วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ
รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น,วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
วายบันเทิงวงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ
วายบันเทิง
The Gossip of BL
Run_Kantheephop
เรื่องแต่ง 99% อีก 1% คือเค้าโครงจากเรื่องจริง
ขออนุญาตแก้ไขวันและเวลาในการอัพนิยายนะครับ เนื่องจากช่วงนี้มีภารกิจจากหน้าที่การงานเข้ามาจึงทำให้เขียนนิยายได้น้อยลงกว่าเดิม จากนี้ไปจะขออัพนิยายเพียงแค่สัปดาห์ละ 1 ตอนนะครับ (ทุกวันเสาร์ เวลา 18:00 น.)
ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามครับ
********************************************************************************
มีทั้งหมด 5 เล่ม
E-Book วางจำหน่ายแล้ว บน MEB
เสียงประกาศของรถขายของสดหรือที่ผู้คนในละแวกนั้นรู้จักและเข้าใจตรงกันในชื่อ ‘รถพุ่มพวง’ ดังลอยมาตามลมแว่วเข้าหูกันต์ที่กำลังนอนหลับฝันดี หลังจากที่เมื่อคืนนอนดูซีรีส์เพลินจนเกือบเช้า เขาสะดุ้งตื่นก่อนจะงัวเงียเล็กน้อย อันที่จริงเขาก็อยากจะลงไปหาซื้อผักสดและเนื้อหมูจากรถพุ่มพวงมาเก็บยัดไว้ในตู้เย็นสักหน่อย เผื่อเอาไว้ใส่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกินยามดึกเวลาที่เขานั่งดูหนัง แต่ร่าง
กายก็ขี้เกียจเกินกว่าจะลุกออกจากเตียงได้ในเวลานี้
เขาเอี้ยวตัวไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่ยัดไว้ใต้หมอนหลังจากที่เมื่อคืนนอนดูติ๊กตอกจนเพลิน พอเริ่มง่วงเข้าหน่อยเขาไม่อยากที่จะลุกขึ้นเอามือถือไปวางที่อื่นด้วยกลัวว่าจะหายง่วงไปเสียก่อน เขาจึงยัดมันไว้ในนั้น
แสงหน้าจอมือถือสว่างวาบขึ้นทำเอาเขาต้องหยีตาเล็กน้อยเพราะสายตายังคงไม่สู้แสง แต่พอได้ปล่อยให้ดวงตาปรับสภาพสักหน่อยเขาก็สามารถจ้องมองที่หน้าจอมือถือได้อย่างเต็มตาอีกครั้ง
“หื้ม?” กันต์อดสงสัยไม่ได้เมื่อเห็นแจ้งเตือนข้อความในอินสตาแกรมจากพี่บุ๊ค
‘ทำไรวันนี้ ไปหาไรกินกัน’
“แล้วก็ส่งมาชวนแต่เช้าเลย” กันต์บ่นงึมงำก่อนจะกดนิ้วพิมพ์ข้อความตอบกลับไป
อันที่จริงช่วงนี้เขาก็ค่อนข้างที่ว่างงานอยู่ไม่น้อย หลังจากซีรีส์จบไป เขาก็พยายามที่จะไปแคสซีรีส์เรื่องอื่นๆ อยู่บ่อยครั้งแต่ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะได้รับโอกาส ทำเอาเขาท้ออยู่ไม่น้อย แต่เขาก็เชื่อเรื่องจังหวะเวลาที่ถูกต้องและเหมาะสม จึงยังพอจะทำให้เขามีความหวังอยู่บ้างเล็กน้อยที่จะเดินไปบนเส้นทางสายนี้
