วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ

วายบันเทิง - บทที่ 24 เกาะกระแส โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น,วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วายบันเทิง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ

รายละเอียด

วายบันเทิง โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ

ผู้แต่ง

Run_Kantheephop

เรื่องย่อ

วายบันเทิง

The Gossip of BL

Run_Kantheephop

เรื่องแต่ง 99%  อีก 1% คือเค้าโครงจากเรื่องจริง

ขออนุญาตแก้ไขวันและเวลาในการอัพนิยายนะครับ เนื่องจากช่วงนี้มีภารกิจจากหน้าที่การงานเข้ามาจึงทำให้เขียนนิยายได้น้อยลงกว่าเดิม จากนี้ไปจะขออัพนิยายเพียงแค่สัปดาห์ละ 1 ตอนนะครับ (ทุกวันเสาร์ เวลา 18:00 น.)

ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามครับ

********************************************************************************

มีทั้งหมด 5 เล่ม

E-Book วางจำหน่ายแล้ว บน MEB

สารบัญ

วายบันเทิง-Intro บทนำ,วายบันเทิง-บทที่ 1 เด็กบ้านนอกคนหนึ่ง,วายบันเทิง-บทที่ 2 ผลลัพธ์ที่ดี,วายบันเทิง-บทที่ 3 ทริปมิตรสัมพันธ์,วายบันเทิง-บทที่ 4 สังสรรค์หรือสงคราม,วายบันเทิง-บทที่ 5 ยังไงกันแน่,วายบันเทิง-บทที่ 6 แต่ความจริงคือ...,วายบันเทิง-บทที่ 7 ระมัดระวัง,วายบันเทิง-บทที่ 8 ข่าวลือ,วายบันเทิง-บทที่ 9 มันจริงมั้ย?,วายบันเทิง-บทที่ 10 คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ,วายบันเทิง-บทที่ 11 เคลียร์ใจ,วายบันเทิง-บทที่ 12 มีซัมติงไหม?,วายบันเทิง-บทที่ 13 นี่ว่าใช่ ไม่ได้มโน,วายบันเทิง-บทที่ 14 โดนกับตัว,วายบันเทิง-บทที่ 15 ไม่พอใจ,วายบันเทิง-บทที่ 16 ต้องเลือก,วายบันเทิง-บทที่ 17 เมามาย 1,วายบันเทิง-บทที่ 18 เมามาย 2,วายบันเทิง-บทที่ 19 ทำไมทำงี้!?,วายบันเทิง-บทที่ 20 โอกาสเดียว,วายบันเทิง-บทที่ 21 หมดความอดทน,วายบันเทิง-บทที่ 22 ไม่จบไม่สิ้น,วายบันเทิง-บทที่ 23 โดนปลด,วายบันเทิง-บทที่ 24 เกาะกระแส,วายบันเทิง-บทที่ 25 ข่าวล่ามาไว,วายบันเทิง-บทที่ 26 เพื่อนใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 27 งงไปหมด,วายบันเทิง-บทที่ 28 คนใหม่?,วายบันเทิง-บทที่ 29 มันเอาอีกละ,วายบันเทิง-บทที่ 30 สามหนุ่มเปิดใจ,วายบันเทิง-บทที่ 31 ก้าวใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 32 คลาสแอคติง,วายบันเทิง-บทที่ 33 ไปแคสติงกัน,วายบันเทิง-บทที่ 34 ช่วยมาคุมความประพฤติอีสันดานนี่ที,วายบันเทิง-บทที่ 35 ข่าวเก่าเล่าใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 36 ไม่เป็นไร,วายบันเทิง-บทที่ 37 รียูเนียน?,วายบันเทิง-บทที่ 38 เลิฟซีนเป็นเหตุ,วายบันเทิง-บทที่ 39 นั่นปากเหรอ!?,วายบันเทิง-บทที่ 40 เอาแล้วหัวใจ,วายบันเทิง-บทที่ 41 ระยะปลอดภัย,วายบันเทิง-บทที่ 42 เรื่องของฮัน,วายบันเทิง-บทที่ 43 หัวใจเจ้ากรรม หวั่นไหวง่ายจัง,วายบันเทิง-บทที่ 44 แค่พี่น้อง?,วายบันเทิง-บทที่ 45 ไปเชียงใหม่กันไหม,วายบันเทิง-บทที่ 46 เริ่มเลย,วายบันเทิง-บทที่ 47 เริ่มเลย 2,วายบันเทิง-บทที่ 48 ยินดีต้อนรับ,วายบันเทิง-บทที่ 49 ม่อนแจ่ม,วายบันเทิง-บทที่ 50 ไปขึ้นเขากัน,วายบันเทิง-บทที่ 51 กิ่วแม่ปาน,วายบันเทิง-บทที่ 52 เบื่อจริงๆ ไอ้พวกปากแข็ง,วายบันเทิง-บทที่ 53 ขอสักหน่อย หายไปหลายคืน,วายบันเทิง-บทที่ 54 กลับไป ไม่กลับใจ,วายบันเทิง-บทที่ 55 ความพยายาม,วายบันเทิง-บทที่ 56 อดีตช่วยย้ำเตือน,วายบันเทิง-บทที่ 57 เริ่มต้นเปิดใจ,วายบันเทิง-บทที่ 58 บททดสอบ,วายบันเทิง-บทที่ 59 ความลับที่ฉันซ่อนไว้,วายบันเทิง-ตอนที่ 60 ตอนจบที่มีความสุข

