วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ

วายบันเทิง - บทที่ 28 คนใหม่? โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น,วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วายบันเทิง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ

รายละเอียด

วายบันเทิง โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ

ผู้แต่ง

Run_Kantheephop

เรื่องย่อ

วายบันเทิง

The Gossip of BL

Run_Kantheephop

เรื่องแต่ง 99%  อีก 1% คือเค้าโครงจากเรื่องจริง

ขออนุญาตแก้ไขวันและเวลาในการอัพนิยายนะครับ เนื่องจากช่วงนี้มีภารกิจจากหน้าที่การงานเข้ามาจึงทำให้เขียนนิยายได้น้อยลงกว่าเดิม จากนี้ไปจะขออัพนิยายเพียงแค่สัปดาห์ละ 1 ตอนนะครับ (ทุกวันเสาร์ เวลา 18:00 น.)

ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามครับ

********************************************************************************

มีทั้งหมด 5 เล่ม

E-Book วางจำหน่ายแล้ว บน MEB

สารบัญ

วายบันเทิง-Intro บทนำ,วายบันเทิง-บทที่ 1 เด็กบ้านนอกคนหนึ่ง,วายบันเทิง-บทที่ 2 ผลลัพธ์ที่ดี,วายบันเทิง-บทที่ 3 ทริปมิตรสัมพันธ์,วายบันเทิง-บทที่ 4 สังสรรค์หรือสงคราม,วายบันเทิง-บทที่ 5 ยังไงกันแน่,วายบันเทิง-บทที่ 6 แต่ความจริงคือ...,วายบันเทิง-บทที่ 7 ระมัดระวัง,วายบันเทิง-บทที่ 8 ข่าวลือ,วายบันเทิง-บทที่ 9 มันจริงมั้ย?,วายบันเทิง-บทที่ 10 คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ,วายบันเทิง-บทที่ 11 เคลียร์ใจ,วายบันเทิง-บทที่ 12 มีซัมติงไหม?,วายบันเทิง-บทที่ 13 นี่ว่าใช่ ไม่ได้มโน,วายบันเทิง-บทที่ 14 โดนกับตัว,วายบันเทิง-บทที่ 15 ไม่พอใจ,วายบันเทิง-บทที่ 16 ต้องเลือก,วายบันเทิง-บทที่ 17 เมามาย 1,วายบันเทิง-บทที่ 18 เมามาย 2,วายบันเทิง-บทที่ 19 ทำไมทำงี้!?,วายบันเทิง-บทที่ 20 โอกาสเดียว,วายบันเทิง-บทที่ 21 หมดความอดทน,วายบันเทิง-บทที่ 22 ไม่จบไม่สิ้น,วายบันเทิง-บทที่ 23 โดนปลด,วายบันเทิง-บทที่ 24 เกาะกระแส,วายบันเทิง-บทที่ 25 ข่าวล่ามาไว,วายบันเทิง-บทที่ 26 เพื่อนใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 27 งงไปหมด,วายบันเทิง-บทที่ 28 คนใหม่?,วายบันเทิง-บทที่ 29 มันเอาอีกละ,วายบันเทิง-บทที่ 30 สามหนุ่มเปิดใจ,วายบันเทิง-บทที่ 31 ก้าวใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 32 คลาสแอคติง,วายบันเทิง-บทที่ 33 ไปแคสติงกัน,วายบันเทิง-บทที่ 34 ช่วยมาคุมความประพฤติอีสันดานนี่ที,วายบันเทิง-บทที่ 35 ข่าวเก่าเล่าใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 36 ไม่เป็นไร,วายบันเทิง-บทที่ 37 รียูเนียน?,วายบันเทิง-บทที่ 38 เลิฟซีนเป็นเหตุ,วายบันเทิง-บทที่ 39 นั่นปากเหรอ!?,วายบันเทิง-บทที่ 40 เอาแล้วหัวใจ,วายบันเทิง-บทที่ 41 ระยะปลอดภัย,วายบันเทิง-บทที่ 42 เรื่องของฮัน,วายบันเทิง-บทที่ 43 หัวใจเจ้ากรรม หวั่นไหวง่ายจัง,วายบันเทิง-บทที่ 44 แค่พี่น้อง?,วายบันเทิง-บทที่ 45 ไปเชียงใหม่กันไหม,วายบันเทิง-บทที่ 46 เริ่มเลย,วายบันเทิง-บทที่ 47 เริ่มเลย 2,วายบันเทิง-บทที่ 48 ยินดีต้อนรับ,วายบันเทิง-บทที่ 49 ม่อนแจ่ม,วายบันเทิง-บทที่ 50 ไปขึ้นเขากัน,วายบันเทิง-บทที่ 51 กิ่วแม่ปาน,วายบันเทิง-บทที่ 52 เบื่อจริงๆ ไอ้พวกปากแข็ง,วายบันเทิง-บทที่ 53 ขอสักหน่อย หายไปหลายคืน,วายบันเทิง-บทที่ 54 กลับไป ไม่กลับใจ,วายบันเทิง-บทที่ 55 ความพยายาม,วายบันเทิง-บทที่ 56 อดีตช่วยย้ำเตือน,วายบันเทิง-บทที่ 57 เริ่มต้นเปิดใจ,วายบันเทิง-บทที่ 58 บททดสอบ,วายบันเทิง-บทที่ 59 ความลับที่ฉันซ่อนไว้,วายบันเทิง-ตอนที่ 60 ตอนจบที่มีความสุข

