วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ

วายบันเทิง - บทที่ 23 โดนปลด โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น,วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วายบันเทิง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ

รายละเอียด

วายบันเทิง โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ

ผู้แต่ง

Run_Kantheephop

เรื่องย่อ

วายบันเทิง

The Gossip of BL

Run_Kantheephop

เรื่องแต่ง 99%  อีก 1% คือเค้าโครงจากเรื่องจริง

ขออนุญาตแก้ไขวันและเวลาในการอัพนิยายนะครับ เนื่องจากช่วงนี้มีภารกิจจากหน้าที่การงานเข้ามาจึงทำให้เขียนนิยายได้น้อยลงกว่าเดิม จากนี้ไปจะขออัพนิยายเพียงแค่สัปดาห์ละ 1 ตอนนะครับ (ทุกวันเสาร์ เวลา 18:00 น.)

ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามครับ

********************************************************************************

มีทั้งหมด 5 เล่ม

E-Book วางจำหน่ายแล้ว บน MEB

สารบัญ

วายบันเทิง-Intro บทนำ,วายบันเทิง-บทที่ 1 เด็กบ้านนอกคนหนึ่ง,วายบันเทิง-บทที่ 2 ผลลัพธ์ที่ดี,วายบันเทิง-บทที่ 3 ทริปมิตรสัมพันธ์,วายบันเทิง-บทที่ 4 สังสรรค์หรือสงคราม,วายบันเทิง-บทที่ 5 ยังไงกันแน่,วายบันเทิง-บทที่ 6 แต่ความจริงคือ...,วายบันเทิง-บทที่ 7 ระมัดระวัง,วายบันเทิง-บทที่ 8 ข่าวลือ,วายบันเทิง-บทที่ 9 มันจริงมั้ย?,วายบันเทิง-บทที่ 10 คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ,วายบันเทิง-บทที่ 11 เคลียร์ใจ,วายบันเทิง-บทที่ 12 มีซัมติงไหม?,วายบันเทิง-บทที่ 13 นี่ว่าใช่ ไม่ได้มโน,วายบันเทิง-บทที่ 14 โดนกับตัว,วายบันเทิง-บทที่ 15 ไม่พอใจ,วายบันเทิง-บทที่ 16 ต้องเลือก,วายบันเทิง-บทที่ 17 เมามาย 1,วายบันเทิง-บทที่ 18 เมามาย 2,วายบันเทิง-บทที่ 19 ทำไมทำงี้!?,วายบันเทิง-บทที่ 20 โอกาสเดียว,วายบันเทิง-บทที่ 21 หมดความอดทน,วายบันเทิง-บทที่ 22 ไม่จบไม่สิ้น,วายบันเทิง-บทที่ 23 โดนปลด,วายบันเทิง-บทที่ 24 เกาะกระแส,วายบันเทิง-บทที่ 25 ข่าวล่ามาไว,วายบันเทิง-บทที่ 26 เพื่อนใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 27 งงไปหมด,วายบันเทิง-บทที่ 28 คนใหม่?,วายบันเทิง-บทที่ 29 มันเอาอีกละ,วายบันเทิง-บทที่ 30 สามหนุ่มเปิดใจ,วายบันเทิง-บทที่ 31 ก้าวใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 32 คลาสแอคติง,วายบันเทิง-บทที่ 33 ไปแคสติงกัน,วายบันเทิง-บทที่ 34 ช่วยมาคุมความประพฤติอีสันดานนี่ที,วายบันเทิง-บทที่ 35 ข่าวเก่าเล่าใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 36 ไม่เป็นไร,วายบันเทิง-บทที่ 37 รียูเนียน?,วายบันเทิง-บทที่ 38 เลิฟซีนเป็นเหตุ,วายบันเทิง-บทที่ 39 นั่นปากเหรอ!?,วายบันเทิง-บทที่ 40 เอาแล้วหัวใจ,วายบันเทิง-บทที่ 41 ระยะปลอดภัย,วายบันเทิง-บทที่ 42 เรื่องของฮัน,วายบันเทิง-บทที่ 43 หัวใจเจ้ากรรม หวั่นไหวง่ายจัง,วายบันเทิง-บทที่ 44 แค่พี่น้อง?,วายบันเทิง-บทที่ 45 ไปเชียงใหม่กันไหม,วายบันเทิง-บทที่ 46 เริ่มเลย,วายบันเทิง-บทที่ 47 เริ่มเลย 2,วายบันเทิง-บทที่ 48 ยินดีต้อนรับ,วายบันเทิง-บทที่ 49 ม่อนแจ่ม,วายบันเทิง-บทที่ 50 ไปขึ้นเขากัน,วายบันเทิง-บทที่ 51 กิ่วแม่ปาน,วายบันเทิง-บทที่ 52 เบื่อจริงๆ ไอ้พวกปากแข็ง,วายบันเทิง-บทที่ 53 ขอสักหน่อย หายไปหลายคืน,วายบันเทิง-บทที่ 54 กลับไป ไม่กลับใจ,วายบันเทิง-บทที่ 55 ความพยายาม,วายบันเทิง-บทที่ 56 อดีตช่วยย้ำเตือน,วายบันเทิง-บทที่ 57 เริ่มต้นเปิดใจ,วายบันเทิง-บทที่ 58 บททดสอบ,วายบันเทิง-บทที่ 59 ความลับที่ฉันซ่อนไว้,วายบันเทิง-ตอนที่ 60 ตอนจบที่มีความสุข

