วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ
รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น,วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
วายบันเทิงวงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ
วายบันเทิง
The Gossip of BL
Run_Kantheephop
เรื่องแต่ง 99% อีก 1% คือเค้าโครงจากเรื่องจริง
ขออนุญาตแก้ไขวันและเวลาในการอัพนิยายนะครับ เนื่องจากช่วงนี้มีภารกิจจากหน้าที่การงานเข้ามาจึงทำให้เขียนนิยายได้น้อยลงกว่าเดิม จากนี้ไปจะขออัพนิยายเพียงแค่สัปดาห์ละ 1 ตอนนะครับ (ทุกวันเสาร์ เวลา 18:00 น.)
ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามครับ
********************************************************************************
มีทั้งหมด 5 เล่ม
E-Book วางจำหน่ายแล้ว บน MEB
ความวุ่นวายของเช้าวันงานแฟนมีตติ้งทำเอากันต์รู้สึกเวียนหัวไม่น้อย อาจเพราะการซ้อมโชว์บนเวทีจริงจนดึกดื่นของเมื่อวานทำเอาพวกเขาอดหลับอดนอน แถมวันนี้ก็ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาเตรียมตัว ยิ่งต้องมาเจอผู้คนมากมายเดินกันขวักไขว่ไปมายิ่งทำให้กันต์รู้สึกอยากจะอ้วก
เขาควักยาดมกระปุกเขียวประจำตัวออกมาสูดดมเพื่อจะเรียกสติให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว กลิ่นหอมของสมุนไพรทำให้เขารู้สึกตื่นตัวขึ้นมาได้บ้างหลังจากที่นั่งง่วงหงาวหาวนอนอยู่พักใหญ่ เขาหันมองเพื่อนๆ นักแสดงรอบตัว แต่ละคนก็มีสภาพที่ไม่ค่อยแตกต่างกันสักเท่าไหร่นัก ดูอ่อนเพลียจนแทบจะลืมตาไม่ขึ้น
“ไหวปะเนี่ย” บุ๊คเดินเข้ามาหากันต์ที่นั่งอยู่ตรงหน้ากระจกแต่งหน้ามุมในสุดของห้องแต่งตัว
“ไหวดิพี่”
“แต่สภาพแกคือพร้อมล้มตัวเวอร์” คนพี่เอ่ยแซวติดขำ
“แหม... พี่ก็ไม่ต่างกันปะ”
“ว่าจะลงไปซื้อกาแฟ เอาไรไหม”
“ลงไปได้เหรอพี่” กันต์ถามอย่างสงสัย เพราะก่อนหน้านี้มีพี่สตาฟบอกว่าไม่ให้ออกไปไหนมาไหนเพราะแฟนคลับเริ่มทยอยกันมาตั้งแต่เช้า แม้ว่าการแสดงจะเริ่มขึ้นในช่วงหัวค่ำก็ตาม
“ก็ยังไม่ได้ทำอะไรไม่ใช่เหรอ” บุ๊คยักไหล่เพราะเขาคิดว่าการได้ออกไปเดินยืดเส้นยืดสายสักหน่อยก่อนที่จะรันทรูบนเวทีรอบสุดท้ายน่าจะเป็นเรื่องที่ดี ไม่อย่างนั้นหากปล่อยให้เขานั่งรอเฉยๆ อยู่ในห้องแบบนี้อาจทำให้เขาเฉาตายเสียก่อนได้