เนื้อหา

บทที่ 28 คนใหม่?

หลังจากวันนั้นที่ออกกองแล้วพี่ภูมิมีปัญหาก็ทำเอากองถ่ายกระท่อนกระแท่นเป็นอย่างมาก แต่ก็นับว่าเป็นเคราะห์ดีที่ทุกคนทุกฝ่ายลากกันมาจนถึงวันปิดกล้องจนได้ แต่ละคนแทบจะกรี๊ดออกมาเมื่อได้ยินคำว่าปิดกล้องจากเสียงประกาศผ่านวอของผู้กำกับดังออกมา

เสียงบ่นจากทุกคนมีไม่ขาดสายทุกครั้งที่กันต์ไปออกกอง แต่เอาเข้าจริงๆ แม้ว่าคิวไหนที่เขาไม่ได้ไปออกกองก็มักจะข่าวเมาท์ลอยมาเข้าหูให้เขาได้ยินอยู่ดี อย่างที่บอกว่าในกองถ่ายนั้นไว้ใจไม่ค่อยได้นักหรอก เพราะข่าวอะไรที่เกิดขึ้นภายในนั้นมักจะหลุดลอยออกมาอย่างง่ายดายและว่องไวเสมอ

ทุกคนบ่นภูมิและพี่บิวตี้กันอย่างไม่มีลดละเพราะวีรกรรมที่ทำเอาไว้แต่ละอย่าง แม้แต่ผู้จัดเองก็ยังต้องกุมขมับแต่เพราะนายทุนเขาเอ็นดูสุดพลัง จึงทำอะไรมากไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่ ได้แต่อดทนทำไปให้มันจบๆ อย่างน้อยซีรีส์ออนแอร์ไปก็ยังสามารถสร้างรายได้ให้บริษัทได้ไม่น้อย ลำพังเฉพาะตอนนี้ก็มีเอเจนซี่จากต่างประเทศติดต่อเข้าคิวรอซื้อลิขสิทธิ์ไปฉายยังประเทศต่างๆ กันแบบแน่นขนัด ทั้งที่ซีรีส์ยังไม่ทันจะได้ออกอากาศเลยด้วยซ้ำ

กันต์ปิดจิตไม่ขอรับรู้อะไรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวในกองถ่ายนี้อีกเพราะที่ผ่านมาก็ปวดหัวไม่ไหว เจอแต่เรื่องราวที่ต้องส่ายหัว โชคยังดีที่ซีรีส์เรื่องนี้ทำให้เขาได้รู้จักกับน้องฮันนักแสดงหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเล่นเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ซึ่งเอาเข้าจริงในซีรีส์ทั้งกันต์และฮันแทบไม่ได้มีซีนที่ได้เล่นด้วยกันเลยแม้แต่ซีนเดียว แต่เขาทั้งคู่กลับสนิทกันอย่างง่ายดายโดยที่ไม่รู้สาเหตุอยู่เหมือนกัน 

ครั้งแรกที่ทั้งสองคนได้เจอกันก็คือตอนเวิร์กช็อปจากนั้นเขาก็แค่กดติดตามในอินสตาแกรมของฮันไปแล้วน้องก็กดติดตามกลับมาและนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้พวกเขาได้พูดคุยกัน กันต์มีโอกาสได้เจอฮันก็เฉพาะเวลาอยู่ที่กองถ่ายเท่านั้น แต่ก็พูดคุยราวกับว่าทั้งสองสนิทกันมานาน เวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันทั้งคู่ก็มักจะแชทคุยกันผ่านกล่องข้อความของไอจีเสมอ อาจเพราะพลังงานที่ตรงกันของทั้งกันต์และฮันทำให้พวกเขาสนิทกันได้อย่างรวดเร็ว จนคนรอบข้างก็อดสงสัยไม่ได้เหมือนกันว่าเพราะเหตุใดพวกเขาจึงสนิทกันได้ไวอย่างสายฟ้าแลบขนาดนี้

ครืด~!