เนื้อหา

บทที่ 23 โดนปลด

หลังจบโปรเจ็กต์ซีรีส์กับพี่วันดีนักแสดงแต่ละคนก็แยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง บางคนก็ย้ายไปทำเบื้องหลัง บางคนก็ยังโลดแล่นอยู่เบื้องหน้า ในหลากหลายสายงาน ไม่ว่าจะเป็นนักแสดง นักร้อง ถ่ายโฆษณา นายแบบ หรือแม้แต่อินฟลูเอ็นเซอร์ ซึ่งก็ดูว่าจะเป็นไปได้ด้วยดีกันทั้งหมด พี่วันดีเองก็รู้สึกยินดีที่เด็กๆ หลายคนเติบโต อีกทั้งก็ยังมีวนเวียนกลับมาหาพี่วันดีที่ออฟฟิศในโอกาสสำคัญต่างๆ อีกด้วย หรือแม้แต่เวลาเจอกันตามงานอีเวนต์ทุกคนก็ยังทักทายกันอย่างสนิทสนม

คนที่ดูเหมือนจะก้าวหน้าในเส้นทางอาชีพนี้มากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นภูมิกับซันที่เป็นนักแสดงคู่หลักของซีรีส์ เพราะหลังจากที่ซีรีส์จบก็กลายเป็นนักแสดงแถวหน้าของไทยทันที พวกเขาได้รับความสนใจจากสื่อไทยและต่างประเทศเป็นอย่างมาก กลายเป็นคู่จิ้นห้างแตกที่คนตามแน่นขนัดในทุกงาน

โดยเฉพาะภูมิที่ผู้จัดหลายคนพร้อมที่จะชักชวนและดึงให้ไปเล่นละครด้วย เขาจึงมีโอกาสเลือกมากมายเข้ามา แต่ผู้จัดการของเขาที่เพิ่งจะเข้ามาดูแลใหม่เมื่อไม่นานมานี้ก็แนะนำว่าเขาควรจะเลือกแต่ผู้จัดช่องใหญ่เพื่อที่ว่าจะได้อัพมูลค่าของตัวเองเพิ่มขึ้นไปอีกจากที่มีอยู่เดิม

“น้องภูมิ มีข่าวดีมาอัพเดทจ้า” พี่บิวตี้ผู้จัดการส่วนตัวของภูมิเดินเข้ามาภายในคอนโดของนักแสดงหนุ่มที่กำลังนอนดูทีวีอยู่อย่างสบายใจ

“ทำไมพี่ไม่กดกริ่งก่อนครับ” ภูมิสะดุ้งตัวขึ้นมานั่งจากที่เอนกายนอนอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก

“ขอโทษจ้ะ พี่เดินเพลินไปหน่อย”

“แล้วถ้าผมแก้ผ้าอยู่ทำไงครับ”

“พี่ขอโทษษษษ ใจเย็นๆ ก่อนนะน้องภูมิ พี่เพิ่งได้รับข่าวดีมาจ้ะ เลยอารมณ์ดีไปหน่อย” พี่บิวตี้ยิ้มแหยเพราะรู้ดีว่าตัวเองทำผิดกฎของเจ้าของห้องที่ว่าให้กดกริ่งก่อนจะเข้ามาในห้องเพื่อเป็นสัญญาณเตือนคนที่อยู่ข้างในให้ได้รู้ตัวก่อนก็เท่านั้น ถึงแม้ว่าภูมิจะมอบคีย์การ์ดคอนโดเอาไว้ให้เพื่อที่ว่าเวลาที่เขาตื่นสายพี่บิวตี้จะได้เข้ามาปลุกไปทำงานได้อย่างทันท่วงที แต่ก็ใช่ว่าเขาจะอนุญาตให้พี่บิวตี้เข้าออกห้องได้ตามใจ เพราะถึงยังไงที่นี่ก็ยังคงเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเขาอยู่ดี

“ว่าไงครับ” ภูมิตอบกลับพลางเอื้อมไปหยิบรีโมตมากดปิดทีวี ทำให้บรรยากาศภายในห้องเงียบลง

“พอดีมีพี่ที่ช่องเขาติดต่อพี่มา เขาว่ามีละครหลังข่าวให้ลงเรื่องหนึ่ง พี่ว่าน่าสนใจอยู่นะ” พี่บิวตี้เอ่ยบอกขณะเดินมานั่งลงข้างๆ 

“บทอะไรครับ”

“เขาบอกว่าเป็นเพื่อนพระเอกนะ แต่บทเด่นเลย เดี๋ยวพี่เปิดรายละเอียดให้ดู” พี่บิวตี้กดเปิดไอแพดแล้วจิ้มไฟล์ PDF ข้อมูลโดยคร่าวของละครเรื่องนี้ที่ได้รับมาจากทางผู้จัดเพื่อเปิดให้ภูมิดู ภูมิเลื่อนอ่านดูเล็กน้อยด้วยใบหน้านิ่ง ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ออกมา บิวตี้จึงไม่สามารถรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดเห็นอย่างไร

“...”