เนื้อหา

บทที่ 24 เกาะกระแส

เสียงประกาศของรถขายของสดหรือที่ผู้คนในละแวกนั้นรู้จักและเข้าใจตรงกันในชื่อ ‘รถพุ่มพวง’ ดังลอยมาตามลมแว่วเข้าหูกันต์ที่กำลังนอนหลับฝันดี หลังจากที่เมื่อคืนนอนดูซีรีส์เพลินจนเกือบเช้า เขาสะดุ้งตื่นก่อนจะงัวเงียเล็กน้อย อันที่จริงเขาก็อยากจะลงไปหาซื้อผักสดและเนื้อหมูจากรถพุ่มพวงมาเก็บยัดไว้ในตู้เย็นสักหน่อย เผื่อเอาไว้ใส่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกินยามดึกเวลาที่เขานั่งดูหนัง แต่ร่าง

กายก็ขี้เกียจเกินกว่าจะลุกออกจากเตียงได้ในเวลานี้

            เขาเอี้ยวตัวไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่ยัดไว้ใต้หมอนหลังจากที่เมื่อคืนนอนดูติ๊กตอกจนเพลิน พอเริ่มง่วงเข้าหน่อยเขาไม่อยากที่จะลุกขึ้นเอามือถือไปวางที่อื่นด้วยกลัวว่าจะหายง่วงไปเสียก่อน เขาจึงยัดมันไว้ในนั้น 

 แสงหน้าจอมือถือสว่างวาบขึ้นทำเอาเขาต้องหยีตาเล็กน้อยเพราะสายตายังคงไม่สู้แสง แต่พอได้ปล่อยให้ดวงตาปรับสภาพสักหน่อยเขาก็สามารถจ้องมองที่หน้าจอมือถือได้อย่างเต็มตาอีกครั้ง

“หื้ม?” กันต์อดสงสัยไม่ได้เมื่อเห็นแจ้งเตือนข้อความในอินสตาแกรมจากพี่บุ๊ค

‘ทำไรวันนี้ ไปหาไรกินกัน’

“แล้วก็ส่งมาชวนแต่เช้าเลย” กันต์บ่นงึมงำก่อนจะกดนิ้วพิมพ์ข้อความตอบกลับไป 

อันที่จริงช่วงนี้เขาก็ค่อนข้างที่ว่างงานอยู่ไม่น้อย หลังจากซีรีส์จบไป เขาก็พยายามที่จะไปแคสซีรีส์เรื่องอื่นๆ อยู่บ่อยครั้งแต่ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะได้รับโอกาส ทำเอาเขาท้ออยู่ไม่น้อย แต่เขาก็เชื่อเรื่องจังหวะเวลาที่ถูกต้องและเหมาะสม จึงยังพอจะทำให้เขามีความหวังอยู่บ้างเล็กน้อยที่จะเดินไปบนเส้นทางสายนี้

กันต์ยันตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงหลังจากตอบข้อความของบุ๊คกลับไป หน้าจอมือถือของเขาในตอนนี้ก็หนีไม่พ้นคลิปวิดีโอในติ๊กตอกเหมือนเดิม พักนี้เขาติดการดูคลิปสั้นเหล่านี้มาก เพราะมันทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายได้ไม่น้อย โดยเฉพาะบรรดาคลิปตลกทั้งหลายที่ผ่านตามาให้เขาเห็นไม่หยุด จนกระทั่งข้อความจากบุ๊คเด้งเตือนมาอีกครั้ง

 

Book : ว่างอยู่ใช่ปะ

Kan : ว่างอยู่พี่

Kan : ไม่ได้ทำไร

Book : เออ งั้นออกมาเจอกันหน่อย 

Book : คิดถึง ไม่ได้เจอนาน

Kan : ที่ไหน กี่โมงบอกละกันพี่

Book : เค เดี๋ยวหาร้านก่อน

Kan : คับบบ

 