เสียงโทรศัพท์มือถือของกันต์สั่นขึ้นหนึ่งครั้งเป็นสัญญาณว่ามีข้อความเข้ามาในขณะที่เขากำลังนั่งดูหนังในเน็ตฟลิกซ์อยู่

[Han]

เจ้าของเครื่องหยิบมือถือขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นน้องชายคนสนิทอย่างฮันส่งข้อความมาในไอจีนั่นเอง

Han : พี่กันต์ทำไรครับ

Kan : ดูทีวีอยู่ห้อง

Han : วันนี้ว่างไหมครับ?

Kan : ว่างอยู่ๆ

Han : ผมอยากไหว้พระ

Han : ไปด้วยกันไหมครับ

Kan : ได้นะ เจอกี่โมง ที่ไหน

Han : ผมว่าจะไหว้พระพรหม ตรงราชประสงค์

Kan : อาเค

Kan : งั้นเจอกันบ่ายโมงไหม?

Han : ได้ครับ

พอพิมพ์คุยกับอีกฝ่ายเสร็จกันต์ก็รีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัวทันที เพราะตอนนี้ก็เป็นเวลาสิบโมงแล้ว ทีแรกเขาก็ตั้งใจไว้ว่าจะดูหนังให้จบก่อนแล้วค่อยลุกไปเตรียมตัว แต่พอมานั่งคำนวณเวลาดูแล้วอาจจะไม่ทันเวลานัด เพราะกว่าเขาจะยืดยาดลำไยเล่นมือถือ กว่าจะอาบน้ำ กว่าจะแต่งตัวก็คงใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆ อยู่เหมือนกัน การรีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัวเสียตั้งแต่ตอนนี้อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

เขาไม่อยากไปสายในวันที่นัดออกไปเที่ยวด้วยกันเป็นครั้งแรกนักหรอก...

ที่บอกว่าเป็นครั้งแรกก็คือเป็นครั้งแรกจริงๆ ที่กันต์และฮันนัดออกไปแฮงก์เอาต์ด้วยกัน เพราะก่อนหน้านี้การเจอกันของพวกเขาทั้งคู่ล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับงานทั้งหมด แต่นี่จะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เจอกันแบบนอกรอบสองต่อสอง แบบที่ไม่มีงานมาเกี่ยวข้อง 

กันต์รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากเพราะมีความลับหนึ่งอย่างที่เขาไม่เคยบอกใครมาก่อนนั่นก็คือเขาชอบน้องฮันมาก แบบมากๆ แทบจะที่สุดในชีวิตเพราะน้องตรงไทป์ของเขาทั้งหมด ชนิดที่ว่าติ๊กถูกทุกข้อ แต่เขาก็รู้ดีว่าเรื่องแบบนี้ไม่น่าจะมีทางเป็นไปได้ อีกทั้งเขาเองก็ไม่กล้าที่จะออกตัวเยอะเพราะน้องก็ดูมีท่าทีเหมือนว่าจะไม่ได้ชอบผู้ชาย อีกอย่างพวกเขาทั้งสองคนก็ยังต้องทำงานร่วมกันไปอีกนาน กันต์จึงไม่อยากที่จะมีปัญหากับฮันสักเท่าไหร่นัก

สองขาของกันต์ก้าวเดินมาตามทางเดินของสกายวอล์กจากสถานีสยามมายังบริเวณศาลพระพรหมซึ่งเป็นสถานที่นัดหมายที่ได้นัดกับฮันเอาไว้ เขาเดินลงบันไดไปยืนรออยู่ภายในห้างที่อยู่ติดกับศาลพระพรหมจนกระทั่งมีสายเรียกเข้าจากฮัน เขาจึงกดรับแล้วบอกโลเคชั่นของตัวเอง ไม่นานฮันก็ปรากฏตัวขึ้น เขาเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มกว้างที่ทำเอาหัวใจของกันต์เต้นแรงขึ้นมาในทันที

ตึกๆ ตึกๆ

ไม่บ่อยนักที่กันต์จะรู้สึกใจเต้นแรงกับใครเพราะเขาปิดใจตัวเองมานานพอสมควร ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ค่อยจะสมหวังในเรื่องความรักสักเท่าไหร่ เพราะเขามันเป็นพวกชุมชนคนแอบรัก เป็นนักสะสมความเศร้าก็เลยเข็ดหลาบไปเสียแล้วกับเรื่องอะไรแบบนี้ ยิ่งความรักครั้งล่าสุดที่ทำหัวใจเขาปั่นป่วนจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ แถมยังเป็นจุดเริ่มต้นความเจ็บปวดที่ทำให้เขาปิดใจสนิทแบบไม่คิดจะเอาใครเข้ามาอีก แต่สิ่งเหล่านั้นกลับถูกทำลายลงเมื่อเขาได้มาเจอน้องฮันนี่แหละ