กันต์ยันตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงหลังจากตอบข้อความของบุ๊คกลับไป หน้าจอมือถือของเขาในตอนนี้ก็หนีไม่พ้นคลิปวิดีโอในติ๊กตอกเหมือนเดิม พักนี้เขาติดการดูคลิปสั้นเหล่านี้มาก เพราะมันทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายได้ไม่น้อย โดยเฉพาะบรรดาคลิปตลกทั้งหลายที่ผ่านตามาให้เขาเห็นไม่หยุด จนกระทั่งข้อความจากบุ๊คเด้งเตือนมาอีกครั้ง
Book : ว่างอยู่ใช่ปะ
Kan : ว่างอยู่พี่
Kan : ไม่ได้ทำไร
Book : เออ งั้นออกมาเจอกันหน่อย
Book : คิดถึง ไม่ได้เจอนาน
Kan : ที่ไหน กี่โมงบอกละกันพี่
Book : เค เดี๋ยวหาร้านก่อน
Kan : คับบบ
กันต์วางโทรศัพท์ลงก่อนจะเดินลงไปชั้นล่างทันที รถพุ่งพวงยังคงจอดอยู่แบบนั้นตอนที่เขาเดินออกไปหน้าบ้าน โดยที่มีบรรดาป้าๆ แถวบ้านยืนมุงอยู่รอบรถเพื่อเลือกซื้อข้าวของไว้ใช้ทำกับข้าว เขาหยุดแวะดูเล็กน้อยเห็นว่ามีผักบางอย่างที่เขาอยากกินแต่ก็ไม่ได้ซื้อเพียงเพราะคิดว่าเดี๋ยวจะต้องออกไปหาพี่บุ๊คข้างนอก อาจจะกลับดึกและไม่ได้ทำกับข้าวกินในวันนี้ เขาจึงเลือกที่จะเดินออกไปร้านอาหารตามสั่งที่อยู่หน้าปากซอยแทน
“เอาหมูกรอบผัดน้ำพริกเผาครับ” กันต์เอ่ยปากสั่งแม่ค้าที่กำลังยืนผัดเมนูที่ลูกค้าคนก่อนหน้าสั่งอยู่หน้าเตา
“จ้า รอแป๊บนะลูก”
เสียงโคร้งเคร้งจากตะหลิวที่กำลังสัมผัสกับผิวกระทะดังลั่นไปทั่วบริเวณ ยิ่งทำให้ความหิวของกันต์ปะทุขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย จากที่ไม่ค่อยจะหิวสักเท่าไหร่นัก พอได้ยินเสียงแบบนี้น้ำย่อยในท้องก็เหมือนจะเริ่มทำงานในทันที
โครก~~
กันต์ยกมือขึ้นลูบพุงเมื่อได้ยินเสียงท้องร้องของตัวเอง โชคดีที่แม่ค้ามัวแต่สาละวนอยู่กับหน้าเตาจึงไม่ได้ยินเสียงท้องร้องของเขา ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะรู้สึกอายมากกว่านี้ก็ได้
ใช้เวลาไม่นานหมูกรอบผัดน้ำพริกเผาในกล่องพลาสติกก็ถูกยื่นให้กันต์ เขาหยิบมือถือขึ้นมาเปิดเพื่อแสกนจ่ายก่อนจะหันหลังเดินออกมาจากร้านเพื่อกลับไปกินข้าวที่บ้าน
หลังจากที่คิมกลับไปอยู่บ้านตัวเองก็ทำให้บ้านของเขาดูเงียบเหงาขึ้นมาทันตา เพราะก่อนหน้านี้ไอ้เพื่อนสนิทตัวดีมักจะเอาแต่หาเรื่องชวนคุยอยู่เสมอ แม้จะมีบางครั้งที่กันต์รู้สึกรำคาญอยู่บ้าง แต่การไม่มีมันอยู่ที่บ้านแบบนี้ก็ทำให้เขารู้สึกเหงาอยู่ไม่น้อย ดีที่วันนี้พี่บุ๊คทักมาชวนออกไปหาอะไรกินข้างนอก จึงยังพอมีอะไรให้ทำขึ้นมาบ้าง