กันต์วางโทรศัพท์ลงก่อนจะเดินลงไปชั้นล่างทันที รถพุ่งพวงยังคงจอดอยู่แบบนั้นตอนที่เขาเดินออกไปหน้าบ้าน โดยที่มีบรรดาป้าๆ แถวบ้านยืนมุงอยู่รอบรถเพื่อเลือกซื้อข้าวของไว้ใช้ทำกับข้าว เขาหยุดแวะดูเล็กน้อยเห็นว่ามีผักบางอย่างที่เขาอยากกินแต่ก็ไม่ได้ซื้อเพียงเพราะคิดว่าเดี๋ยวจะต้องออกไปหาพี่บุ๊คข้างนอก อาจจะกลับดึกและไม่ได้ทำกับข้าวกินในวันนี้ เขาจึงเลือกที่จะเดินออกไปร้านอาหารตามสั่งที่อยู่หน้าปากซอยแทน

“เอาหมูกรอบผัดน้ำพริกเผาครับ” กันต์เอ่ยปากสั่งแม่ค้าที่กำลังยืนผัดเมนูที่ลูกค้าคนก่อนหน้าสั่งอยู่หน้าเตา

“จ้า รอแป๊บนะลูก”

เสียงโคร้งเคร้งจากตะหลิวที่กำลังสัมผัสกับผิวกระทะดังลั่นไปทั่วบริเวณ ยิ่งทำให้ความหิวของกันต์ปะทุขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย จากที่ไม่ค่อยจะหิวสักเท่าไหร่นัก พอได้ยินเสียงแบบนี้น้ำย่อยในท้องก็เหมือนจะเริ่มทำงานในทันที

โครก~~

กันต์ยกมือขึ้นลูบพุงเมื่อได้ยินเสียงท้องร้องของตัวเอง โชคดีที่แม่ค้ามัวแต่สาละวนอยู่กับหน้าเตาจึงไม่ได้ยินเสียงท้องร้องของเขา ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะรู้สึกอายมากกว่านี้ก็ได้

ใช้เวลาไม่นานหมูกรอบผัดน้ำพริกเผาในกล่องพลาสติกก็ถูกยื่นให้กันต์ เขาหยิบมือถือขึ้นมาเปิดเพื่อแสกนจ่ายก่อนจะหันหลังเดินออกมาจากร้านเพื่อกลับไปกินข้าวที่บ้าน

หลังจากที่คิมกลับไปอยู่บ้านตัวเองก็ทำให้บ้านของเขาดูเงียบเหงาขึ้นมาทันตา เพราะก่อนหน้านี้ไอ้เพื่อนสนิทตัวดีมักจะเอาแต่หาเรื่องชวนคุยอยู่เสมอ แม้จะมีบางครั้งที่กันต์รู้สึกรำคาญอยู่บ้าง แต่การไม่มีมันอยู่ที่บ้านแบบนี้ก็ทำให้เขารู้สึกเหงาอยู่ไม่น้อย ดีที่วันนี้พี่บุ๊คทักมาชวนออกไปหาอะไรกินข้างนอก จึงยังพอมีอะไรให้ทำขึ้นมาบ้าง

“แล้วกูจะซื้อข้าวมาทำไมวะ เดี๋ยวก็ต้องออกไปกินข้าวกับพี่บุ๊คอีก” กันต์เอ่ยบ่นเมื่อเดินกลับมาถึงหน้าบ้านของตัวเอง

แต่เพราะไม่อาจทนกับความหิวของตัวเองได้ เขาจึงนั่งเปิดทีวีแล้วเปิดกล่องข้าวมากินรองท้องไปเสียก่อน เพราะเท่าที่เขารู้จักพี่บุ๊คมาประมาณหนึ่งก็พอจะรู้ได้ว่าไม่ใช่คนที่ตรงเวลาสักเท่าไหร่ ครั้งก่อนๆ ที่นัดกันบุ๊คก็มักจะมาสาย ประมาณครึ่งชั่วโมงอยู่เสมอ

เวลาหลังจากกินข้าวเสร็จหมดไปกับการอาบน้ำแต่งตัว ลำพังแค่อาบน้ำในตอนเช้ากันต์ไม่ค่อยจะได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่ มาเหนื่อยกับไอ้การหาเสื้อผ้าเพื่อใส่ออกไปข้างนอกนี่แหละ

จะออกบ้านแต่ละทีคิดแล้วคิดอีกว่าจะใส่อะไรดี แม้จะเสื้อผ้าแน่นตู้จนแทบจะระเบิด แต่เขาก็ยังบ่นไม่มีอะไรจะใส่อยู่ดี ก่อนหน้านี้เคยโดนคิมขู่ว่าจะเอาเสื้อผ้าไปขายมือสอง ทำเอากันต์กินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่หลายวัน

กว่าจะมาถึงสถานที่นัดหมายที่พี่บุ๊คบอกเอาไว้ก็เกือบจะเลยเวลานัดไปเสียแล้ว กันต์เดินไปนั่งรอที่ม้านั่งในห้างเพราะอากาศข้างนอกร้อนเกินกว่าจะทนไหว เขาแวะซื้อเครื่องดื่มชาพีชใส่ไข่มุกมาก่อนหน้านี้ จึงทำให้ยังพอมีอะไรให้ทำอยู่บ้างระหว่างที่นั่งรอคนนัด