“หวัดดีครับพี่กันต์” ฮันยกมือไหว้ในขณะที่กำลังเดินเข้ามาหา

กันต์ยกมือขึ้นรับไหว้ “ไปกันเถอะ แดดแรง รีบไหว้ จะได้ไปหาไรกินกัน”

“เคครับ” 

กันต์เดินนำฮันออกไปด้านนอกของห้างเพื่อไปยังศาลพระพรหม ก่อนจะพาไปซื้อชุดไหว้แล้วนำอีกฝ่ายทำทุกอย่างตั้งแต่เริ่มไหว้จนคล้องพวงมาลัย เพราะฮันดันสะกิดบอกเขาว่าไม่เคยมาไหว้เลย แต่เห็นคนเล่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์จึงอยากมาลองไหว้ดูสักครั้ง พอกันต์เห็นแบบนั้นในฐานะรุ่นพี่ที่เคยมาไหว้อยู่บ้างประมาณสองสามครั้งจึงอาสาแนะนำให้คนน้องไหว้ตาม

อาจเพราะวันนี้เป็นวันธรรมดาประชากรที่มาไหว้พระพรหมจึงไม่ได้ดูหนาตานัก จะเห็นก็เพียงแต่บรรดานักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีอยู่บ้างประปราย ทำให้พวกเขาไม่ต้องรอคิวและเบียดเสียดกับผู้คนมากจนเกินไป 

กันต์ยืนอธิษฐานอยู่พักใหญ่ก่อนจะพาฮันเดินไหว้จนครบทุกหน้าของพระพรหม จากนั้นก็พากันเอาพวงมาลัยดอกดาวเรืองพวงใหญ่ไปแขวนถวายแล้วพากันเดินออกมาจากตรงนั้น

“เป็นไง อธิษฐานไรไป” กันต์เอ่ยถามขณะที่กำลังเดินขึ้นบันไดไปบนสกายวอล์ก

"บอกไม่ได้ดิพี่ เดี๋ยวไม่ขลัง” ฮันเอ่ยตอบแบบทีเล่นทีจริง

“โอเค้! ไม่อยากรู้ก็ได้”

“แล้วพี่ขอไร พี่บอกผมบอก”

“ไม่บอกหรอก เรื่องไรจะบอก” กันต์แกล้งกวนกลับ

“เห็นไหมล่ะ”

ทั้งกันต์และฮันต่างพากันหัวเราะเสียยกใหญ่ที่ต่างฝ่ายต่างก็รู้ทันกันเสมอ พวกเขาสนิทกันจนรู้จังหวะรับส่งกันเป็นอย่างดี เพียงแค่มองหน้ากันก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายต้องการจะพูดหรือกำลังรู้สึกอะไร และนั่นทำให้กันต์รู้สึกสบายใจมากขึ้นเวลาที่ได้อยู่กับฮันเพราะเขาสามารถเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่

“ดูหนังกันไหมครับ” ฮันเอ่ยถามหลังจากที่พวกเขาทั้งคู่พากันเดินมาถึงห้างใหญ่ใจกลางเมืองที่อยู่ไม่ไกลจากบริเวณศาลพระพรหมมากนัก ห่างกันเพียงแค่สี่แยกกั้นเท่านั้น

“เรื่องไรอะ”

“ไม่แน่ใจ ไปดูรอบก่อนไหมพี่ มีเรื่องไหนก็ดูเรื่องนั้น”

“โอเค ได้”

ทั้งสองคนพากันขึ้นลิฟต์เพื่อไปยังชั้นเจ็ดที่ซึ่งโรงภาพยนตร์ตั้งอยู่ ทันทีที่ลิฟต์เปิดออกพวกเขาก็พากันเดินไปยังหน้าตู้ขายตั๋วอัตโนมัติเพื่อเช็กรอบหนังว่าในเวลาอันใกล้เคียงนี้มีเรื่องอะไรที่กำลังจะฉายบ้าง

“ดูเรื่องนี้ไหมครับ” ฮันชี้นิ้วไปที่หนังเรื่องซึ่งกำลังจะฉายอีกภายในไม่ถึงสิบห้านาที 

“ได้นะ” กันต์เห็นด้วยเพราะหากจะรออีกเรื่องซึ่งจะฉายอีกสองชั่วโมงข้างหน้า เขาก็คิดว่าดูเรื่องที่กำลังจะฉายเร็วที่สุดน่าจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องเสียเวลารอนานๆ