“แล้วกูจะซื้อข้าวมาทำไมวะ เดี๋ยวก็ต้องออกไปกินข้าวกับพี่บุ๊คอีก” กันต์เอ่ยบ่นเมื่อเดินกลับมาถึงหน้าบ้านของตัวเอง
แต่เพราะไม่อาจทนกับความหิวของตัวเองได้ เขาจึงนั่งเปิดทีวีแล้วเปิดกล่องข้าวมากินรองท้องไปเสียก่อน เพราะเท่าที่เขารู้จักพี่บุ๊คมาประมาณหนึ่งก็พอจะรู้ได้ว่าไม่ใช่คนที่ตรงเวลาสักเท่าไหร่ ครั้งก่อนๆ ที่นัดกันบุ๊คก็มักจะมาสาย ประมาณครึ่งชั่วโมงอยู่เสมอ
เวลาหลังจากกินข้าวเสร็จหมดไปกับการอาบน้ำแต่งตัว ลำพังแค่อาบน้ำในตอนเช้ากันต์ไม่ค่อยจะได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่ มาเหนื่อยกับไอ้การหาเสื้อผ้าเพื่อใส่ออกไปข้างนอกนี่แหละ
จะออกบ้านแต่ละทีคิดแล้วคิดอีกว่าจะใส่อะไรดี แม้จะเสื้อผ้าแน่นตู้จนแทบจะระเบิด แต่เขาก็ยังบ่นไม่มีอะไรจะใส่อยู่ดี ก่อนหน้านี้เคยโดนคิมขู่ว่าจะเอาเสื้อผ้าไปขายมือสอง ทำเอากันต์กินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่หลายวัน
กว่าจะมาถึงสถานที่นัดหมายที่พี่บุ๊คบอกเอาไว้ก็เกือบจะเลยเวลานัดไปเสียแล้ว กันต์เดินไปนั่งรอที่ม้านั่งในห้างเพราะอากาศข้างนอกร้อนเกินกว่าจะทนไหว เขาแวะซื้อเครื่องดื่มชาพีชใส่ไข่มุกมาก่อนหน้านี้ จึงทำให้ยังพอมีอะไรให้ทำอยู่บ้างระหว่างที่นั่งรอคนนัด
“รอนานปะ” เสียงพี่บุ๊คเอ่ยทัก ทำเอากันต์ถึงกับมองบน
“นานนนนนนน”
“กวนละ”
“ล้อเล่นอะ เพิ่งมาถึงเมื่อกี๊เอง” กันต์เอ่ยตอบก่อนจะยกแก้วชาพีชขึ้นดื่มอีกครั้งจนหมดแล้วเดินเอาไปหย่อนทิ้งลงถังขยะ
“หิวอะ รีบไปร้านเหอะ” พี่บุ๊คบ่นหน้ายู่ก่อนจะเดินนำกันต์ออกไป
พวกเขาไม่ได้ไปร้านอาหารที่มีอยู่ภายในห้างหรูแห่งนั้น แต่กลับพากันเดินออกมาด้านนอก ข้ามไปอีกฝั่งก่อนจะเดินเข้าไปยังร้านอาหารเล็กๆ ที่อยู่ในซอย แม้ว่าภายนอกจะดูสภาพร้านไม่ค่อยน่ากินสักเท่าไหร่ แต่พี่บุ๊คก็การันตีหนักหนาว่ารสชาติไม่เป็นสองรองใคร
“พี่สั่งเลย กันต์กินได้หมด”
“โอเค ได้”
กันต์เอ่ยบอกอีกฝ่ายเมื่อหย่อนตัวนั่งลงที่โต๊ะว่างในร้าน เมนูอาหารจำนวนมากที่แปะอยู่บนผนังของร้านทำเอาเขารู้สึกตาลายไปหมด เพราะมันเยอะเสียจนเลือกกินไม่ถูก เขาจึงตัดสินใจที่จะให้คนเอ่ยชวนซึ่งเป็นลูกค้าประจำจัดการสั่งให้ ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด อย่างน้อยก็ไม่ต้องมานั่งคิดว่าจะสั่งอะไรดี แล้วรสชาติจะอร่อยถูกปากหรือเปล่า ปล่อยให้พี่บุ๊คเป็นคนสั่งเมนูที่เขากินประจำมาน่าจะดีกว่า เพราะถ้าพี่บุ๊คชอบกินก็แปลว่าอร่อย ที่ผ่านมาพี่บุ๊คเป็นคนที่เลือกกินจะตายไป ไม่ว่าจะถูกหรือแพงก็ไม่เคยเกี่ยงเรื่องราคาเลยแม้แต่น้อย ขอแค่มีรสชาติที่อร่อยถูกปากก็พอแล้ว
