วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ
รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น,วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
วายบันเทิงวงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ
วายบันเทิง
The Gossip of BL
Run_Kantheephop
เรื่องแต่ง 99% อีก 1% คือเค้าโครงจากเรื่องจริง
ขออนุญาตแก้ไขวันและเวลาในการอัพนิยายนะครับ เนื่องจากช่วงนี้มีภารกิจจากหน้าที่การงานเข้ามาจึงทำให้เขียนนิยายได้น้อยลงกว่าเดิม จากนี้ไปจะขออัพนิยายเพียงแค่สัปดาห์ละ 1 ตอนนะครับ (ทุกวันเสาร์ เวลา 18:00 น.)
ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามครับ
********************************************************************************
มีทั้งหมด 5 เล่ม
E-Book วางจำหน่ายแล้ว บน MEB
ตั้งแต่วันที่มีเรื่องดรามาระหว่างพี่ปูกับกันต์และบุ๊คที่แอบชวนภัทรออกไปกินข้าวโดยไม่ได้บอกกล่าวพี่ปูก่อน หนำซ้ำพี่ปูยังเข้าใจผิดเพราะคิดไปว่าพวกเขาทั้งสองคนกำลังจะเกาะกระแสความดังของภัทรเพื่อผลักดันให้พวกเขามีคนรู้จักเพิ่มมากขึ้น เรื่องนี้ทำเอาทั้งกันต์และบุ๊คต่างก็พากันส่ายหัวไม่หยุด พาลทำให้ทั้งสองคนไม่อยากจะยุ่งอะไรกับภัทรอีก
พวกเขาแอบเข้าไปส่องข้อความที่พี่ปูอัพในแอพลิเคชันเอ็กซ์อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งพวกเขาก็มักจะเจอข้อความกระแนะกระแหนอยู่บ่อยๆ จนทั้งคู่ต่างก็ต้องปลงกันไปเอง ไม่รู้จะตามไปแก้ต่างยังไงดี โดนแซะไปเรื่อยๆ แบบไม่เอ่ยชื่อหากมีอาการก็จะถูกมองว่าร้อนตัวไปอีก
อันที่จริงพี่บุ๊คเลิกสนใจไปนานแล้วเหมือนกับตอนที่เขาได้แนะนำให้กันต์ไม่ต้องไปใส่ใจเพราะจะประสาทแดกเอา แต่กันต์ไม่ใช่คนประเภทนั้นเพราะเขาอยากที่จะทำความเข้าใจคนรอบๆ ตัว ไม่อยากให้มีปัญหากัน อยากที่จะเป็นมิตรกับทุกคนรอบตัวซึ่งในความเป็นจริง มันไม่สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้ และก็ไม่จำเป็นที่จะต้องคอยเอาอกเอาใจใคร หรือพยายามทำตัวเองให้คนรักคนชอบ เพราะสุดท้ายก็มีแต่ตัวเองนั่นแหละที่จะเหนื่อยไปเอง
เพราะบุคคลเหล่านั้นก็ไม่ได้เอาเวลามาใส่ใจเขาสักเท่าไหร่นัก...