“พี่เซ็นโปสเตอร์กับลูกบอลครบแล้วเหรอ?” กันต์เอ่ยถามเพราะเขาเองก็เพิ่งได้รับการบอกกล่าวมาเมื่อครู่ว่ามีโปสเตอร์จำนวนสามร้อยใบกับลูกบอลอีกหนึ่งร้อยลูกให้เซ็นชื่อลงไปเพื่อที่จะได้นำไปใช้แจกผู้โชคดีที่ได้สิทธิประโยชน์จากการซื้อตั๋วเข้าชมงานแฟนมีตในครั้งนี้
“เออ.. ยังเลย”
“รีบไปเซ็นเลย อย่างเยอะ”
“แล้วแกเซ็นละเหรอ”
“หึ! ยังไม่ได้เซ็นเหมือนกัน” กันต์ตอบพลางหัวเราะออกมาก่อนที่พี่สตาฟจะเดินเข้ามาหาแล้วยื่นปากกาให้ทั้งคู่ก่อนจะชี้นิ้วไปยังโต๊ะตัวใหญ่กลางห้องที่เพื่อนนักแสดงหลายคนกำลังรวมตัวก้มหน้าก้มตาเพื่อเซ็นชื่อของตัวเองกันอย่างขะมักเขม้น
กันต์และบุ๊คพากันไปนั่งลงที่เก้าอี้ที่ยังว่างอยู่เพื่อที่จะได้จัดการงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จก่อนที่จะถึงเวลารันทรูใหญ่ ไม่อย่างนั้นพวกเขาอาจจะไม่มีเวลาได้นั่งพักอีกแล้วจนกว่างานแฟนมีตติ้งในคืนนี้จะจบลง
“พี่ภูมิมาถึงยังคะ?” เสียงหนึ่งของน้องสตาฟดังขึ้นในขณะที่วิ่งเข้ามาภายในห้องพักของนักแสดง ทุกคนได้แต่มองหน้ากันก่อนส่ายหัวเพราะเอาเข้าจริงตั้งแต่เช้าก็ยังไม่มีใครเห็นหน้าพี่ภูมิเลยสักคนแม้แต่น้องซันที่เล่นคู่กันก็ตาม
“ยังไม่เห็นเหมือนกันแฮะ” พี่เจี๊ยบเอยบอกพลางหยิบมือถือขึ้นมาดูนาฬิกา “จริงๆ ควรจะต้องมาถึงแล้วนะเวลานี้ หรือว่ารถติด?”
“ไม่รู้เหมือนกันพี่เจี๊ยบ แต่หนูโทรหาแล้วไม่มีคนรับสายเลย” น้องสตาฟเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
“น้องซันได้คุยกับพี่ภูมิบ้างไหมจ๊ะ” พี่เจี๊ยบหันไปถามน้องซันที่นั่งกินข้าวอยู่ข้างๆ พี่ผู้จัดการ
“มีทักหาเมื่อเช้าตอนก่อนจะออกจากบ้านมาอะครับ แต่พี่เขายังไม่อ่านเลย” ซันเอ่ยตอบก่อนจะหันไปกินข้าวต่อ
ทีมงานเริ่มร้อนใจเป็นอย่างมากเพราะใกล้จะถึงเวลานัดเต็มทนแต่ก็ยังติดต่อไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะจะต้องมารันทรูรอบสุดท้ายในตอนเช้าก็คงไม่เท่าไหร่ แม้จะบอกว่ามีการซ้อมใหญ่บนเวทีไปเมื่อคืนแล้วก็ตาม แต่ในเช้านี้ภูมิกับซันจำเป็นจะต้องมาซ้อมบล็อกกิ้งเนื่องจากเวทีจะมีการเคลื่อนตัวในขณะที่โชว์ หากผิดคิวอาจทำให้โชว์ไม่สมบูรณ์หรือแย่ที่สุดคือนักแสดงอาจได้รับบาดเจ็บเอาได้
“เป็นไงบ้าง” พี่วันดีเดินเข้ามาในห้องพักนักแสดงทำเอาทีมงานในนั้นหลายคนรู้สึกขนลุกขนพองขึ้นมาจนออกทางสีหน้า เขารู้ดีว่าพี่วันดีเวลาวีนนั้นน่ากลัวขนาดไหน
“ยังติดต่อไม่ได้เลยค่ะ”