บุ๊คสั่งอาหารไปประมาณสี่ห้าอย่างจนกันต์เองก็แอบตกใจไม่น้อยว่ามาแค่สองคนแต่สั่งจำนวนอาหารปริมาณมากขนาดนี้อาจจะกินกันไม่หมด แต่ก็ไม่ได้ดูว่าบุ๊คจะรู้สึกอะไร ก็แค่สั่งในสิ่งที่อยากกินก็เท่านั้น
“มาสองคนแน่เหรอพี่”
“ทำไมอะ” บุ๊คถามกลับอย่างสงสัยเมื่อได้ยินคำถามจากปากของกันต์
“สั่งซะเยอะเลย”
“เอาน่า ไม่ต้องคิดมาก”
“กลัวกินไม่หมด ไม่ใช่อะไร” กันต์บอกต่อด้วยสีหน้าเสียดาย
“ช่างมัน ปกติเวลากินข้าวพี่ไม่เคยสั่งอย่างเดียวอยู่แล้ว โต๊ะมันจะดูเหงาไปหน่อย สั่งมาหลายๆ อย่าง จะได้เจริญอาหาร”
“ไม่ใช่ว่าเพราะสั่งตอนหิวเหรอ อะไรๆ มันก็เลยดูน่ากินไปหมดงี้” กันต์เอ่ยแซว
“บ้าแก! ดูออกเลยเหรอ” บุ๊คเถียงกลับทำเอาทั้งคู่หลุดหัวเราะออกมา
จำนวนลูกค้าในตอนนี้ยังมีไม่ค่อยมากนักอาจเพราะเป็นวันธรรมดาในช่วงเวลาทำงาน บรรยากาศภายในร้านจึงค่อนข้างดูบางตา ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องดีเพราะหากว่ามีจำนวนลูกค้าที่มากกว่านี้กันต์อาจจะไม่เอ็นจอยสักเท่าไหร่ ร้านพัดลมที่ไม่มีแอร์แบบนี้ ยิ่งจำนวนคนน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี จะได้ไม่อึดอัดเกินไป
“เออ ลองโทรชวนภัทรไหม พี่จำได้ว่าน้องมันอยู่แถวนี้นะ” อยู่ๆ บุ๊คก็เอ่ยถามขึ้นมา
“ได้นะพี่ กันต์ไม่ติดอะไร”
“อาเค”
สิ้นสุดคำพูด บุ๊คก็หยิบมือถือโทรออกหาภัทรในทันที แม้ว่าที่ผ่านมาพฤติกรรมบางอย่างของภัทรจะทำให้กันต์รู้สึกไม่ดี แต่การที่บุ๊คจะชวนภัทรออกมากินข้าวด้วยนั้นก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่สิ่งที่น่าแปลกใจมากกว่าการชวนออกมากินข้าวด้วยกันนั่นก็คือ...
พี่บุ๊คกับภัทรไปสนิทกันตอนไหน
ทำไมเขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน...
เพราะก่อนหน้านี้บุ๊คเองก็เห็นพฤติกรรมการทำงานของภัทรอยู่ตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงงานแฟนมีตติ้งที่ภัทรกับพี่ปูทำกันต์นั่งร้องไห้มาแล้ว กันต์จึงไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าทำไมสองคนนี้ถึงได้ไปสนิทกัน แม้จะไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่แต่เขาก็ไม่สิทธิ์จะไปห้ามไม่ให้ใครสนิทกับใครได้อยู่แล้ว