ทั้งสองคนตัดสินใจกดซื้อตั๋วหนังในทันที โชคดีที่กันต์มีบัตรเครดิตเขาจึงใช้แต้มบัตรที่สะสมมาแลกตั๋วหนังฟรีให้กับเขาและฮัน โดยหวังว่าจะสามารถสร้างความประทับใจให้กับฮันได้บ้าง ซึ่งอีกฝ่ายก็ดูจะดีใจอยู่ไม่น้อยพอได้รู้ว่าจะได้ดูหนังฟรีโดยที่ไม่ต้องเสียเงินสักบาท

“งั้นเดี๋ยวผมซื้อป๊อปคอร์นกับน้ำเอง เพราะพี่แลกตั๋วหนังให้ผมละ” ฮันเสนอ

“เห้ย ไม่เป็นไร ตั๋วหนังมันฟรีไง” กันต์รีบเอ่ยปฏิเสธเพราะรู้สึกเกรงใจอีกฝ่าย

“ฟรีอะไรล่ะ กว่าพี่จะได้แต้มบัตรมาก็ต้องไปรูดชอปปิ้งเสียเงินไปตั้งเยอะแยะละ ไม่ใช่ว่าพี่ได้คะแนนมาฟรีๆ สักหน่อย” 

เออว่ะ!

กันต์ก็เพิ่งนึกขึ้นได้เหมือนกันว่ากว่าที่เขาจะได้แต้มสะสมมาเป็นจำนวนมากขนาดนี้เขาต้องใช้เงินชอปปิ้งไปเยอะขนาดไหน วงเงินหลักแสนเขาก็รูดจนเต็มวงเงินตลอดไม่เคยปล่อยให้บัตรเครดิตของเขามีช่องว่างหายใจเลยแม้แต่นิดเดียว

ฮันหยุดแวะซื้อป๊อปคอร์นกับเครื่องดื่มอยู่พักใหญ่โดยที่เขาเลือกเป็นป๊อปคอร์นแบบ Couple set ด้วยเหตุผลที่ว่ามันคุ้มที่สุด ซึ่งกันต์ก็เห็นด้วยเพราะเขารู้ดีว่าตัวเองเป็นคนชอบกินป๊อปคอร์นตอนดูหนังมากขนาดไหน หากซื้อแค่ชุดเดียวก็กลัวว่าจะต้องแย่งกันกินกับฮันแล้วจะไม่พอเอาได้

“พี่กันต์เอารสไรครับ”​ ฮันหันมาเอ่ยถาม

“หวานเท่านั้น”

“หื้ม? แต่ผมไม่ชอบรสหวานอ่า...” 

“ก็แยกกันคนละเซตอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” กันต์ถามกลับไปด้วยความแปลกใจ ก็สั่งเซ็ตคู่ทำไมไม่แยกกันไปเลย แบบของใครของมัน

“อ่า.. ครับ” ฮันตอบรับพลางยู่ปาก สีหน้าบ่งบอกว่ากำลังเซ็งแบบนั้นทำเอาคนพี่อย่างกันต์อดใจอ่อนไม่ได้

“งั้นของพี่เอาหวานครึ่งเค็มครึ่ง โอเคไหม ส่วนของน้องเอาเป็นชีสกับเค็มไหมครับ” กันต์เสนอ

“ได้ครับ” สีหน้าของฮันเปลี่ยนในทันทีที่ได้ยินข้อเสนอจากกันต์ 

ไอ้เด็กนี่ ทำไมชอบทำตัวน่ารัก

เสียงในหัวของกันต์ทำงานขึ้นมาในทันทีที่เห็นรีแอคชั่นจากอีกฝ่าย ไม่รู้ทำไมเขาชอบแพ้กับอะไรแบบนี้ทุกที ก่อนหน้านี้เขาชอบคนที่อายุมากกว่าเสมอและไม่เคยตกหลุมให้กับคนที่อายุน้อยกว่าเลยสักครั้ง ฮันเหมือนจะเป็นคนแรกที่ทำลายกำแพงนั้นลงไปได้ เขากลั้นยิ้มเอาไว้เพราะยังไม่อยากให้อีกฝ่ายรับรู้ก่อนจะหันไปสั่งพนักงานในทันทีด้วยกลัวว่าหากยังยืนมองหน้าฮันอยู่แบบนี้แล้วจะเก็บกักความเขินเอาไว้ไม่อยู่

กันต์เดินนำหน้าเข้าไปด้านในของโรงหนังเพราะไม่อยากให้ฮันเห็นพิรุธของเขา เขาเดินนำเข้าไปในแถว A ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้ที่ปรากฏหมายเลขตรงตามในตั๋วหนัง ฮันนั่งลงข้างๆ สายตาจดจ่ออยู่บนจอหนังผืนใหญ่ที่อยู่ข้างหน้า แม้ว่าจะยังฉายตัวอย่างหนังเรื่องอื่นๆ อยู่แต่ฮันก็ดูจะไม่ยอมละสายตาเลยแม้แต่น้อย