“พี่ว่ามันยังไม่ตื่นแน่” พี่วันดีเอ่ยพูดพลางถอนหายใจยาว ท่าทีแบบนี้บ่งบอกได้ชัดเจนว่าเธอกำลังพยายามที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้เป็นอย่างมาก
“เดี๋ยวรีบจัดการให้นะคะ คุณวันดีไปนั่งพักผ่อนให้สบายใจก่อนนะคะ” พี่เจี๊ยบรีบเข้าถึงตัวพี่วันดีทันทีแล้วพาออกไปจากห้องพักนักแสดง เพราะพี่เจี๊ยบก็ไม่อยากจะให้นักแสดงต้องมาได้รับพลังงานลบก่อนงานเริ่ม ไม่อย่างนั้นอาจจะทำให้โชว์ออกมาไม่ดีเท่าที่ควร งานพวกนี้ต้องใช้อารมณ์ในการสร้างสรรค์งานขนาดไหนเธอรู้ดี
ทั้งพี่เจี๊ยบและน้องสตาฟช่วยกันกดโทรศัพท์หาภูมิหลังจากที่พาพี่วันดีออกไปจากตรงนั้น ทั้งคู่ดูร้อนรนหนักกว่าเก่าเมื่อทีมงานหลังเวทีเดินมาตามว่าได้เวลาที่จะต้องขึ้นซ้อมรันทรูโชว์ของภูมิและซันแล้ว แต่ยังไม่มีวี่แววของเจ้าตัวโผล่มาให้เห็น ทำให้ซันจำเป็นจะต้องขึ้นซ้อมเพียงคนเดียวก่อน ไม่อย่างนั้นทุกอย่างอาจจะเลทตามกันไปหมด แล้วจะไม่ทันเวลาเริ่มงานในตอนค่ำ
น้องสตาฟตัดสินใจเรียกให้ซันเดินออกไปซ้อมบนเวทีก่อนเพียงคนเดียวโดยมีน้องอีกคนที่เป็นหนึ่งในทีมงานดูแลเวทีช่วยเป็นคู่ซ้อมให้ เนื่องจากว่าตอนที่พี่ภูมิมาถึงจะได้มีคนคอยแจ้งคิวให้เขาทราบว่าในโชว์มีบล็อกกิ้งอะไรเพิ่มเติมบ้างเพราะไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาด เพราะหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นจริงๆ คนที่จะเจ็บตัวก็มีแต่ภูมิคนเดียวเท่านั้น และถ้าเป็นอย่างนั้นขึ้นมาล่ะก็มีหวังได้ซวยกันหมดทั้งทีม แม้ว่าความจริงจะไม่ใช่ความผิดของพวกเขาก็ตาม
การซักซ้อมเป็นไปด้วยดีแม้จะขาดตัวหลักอย่างภูมิ ทุกโชว์ถูกรันทรูไปตามเวลาจนเกือบจะถึงโชว์สุดท้ายภูมิถึงเพิ่งจะโผล่มา นั่นทำให้ทีมงานทุกคนถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แม้จะแอบโกรธอยู่มากก็ตาม
“โทษทีครับ ผมตื่นสาย” ภูมิเอ่ยบอกขณะที่เดินเข้ามาด้วยท่าทีที่ไม่ได้ดูรีบร้อนนัก
“น้องภูมิเตรียมตัวเลยจ้ะ เดี๋ยวรันทรูโชว์สุดท้ายเสร็จ พี่จะให้น้องภูมิกับน้องซันขึ้นบล็อกกิ้งอีกรอบอย่างไวๆ นะจ๊ะ เพราะจะต้องแต่งหน้าแต่งตัวกันแล้ว ไม่งั้นเดี๋ยวจะไม่ทันเวลาโชว์จ้ะ” พี่เจี๊ยบรีบเดินเข้ามาบอกภูมิทันทีก่อนจะเดินออกไป
แม้ว่าทีมงานทุกคนจะไม่ค่อยพอใจเรื่องการมาสายของภูมิโดยมีเหตุผลว่าตื่นสาย แต่ทุกคนก็มืออาชีพพอที่จะทิ้งเรื่องนั้นเอาไว้ก่อนและโฟกัสในงานที่ต้องทำ ไม่เก็บเรื่องของภูมิมาเป็นอารมณ์