“พี่บุ๊ค กันต์มีเรื่องอยากจะถาม” กันต์เอ่ยพูดขึ้นอย่างไม่เต็มเสียงนัก เพราะในใจของเขาก็ยังตีกันอยู่นิดหน่อยว่าเรื่องนี้สมควรที่จะเอ่ยถามออกไปหรือไม่ กลัวว่าจะเสียมารยาท
“ว่าไง”
“พี่ไปสนิทกับภัทรมันตอนไหนนะ”
“อ่อ... ก็นึกว่าเรื่องอะไร”
“แปลกใจเฉยๆ พี่ก็รู้อยู่ว่าน้องมันเป็นคนยังไง” กันต์พูดต่อด้วยน้ำเสียงเชิงไม่ถูกใจ อาจเพราะอคติที่เขามีต่อตัวน้อง ทำให้กันต์ไม่ได้รู้สึกอยากจะสนิทกับภัทรสักเท่าไหร่นัก
“ทุกคนมันก็มีทั้งนิสัยที่ดีและไม่ดีนั่นแหละ ส่วนตัวพี่ น้องภัทรไม่เคยทำนิสัยไม่ดีใส่นะ ก็เลยไม่ได้อะไร อีกอย่างพี่ก็เพิ่งรู้ว่าภัทรเป็นรุ่นน้องที่คณะ แค่คนละเอก”
“อ่อ”
“นั่นแหละ ก็เลยได้คุยกันเยอะขึ้น น้องมันก็ชอบมาปรึกษาเรื่องเรียน เรื่องสอบใดๆ ก็แค่นั้น เลยสนิทกันมาเรื่อยๆ”
“เก็ทททท”
พอได้ฟังคำอธิบายจากปากของพี่บุ๊ค กันต์ก็หายสงสัยได้ในทันที เพียงเพราะคำว่ารุ่นพี่รุ่นน้อง เพราะอันที่จริงสายใยของความเป็นพี่น้องสถาบันเดียวกันนี่มันค่อนข้างที่แข็งแกร่งอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันที่พี่บุ๊คกับภัทรเรียนอยู่
“พี่บุ๊ค! หวัดดีครับ” เสียงหนึ่งที่คุ้นหูดังขึ้น ทำเอาบุ๊คกับกันต์ต้องหันไปดู
“เอ้า! มาละเหรอภัทร” บุ๊คเอ่ยทักกลับไปเมื่อสายตาหันไปเห็นว่าเจ้าของเสียงที่ร้องเรียกมานั้นเป็นใคร
“มาไวจัง” กันต์เอ่ยแซวพลางยิ้มน้อยๆ
“ห้องอยู่ใกล้แค่นี้เอง” ภัทรตอบก่อนจะเดินไปหย่อนตัวลงไปนั่งที่เก้าอี้ว่างข้างบุ๊ค กันต์ได้แต่มองเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“ไม่เจอตั้งหลายวัน เป็นไงบ้าง” บุ๊คเอ่ยถามสารทุกข์สุกดิบเล็กน้อย เพราะล่าสุดที่เขาเจอกับภัทรก็เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ตอนที่เขาขับรถพาภัทรไปส่งที่หอพักหลังจากภัทรเลิกเรียนแล้วบังเอิญเจอกับบุ๊คที่เข้าไปทำธุระที่คณะพอดิบพอดี
เรื่องบังเอิญนี่มันเกินกันง่ายเสียเหลือเกิน...
“ยุ่งอ่านหนังสือสอบอะพี่ จะสอบละ เห็นพี่โทรมาชวนเลยออกมาพักผ่อนหน่อย” ภัทรตอบพลางยิ้มกว้าง แววตาจ้องมองแต่เพียงบุ๊ค ราวกับว่ากันต์ไม่ได้นั่งอยู๋ตรงนั้น แต่กันต์ก็ไม่ได้ใส่ใจสักเท่าไหร่เพราะเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายเป็นคนยังไง