“น้องภูมิว่าไงบ้างจ๊ะ”

“บอกให้เขาส่งบทมาให้ดูก่อนแล้วกันครับ” ภูมิบอกแล้วยื่นไอแพดคืนให้กับบิวตี้

ไม่ใช่ว่าเขาไม่สนใจ การได้เข้าไปเล่นละครในช่วงเวลาหลังข่าวของช่องใหญ่นับว่าเป็นโอกาสครั้งสำคัญในชีวิต เพราะเป็นสิ่งที่นักแสดงในวงการซีรีส์วายหลายคนต่างก็เฝ้าฝันถึง ภูมิเองก็เช่นกัน การได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของละครช่องหมายถึงการได้ก้าวไปข้างหน้าอีกขั้นในอาชีพนี้ เหมือนการได้เลื่อนขึ้นไปอีกขั้นที่อยู่ในระดับสูงกว่าการเป็นแค่นักแสดงซีรีส์วายแบบทุกวันนี้

แต่ก็ใช่ว่าเขาจะต้องรีบตะครุบโอกาสที่เข้ามา ไม่อย่างนั้นก็คงจะทำให้เขาดูหิวกระหายไปสักหน่อย การเล่นตัวเล็กๆ น้อยๆ อาจทำให้ดูมีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้บ้าง เขาจึงไม่ตอบตกลงในทันที ทำเพียงแค่ขอดูบทที่จะต้องเล่นเสียก่อนว่ามันโดดเด่นแบบที่ได้แจ้งกับพี่บิวตี้ไหม ถ้ามันเป็นจริงดังที่ผู้จัดบอกมาก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย เพราะนั่นหมายถึงว่าชื่อเสียงของเขาจะเข้าถึงผู้คนกลุ่มใหม่ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ของประเทศไทย

เขาจะดังมากกว่าเดิมได้อย่างแน่นอน...

“ได้จ้ะ! เดี๋ยวยังไงพี่จะแจ้งเขากลับไปนะว่าขอดูบทก่อน”

“ครับ”

“ส่วนวันนี้เดี๋ยวช่วงเย็นตอนหกโมงมีอีเวนต์นะ รถตู้จะมารับไปแต่งหน้าตอนบ่ายโมงนะจ๊ะ” พี่บิวตี้เปิดดูตารางงานในไอแพดก่อนจะแจ้งให้เจ้าของห้องรับทราบ

“โอเคครับ”

“จ้ะ” พี่บิวตี้รับคำก่อนจะนั่งเลื่อนไอแพดดูนู่นนี่ตามประสาโดยที่ไม่ทันได้สังเกตว่ามีคนข้างๆ นั่งจ้องตาเขม็ง

“นี่พี่ไม่คิดจะออกไปก่อนเหรอครับ” ภูมิถามเสียงนิ่ง

“ห้ะ? อ่อ ก็เดี๋ยวรอรถตู้มารับที่นี่ไง นี่ก็สิบเอ็ดโมงแล้วนะ จะได้ไปพร้อมกัน” พี่บิวตี้พยายามอธิบายเหตุผลให้อีกฝ่ายฟัง เพราะเธอก็ขี้เกียจที่จะต้องไปรอที่อื่นแล้วกลับมาที่นี่ ไหนๆ ก็ต้องออกเดินทางไปที่เดียวกันอยู่แล้ว รถตู้ก็เช่ามาแล้ว นั่งไปพร้อมกันก็ไม่น่าจะเป็นอะไร

“ไม่คิดจะให้เวลาส่วนตัวผมหน่อยเหรอครับ”

“อ่า...”

“ลงไปรอข้างล่างนะครับ รถมาเมื่อไหร่โทรขึ้นมาบอกผมแล้วกัน” 

“ได้จ้ะ...” พี่บิวตี้ตอบรับพร้อมยิ้มแหย ใครจะไปคิดว่านับวันภูมิจะนิสัยเสียมากขึ้นเรื่อยๆ ขนาดนี้

ตอนแรกที่บิวตี้ตัดสินใจเข้ามารับผิดชอบดูแลภูมิในฐานะผู้จัดการส่วนตัวก็เพราะว่าเธอบังเอิญได้เจอกับภูมิและซันในงานไลฟ์ขายของที่เธอเป็นเจ้าของแบรนด์ ในตอนนั้นบรรดาฝ่ายการตลาดต่างก็บอกว่าไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องจ้างภูมิกับซันมาไลฟ์ขายของให้ เพราะกำลังดังยังไงก็สามารถทำยอดได้มหาศาลอย่างแน่นอน ซึ่งก็ไม่ผิดจากที่พนักงานเหล่านั้นบอกเอาไว้ ในช่วงระยะเวลาที่ไลฟ์ขายของ ยอดสั่งสินค้าก็ถล่มทลายเป็นอย่างมาก ยอดเงินที่เข้ามาทำเอาเธอตาลุกวาว

นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่ามันคือโอกาสครั้งสำคัญหากว่าเธอสามารถควบคุมดูแลให้ภูมิมาอยู่ในสังกัดของเธอได้ เธออาจทำรายได้ได้มากกว่านี้ เธอจึงตัดสินใจใช้ความสามารถส่วนตัวบวกกับโปรไฟล์ที่เธอเคยเปิดบริษัทจัดคอนเสิร์ตและอีเวนต์ให้กับดาราต่างประเทศที่เข้ามาโปรโมทในประเทศไทยอยู่บ่อยครั้ง ขายฝันให้กับภูมิว่าหากย้ายจากผู้จัดการเก่ามาอยู่กับเธอ เธอจะช่วยปั้นเขาให้กลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ระดับโลกได้ด้วยคอนเน็กชั่นที่เธอมี

พอภูมิได้ยินแบบนั้นก็ตาลุกวาวเพราะมันตรงความใฝ่ฝันของเขาเป็นอย่างมาก เขาต้องการเป็นซุปเปอร์สตาร์ที่มีคนรู้จักทั่วโลกและไม่มีทางที่ผู้จัดการคนเดิมจะสามารถพาเขาไปถึงจุดนั้นได้ ภูมิจึงตัดสินใจที่จะเปลี่ยนมาให้พี่บิวตี้ดูแลแทน เขาเลือกเปลี่ยนโดยที่ไม่มีความลังเลใจแม้แต่น้อย

แต่การที่จะเปลี่ยนคนดูแลใหม่ย่อมต้องมีเหตุผลมารองรับ ไม่อย่างนั้นก็คงยากที่ผู้จัดการคนเดิมจะยอมปล่อยให้เขาไปอยู่กับคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ที่ชื่อเสียงของเขากำลังขึ้นหม้อ มีรายได้เข้ามาไม่หยุด จำนวนเงินที่หักจากค่าตัวของเขาก็มีจำนวนสูง สร้างรายได้ให้กับผู้จัดการของเขาไม่น้อย ดังนั้นคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะปล่อยให้เขาได้ย้ายไปอยู่กับคนใหม่ 

ซึ่งภูมิก็เลือกใช้วิธีการเดินเข้าไปบอกกับผู้จัดการคนเก่าตรงๆ ว่าไม่ต้องดูแลแล้วเพราะจะให้แม่เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวแทน ซึ่งในเวลานั้นผู้จัดการคนเก่าก็ไม่ได้มีท่าทีไม่โอเคแต่อย่างใด เพราะเขาก็พยายามหาทางแยกตัวจากภูมิมานานแล้วด้วยนิสัยส่วนตัวของนักแสดงในสังกัด เพียงแต่ยังไม่มีโอกาสเหมาะ การที่ภูมิเดินเข้ามาขอให้เขาเลิกเป็นผู้จัดการส่วนตัวด้วยตนเองนั้นย่อมนับได้ว่าเป็นจังหวะที่โชคดีไม่น้อย ราวกับว่าเทวดาให้คิวยังไงยังงั้น

พอออกมาได้ภูมิก็ใช้เล่ห์กลในการใส่ความให้คนอื่นๆ ฟังว่าผู้จัดการคนเก่าโกงเงินค่าตัว ทั้งที่ก็ไม่ได้มีหลักฐานอะไร นอกไปจากคำพูดของตัวเขาเอง การใส่ไฟนี้วนมาถึงหูผู้จัดการเก่าจนได้ นั่นทำให้เขาโกรธมากในสิ่งที่ภูมิเอาไปพูด เพราะในความเป็นจริง ไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย ผู้จัดการคนเก่าจึงไม่คิดจะเผาผีภูมิอีกต่อไป

และนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นครั้งใหม่ของภูมิ เพราะทันทีที่เปลี่ยนผู้จัดการมาเป็นพี่บิวตี้ ภาพลักษณ์ของเขาก็ถูกวางใหม่ทันที กลายเป็นซุปตาร์เบอร์ใหญ่ ทุกอย่างต้องมีความเป็นส่วนตัว ไม่ใช้ร่วมกับใคร แถมพี่บิวตี้ยังอุตส่าห์จัดตั้งบริษัทใหม่เป็นสตูดิโอเพื่อดูแลตารางงานของภูมิโดยเฉพาะ เหมือนกับโมเดลของดาราซุปตาร์ที่ประเทศจีนยังไงยังงั้น

และตั้งแต่ตอนนั้นภูมิก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน...