“รอนานปะ” เสียงพี่บุ๊คเอ่ยทัก ทำเอากันต์ถึงกับมองบน

“นานนนนนนน”

“กวนละ”

“ล้อเล่นอะ เพิ่งมาถึงเมื่อกี๊เอง” กันต์เอ่ยตอบก่อนจะยกแก้วชาพีชขึ้นดื่มอีกครั้งจนหมดแล้วเดินเอาไปหย่อนทิ้งลงถังขยะ

“หิวอะ รีบไปร้านเหอะ” พี่บุ๊คบ่นหน้ายู่ก่อนจะเดินนำกันต์ออกไป

พวกเขาไม่ได้ไปร้านอาหารที่มีอยู่ภายในห้างหรูแห่งนั้น แต่กลับพากันเดินออกมาด้านนอก ข้ามไปอีกฝั่งก่อนจะเดินเข้าไปยังร้านอาหารเล็กๆ ที่อยู่ในซอย แม้ว่าภายนอกจะดูสภาพร้านไม่ค่อยน่ากินสักเท่าไหร่ แต่พี่บุ๊คก็การันตีหนักหนาว่ารสชาติไม่เป็นสองรองใคร

“พี่สั่งเลย กันต์กินได้หมด”

“โอเค ได้”

กันต์เอ่ยบอกอีกฝ่ายเมื่อหย่อนตัวนั่งลงที่โต๊ะว่างในร้าน เมนูอาหารจำนวนมากที่แปะอยู่บนผนังของร้านทำเอาเขารู้สึกตาลายไปหมด เพราะมันเยอะเสียจนเลือกกินไม่ถูก เขาจึงตัดสินใจที่จะให้คนเอ่ยชวนซึ่งเป็นลูกค้าประจำจัดการสั่งให้ ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด อย่างน้อยก็ไม่ต้องมานั่งคิดว่าจะสั่งอะไรดี แล้วรสชาติจะอร่อยถูกปากหรือเปล่า ปล่อยให้พี่บุ๊คเป็นคนสั่งเมนูที่เขากินประจำมาน่าจะดีกว่า เพราะถ้าพี่บุ๊คชอบกินก็แปลว่าอร่อย ที่ผ่านมาพี่บุ๊คเป็นคนที่เลือกกินจะตายไป ไม่ว่าจะถูกหรือแพงก็ไม่เคยเกี่ยงเรื่องราคาเลยแม้แต่น้อย ขอแค่มีรสชาติที่อร่อยถูกปากก็พอแล้ว

บุ๊คสั่งอาหารไปประมาณสี่ห้าอย่างจนกันต์เองก็แอบตกใจไม่น้อยว่ามาแค่สองคนแต่สั่งจำนวนอาหารปริมาณมากขนาดนี้อาจจะกินกันไม่หมด แต่ก็ไม่ได้ดูว่าบุ๊คจะรู้สึกอะไร ก็แค่สั่งในสิ่งที่อยากกินก็เท่านั้น

“มาสองคนแน่เหรอพี่”

“ทำไมอะ” บุ๊คถามกลับอย่างสงสัยเมื่อได้ยินคำถามจากปากของกันต์

“สั่งซะเยอะเลย”

“เอาน่า ไม่ต้องคิดมาก”

“กลัวกินไม่หมด ไม่ใช่อะไร” กันต์บอกต่อด้วยสีหน้าเสียดาย

“ช่างมัน ปกติเวลากินข้าวพี่ไม่เคยสั่งอย่างเดียวอยู่แล้ว โต๊ะมันจะดูเหงาไปหน่อย สั่งมาหลายๆ อย่าง จะได้เจริญอาหาร”

“ไม่ใช่ว่าเพราะสั่งตอนหิวเหรอ อะไรๆ มันก็เลยดูน่ากินไปหมดงี้” กันต์เอ่ยแซว

“บ้าแก! ดูออกเลยเหรอ” บุ๊คเถียงกลับทำเอาทั้งคู่หลุดหัวเราะออกมา

จำนวนลูกค้าในตอนนี้ยังมีไม่ค่อยมากนักอาจเพราะเป็นวันธรรมดาในช่วงเวลาทำงาน บรรยากาศภายในร้านจึงค่อนข้างดูบางตา ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องดีเพราะหากว่ามีจำนวนลูกค้าที่มากกว่านี้กันต์อาจจะไม่เอ็นจอยสักเท่าไหร่ ร้านพัดลมที่ไม่มีแอร์แบบนี้ ยิ่งจำนวนคนน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี จะได้ไม่อึดอัดเกินไป