ไม่นานหลังจากที่ภัทรมาถึง อาหารที่สั่งเอาไว้ก่อนหน้านี้ก็ถูกนำมาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะ ตอนแรกพี่บุ๊คจะให้ภัทรสั่งเพิ่มแต่กันต์ก็บอกว่ารอให้อาหารมาก่อน ถ้าไม่พอค่อยสั่งเพิ่มน่าจะดีกว่า เพราะหากสั่งมาตอนนี้แล้วกินไม่หมดจะเสียของเอาได้
“เรามาถ่ายสตอรี่กันก่อนดีไหม” บุ๊คเอ่ยชวนภัทรกับกันต์ “อาหารกำลังน่ากินเลย”
“ได้ครับ” ภัทรรีบตอบอย่างรวดเร็วก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้จนส่วนหน้าอกแนบชิดกับหัวไหล่ของพี่บุ๊ค
กันต์มองเห็นภาพนั้นก็รู้สึกจุกอกขึ้นมาหน่อยๆ เขาเคยคิดอยากจะมีโมเมนต์แนบชิดแบบนั้นบ้าง แต่ก็พยายามที่จะหักห้ามความนึกคิดนั้นเอาไว้ เพราะรู้ดีว่าตัวเองกำลังจะเผลอไผลคิดเกินเลยกับพี่บุ๊คซึ่งนับว่าไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่นัก เพราะหากเป็นแบบนั้นเขาก็กลัวว่าพี่บุ๊คจะตีตัวออกห่างจากเขาได้ ซึ่งไม่มีวันที่เขาจะยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้แน่นอน เพราะคงทำใจไม่ได้
“พร้อมนะ หนึ่ง สอง สาม!” ทันทีที่ได้ยินเสียงพูดของบุ๊ค กันต์ก็รีบยื่นหน้าเข้าไปในเฟรมกล้องทันที มัวแต่นั่งคิดเรื่องไร้สาระในหัว ทำเอาเขาเกือบจะพลาดการถ่ายสตอรี่นี้ไปเสียแล้ว
“ได้มั้ย” บุ๊คยื่นหน้าจอมือถือให้ทั้งภัทรและกันต์ดูเพื่อที่จะได้เช็กว่าหน้าตาของตัวเองผ่านมาตรฐานของแต่ละคนหรือเปล่า
“ภัทรได้ครับ ผ่านอยู่ละ”
“ของกันต์ไม่ติด อัพเลย”
“โอเค” บุ๊คก้มหน้าลงไปพิมพ์แท็กชื่อไอจีของแต่ละคนลงไปก่อนจะกดอัพโหลด หลังจากนั้นก็ถึงเวลาที่ทุกคนจะได้ดื่มด่ำกับอาหารบนโต๊ะเสียที แม้จะเป็นเพียงร้านข้างทาง แต่หน้าตาอาหารในแต่ละจานดูดีเกินกว่าภาพลักษณ์ของสถานที่ไปมากทีเดียว
~~~~~~~~~~ The Gossip of BL ~~~~~~~~~~
มินที่กำลังนั่งเล่นมือถืออยู่หลังจากที่พักเบรกจากการถ่ายงานบังเอิญกดเข้าไปดูสตอรี่ของบุ๊คที่เพิ่งอัพไปเมื่อประมาณ 20 นาทีก่อนหน้านี้จึงทักไปแซวว่าไม่ยอมชวนกันเลย เพราะในภาพนอกจากบุ๊คยังมีทั้งกันต์ ทั้งภัทร ซึ่งมินก็สนิทกับทุกคน แต่เขาก็รู้ดีว่าหากบุ๊คทักมาชวนจริงๆ ในเวลานี้ เขาก็ไปไม่ได้อยู่ดีเพราะติดถ่ายงานโฆษณาอยู่
“แม่ดูนี่สิ เขานัดกินข้าวกันด้วยแหละ” มินยื่นมือถือไปให้พี่ปูดูโดยที่ไม่ทันได้คิดอะไร
“เอ้าเหรอ!” พี่ปูยื่นหน้ามามอง เห็นสตอรี่ที่บุ๊คอัพเป็นบูมเมอแรงที่มีบุ๊ค ภัทร และกันต์นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ท่าทางน่ารัก โดยเฉพาะบุ๊คกับภัทรที่ดูแนบชิดกว่าปกติ “เขาไปสนิทกันตอนไหนนะ”
“นั่นสิแม่...”