กันต์กดออกจากแอพลิเคชันเอ็กซ์แล้ววางมือถือไว้บนโต๊ะก่อนจะลุกเดินไปล้างจานชามที่กินแล้ววางทิ้งเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืน
มือบางยื่นไปหมุนเปิดก๊อกน้ำจนสายน้ำไหลลงมาปะทะกับบรรดาจานที่เปื้อนอาหารในอ่างล้างนั้น แต่ยังไม่ทันที่เจ้าของบ้านจะได้หยิบขึ้นมาทำความสะอาด เสียงสั่นของมือถือก็ดังขึ้นเสียก่อน หนแรกเขาดูจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่นักเพราะปกติก็ไม่ค่อยจะมีใครโทรหาเขาอยู่แล้ว สายนี้คงเป็นสายจากพวกคนส่งของเดลิเวอรี่ที่เขาชอบกดสั่งในแอพมากกว่า
แต่กันต์ก็เริ่มเอะใจเมื่อมือถือหยุดสั่นไปเพียงครู่ก็ตามมาด้วยแจ้งเตือนของไลน์รัวๆ จนเขาอดรู้สึกผิดสังเกตไม่ได้ เขาจึงรีบล้างมือที่เปื้อนฟองน้ำยาล้างจานจนสะอาดก่อนจะซับมือเปียกลวกๆ ที่กางเกงตัวที่ใส่อยู่แล้วมุ่งตรงไปยังโต๊ะที่วางมือถือเอาไว้ทันที
“ไอ้คิม... โทรมาทำไมวะ?” กันต์มองหน้าจอมือถือที่โชว์รายชื่อสายที่ไม่ได้รับเด่นหราอย่างแปลกใจเพราะปกติเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่คนอย่างไอ้คิมจะตื่นลืมตาขึ้นมาดูโลกอย่างแน่นอน
เขาหยิบมือถือขึ้นมาดูแจ้งเตือนข้อความจากไลน์อีกครั้งหลังจากที่ไม่ทันได้รับสายของเพื่อนสนิท แววตาสงสัยปรากฏขึ้นในทันทีเพราะข้อความที่อีกฝ่ายส่งมานั้นเป็นภาพแคปจากแอพลิเคชันเอ็กซ์ที่มีคนพูดเกี่ยวกับข่าวลือของนักแสดงซีรีส์วายคนหนึ่งซึ่งมีตัวอักษรย่อว่า ‘ภ’ โดยเนื้อความในโพสต์นั้นเขียนเอาไว้ว่า
‘นักแสดงซีรีส์วาย อักษรย่อ ภ สมัยม.ปลายเห็นชอบแอบแม่ขึ้นมาหาผู้ชายที่กรุงเทพบ่อยๆ พอเรียนจบก็ไม่ได้เจอกันอีก มาเห็นอีกทีก็เป็นดาราดังไปซะละ แต่ทำไมสัมภาษณ์ว่าชอบผู้หญิงอะ งงมากกก ตอนเรียนคือร่านยิ่งกว่า เปลี่ยนผู้ชายไม่ว่าเล่น’
กันต์ถึงกับตาโตเพราะข้อความค่อนข้างที่จะรุนแรงอยู่ไม่น้อย ทีแรกเขาก็นึกไม่ออกหรอกว่าไอ้นักแสดงซีรีส์วายตัวอักษรย่อ ภ สำเภาเนี่ยมันจะเป็นใครได้บ้าง เพราะตอนนี้นักแสดงซีรีส์วายเยอะอย่างกับดอกเห็ด แถมมีหน้าใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวันคงไม่มีเวลาไปนั่งจำว่าใครเป็นใครหรอก จนกระทั่งเขาได้เห็นข้อความต่อมาของคิมนั่นแหละเขาจึงได้รู้ว่าบุคคลต้องสงสัยนั้นหมายถึงใคร
Kim : มึงว่าใช่ไอ้ภัทรป้ะ? นักแสดงซีรีส์วาย อักษรย่อ ภ อะ
Kim : กูว่าใช่นะ จากที่อ่าน
Kan : เอาดีๆ
Kan : แต่เขาชอบผู้หญิงนิ
Kim : ของแบบนี้ ใครจะไปรู้วะ
Kan : ตอนแรกกูคิดว่าน้องภีมที่กำลังดังๆ ในไอจีซะอีก
Kim : มันจะใช่น้องภีมได้ยังไง น้องเขาไม่ได้เล่นซีรีส์
Kan : เออว่ะ! กูลืม
Kim : ทำงานแป๊บ ไว้ค่อยคุยต่อ
Kan : เออๆ