“เออ ลองโทรชวนภัทรไหม พี่จำได้ว่าน้องมันอยู่แถวนี้นะ” อยู่ๆ บุ๊คก็เอ่ยถามขึ้นมา

“ได้นะพี่ กันต์ไม่ติดอะไร”

“อาเค”

สิ้นสุดคำพูด บุ๊คก็หยิบมือถือโทรออกหาภัทรในทันที แม้ว่าที่ผ่านมาพฤติกรรมบางอย่างของภัทรจะทำให้กันต์รู้สึกไม่ดี แต่การที่บุ๊คจะชวนภัทรออกมากินข้าวด้วยนั้นก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่สิ่งที่น่าแปลกใจมากกว่าการชวนออกมากินข้าวด้วยกันนั่นก็คือ...

พี่บุ๊คกับภัทรไปสนิทกันตอนไหน 

ทำไมเขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน...

เพราะก่อนหน้านี้บุ๊คเองก็เห็นพฤติกรรมการทำงานของภัทรอยู่ตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงงานแฟนมีตติ้งที่ภัทรกับพี่ปูทำกันต์นั่งร้องไห้มาแล้ว กันต์จึงไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าทำไมสองคนนี้ถึงได้ไปสนิทกัน แม้จะไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่แต่เขาก็ไม่สิทธิ์จะไปห้ามไม่ให้ใครสนิทกับใครได้อยู่แล้ว

“พี่บุ๊ค กันต์มีเรื่องอยากจะถาม” กันต์เอ่ยพูดขึ้นอย่างไม่เต็มเสียงนัก เพราะในใจของเขาก็ยังตีกันอยู่นิดหน่อยว่าเรื่องนี้สมควรที่จะเอ่ยถามออกไปหรือไม่ กลัวว่าจะเสียมารยาท

“ว่าไง”

“พี่ไปสนิทกับภัทรมันตอนไหนนะ”

“อ่อ... ก็นึกว่าเรื่องอะไร”

“แปลกใจเฉยๆ พี่ก็รู้อยู่ว่าน้องมันเป็นคนยังไง” กันต์พูดต่อด้วยน้ำเสียงเชิงไม่ถูกใจ อาจเพราะอคติที่เขามีต่อตัวน้อง ทำให้กันต์ไม่ได้รู้สึกอยากจะสนิทกับภัทรสักเท่าไหร่นัก

“ทุกคนมันก็มีทั้งนิสัยที่ดีและไม่ดีนั่นแหละ ส่วนตัวพี่ น้องภัทรไม่เคยทำนิสัยไม่ดีใส่นะ ก็เลยไม่ได้อะไร อีกอย่างพี่ก็เพิ่งรู้ว่าภัทรเป็นรุ่นน้องที่คณะ แค่คนละเอก”

“อ่อ”

“นั่นแหละ ก็เลยได้คุยกันเยอะขึ้น น้องมันก็ชอบมาปรึกษาเรื่องเรียน เรื่องสอบใดๆ ก็แค่นั้น เลยสนิทกันมาเรื่อยๆ” 

“เก็ทททท”

พอได้ฟังคำอธิบายจากปากของพี่บุ๊ค กันต์ก็หายสงสัยได้ในทันที เพียงเพราะคำว่ารุ่นพี่รุ่นน้อง เพราะอันที่จริงสายใยของความเป็นพี่น้องสถาบันเดียวกันนี่มันค่อนข้างที่แข็งแกร่งอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันที่พี่บุ๊คกับภัทรเรียนอยู่

“พี่บุ๊ค! หวัดดีครับ” เสียงหนึ่งที่คุ้นหูดังขึ้น ทำเอาบุ๊คกับกันต์ต้องหันไปดู

“เอ้า! มาละเหรอภัทร” บุ๊คเอ่ยทักกลับไปเมื่อสายตาหันไปเห็นว่าเจ้าของเสียงที่ร้องเรียกมานั้นเป็นใคร

“มาไวจัง” กันต์เอ่ยแซวพลางยิ้มน้อยๆ 

“ห้องอยู่ใกล้แค่นี้เอง”​ ภัทรตอบก่อนจะเดินไปหย่อนตัวลงไปนั่งที่เก้าอี้ว่างข้างบุ๊ค กันต์ได้แต่มองเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร 

“ไม่เจอตั้งหลายวัน เป็นไงบ้าง” บุ๊คเอ่ยถามสารทุกข์สุกดิบเล็กน้อย เพราะล่าสุดที่เขาเจอกับภัทรก็เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ตอนที่เขาขับรถพาภัทรไปส่งที่หอพักหลังจากภัทรเลิกเรียนแล้วบังเอิญเจอกับบุ๊คที่เข้าไปทำธุระที่คณะพอดิบพอดี

เรื่องบังเอิญนี่มันเกินกันง่ายเสียเหลือเกิน...