พี่ปูไม่ได้ตอบอะไรออกไปอีกหลังสิ้นสุดคำพูดของมิน สีหน้าของเธอนิ่งแม้ว่าภายในอกจะกำลังร้อนรุ่ม อันที่จริงเธอไม่ได้ติดอะไรหนักหนาหรอกกับการที่ภัทรจะไปสนิทกับใคร แม้ว่าใจเธอจะอยากให้ภัทรคบแต่เพื่อนนักแสดงดังๆ เพียงอย่างเดียวก็ตาม แต่สิ่งที่ทำให้เธอโกรธนั่นก็เพราะอิโมจิรูปหัวใจสีแดงที่วางไว้ตรงกลางระหว่างศีรษะของบุ๊คกับภัทรพอดิบพอดี ไหนจะท่าทีอ้อร้ออันแนบชิดกับบุ๊คที่ปกติเธอไม่เคยได้เห็นเวลาภัทรอยู่กับคนอื่นสักเท่าไหร่นัก
เธอรีบเปิดแอพลิเคชั่นเอ็กซ์ดูในทันทีแล้วก็เป็นอย่างที่เธอคิดเอาไว้ไม่มีผิด พวกสาววายมันน่ากลัวเสียเหลือเกิน ความไวดุจปีศาจเป็นเรื่องที่ต้องระวังให้ดี เพียงแค่สตอรี่เดียวก็สามารถเป็นที่พูดถึงได้รวดเร็วขนาดนี้
จริงๆ เธอก็เอะใจตั้งแต่ช่วงที่ซีรีส์ออกอากาศอยู่แล้วว่าจะต้องมีใครแอบจิ้นบุ๊คกับภัทรเป็นแน่ เพราะมีซีนที่ตัวละครที่ทั้งคู่เล่นมักจะได้อยู่ร่วมฉากกันบ่อยๆ แถมแต่ละครั้งยังมีโมเมนต์ให้แอบจิ้นได้เล็กๆ น้อยๆ อีกด้วย
และนั่นเป็นสิ่งที่พี่ปูกลัวมากที่สุด ยิ่งมาเจอเหตุการณ์วันนี้ยิ่งทำให้พี่ปูโมโหไปกันใหญ่
เธอไม่พอใจเป็นอย่างมากที่บุ๊คใส่อิโมจิรูปหัวใจแบบนั้น เพราะมันทำให้สาววายคิดไปกันใหญ่ ซึ่งนั่นจะทำให้เธอเสียประโยชน์เข้าเต็มๆ ก่อนหน้านี้เธอพยายามที่จะปั่นกระแสคู่จิ้นให้กับเด็กในสังกัดตัวเองอย่างไททันเพื่อคู่กับภัทร ซึ่งก็ดูจะเป็นไปได้ด้วยดี แม้ภัทรจะอยู่ต่างค่ายแต่ก็ใกล้หมดสัญญากับที่เก่าเต็มที ในเวลานี้พี่ปูจึงกำลังใช้ความพยายามอย่างสูงเพื่อที่จะดึงภัทรให้มาอยู่ภายใต้สังกัดของตัวเองให้ได้ เพื่อที่ว่าจะได้ใช้กระแสของภัทรมาปั้นเด็กในสังกัดของตัวเองให้โด่งดังขึ้นมาบ้าง หลังจากที่พยายามมาหลายปีแต่ยังไม่มีเด็กในสังกัดคนไหนที่จะโด่งดังสร้างรายได้ให้กับเธอได้เลยแม้แต่คนเดียว
“ทำแบบนี้ได้ยังไง...” พี่ปูบ่นอุบอิบออกมาระหว่างไล่ดูไทม์ไลน์ในแอพลิเคชั่นเอ็กซ์ ยิ่งได้เห็นกันต์มาตอบเมนชั่นแฟนคลับที่ถามว่าพี่กันต์ไปนั่งอยู่ตรงนั้นทำไม แล้วกันต์ก็ตอบกลับไปว่ามานั่งเป็นก้างขวางคอ ก็เหมือนจะยิ่งปลุกกระแสจิ้นให้สาววายพูดถึงกันยกใหญ่ว่าระหว่างบุ๊คกับภัทรอาจมีซัมติงกันนอกจอ
“โอ๊ยย ประสาทจะกิน...” พี่ปูบ่นออกมาอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจกระทำบางอย่างแล้วจรดเรียวนิ้วพิมพ์ข้อความลงไปเพื่ออัพเดทข้อความขึ้นบนแอพลิเคชั่นเอ็กซ์ หวังที่จะตอบโต้บ้าง
แม่ปูนาขาเก @MaePuuKhaGeh : อย่าคิดว่าไม่รู้นะว่าทำอะไรกันอะ ดูออกค่ะ เกาะกระแสสุดๆ