 

~~~~~~~~~~ The Gossip of BL ~~~~~~~~~~

 

            ทีมงานหลายฝ่ายต่างก็ส่ายหน้าเมื่อเห็นรถตู้ของภูมิขับมาจอดที่ด้านหน้า เพราะนับตั้งแต่ที่เขาตกลงรับเล่นละครเรื่องนี้ก็ดูเหมือนว่าปัญหาทุกอย่างจะประเดประดังเข้ามาหาทีมผู้จัดละครช่องไม่หยุด ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยทำงานกับนักแสดงของช่องที่เป็นเบอร์ใหญ่มาหลายคนก็ตาม แต่ยังไม่เคยเจอใครเรื่องมากเท่าภูมิมาก่อน

“เทพเสด็จแล้วจ้า~!!!” เสียงหนึ่งในทีมงานสาวตะโกนดังขึ้นเมื่อเห็นรถตู้ของภูมิเลี้ยวเข้ามาและกำลังถอยจอดในลานจอดรถ

เสียงถอนหายใจดังขึ้นจากหลายคน ทำเอาทุกคนหันมองหน้ากันอย่างเข้าใจ บางคนก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ บางคนก็ทำหน้าเซ็งเพราะไม่อยากเจอหน้าภูมิและพี่บิวตี้

อันที่จริงทุกคนก็รู้ดีว่าตัวภูมิก็ไม่ได้นิสัยไม่ดีอะไร ที่ผ่านมาตอนร่วมงานกันภูมิก็ดูนอบน้อมถ่อมตัวดี และค่อนข้างที่จะเป็นกันเองเข้าถึงง่าย จะมีก็แต่บิวตี้ที่เป็นผู้จัดการของภูมินั่นแหละที่ดูจะเรื่องเยอะไปสักหน่อย ทำอย่างกับภูมิเป็นไข่ในหิน ดูแลดุจเทพเจ้า จะทำงานอะไรทีก็วุ่นวายน่าดู ราวกับว่าภูมิเป็นนักแสดงซุปตาร์ฮอลลีวูด หลายครั้งทีมงานถึงกับส่ายหน้าเพราะเหนื่อยระอากับการทำงานด้วยเสียเหลือเกิน แต่เพราะผู้ใหญ่เลือกมาแล้วพวกเขาจึงต้องรับกรรม ก้มหน้าทำงานกันต่อไป แม้จะไม่อยากก็ตาม

“สวัสดีครับทุกคน”​ ภูมิเดินเข้ามาภายในสตูดิโอพร้อมยิ้มกว้างพลางยกมือไหว้ทุกคนก่อนจะเดินเข้าไปที่ห้องพักส่วนตัวที่พี่บิวตี้เคยบอกไว้เป็นเงื่อนไขในการรับงานละครเรื่องนี้ว่าต้องมีห้องพักส่วนตัวให้กับภูมิ ไม่อย่างนั้นจะไม่รับ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าผู้จัดไปถูกใจอะไรนักหนาถึงได้ตกปากรับคำ ยินยอมอย่างง่ายดายขนาดนี้ เพราะแม้แต่พระเอกนางเอกของเรื่องยังไม่มีห้องพักส่วนตัวเลยด้วยซ้ำ คงหวังว่าจะเรียกเรตติ้งให้ละครจากกระแสของภูมิได้ล่ะมั้ง

“สวัสดีจ้า” พี่โปรดิวเซอร์ตอบรับด้วยน้ำเสียงสดใสแต่ก็ไม่ได้สนใจมากนัก ทำไปตามมารยาทเท่านั้น

ภูมิกับบิวตี้เดินเข้ามาในห้องพักที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ในห้องมีมุมวางอาหารและเครื่องดื่มที่เป็นฟู้ดซัพพอร์ตจากบ้านแฟนคลับซึ่งมีจำนวนเพียงพอสำหรับภูมิแค่คนเดียว แถมในห้องยังมีช่างแต่งหน้าทำผมส่วนตัวที่พี่บิวตี้จ้างแยกมาอีกต่างหาก เพราะไม่อยากให้ภูมิใช้ช่างรวมกับคนอื่นด้วยเหตุผลที่ว่ากลัวภูมิจะเป็นสิวหรือผื่นแพ้แล้วจะกระทบกับงานอื่นๆ ซึ่งการจ้างช่างแยกก็สร้างภาระให้กับกองถ่ายเพิ่มมากขึ้นอีกเท่าตัวสำหรับงบในส่วนนี้ เพราะแทนที่บิวตี้จะจ่ายเงินเองกลับมาเบิกจ่ายเงินของกองเสียอย่างนั้น

“พี่ส่งเบรกดาวน์ให้แล้วนะว่าวันนี้ต้องทำอะไรยังไงบ้าง” พี่บิวตี้เอ่ยบอกก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาที่มุมห้อง ปล่อยให้ภูมิแต่งหน้าทำผมเพื่อเตรียมถ่ายงานในวันนี้