“ยุ่งอ่านหนังสือสอบอะพี่ จะสอบละ เห็นพี่โทรมาชวนเลยออกมาพักผ่อนหน่อย” ภัทรตอบพลางยิ้มกว้าง แววตาจ้องมองแต่เพียงบุ๊ค ราวกับว่ากันต์ไม่ได้นั่งอยู๋ตรงนั้น แต่กันต์ก็ไม่ได้ใส่ใจสักเท่าไหร่เพราะเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายเป็นคนยังไง

ไม่นานหลังจากที่ภัทรมาถึง อาหารที่สั่งเอาไว้ก่อนหน้านี้ก็ถูกนำมาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะ ตอนแรกพี่บุ๊คจะให้ภัทรสั่งเพิ่มแต่กันต์ก็บอกว่ารอให้อาหารมาก่อน ถ้าไม่พอค่อยสั่งเพิ่มน่าจะดีกว่า เพราะหากสั่งมาตอนนี้แล้วกินไม่หมดจะเสียของเอาได้

“เรามาถ่ายสตอรี่กันก่อนดีไหม” บุ๊คเอ่ยชวนภัทรกับกันต์ “อาหารกำลังน่ากินเลย”

“ได้ครับ” ภัทรรีบตอบอย่างรวดเร็วก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้จนส่วนหน้าอกแนบชิดกับหัวไหล่ของพี่บุ๊ค

กันต์มองเห็นภาพนั้นก็รู้สึกจุกอกขึ้นมาหน่อยๆ เขาเคยคิดอยากจะมีโมเมนต์แนบชิดแบบนั้นบ้าง แต่ก็พยายามที่จะหักห้ามความนึกคิดนั้นเอาไว้ เพราะรู้ดีว่าตัวเองกำลังจะเผลอไผลคิดเกินเลยกับพี่บุ๊คซึ่งนับว่าไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่นัก เพราะหากเป็นแบบนั้นเขาก็กลัวว่าพี่บุ๊คจะตีตัวออกห่างจากเขาได้ ซึ่งไม่มีวันที่เขาจะยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้แน่นอน เพราะคงทำใจไม่ได้

“พร้อมนะ หนึ่ง สอง สาม!” ทันทีที่ได้ยินเสียงพูดของบุ๊ค กันต์ก็รีบยื่นหน้าเข้าไปในเฟรมกล้องทันที มัวแต่นั่งคิดเรื่องไร้สาระในหัว ทำเอาเขาเกือบจะพลาดการถ่ายสตอรี่นี้ไปเสียแล้ว

“ได้มั้ย” บุ๊คยื่นหน้าจอมือถือให้ทั้งภัทรและกันต์ดูเพื่อที่จะได้เช็กว่าหน้าตาของตัวเองผ่านมาตรฐานของแต่ละคนหรือเปล่า

“ภัทรได้ครับ ผ่านอยู่ละ”

“ของกันต์ไม่ติด อัพเลย”