“เดือนหน้าหนังน่าดูเยอะเลยเนอะพี่กันต์” ฮันเอ่ยพูดขึ้นมาเมื่อตัวอย่างหนังทั้งหลายจบลงก่อนที่บนจอจะกลายเป็นโฆษณาสินค้าไปแทน

“จริง ไว้มาดูด้วยกันไหมล่ะ” กันต์แกล้งหยั่งเชิงถามออกไปโดยไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก แต่คำตอบที่ได้ทำเอาเขารู้สึกอึ้งอยู่เหมือนกัน

“ได้พี่ พูดละนะ ไม่มาด้วยกันผมโกรธ”

“เออ สัญญาเลย” กันต์ยกยิ้มกว้างให้กับฮันในขณะที่อีกฝ่ายก็ส่งยิ้มกลับด้วยเหมือนกัน

พวกเขาคุยเล่นกันอีกเล็กน้อยก่อนที่หนังจะเริ่มฉายขึ้นมา ทั้งกันต์และฮันต่างก็พากันจดจ่ออยู่กับเรื่องราวที่ดำเนินไปของภาพยนตร์เรื่องที่ฉายอยู่ตรงหน้า และแม้ว่าหนังที่เลือกจะเป็นหนังแอคชั่นทั่วไปแต่มันก็มีบ้างบางจังหวะที่สร้างความตกใจให้กับเหล่าคนดูได้ไม่น้อย

ลำพังกับตัวของกันต์เองก็ไม่เท่าไหร่เพราะเขาไม่ใช่คนที่ขี้ตกใจมากนัก แต่ตรงกันข้ามกับฮันที่นั่งอยู่ข้างๆ โดยสิ้นเชิง เพราะรายนั้นขี้ตกใจไม่น้อย เพียงแค่เสียงดังนิดหน่อยก็สะดุ้งจนตัวโยน อย่างฉากระเบิดเมื่อกี๊ทำเอาฮันร้องลั่นพร้อมตกใจตัวลอยหันมากอดแขนของกันต์เอาไว้ คนพี่เห็นท่าทางของน้องก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะยกมือของตัวเองมากุมมือของฮันเอาไว้เพื่อเป็นการปลอบใจอีกฝ่าย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นแบบที่เขาไม่ได้ตั้งตัวนั่นก็คือน้องฮันกุมมือของเขากลับมาโดยใช้นิ้วสอดประสานมือของเขาเอาไว้แล้วนิ่งอยู่แบบนั้น

ถ้าไม่ได้รู้สึกอะไร คนเราจะยอมจับมือเพื่อนที่นั่งข้างๆ กันแบบนี้เหรอ?

กันต์ก็ไม่ได้อยากจะคิดไปเองฝ่ายเดียวเพราะการกระทำของน้องฮันมันกำลังสร้างความหวังให้เขามากทีเดียว เขาพยายามข่มจิตใจตัวเองเอาไว้ว่าอาจจะไม่มีอะไร บางทีน้องอาจจะแค่กำลังตกใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหนังก็ได้

หลังจากนั้นการดูหนังของกันต์ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เขาเสียสมาธิเป็นอย่างมาก จิตใจไปจดจ่ออยู่แต่กับคนที่นั่งข้างๆ จนกระทั่งหนังฉายจบลง ถ้ามีใครสักคนเดินมาถามว่าหนังสนุกไหม ชอบตอนไหนที่สุดกันต์คงตอบไม่ได้เพราะว่าจำอะไรในหนังไม่ได้สักอย่าง

“ป๊อปคอร์นเหลือเต็มเลยพี่กันต์” ฮันเอ่ยแซวตอนที่กำลังเดินออกมาจากโรงหนัง

“อือ... กินไม่ถนัดอะ ใครก็ไม่รู้จับมือพี่ไว้ตลอดเรื่องเลย”

“เห้ย! ขอโทษๆๆๆ มันเพลินอะพี่”

“หลอกแต๊ะอั๋งปะเนี่ย” กันต์แกล้งหยอกถาม

“ขนาดนั้นเลยเหรอพี่ ฮ่าๆ” ฮันทำเป็นขำกลบเกลื่อนอย่างเห็นได้ชัด นั่นยิ่งทำให้กันต์รู้สึกว่าฮันมีพิรุธเห็นๆ

“แปลกๆ นะ” กันต์ทำเป็นหรี่ตามองราวกับจะจับผิดแต่อีกฝ่ายก็เหมือนจะรู้ทันเปลี่ยนเรื่องคุยไปเสียก่อน

“เอ้อพี่! เย็นนี้ว่างปะครับ”

“ว่างอยู่นะ มีไรปะ”

“พี่ใหญ่ชวนกินข้าว พี่กันต์ไปด้วยกันไหมครับ” กันต์เอ่ยถามด้วยแววตาคาดหวัง

“พี่ใหญ่?”