บรรยากาศภายในสตูดิโอวุ่นวายเพราะคนทำงานเดินสวนกันขวักไขว่แตกต่างจากภายในห้องพักของภูมิอย่างสิ้นเชิง เพราะภายในนั้นมีคนอยู่เพียงแค่สี่คนเท่านั้น นั่นคือ ภูมิ บิวตี้ ช่างแต่งหน้าหนึ่งคน และช่างทำผมอีกหนึ่งคน 

หน้าเซ็ตกำลังวุ่นวายอยู่กับการเตรียมถ่ายฟิตติ้งละคร ทุกคนดูเต็มที่กับงานตรงหน้าเป็นอย่างมาก คู่ของพระเอกนางเอกเริ่มถ่ายเป็นคู่แรก และดูจะราบรื่นดี เป็นการทำงานในแบบที่ทุกคนดูจะแฮปปี้กันถ้วนหน้า

ก๊อกๆๆ

“เข้ามาได้ค่า” เสียงพี่บิวตี้ตะโกนบอก

บานประตูเปิดเข้ามาช้าๆ ก่อนจะปรากฏใบหน้าที่ดูหวาดระแวงของเด็กสาวผู้มาฝึกงานในตำแหน่ง Casting หรือที่รู้จักกันในชื่อไทยว่าฝ่ายดูแลนักแสดงของกองถ่ายโผล่เข้ามาพร้อมรอยยิ้มแหยก่อนที่เธอจะเอ่ยพูด

“อีกห้านาทีพี่ภูมิแสตนบายได้เลยนะคะ”

“อ้อ ครับผม” ภูมิหันมาเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มที่ดูเป็นกันเอง

“ขอบคุณค่ะ” 

เด็กสาวถอยตัวออกไปแล้วปิดประตูลง รอยยิ้มที่เปื้อนใบหน้าของภูมิก็หายไปในทันที

หลังจากนั้นห้านาทีพอดิบพอดีภูมิก็เดินออกมาจากห้องพักส่วนตัวพร้อมพี่บิวตี้ไปยังหน้าเซ็ตที่กำลังทำงานกันอยู่

“อ้าว ยังไม่เสร็จอีกเหรอคะ?” พี่บิวตี้เอ่ยทักเมื่อเดินมาถึงตรงหน้ามอนิเตอร์แล้วเห็นว่าคู่พระเอกนางเอกยังคงยืนถ่ายรูปกันอยู่ในเซ็ต

“ใกล้แล้วค่ะพี่บิวตี้”

“แล้วทำไมไม่รอให้เสร็จก่อนคะ น้องภูมิจะได้ไม่ต้องมายืนรอ” 

“เอ่อ...คือ”​

“วันหลังอย่าทำแบบนี้นะคะ นี่น้องภูมินะคะให้มายืนรอได้ยังไง” เสียงพูดของบิวตี้ทำเอาหลายคนหันมามอง พี่ผู้กำกับถอนหายใจยาวออกมาอย่างไม่พอใจ

“ไม่เป็นไรครับพี่บิวตี้ ผมรอได้” เสียงภูมิดังขึ้นอย่างเกรงใจ เขาส่งสายตาพลางท่าทีขอโทษไปยังทุกคน 

แต่ใครจะไปรู้ว่าไฟโมหะเริ่มก่อตัวภายในจิตใจของภูมิเข้าให้แล้ว...

“แป๊บเดียวเองค่ะ เหลืออีกไม่กี่รูปก็เสร็จแล้วค่ะ”

“ถ่ายก่อนเลยได้นะคะ​” เสียงน้องนางเอกที่เดินออกมาเอ่ยพูดขึ้นติดรำคาญหน่อยๆ ก่อนที่เธอจะหันไปกวักมือเรียกให้พระเอกที่ยืนอยู่ในเซ็ตเดินออกมา เธอได้ยินทุกอย่างที่พวกเขาคุยกัน จึงรู้สึกหงุดหงิดเพราะที่ผ่านมาก็ได้ยินทุกคนบ่นเรื่องภูมิอยู่ไม่น้อย เธอจึงคิดว่าปล่อยให้คนเรื่องเยอะรีบถ่ายให้เสร็จแล้วรีบกลับบ้านไปน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน

“ขอบคุณค่ะ” พี่บิวตี้หันไปยิ้มตามมารยาทแล้วเอ่ยขอบคุณก่อนจะหันไปมองหน้าภูมิแล้วพยักหน้าให้ภูมิเดินเข้าไปหน้าเซ็ต

การถ่ายรูปฟิตติ้งดำเนินไปอย่างน่าอึดอัดแต่ก็ว่องไว ด้วยความมืออาชีพของภูมิทำให้ทุกรูปที่ช่างภาพถ่ายได้นั้นไม่มีหลุดเลยแม้แต่รูปเดียว ภูมิหล่อทุกรูป หล่อแบบประจักษ์ต่อสายตาทุกคน โดยที่ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้

“เรียบร้อยครับ” ผู้กำกับเอ่ยพูดขึ้นเมื่อถ่ายครบตามเซ็ตที่ได้วางเอาไว้ 

“ขอบคุณครับ” ภูมิเดินออกมาจากฉากพร้อมยกมือไหว้

“เก่งมาก อยู่ทุกรูป” พี่โปรดิวเซอร์ยังอดปากเอ่ยชมไม่ได้ แม้ว่าจะไม่ค่อยชอบพฤติกรรมของผู้จัดการสักเท่าไหร่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าภูมิทำงานได้อย่างมืออาชีพจริงๆ 