“โอเค” บุ๊คก้มหน้าลงไปพิมพ์แท็กชื่อไอจีของแต่ละคนลงไปก่อนจะกดอัพโหลด หลังจากนั้นก็ถึงเวลาที่ทุกคนจะได้ดื่มด่ำกับอาหารบนโต๊ะเสียที แม้จะเป็นเพียงร้านข้างทาง แต่หน้าตาอาหารในแต่ละจานดูดีเกินกว่าภาพลักษณ์ของสถานที่ไปมากทีเดียว

~~~~~~~~~~ The Gossip of BL ~~~~~~~~~~

            มินที่กำลังนั่งเล่นมือถืออยู่หลังจากที่พักเบรกจากการถ่ายงานบังเอิญกดเข้าไปดูสตอรี่ของบุ๊คที่เพิ่งอัพไปเมื่อประมาณ 20 นาทีก่อนหน้านี้จึงทักไปแซวว่าไม่ยอมชวนกันเลย เพราะในภาพนอกจากบุ๊คยังมีทั้งกันต์ ทั้งภัทร ซึ่งมินก็สนิทกับทุกคน แต่เขาก็รู้ดีว่าหากบุ๊คทักมาชวนจริงๆ ในเวลานี้ เขาก็ไปไม่ได้อยู่ดีเพราะติดถ่ายงานโฆษณาอยู่

            “แม่ดูนี่สิ เขานัดกินข้าวกันด้วยแหละ” มินยื่นมือถือไปให้พี่ปูดูโดยที่ไม่ทันได้คิดอะไร

“เอ้าเหรอ!” พี่ปูยื่นหน้ามามอง เห็นสตอรี่ที่บุ๊คอัพเป็นบูมเมอแรงที่มีบุ๊ค ภัทร และกันต์นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ท่าทางน่ารัก โดยเฉพาะบุ๊คกับภัทรที่ดูแนบชิดกว่าปกติ “เขาไปสนิทกันตอนไหนนะ”

“นั่นสิแม่...”

พี่ปูไม่ได้ตอบอะไรออกไปอีกหลังสิ้นสุดคำพูดของมิน สีหน้าของเธอนิ่งแม้ว่าภายในอกจะกำลังร้อนรุ่ม อันที่จริงเธอไม่ได้ติดอะไรหนักหนาหรอกกับการที่ภัทรจะไปสนิทกับใคร แม้ว่าใจเธอจะอยากให้ภัทรคบแต่เพื่อนนักแสดงดังๆ เพียงอย่างเดียวก็ตาม แต่สิ่งที่ทำให้เธอโกรธนั่นก็เพราะอิโมจิรูปหัวใจสีแดงที่วางไว้ตรงกลางระหว่างศีรษะของบุ๊คกับภัทรพอดิบพอดี ไหนจะท่าทีอ้อร้ออันแนบชิดกับบุ๊คที่ปกติเธอไม่เคยได้เห็นเวลาภัทรอยู่กับคนอื่นสักเท่าไหร่นัก

เธอรีบเปิดแอพลิเคชั่นเอ็กซ์ดูในทันทีแล้วก็เป็นอย่างที่เธอคิดเอาไว้ไม่มีผิด พวกสาววายมันน่ากลัวเสียเหลือเกิน ความไวดุจปีศาจเป็นเรื่องที่ต้องระวังให้ดี เพียงแค่สตอรี่เดียวก็สามารถเป็นที่พูดถึงได้รวดเร็วขนาดนี้

จริงๆ เธอก็เอะใจตั้งแต่ช่วงที่ซีรีส์ออกอากาศอยู่แล้วว่าจะต้องมีใครแอบจิ้นบุ๊คกับภัทรเป็นแน่ เพราะมีซีนที่ตัวละครที่ทั้งคู่เล่นมักจะได้อยู่ร่วมฉากกันบ่อยๆ แถมแต่ละครั้งยังมีโมเมนต์ให้แอบจิ้นได้เล็กๆ น้อยๆ อีกด้วย 

และนั่นเป็นสิ่งที่พี่ปูกลัวมากที่สุด ยิ่งมาเจอเหตุการณ์วันนี้ยิ่งทำให้พี่ปูโมโหไปกันใหญ่

เธอไม่พอใจเป็นอย่างมากที่บุ๊คใส่อิโมจิรูปหัวใจแบบนั้น เพราะมันทำให้สาววายคิดไปกันใหญ่ ซึ่งนั่นจะทำให้เธอเสียประโยชน์เข้าเต็มๆ ก่อนหน้านี้เธอพยายามที่จะปั่นกระแสคู่จิ้นให้กับเด็กในสังกัดตัวเองอย่างไททันเพื่อคู่กับภัทร ซึ่งก็ดูจะเป็นไปได้ด้วยดี แม้ภัทรจะอยู่ต่างค่ายแต่ก็ใกล้หมดสัญญากับที่เก่าเต็มที ในเวลานี้พี่ปูจึงกำลังใช้ความพยายามอย่างสูงเพื่อที่จะดึงภัทรให้มาอยู่ภายใต้สังกัดของตัวเองให้ได้ เพื่อที่ว่าจะได้ใช้กระแสของภัทรมาปั้นเด็กในสังกัดของตัวเองให้โด่งดังขึ้นมาบ้าง หลังจากที่พยายามมาหลายปีแต่ยังไม่มีเด็กในสังกัดคนไหนที่จะโด่งดังสร้างรายได้ให้กับเธอได้เลยแม้แต่คนเดียว

“ทำแบบนี้ได้ยังไง...” พี่ปูบ่นอุบอิบออกมาระหว่างไล่ดูไทม์ไลน์ในแอพลิเคชั่นเอ็กซ์ ยิ่งได้เห็นกันต์มาตอบเมนชั่นแฟนคลับที่ถามว่าพี่กันต์ไปนั่งอยู่ตรงนั้นทำไม แล้วกันต์ก็ตอบกลับไปว่ามานั่งเป็นก้างขวางคอ ก็เหมือนจะยิ่งปลุกกระแสจิ้นให้สาววายพูดถึงกันยกใหญ่ว่าระหว่างบุ๊คกับภัทรอาจมีซัมติงกันนอกจอ