“ช่าย พี่ใหญ่ที่เป็นผู้จัดการผมอะ”

“อ๋ออออ ได้ๆ ไปดิ” กันต์ใช้เวลานึกอยู่นานหลังจากที่ได้ยินชื่อพี่ใหญ่เพราะเขาเคยเห็นผู้จัดการของฮันเพียงผ่านๆ แถมไม่เคยรู้จักชื่อมาก่อนก็เลยเกิดอาการงุนงงเล็กน้อยตอนที่ฮันพูดออกมาในครั้งแรก

ท้องฟ้าเริ่มมืดหลังจากที่พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไป กันต์และฮันพากันนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปยังตลาดนัดกลางคืนใจกลางเมืองที่ซึ่งเป็นสถานที่นัดเจอกับพี่ใหญ่เอาไว้ ด้วยเพราะเป็นช่วงปลายปีที่อากาศเริ่มเย็นพี่ใหญ่จึงบอกว่าไม่อยากจะนั่งอุดอู้อยู่ในห้าง อยากนั่งรับบรรยากาศดีๆ ด้านนอกเสียมากกว่าจึงตกลงกันว่าจะไปหาร้านนั่งชิลที่ตลาดแทน

กันต์และฮันพากันเดินไปยังสถานีรถไฟฟ้าบนดินเพื่อนั่งไปเปลี่ยนขบวนลงไปโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินเพื่อมุ่งตรงไปยังสถานีปลายทางที่ได้นัดพี่ใหญ่เอาไว้ จากจุดที่พวกเขาอยู่ไปจนถึงสถานีตลาดนัดกลางคืนใช้เวลาเดินทางเพียงประมาณยี่สิบนาที เมื่อพวกเขามาถึงฮันก็รีบติดต่อหาพี่ใหญ่ทันที ได้ความว่าอยู่ร้านเหล้าปั่นด้านหลังตลาด พวกเขาก็เลยพากันเดินเข้าไป

“ร้านไหนวะ” ฮันบ่นเบาๆ ขณะที่สายตาก็กำลังมองหาป้ายชื่อร้านตามที่พี่ใหญ่ส่งมาให้

“นู่นป้ะ?”  กันต์ชี้นิ้วให้ดูเมือสายตาหันไปเห็นว่ามีป้ายร้านที่คลับคล้ายคลับคลากับที่ฮันเปิดรูปให้ดูเมื่อครู่

“ใช่พี่!” ฮันตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูดีใจก่อนจะคว้ามือของกันต์ให้เดินไปด้วยกัน 

ท่าทีของฮันที่กระทำโดยอัตโนมัติแบบที่เจ้าตัวก็ไม่ทันได้รู้ตัวด้วยซ้ำ นั่นมันยิ่งทำให้หัวใจของกันต์พองโต แบบนี้มันถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีใช่ไหม เพราะคนเราถ้ารู้สึกเพียงแค่พี่น้องกันจะมาจับมือถือแขนกันเดินทำไม ละนี่ฮันเป็นคนเริ่มก่อนด้วยซ้ำ กันต์ก็ไม่ผิดใช่ไหมที่จะแอบรู้สึกดี รู้สึกเข้าข้างตัวเองแบบนี้

ฮันพากันต์เดินขึ้นชั้นสองซึ่งเป็นเหมือนกับดาดฟ้าของร้านเพื่อตรงไปยังโต๊ะที่พี่ใหญ่นั่งอยู่ อากาศวันนี้ดีเป็นพิเศษ สายลมเย็นที่พัดโชยมายิ่งเพิ่มบรรยากาศอันน่าดื่มด่ำได้เป็นอย่างดี

“หวัดดีครับ” กันต์ยกมือไหว้พร้อมเอ่ยทักทายพี่ใหญ่ที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“หวัดดีจ้ะ” พี่ใหญ่ สาวผมยาวร่างท้วมยิ้มทักทายก่อนจะบอกให้ฮันกับนั่งลงที่เก้าอี้ว่างฝั่งตรงข้าม “พวกแกนั่งด้วยกันเลย ชั้นอ้วน นั่งคนเดียวสบายกว่า” 

“พี่สั่งไรมายัง” ฮันเอ่ยถามพี่ใหญ่เมื่อเห็นว่าบนโต๊ะยังว่างอยู่

“เรียบร้อยค่ะ ระดับชั้น”

“อาเค งั้นเดี๋ยวนั่งรอกินอย่างเดียว” ฮันบอกก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเปิดไอจีดูเล็กน้อยฆ่าเวลาระหว่างรอ