กันต์วางมือถือลงแล้วเดินกลับไปล้างจานในอ่างต่อให้เสร็จ หลังจากนั้นเขาก็เดินขึ้นชั้นบนสุดเพื่อที่จะอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะวันนี้เขานัดกับพี่บุ๊คเอาไว้ว่าจะไปดูหนังและหาอะไรกินกัน ช่วงนี้พวกเขาทั้งสองคนนัดเจอกันบ่อยเป็นพิเศษ อาจเพราะสนิทกันมากขึ้นและต่างคนต่างก็ค่อนข้างที่จะว่าง แถมยังมีไลฟ์สไตล์ความชอบหลายๆ อย่างที่ตรงกัน จึงทำให้พวกเขามักจะนัดเจอกันอยู่บ่อยครั้ง
ตอนแรกกันต์คิดว่าวันนี้จะนอนเปื่อยอยู่บ้านเฉยๆ เพราะหลายวันมานี้ออกจากบ้านแทบจะทุกวัน เงินที่มีในกระเป๋าก็ร่อยหรอลงทุกทีทั้งๆ ที่ยังไม่มีงานใหม่ๆ เข้ามา เขาก็เลยคิดว่าควรจะต้องประหยัดขึ้นมาบ้าง แต่ก็นะไอ้ความที่ปฏิเสธคนไม่ค่อยจะเป็นก็เลยทำให้พอมีสายเข้าจากพี่บุ๊คเมื่อเช้ากันต์ก็รีบรับปากทันทีแบบไม่มีอิดออด
สองขาก้าวยาวออกจากบ้านหลังจากที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองลืมล็อกประตูบ้านจึงรีบหันหลังวิ่งกลับมาเพื่อใส่กุญแจให้เรียบร้อย จากนั้นเขาจึงรีบเดินไปเรียกวินมอเตอร์ไซค์ที่หน้าปากซอยเพื่อเร่งรีบไปยังสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่ใกล้ที่สุด
ครืดดด~
“ฮัลโหลพี่” กันต์รีบรับสายจากบุ๊คหลังจากกระโดดลงจากวินมอเตอร์ไซค์
(อยู่ไหนละ)
“ใต้ดินพี่ ประมาณยี่สิบนาทีถึง”
(อาเค พี่ก็กำลังไป)
“อาเคครับ”
(เจอกันน้อง เอ้อ! เดี๋ยวมีรุ่นพี่ของพี่มาด้วยคนหนึ่งนะ พอดีเมื่อกี๊ไปธุระด้วยกันมา เลยจะชวนไปกินข้าวด้วยกันเลย)
“ได้พี่ มาเลยๆ”
(เคๆ)
บุ๊ควางสายไปในขณะเดียวกันกับที่กันต์ก็กดซื้อบัตรโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินเสร็จเรียบร้อยพอดี เขารีบเร่งฝีเท้าไปแตะบัตรผ่านประตูแล้วลงบันไดเลื่อนไปยังชานชาลาในทันที ใจเขาเต้นแรงไม่ใช่เพราะความเหนื่อยเพียงอย่างเดียวแต่เป็นเพราะความตื่นเต้นที่กลัวว่าพี่บุ๊คจะไปถึงสถานที่ปลายทางก่อนเขาต่างหาก
เขารู้ดีว่าหากเขาไปถึงก่อนแล้วไปรอพี่บุ๊คย่อมเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการปล่อยให้พี่บุ๊คไปถึงก่อน เพราะถึงแม้ว่าเขาไปตรงเวลา แต่ถ้าพี่บุ๊คมาถึงก่อนเวลาสักสิบห้านาที พี่บุ๊คจะเริ่มร้อนรนและหงุดหงิดเนื่องจากพี่เขาเป็นคนไม่ชอบรอใคร ซึ่งเป็นนิสัยที่แก้ไม่หายเสียที กันต์ก็เบื่อที่จะบ่นแล้ว บ่นทีไรเถียงกันไม่จบทุกที
กลับกันหากกันต์มาถึงก่อนแบบตรงเวลาเป๊ะๆ แล้วพี่บุ๊คมาเลทไปครึ่งชั่วโมง พี่บุ๊คก็จะไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไร แล้วตัวของกันต์ก็ไม่ได้ตำหนิอะไรด้วย อาจเป็นเพราะว่าเขารู้จักนิสัยของพี่บุ๊คดีล่ะมั้ง หรือไม่อย่างนั้นก็อาจจะเป็นเพราะนิสัยรอเก่งของกันต์ก็เป็นได้ จึงทำให้เขาไม่เคยจะออกปากบ่นใครเลยสักครั้งที่มาสาย แม้ว่าเขาจะรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้างก็เถอะ