การบล็อกกิ้งของภูมิและซันในรอบนี้ก็เป็นไปอย่างรวดเร็ว เนื่องด้วยเวลาที่กระชั้นชิดจนเรียกได้ว่าไม่สามารถที่จะเลทไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว ทำให้ภูมิไม่ได้ซ้อมกับเพลงจริง นั่นทำให้ทีมงานหลายคนเป็นกังวลแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีก ต้องปล่อยเลยตามเลย
บรรยากาศภายในห้องแต่งตัวของนักแสดงวุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะเวลาที่เดินไป ช่างหน้าช่างผมต่างก็เร่งมือทำหน้าที่ในส่วนของตนเองกันอย่างเต็มที่ ด้วยกลัวว่าจะไม่ทันเวลา ทีมงานหลายคนวิ่งวุ่นไม่หยุด นักแสดงบางส่วนยังคงงุนงงกับชุดของตัวเองว่าต้องใส่ยังไง บางส่วนก็ยังแต่หน้าทำผมไม่เสร็จ เสียงเจี๊ยวจ๊าวดังไปทั่วจนฟังแทบจะไม่ได้ศัพท์ แต่ทุกคนก็ไม่ได้หลุดสมาธิจากสิ่งที่ต้องรับผิดชอบเลยแม้แต่น้อย
ความวุ่นวายภายในนั้นเป็นเพราะต้องแข่งขันกับเวลาที่กำลังใกล้เข้ามาทุกที แต่ละฝ่ายต่างก็ตื่นเต้นไม่แพ้กันเพราะไม่มีใครที่อยากจะให้เกิดความผิดพลาดในระหว่างทำการแสดงกันทั้งนั้น ไม่มีใครอยากจะเสียหน้านักหรอก ต่อหน้าผู้ชมเกือบห้าพันคน ถ้ามีอะไรผิดพลาดขึ้นมาคงน่าอายไม่น้อย
อีกยี่สิบนาทีแสตนบายนะคะทุกคน~!
เสียงตะโกนจากทีมงานคนหนึ่งที่ดูแลเรื่องการรันคิวการแสดงบนเวทีตะโกนขึ้นเพื่อให้ทุกคน ทุกฝ่ายได้ตรวจเช็กความพร้อมกันอีกครั้งหนึ่งก่อนที่จะถึงเวลาทำการแสดง
สิ้นเสียงนั้นทุกคนก็ดูตาลีตาเหลือกกันยกใหญ่ ถึงแม้ว่านักแสดงจะแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จหมดทุกคนจนพร้อมจะขึ้นโชว์แล้ว แต่ทีมงานแต่ละฝ่ายก็ยังมีท่าทีตื่นเต้นไม่น้อยเพราะกลัวว่าเสื้อผ้าหน้าผมของนักแสดงจะมีจุดบกพร่องตรงไหนอีก ฝั่งนักแสดงก็พยายามที่จะทบทวนคิวต่างๆ ที่ได้ซ้อมไปเมื่อเช้าในหัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่ต้องโชว์เต้นอย่างกลุ่มของกันต์ ทุกคนกำลังทบทวนว่าท่าเต้นของตนมีอะไรบ้าง สีหน้าแสดงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“พร้อมนะทุกคน” พี่วันดีเดินเข้ามาหาเมื่อใกล้ถึงเวลาแสตนบาย
“พร้อมครับ/ค่ะ” เสียงจากนักแสดงเอ่ยตอบกันอย่างหนักแน่นพลางมอบรอยยิ้มกว้าง แม้ว่าบางคนใจกำลังเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาด้วยความตื่นเต้นก็ตาม
พร้อมนะทุกคน อีกสามนาทีนะคะ...
...
อีกหนึ่งนาทีค่ะ...
...
สามสิบวิค่ะ...
...
ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง ไปค่ะทุกคน!