“งั้นขอตัวกลับก่อนเลยนะคะ เดี๋ยวน้องมีไปอีเวนต์ต่อ ขอบคุณค่ะ” บิวตี้เอ่ยสวนขึ้นมาทันทีแล้วพาภูมิเดินออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว

ทีมงานแต่ละคนแทบกรี๊ดเมื่อบุคคลทั้งสองเดินพ้นออกไปจากบริเวณที่กำลังถ่ายทำ ความหมั่นไส้ที่กักเก็บเอาไว้แทบระเบิดออกมา บางคนก็เลียนแบบท่าทางของบิวตี้เพื่อล้อเลียน

“ชั้นล่ะนึกว่านางเป็นพระเอกนะ” ช่างแต่งของกองถ่ายเอ่ยพูดขึ้นพลางเบ้ปากขณะนินทาอยู่กับเพื่อนทีมงานคนหนึ่ง

ความวุ่นวายใจของทีมงานแต่ละฝ่ายยังคงเกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวันนับตั้งแต่ที่ภูมิรับงานเข้ามา จวบจนวันนี้ที่มาฟิตติ้ง ภูมิกับบิวตี้ก็ยังคงวางตัวเป็นเทพอยู่เหนือทุกคนในกองถ่าย แม้แต่พระเอกนางเอกของช่องยังโดนบิวตี้กับภูมิเหยียดเข้าให้ จนใครต่อใครก็พากันเมาท์ให้แซ่ดว่าดาราซีรีส์วายนิสัยเสียเหมือนกันไปหมด โดนเหมารวมไปเสียอย่างนั้น ทำเอาผู้จัดได้ยินก็ถึงกับปวดหัวจนต้องเลือกว่าจะไปต่อกับภูมิเพื่อกระแสของละครหรือจะพอแค่นี้เพื่อสุขภาพจิตและบรรยากาศที่ดีในการทำงานแทน

“คิดดูใหม่อีกทีไหมพี่” โปรดิวเซอร์เอ่ยปรึกษากับผู้จัดในวันประชุมใหญ่ของทีมโปรดักชั่น เพราะเขารู้สึกว่าไม่สามารถที่จะร่วมงานกับภูมิได้อีกต่อไปแล้ว

“แต่น้องเขาก็น่ารักดีไม่ใช่เหรอ มีแต่ยัยผู้จัดการตัวแสบนั่นที่น่าหงุดหงิดใจ”

“แล้วพี่แน่ใจใช่ไหมว่าอนาคตจะไม่มีปัญหาอะ นี่ยังไม่ออกกองยังเรื่องเยอะขนาดนี้เลยนะ แล้วตอนเปิดกล้องจะไม่ยิ่งกว่านี้เหรอ ละครเราโลเคชั่นมีแต่ในป่าในเขา เทพเจ้าอย่างน้องภูมิจะทนได้เหรอพี่” 

“ก็จริงของแก...”

“พี่ตัดสินใจเลย ว่าจะเอาไงต่อ” โปรดิวเซอร์ถามย้ำเพราะอยากได้คำตอบที่ชัดเจนเพื่อที่จะได้ทำงานในส่วนที่เหลือต่อไปได้

“ถ้าเปลี่ยนคนอาจจะดีกว่าใช่ไหม” ผู้จัดถามออกไปราวกับต้องการความมั่นใจ เพราะลำพังตัวเขาเองก็ยังเชื่อมั่นในเรื่องกระแสความดังของภูมิจะทำให้ละครของเขาประสบความสำเร็จได้

ทีมงานทุกคนไม่ได้เอ่ยปากตอบอะไรออกมาเพียงแต่พยักหน้าหงึกๆ กันแบบนั้นทุกคน ที่ผ่านมาเรื่องระหว่างพวกเขากับภูมิมันก็น่ารำคาญเกินทนแล้ว

“โอเคงั้นเดี๋ยวพี่จะคุยกับบิวตี้เอง ที่เหลือก็ฝากเป็นการบ้านทุกคนแล้วกันว่าพอจะมีใครมาแทนในตำแหน่งนี้ได้บ้าง ลองเสนอชื่อมา ขอคนที่ทำงานง่ายและมีฝีมือแล้วกัน ส่วนเรื่องออกกองพี่จะเลื่อนไปอีกสักเดือน จะได้ไม่ฉุกละหุกเกินไป

เยสสส~

น้ำเสียงดีใจดังแว่วขึ้นมาทำเอาหลายคนในห้องประชุมถึงกับหลุดหัวเราะ พี่ผู้จัดหันหน้าไปมองตามเสียงก่อนจะยิ้มขำออกมา เขารู้ดีว่าที่ผ่านมาเด็กๆ ในทีมต้องเจอกับอะไรมาบ้าง เพราะก็มีคนมาคอยรายงานโดยตลอดแม้ว่าเขาจะไม่ได้เข้ามาเหยียบที่กองก็ตาม ด้วยเหตุผลที่ต้องวิ่งไปคุยกับลูกค้าเพื่อหาสปอนเซอร์เข้ามาซัพพอร์ตในส่วนต่างๆ 

แค่ค่าตัวของภูมิก็แพงหูฉี่จนเกือบเท่าตัวของพระเอกอยู่แล้ว แต่ฝั่งผู้จัดเองก็ยอมที่จะทิ้งเงินมัดจำค่าตัวของภูมิไปดื้อๆ ดีกว่าต้องมาเสียยิบย่อยอีกภายหลัง เพราะดูทรงแล้วตอนออกกองในป่าเขาอาจจะต้องเสียเงินดูแลมากกว่านี้ก็เป็นได้