“รถโคตรติดเลย” พี่บุ๊คบ่นทันทีที่เจอหน้ากับกันต์
“หวัดดีครับ” กันต์พยักหน้ารับคำบ่นจากคนพี่ก่อนจะหันไปเห็นบุคคลอื่นที่เดินตามหลังมาซึ่งก็คงไม่พ้นรุ่นพี่ที่พี่บุ๊คได้บอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ เขาจึงรีบยกมือไหว้ทันทีตามมารยาท
“หวัดดีจ้ะ”
“นี่พี่ตั้มนะ” พี่บุ๊คเอ่ยบอกกับกันต์พร้อมผายมือไปทางพี่ตั้ม ก่อนจะหันหน้ากลับไปหาพี่ตั้มแล้วแนะนำคนน้องให้รุ่นพี่ได้รู้จัก “ส่วนนี่น้องกันต์นะพี่”
“อ่าห้ะ! จำได้ เคยดูซีรีส์อยู่ เล่นเก่งมากนะ” พี่ตั้มยิ้มกว้างระหว่างตอบ
“เอ้ย! ขอบคุณมากเลยครับพี่ เขินเลย” กันต์ตอบพลางยกมือเกาหัวแก้เก้อ เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมจะต้องทำแบบนั้น แต่คงเพราะเป็นอัตโนมัติที่ร่างกายจดจำไปแล้วล่ะมั้งว่าตอนเขินต้องเป็นแบบนี้
เขาจำได้ดีเพราะเคยโดนด่าตอนเวิร์กช็อปการแสดงว่าเวลาเขินไม่ต้องยกมือเกาหัวก็ได้ มันสื่อสารทางสายตากับภาษากายแบบอื่นได้เหมือนกัน...
“ไปเร็ว ใกล้ได้เวลาที่จองร้านไว้ละ” พี่บุ๊คพูดขัดขึ้นมาเสียก่อนในระหว่างที่กันต์กำลังตื่นเต้นกับคำพูดของพี่ตั้มอยู่
ทั้งสามคนพากันเดินไปยังร้านปิ้งย่างที่พี่บุ๊คโทรจองคิวเอาไว้ แม้จะไม่ใช่ร้านบุฟเฟต์แต่ก็เป็นร้านที่คนนิยมไปกินเป็นจำนวนมาก เพราะคุณภาพของเนื้อและวัตถุดิบอื่นๆ ในร้านที่เหมือนว่าจะดีกว่าร้านอื่นๆ ที่เป็นร้านในแบบเดียวกัน แม้จะขายเป็นเซตแต่ก็ยังคงได้รับความนิยมไม่แพ้ร้านแบบบุฟเฟต์ ทำให้บุ๊คต้องโทรมาจองก่อน ไม่อย่างนั้นมีหวังไม่ได้กินแน่นอน
กันต์ บุ๊ค และพี่ตั้มเดินเข้าไปนั่งโต๊ะที่พนักงานพาไป ก่อนจะเริ่มสั่งอาหารกันอย่างจัดเต็มราวกับว่าอดอยากมาหลายวัน แม้ว่าพี่ตั้มกับพี่บุ๊คจะหันมาถามกันต์ว่าจะสั่งอะไรเพิ่มเติมอีกไหม แต่กันต์ก็ได้แต่ส่ายหัวปฏิเสธ เพราะเท่าที่ได้ยินทั้งสองคนสั่งมานั้นก็แทบจะกินกันไม่หมดอยู่แล้ว
ไม่รู้ว่าพวกพี่เขาลืมกันหรือเปล่าว่ามากันแค่สามคน...
หลังจากที่พนักงานมาจดออเดอร์ไปได้ไม่นาน อาหารจำนวนมากก็ถูกจัดมาเสิร์ฟที่โต๊ะจนแน่นขนัด ความละลานตาทำเอาพวกเขาปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องหยิบเอามือถือออกมาถ่ายรูปลงสตอรี่กันหมด แม้ว่าปกติเวลาหิวจัดพี่บุ๊คจะกินทันทีโดยไม่ถ่ายรูปก็ตาม
“เออพี่ เห็นข่าวยัง” อยู่ๆ กันต์ก็เอ่ยถามขึ้นมาเมื่อนึกขึ้นได้
“ข่าวไรวะ”
“นักแสดงซีรีส์วาย อักษรย่อ ภ ไงพี่ ในเอ็กซ์อะ” กันต์พูดพลางเปิดรูปที่คิมส่งมาเมื่อเช้าให้พี่บุ๊คดู พี่บุ๊คอ่านแล้วก็ได้แต่พยักหน้าโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
“...”