ไฟในฮอล์ดับพรึ่บลงพร้อมกับหน้าจอแอลอีดีสว่างขึ้นเพื่อฉายวีทีอาร์เปิดตัวงานแฟนมีตในครั้งนี้ เสียงกรี๊ดจากคนดูดังกระหึ่มลั่นจนทำให้ทุกคนตื่นเต้นขึ้นมากกว่าเดิม แต่การแสดงก็ยังคงต้องดำเนินต่อไปแม้ว่าขาจะสั่นแค่ไหนก็ตาม
ทันทีที่วีทีอาร์จบลง ทีมนักแสดงทั้งหมดก็พากันเดินออกจากหลังเวทีเพื่อปรากฏตัวให้แฟนคลับได้เห็น ในวินาทีนั้นกันต์รู้สึกว่าเขาสามารถพิชิตฝันของตัวเองได้อีกก้าวหนึ่งแล้ว ภาพผู้ชมจำนวนมากที่นั่งอยู่ภายในฮอล์มันเติมเต็มความรู้สึกของเขาได้เป็นอย่างดี
การแสดงดำเนินไปตามที่ได้รันทรูเอาไว้อย่างราบรื่น เสียงดังขึ้นเป็นระยะโดยเฉพาะช่วงเวลาที่ภูมิกับซันได้ทำโชว์ร่วมกัน ในห้วงเวลานั้นแฟนคลับที่นั่งดูต่างก็พากันกรี๊ดอย่างสุดเสียงเพราะโมเมนต์ของทั้งคู่ที่อยู่บนเวทีด้วยมันน่ารักเสียจนจะห้ามใจเอาไว้ไม่ได้
ส่วนกันต์และเพื่อนๆ ในทีมเต้นก็พากันตื่นเต้นเมื่อการแสดงเดินทางมาถึงโชว์ของตัวเอง พวกเขาคุยกันก่อนหน้านี้ระหว่างที่รอคนอื่นๆ ทำการแสดงบนเวทีว่าให้ทำให้เต็มที่ ทำเหมือนกับตอนที่ซ้อมโดยไม่ต้องกังวลอะไรทั้งสิ้น ไม่ต้องกลัวผิดพลาดขอแค่ใช้เวลาบนเวทีให้เอ็นจอยที่สุดก็พอ เพราะหน้าที่ของพวกเราคือการมอบความสุขให้กับคนดู ให้คิดเพียงเท่านั้นแล้วโชว์มันจะสนุกเอง
กันต์ก็อดแปลกใจไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมตนเองถึงได้มีภาวะผู้นำขึ้นมาเสียอย่างนั้นท่ามกลางสถานการณ์ที่กดดันแบบนี้ เขาแค่รู้สึกว่าทุกคนในทีมกำลังตื่นเต้นมากเกินไป บรรยากาศโดยรอบมีแต่ความเครียด เขาจึงกลัวว่าโชว์จะออกมาไม่ดี การให้กำลังใจเพื่อที่ทุกคนจะได้สบายใจอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุดเพราะนี่คือโอกาสสำคัญของทุกคนที่จะได้เฉิดฉายบนเวทีแห่งนี้ เป็นเพียงโอกาสเดียวที่จะได้แสดงศักยภาพของความเป็นสตาร์ของตนเองให้แฟนคลับได้เห็น
จะได้ลบคำสบประมาทของยัยพี่แบมนั่นได้บ้าง....
โชว์เต้นของพวกเขาได้รับเสียงตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก สังเกตได้จากเสียงกรี๊ดที่ดังกระหึ่มลั่นฮอล์ มันเกินกว่าที่พวกเขาคาดหมายเอาไว้เยอะที่เดียว แฟนคลับก็ดูเอ็นจอยไปกับโชว์ ไม่ว่ากันต์จะหันมองไปทางไหนก็มีแต่คนดูยิ้มตอบกลับมา นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกมั่นใจในการเต้นมากขึ้นไปอีก
การแสดงดูเหมือนจะราบรื่นและเป็นไปได้ด้วยดีจนกระทั่งมาถึงโชว์ไฮไลท์ของภูมิและซันที่ถือว่าเป็นจุดพีคของงานแฟนมีตติ้งในคืนนี้ เนื่องด้วยเมื่อเช้าภูมิมาสายและมาซ้อมคิวเวทีไม่ทัน ทำได้แค่บล็อกกิ้งคร่าวๆ ไว้เท่านั้น ทีมงานที่ดูแลรับผิดชอบเรื่องนี้จึงเป็นกังวลอย่างมาก ซึ่งพอเริ่มโชว์ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะราบรื่นจนกระทั่งถึงช่วงที่สำคัญที่สุด เป็นช่วงที่พื้นเวทีจะต้องยกระดับสูงขึ้นซึ่งตามคิวแล้วทั้งสองคนจะต้องเดินจากจุดที่ตัวเองยืนอยู่ไปยังจุดมาร์กตรงกลางเวที แต่เหมือนว่าภูมิจะลืมเพราะจำคิวที่ซ้อมเมื่อเช้าอย่างลวกๆ ไม่ได้ ทำให้เขายังคงยืนอยู่ที่เดิมเมื่อถึงเวลา
