ้นมามองจึงเพิ่งได้เห็นว่ามีน้องๆ นักแสดงอีกหลายคนมายืนรอให้กำลังใจอยู่รอบๆ ทำให้เขารู้สึกใจชื้นและมีกำลังใจที่จะสู้ต่อขึ้นมาอีกนิดหน่อย ไอ้คำพูดทำลายจิตใจทั้งหลายที่เพิ่งได้ยินมาจากพี่แบมก็พลันหายไปจนเกือบหมด รอยยิ้มที่ทุกคนมอบให้เขาในเวลานี้อย่างน้อยก็ทำให้ได้รู้ว่ามิตรภาพดีๆ นั้นยังมีปรากฏให้เห็นอยู่บ้างในวงการที่เต็มไปด้วยอสรพิษแบบนี้