“พี่ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ” กันต์เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“ให้พี่รู้สึกอะไรอะ”
“แบบตกใจหรือสงสัยว่าใครไรงี้”
“ก็ภัทรไง” บุ๊คเอ่ยตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“พี่รู้?”
“อือ เลยไม่เซอร์ไพรส์ไง แล้วก็รู้ด้วยว่าไอ้ที่เขาโพสต์มันคือเรื่องจริง” พี่บุ๊คตอบก่อนจะใช้ตะเกียบคีบกิมจิเข้าปากไปเพราะหมูที่พนักงานย่างให้ยังไม่สุก
“ห้ะ? เขาไม่ได้ชอบผู้หญิงเหรอ” กันต์ยังคงไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน เพราะเข้าใจมาตลอดว่าภัทรชอบผู้หญิงตามที่ให้สัมภาษณ์อยู่บ่อยๆ
“หา....” พี่ตั้มที่นั่งฟังเงียบๆ อยู่นานถึงกับอุทานลากเสียงยาวออกมาก่อนจะหลุดขำ “น้องภัทรเนี่ยนะชอบผู้หญิง ตลก”
“อ่าว เรื่องนี้พี่ตั้มก็รู้อยู่แล้วเหรอครับ”
“รู้ดีเลยแหละ” พี่บุ๊คพูดเสริมขึ้นมาก่อนที่พี่ตั้มจะทันได้ตอบด้วยตัวเองเสียอีก
“พี่รู้จักภัทรตั้งแต่เข้าปีหนึ่งอะ ตอนนั้นพี่อยู่ทีมดูแลกลุ่มนิสิตที่เป็นดาวเดือนของคณะ ก็เลยได้รู้จักน้องภัทร ตอนนั้นนางเป็นตัวแทนเดือนของภาคเคมี...” พี่ตั้มอธิบายให้ฟังอย่างละเอียด
“อ่อครับ”
“ตอนนั้นนางก็คบกับเด็กในคณะนี่แหละแต่คนละภาค เป็นผู้ชายหน้าตาโอเคอยู่ พี่จำได้ว่าคบกันนานเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าเลิกกันตอนไหนยังไง”
“วงในสุดๆ ครับ” กันต์ถึงกับอดแซวไม่ได้พอได้ยินสิ่งที่พี่ตั้มเล่า
“จริง ตอนนั้นก็เลื่องลืออยู่ คนก็เมาท์ฉ่ำ! ฟีลเสียดายไรงี้ แต่พอเลิกกันก็เงียบเลยนะไม่ได้มีใครพูดถึงอีก พี่เองก็ไม่ได้ตามต่อ พอหมดช่วงประกวดดาวเดือนพี่ก็ไม่ได้สนใจอะ เรียนกับเที่ยวอย่างเดียว แต่หลังจากนั้นเหมือนเห็นผ่านๆ ตาในไอจีว่านางก็เปลี่ยนแฟนอีกหลายคนอยู่” พี่ตั้มเล่ายาวจนจบก่อนจะหันไปคีบหมูมาห่อผักกับกิมจิพร้อมด้วยเครื่องเคียงอีกสองสามอย่างก่อนจะใช้ตะเกียบจิ้มตักซอสอีกเล็กน้อยมาโปะลงไปแล้วจับผักห่อรวบเข้าปากคำโต
“เลิศเกิน” กันต์หลุดทานออกมาด้วยความประหลาดใจ เห็นภัทรดูเงียบๆ แบบนั้นแต่ก็เสน่ห์แรงใช่ย่อย เพราะในขณะที่ภัทรเปลี่ยนแฟนหลายคน ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นกันต์กลับไม่มีแฟนเลยสักคนเดียว
ไม่มีแม้แต่คนเข้ามาคุยมาจีบด้วยซ้ำ...
ชีวิตช่างน่าเศร้า...