คืนวันนั้นผู้จัดตัดสินใจต่อสายตรงหาบิวตี้ในทันทีหลังจากภารกิจเสร็จสิ้น แม้จะเป็นเวลาที่ค่อนข้างดึกแล้วก็ตาม เพราะเขาคิดว่าควรจะคุยให้สิ้นสุดเสียทีถึงจะโดนด่ากลับมาก็ตาม

“สวัสดีจ้ะน้องบิวตี้”

(สวัสดีค่า~!)

“พอดีพี่อยากจะคุยเรื่องละครของน้องภูมิหน่อยน่ะ”

(ได้ค่า พูดได้เลยค่ะ)

“คืองี้... ทางช่องเขาเพิ่งคุยกับพี่มาว่าอยากจะเอาเด็กในช่องมาเล่นแทนน่ะ ในส่วนของบทที่ภูมิเล่น คือพี่ไม่รู้จะพูดยังไง แต่หนูน่าจะเข้าใจพี่เนอะ”

(อ่อ... ค่ะ เข้าใจได้ค่ะ)

“นั่นแหละ”

(ก็คือจะเปลี่ยนตัวนักแสดง ไม่เอาน้องภูมิแล้วใช่ไหมคะ)

“จ้ะ”

(งั้นเดี๋ยวบิวตี้ขออนุญาตส่งใบเสร็จวางบิลเรื่องค่าตัวกับค่าเสียเวลาไปให้นะคะ แล้วก็พวกค่าโฆษณาที่ทางบริษัทนำเอาชื่อเสียงและภาพของน้องภูมิไปขายสปอนเซอร์เพื่อหาเงินทุนด้วยนะคะ ขอหัก 20% แล้วกันค่ะจากยอดเงินที่ทางบริษัทได้รับมานะคะ)

“อันนี้เกินไปหน่อยไหมน้องบิวตี้”

(ไม่เกินไปหรอกค่ะ นี่ยังไม่ได้คิดค่าเสียหน้า เสียความรู้สึกนะคะ ทุกอย่างของน้องภูมิตอนนี้มันเป็นเงินเป็นทองทั้งหมด ไหนจะค่าเสียโอกาสที่ต้องปฏิเสธละครเรื่องอื่นไปอีกเพราะกลัวว่าคิวจะชน พี่จะมาทำเหมือนเด็กเล่นขายของแบบนี้ไม่ได้นะคะ ยังไงก็ต้องชดใช้ค่ะ)

“งั้นเดี๋ยวพี่ส่งเรื่องให้คุยกับทางผู้ใหญ่ของช่องต่อแล้วกันนะ”

(ค่ะ)

ผู้จัดตัดสายไปทั้งแบบนั้น ถามว่าโกรธไหมก็ใช่ เขาไม่พอใจกับสิ่งที่บิวตี้พูดเป็นอย่างมาก ทั้งที่ก็ได้รับมัดจำไปแล้วแต่ทำไมถึงยังเรียกร้องค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นอีก เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องแก้ไขปัญหานี้ยังไง เพราะถ้าอีกฝ่ายฟ้องร้องขึ้นมาก็มีสิทธิ์ที่จะแพ้ได้อยู่แล้ว การอ้างผู้ใหญ่ของช่องไว้ก่อนน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้

แต่จะโทษทางเขาอย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาการกระทำของทั้งภูมิและบิวตี้เองก็ไม่ได้อำนวยความสะดวกให้กับการทำงานของบริษัทมากเท่าไหร่ แถมยังทำให้เกิดแต่ปัญหาให้ปวดหัวอีกด้วย เงินทุนที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้ก็ค่อยๆ ทะลุยอดเกินงบไปเรื่อยๆ เพราะต้องเจียดเงินพวกนั้นมาดูแลความเป็นส่วนตัวให้กับภูมิ ไม่ว่าจะเป็นห้องพักส่วนตัว ช่างหน้า ช่างผมส่วนตัว รวมไปถึงอาหารที่ภูมิไม่กินรวมกับใครอีก ต้องตั้งโต๊ะอาหารหรูทุกครั้งที่อยู่ในกอง ทำเอาทุกคนส่ายหัวไปตามๆ กัน การปลดภูมิออกจากโปรเจ็กต์นี้คงทำให้เขาประหยัดเงินขึ้นได้มาก เพราะการตัดเนื้อร้ายตั้งแต่มันยังไม่ลุกลาม คงทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเรื่อยๆ ได้อย่างแน่นอน

ไม่อย่างนั้นกองถ่ายของเขาก็คงเหมือนกับการติดกระดุมผิดเพียงเม็ดเดียวก็จะผิดไปทั้งระบบ...

การปลดภูมิออกจากละครในครั้งนี้ถือว่าเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญอยู่ไม่น้อย แต่หากเริ่มต้นงานมาแล้วมีแต่ปัญหา การตัดไฟตั้งแต่ต้นลมก็เป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุดแล้วในเวลานี้