ซันเห็นแบบนั้นจึงคิดว่าไม่ควรปล่อยไว้แบบนั้นเพราะตอนจบพวกเขาทั้งคู่ต้องยืนกอดกันและมีโมเมนต์พี่ภูมิหอมแก้มเขาบนเวทีที่ยกสูงขึ้นไป หากทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในจุดเดียวกันอาจทำให้โชว์ไม่เป็นไปตามที่ได้ซักซ้อมไว้ เขาอาจจะต้องยืนเหงาคนเดียวบนนั้น และภาพที่ออกมาคงไม่งดงามอย่างแน่นอน
เขาจึงเร่งฝีเท้าเป็นเดินกึ่งวิ่งเข้าไปคว้ามือหนาของภูมิแล้วลากให้เดินมาด้วยกัน สีหน้าของภูมิดูตกใจและงุนงงเล็กน้อยที่ซันเดินมาคว้ามือเขาเพราะเขาจำได้ว่าไม่มีอยู่ในสคริปต์ก่อนที่จะตระหนักได้ว่าเป็นเขาเองที่ลืมบล็อกกิ้งที่ได้ซักซ้อมเอาไว้
ทีมงานที่อยู่บริเวณหน้าจอมอนิเตอร์ถึงกับถอนหายใจยาวออกมาอย่างโล่งอกเพราะกลัวว่าจะเกิดการผิดคิวขึ้น แต่พอเห็นว่าซันสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงทีก็เบาใจไปได้ไม่น้อย
การแสดงของทุกคนจบลงอย่างสวยงามตามแพลนที่ได้วางเอาไว้ โดยมีเสียงกรี๊ดจากแฟนคลับเป็นคำตอบว่ารู้สึกสนุกสนานไปกับโชว์ในวันนี้ขนาดไหน
“เก่งมากเลยทุกคน พี่ยินดีกับความสำเร็จของทุกคนเลยน้า” เสียงพี่วันดีเจื้อยแจ้วดังขึ้นในขณะที่เธอเดินเข้ามาในห้องพักนักแสดง
“เลิศสุดๆ วันนี้” เสียงพี่ช่างแต่งหน้าคนหนึ่งเอ่ยแทรกขึ้น
ทุกคนดูเหมือนจะมีความสุขกันเป็นอย่างมากสังเกตได้จากรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้า เว้นก็แต่พี่วันดีกับทีมงานบางส่วนนั่นแหละที่จะดีใจก็เป็นไปได้อย่างไม่เต็มที่นัก เพราะยังรู้สึกคาใจกับภูมิอยู่ไม่น้อย กับไอ้เรื่องผิดคิวน่ะมันไม่เท่าไหร่หรอก เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้ระหว่างโชว์ แม้ว่าจะซักซ้อมมาอย่างหนักหน่วงมากแค่ไหนก็ตาม แล้วยิ่งภูมิที่ไม่ได้มาซ้อมรันทรูเมื่อเช้า มีเพียงแค่เดินบล็อกกิ้งแบบไวๆ จะหลงลืมไปบ้างก็คงไม่แปลกนัก แต่สิ่งที่ทำให้พี่วันดีและทีมงานหลายคนไม่พอใจ ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องที่วันนี้ภูมิมาสายด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ค่อยเข้าหูสักเท่าไหร่นัก
การอ้างเรื่องตื่นสายเพราะเมื่อคืนนอกดึกยิ่งทำให้คนฟังโมโห เพราะทุกคนต่างก็เลิกดึกเหมือนกันทั้งนั้น แต่ทำไมวันนี้ยังมารันทรูแต่เช้าได้ พี่วันดีถึงกับส่ายหัวเพราะไม่รู้ว่าจะต้องแก้ไขปัญหานี้อย่างไรดี ด้วยความที่ภูมิมีอีโก้บางอย่างของนักแสดงที่คิดว่าตัวเองดังแล้ว จึงอาจทำให้ตักเตือนได้ยากกว่านักแสดงคนอื่นๆ อยู่สักหน่อย เธอจึงได้แต่แปะโป้งเอาไว้ก่อนค่อยเรียกคุยหลังงานแฟนมีตจบทีเดียว