“แล้วเขาจะโกหกทำไมว่าชอบผู้หญิง งงนะ” กันต์ยังคงอดสงสัยไม่ได้ เพราะเขาเองก็ไม่เข้าใจ ก่อนหน้านี้ทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าภัทรคบกับผู้ชาย แต่พอเข้าวงการปุ๊บกลับสัมภาษณ์ว่าชอบผู้หญิง คนตัวเล็กจึงสับสนเล็กน้อยในการกระทำดังกล่าว
“ก็อาจเพราะเข้าวงการก็ได้มั้ง อาจจะถูกสั่งให้รักษาภาพลักษณ์ไรงี้ แกก็รู้อยู่ว่าภัทรมันอยู่กับใคร” พี่บุ๊คพยายามอธิบายเพิ่มเพื่อหาเหตุผลในการโกหกของภัทร
“เออเนอะ พี่ปูไม่ยอมปล่อยให้ภาพลักษณ์ของภัทรออกมาไม่ดีแน่ๆ” กันต์พยักหน้าขณะพูด เพราะเท่าที่ผ่านมาทุกคนก็รู้กันดีอยู่แล้วว่าพี่ปูเป็นคนเข้มงวดขนาดไหน เธอหากินอยู่กับแวดวงนี้ การทำทุกอย่างเพื่อให้เด็กตัวเองดูดี มีมูลค่าย่อมเป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
“ก็นั่นแหละ”
“แต่กันต์ก็สงสัยอยู่เหมือนกันนะพี่ ว่าการเป็นเกย์มันจะทำให้มูลค่าในตัวภัทรลดลงยังไง สมัยนี้แล้ว ยังมีคนสนใจเรื่องพวกนี้อยู่อีกเหรอ”
“จริงๆ ถ้าเป็นกลุ่มคนรุ่นๆ เราก็คงไม่มีปัญหาหรอก ไม่มีใครสนใจเรื่องพวกนี้กันแล้ว แต่เป้าหมายของพี่ปูก็คงอยากที่จะส่งภัทรให้เข้าไปเป็นนักแสดงช่องใหญ่เหมือนกับคนอื่นๆ บ้าง เพราะมันก็ดูจะมีเครดิตที่ดีกว่าการเป็นนักแสดงในซีรีส์วายอย่างเดียวใช่ไหมล่ะ แล้วการได้เป็นนักแสดงของช่องก็ต้องเล่นละครคู่กับผู้หญิง พี่ว่าเขาซีเรียสเรื่องนี้มากกว่า...”
“อ่อ”
“อีกอย่างกลุ่มคนดูละครช่องก็มีแต่รุ่นที่แก่กว่าพวกเรา คงยากอยู่ที่จะเปิดใจรับเรื่องแบบนี้ง่ายๆ ถ้ารู้ว่าเป็นเกย์อาจจะทำให้ดูละครที่เล่นคู่ผู้หญิงแล้วไม่อินก็ได้ ถ้าเป็นงั้นมันก็ส่งผลกระทบกับหลายฝ่ายอยู่แล้ว พี่คิดว่าเขาก็คงเป็นห่วงเรื่องอะไรแบบนี้แหละ” พี่บุ๊คเล่าให้กันต์ได้แบบเห็นภาพชัดเจน ซึ่งก็ไม่ได้ต่างจากที่เขาคิดสักเท่าไหร่ ไม่ใช่กลุ่มคนดูละครช่องหรอก พวกผู้ใหญ่ในช่องก็ไม่ต่างกัน ผู้บริหารที่มีแต่คนหัวโบราณก็ค่อนข้างที่จะทำให้นักแสดงอยู่ยาก หากทำตัวไม่เป็นไปตามแบบแผนประเพณีที่พวกเขายึดถือกันมา
“น่าสงสารภัทรมันเหมือนกันนะ ต้องมาคอยปกปิดตัวตนงี้” กันต์บ่นพึมพำ พยายามที่จะเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
“จะไปสงสารเขาทำไม สงสารตัวเองก่อนเถอะ เขาเลือกที่จะทำแบบนั้นเอง” บุ๊คหันขวับมาบ่นกันต์ทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย
“เออ ก็จริงของพี่ เรื่องของเขา เราอย่าเข้าไปยุ่งจะดีกว่า”
“จริงแก กินเหอะ มัวแต่คุย เดี๋ยวเย็นหมด” บุ๊คเอ่ยพูดก่อนจะคีบหมูที่พนักงานปิ้งสุกไว้พักใหญ่แล้วใส่ในจานของกันต์
“ขอบคุณครับ!”