“โอ๊ยย ประสาทจะกิน...” พี่ปูบ่นออกมาอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจกระทำบางอย่างแล้วจรดเรียวนิ้วพิมพ์ข้อความลงไปเพื่ออัพเดทข้อความขึ้นบนแอพลิเคชั่นเอ็กซ์ หวังที่จะตอบโต้บ้าง

 

แม่ปูนาขาเก @MaePuuKhaGeh : อย่าคิดว่าไม่รู้นะว่าทำอะไรกันอะ ดูออกค่ะ เกาะกระแสสุดๆ

 

พี่ปูอัพข้อความขึ้นไปแบบนั้น โดยไม่ได้เอ่ยถึงใคร แต่ทันทีที่กันต์เห็นข้อความนั้นก็รู้ได้ทันทีว่ากำลังถูกพี่ปูแซะอยู่ เขารู้สึกเสียใจนิดหน่อยทั้งที่ไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำ เพราะการออกมากินข้าวในวันนี้เกิดขึ้นเพราะบุ๊คชวน ซึ่งไม่ได้ล่วงรู้มาก่อนว่าจะมีภัทรมาด้วยเพราะไม่ได้อยู่ในแพลนตั้งแต่แรก 

ส่วนบุ๊คก็คงไม่ได้ตั้งใจจะเกาะกระแสจากภัทร ที่ผ่านมาพี่บุ๊คก็ออกจะดังกว่าภัทรด้วยซ้ำ ใครจะไปคิดว่าการนัดออกมากินข้าวระหว่างเขากับบุ๊คในวันนี้จะเป็นเรื่องราวขึ้นมาได้

“เดี๋ยวภัทรกลับก่อนน่าจะดีกว่าครับ” อยู่ๆ ภัทรที่กำลังกินข้าวไปเล่นมือถือไปก็รีบขอตัวลุกออกจากร้านในทันที โดยที่ข้าวที่กินค้างไว้ยังไม่ทันหมดจานเลยด้วยซ้ำ

“รีบไปไหนของมันวะ” บุ๊คเอ่ยถามอย่างสงสัย

“น่าจะเพราะเรื่องนี้ล่ะมั้ง...” กันต์ตอบก่อนจะยื่นหน้าจอมือถือไปให้บุ๊คดู และทันทีที่คนพี่เห็นก็สามารถเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้ในทันที

“ประสาท” บุ๊คถึงส่ายหัวตอนที่เห็นสิ่งที่พี่ปูโพสต์ในเอ็กซ์ “ไม่ต้องไปสนใจหรอก ปล่อยไป”

“แต่เขาด่าพวกเราอยู่นะพี่” กันต์แย้ง

“เขาไม่ได้เอ่ยชื่อ แกอยากรับไหมล่ะ อยากรับก็รับไป ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องไปดิ้น ปล่อยให้มันดิ้นไปคนเดียว ไม่คิดจะให้เด็กตัวเองมีเพื่อนฝูงบ้างเลยหรือไง ตลก!” บุ๊คถึงกับบ่นยาวออกมา อันที่จริงเขารู้ดีว่าคนอย่างพี่ปูเป็นยังไง และก็ไม่ได้รับมือยากสักเท่าไหร่นัก มีดีแค่ปากแจ๋วเท่านั้น เขาสงสารก็แต่ภัทรที่ต้องมาเจอผู้ใหญ่แบบนี้ ทีแรกเขาก็เข้าใจว่าภัทรเป็นเด็กในสังกัดของพี่ปู เพิ่งจะมารู้เมื่อไม่นานนี้เองว่าไม่ใช่ เพียงแต่ภัทรกำลังจะหมดสัญญาจากที่เก่า พี่ปูจึงพยายามเข้ามาช่วยดูแลเพื่อที่จะได้ดึงภัทรให้มาอยู่กับตัวเองก็เท่านั้น

ทุกอย่างก็หนีไม่พ้นเรื่องผลประโยชน์อยู่ดี...

“โอเค งั้นกันต์จะไม่สนใจ”

“ดีแล้ว แกปล่อยๆ ไปบ้าง เรื่องอะไรแบบนี้ไม่ต้องไปหาอ่านมาก รกสมอง”

“ค้าบพ่อ!” กันต์แกล้งแซวคนตรงหน้าเพราะการพูดการจาเหมือนกับพ่อขึ้นไปทุกที สั่งสอนได้ดีเสียเหลือเกิน 

“เดี๋ยวเหอะ!” บุ๊คดุกลับเล็กน้อยทำเอากันต์หลุดหัวเราะออกมา  

ทั้งคู่กลับมาสนใจอาหารบนโต๊ะต่อก่อนที่มันจะเย็นชืดไปเสียหมด จากที่ก่อนหน้านี้ตั้งใจว่าจะมากินข้าว มานั่งเมาท์มอยกันให้สบายใจ ดันมีเรื่องเข้ามากวนให้รู้สึกรำคาญเสียอย่างนั้น ทั้งที่พวกเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเลยแม้แต่น้อย แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่ความผิดของเขาด้วย แต่ก็อย่างที่พี่บุ๊คบอกนั่นแหละ ให้ปล่อยผ่านไป เพราะการมานั่งทะเลาะกับคนไร้สาระมีแต่จะทำให้ปวดสมองเสียเปล่าๆ