พี่ปูอัพข้อความขึ้นไปแบบนั้น โดยไม่ได้เอ่ยถึงใคร แต่ทันทีที่กันต์เห็นข้อความนั้นก็รู้ได้ทันทีว่ากำลังถูกพี่ปูแซะอยู่ เขารู้สึกเสียใจนิดหน่อยทั้งที่ไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำ เพราะการออกมากินข้าวในวันนี้เกิดขึ้นเพราะบุ๊คชวน ซึ่งไม่ได้ล่วงรู้มาก่อนว่าจะมีภัทรมาด้วยเพราะไม่ได้อยู่ในแพลนตั้งแต่แรก
ส่วนบุ๊คก็คงไม่ได้ตั้งใจจะเกาะกระแสจากภัทร ที่ผ่านมาพี่บุ๊คก็ออกจะดังกว่าภัทรด้วยซ้ำ ใครจะไปคิดว่าการนัดออกมากินข้าวระหว่างเขากับบุ๊คในวันนี้จะเป็นเรื่องราวขึ้นมาได้
“เดี๋ยวภัทรกลับก่อนน่าจะดีกว่าครับ” อยู่ๆ ภัทรที่กำลังกินข้าวไปเล่นมือถือไปก็รีบขอตัวลุกออกจากร้านในทันที โดยที่ข้าวที่กินค้างไว้ยังไม่ทันหมดจานเลยด้วยซ้ำ
“รีบไปไหนของมันวะ” บุ๊คเอ่ยถามอย่างสงสัย
“น่าจะเพราะเรื่องนี้ล่ะมั้ง...” กันต์ตอบก่อนจะยื่นหน้าจอมือถือไปให้บุ๊คดู และทันทีที่คนพี่เห็นก็สามารถเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้ในทันที
“ประสาท” บุ๊คถึงส่ายหัวตอนที่เห็นสิ่งที่พี่ปูโพสต์ในเอ็กซ์ “ไม่ต้องไปสนใจหรอก ปล่อยไป”
“แต่เขาด่าพวกเราอยู่นะพี่” กันต์แย้ง
“เขาไม่ได้เอ่ยชื่อ แกอยากรับไหมล่ะ อยากรับก็รับไป ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องไปดิ้น ปล่อยให้มันดิ้นไปคนเดียว ไม่คิดจะให้เด็กตัวเองมีเพื่อนฝูงบ้างเลยหรือไง ตลก!” บุ๊คถึงกับบ่นยาวออกมา อันที่จริงเขารู้ดีว่าคนอย่างพี่ปูเป็นยังไง และก็ไม่ได้รับมือยากสักเท่าไหร่นัก มีดีแค่ปากแจ๋วเท่านั้น เขาสงสารก็แต่ภัทรที่ต้องมาเจอผู้ใหญ่แบบนี้ ทีแรกเขาก็เข้าใจว่าภัทรเป็นเด็กในสังกัดของพี่ปู เพิ่งจะมารู้เมื่อไม่นานนี้เองว่าไม่ใช่ เพียงแต่ภัทรกำลังจะหมดสัญญาจากที่เก่า พี่ปูจึงพยายามเข้ามาช่วยดูแลเพื่อที่จะได้ดึงภัทรให้มาอยู่กับตัวเองก็เท่านั้น
ทุกอย่างก็หนีไม่พ้นเรื่องผลประโยชน์อยู่ดี...
“โอเค งั้นกันต์จะไม่สนใจ”
“ดีแล้ว แกปล่อยๆ ไปบ้าง เรื่องอะไรแบบนี้ไม่ต้องไปหาอ่านมาก รกสมอง”
“ค้าบพ่อ!” กันต์แกล้งแซวคนตรงหน้าเพราะการพูดการจาเหมือนกับพ่อขึ้นไปทุกที สั่งสอนได้ดีเสียเหลือเกิน
“เดี๋ยวเหอะ!” บุ๊คดุกลับเล็กน้อยทำเอากันต์หลุดหัวเราะออกมา
ทั้งคู่กลับมาสนใจอาหารบนโต๊ะต่อก่อนที่มันจะเย็นชืดไปเสียหมด จากที่ก่อนหน้านี้ตั้งใจว่าจะมากินข้าว มานั่งเมาท์มอยกันให้สบายใจ ดันมีเรื่องเข้ามากวนให้รู้สึกรำคาญเสียอย่างนั้น ทั้งที่พวกเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเลยแม้แต่น้อย แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่ความผิดของเขาด้วย แต่ก็อย่างที่พี่บุ๊คบอกนั่นแหละ ให้ปล่อยผ่านไป เพราะการมานั่งทะเลาะกับคนไร้สาระมีแต่จะทำให้ปวดสมองเสียเปล่าๆ