ไม่นานเหล้าปั่นถังใหญ่ก็ถูกนำมาเสิร์ฟ ทำเอาทั้งกันต์และฮันตาโตไปตามๆ กัน เพราะพี่ใหญ่ไม่ได้สั่งเพียงแค่ถังเดียว แต่กลับสั่งมาทั้งหมดสามถัง ลำพังกินเหล้าปั่นถังเดียวสามคนก็โหดพอสมควรแล้วในความรู้สึกของคนที่ดื่มไม่เก่งอย่างกันต์ แต่นี่พี่ใหญ่ดันสั่งมาให้กินกันคนละถัง กันต์ถึงกับเครียดเลยทีเดียว ไม่รู้ว่าระหว่างเขาหลับป๊อกคาถังกับกินหมดอันไหนจะเกิดขึ้นก่อนกัน

“ทำไมสั่งมาเยอะจังครับ” กันต์เอ่ยถามเสียงอ่อนเพราะเกรงใจพี่ใหญ่แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไป เพราะตั้งแต่มาถึงที่นี่นอกจากเอ่ยปากทักทายพี่ใหญ่ เขาก็ยังไม่ได้พ่นบทสนทนาอื่นออกมาจากปากสักคำ

“มันแถมแกกก ซื้อสองแถมหนึ่ง ชั้นก็เลยสั่งมาเลย” พี่ใหญ่เอ่ยตอบด้วยสีหน้าที่ดูภูมิใจเล็กน้อย

“แล้วถ้ากินไม่หมดทำไง” ฮันเอ่ยถามพี่ใหญ่กลับ

“อย่ามา! อย่างแกเนี่ยนะจะไม่หมด”

“คนกินไม่หมดน่าจะผมมากกว่าพี่” กันต์เอ่ยตอบพลางหัวเราะแหะๆ 

“ไม่เป็นไรแก กินๆ ไปก่อน ไม่หมดค่อยตามเพื่อนมาช่วยกิน จอยๆ ไป ขำๆ ถือว่ามาทำความรู้จักกันวันแรก” พี่ใหญ่อธิบายตอบก่อนจะคว้าเอาแก้วใบเล็กมาตักแบ่งเหล้าปั่นสีฟ้าในถังแรกให้กับกันต์และฮัน

“เอ้ย! ก่อนกิน ถ่ายสตอรี่กันก่อนปะ? เดี๋ยวเมาแล้วจะไม่ได้ถ่ายกัน” ฮันเสนอพลางหยิบมือถือขึ้นมาเปิดสตอรี่รอ

“ได้ แต่ห้ามเห็นเหล้านะ” พี่ใหญ่เอ่ยเตือนเสียงเข้ม

“อาเคค มาพี่กันต์ ถ่ายสตอรี่กันครับ” ฮันบอกก่อนจะคว้ามือไปโอบไหล่ของกันต์ให้ขยับเข้ามาใกล้จนใบหน้าของพวกเขาทั้งสองเกือบจะชนกัน

ชั่วขณะหนึ่งกันต์เกิดอาการใจเต้นแรงอีกครั้ง สายตาเหลือบไปมองหน้าของฮันก่อนจะเปลี่ยนสายตาไปโฟกัสที่หน้าจอมือถือแทนเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะจับพิรุธของเขาได้

“แท็กมาด้วยนะ” กันต์บอกหลังจากที่ฮันให้เขาเช็กหน้าของตัวเองในสตอรี่ที่เพิ่งถ่ายไปว่ารอดไหม 

“แท็กละพี่” ฮันตอบก่อนจะจิ้มๆ ที่หน้าจอมือถืออีกสองสามทีแล้ววางมันลงข้างตัว

“มา! ทีนี้ก็ได้เวลาเมาละ เต็มที่เลย เดี๋ยวคืนนี้พี่จัดการเอง! ไม่หมดห้ามกลับ” สิ้นเสียงพูดของพี่ใหญ่ก็เหมือนกับเทวดามาให้คิวเสียอย่างนั้น อยู่ๆ เพลงในร้านก็ดังขึ้นในจังหวะเดียวกันกับที่พวกเขายกแก้วขึ้นชนพอดี 

พวกเขาทั้งสามคนยกแก้วเหล้าปั่นขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดจอกก่อนจะเริ่มเอ็นจอยและเมาท์มอยหอยกาบไปเรื่อย ค่ำคืนแรกในการเจอกันแบบนอกรอบที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานของพวกเขาทั้งสามดูมีวี่แววว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี เพราะเอเนอจี้ของทั้งสามคนก็ตรงกันอย่างน่าประหลาดทำเอากันต์รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะตั้งแต่เข้าวงการมานอกจากพี่บุ๊คก็ยังไม่เคยมีใครมอบความรู้สึกแบบนี้ให้เขาได้อีก จนกระทั่งเขาได้มาเจอน้องฮันกับพี่ใหญ่นี่แหละ ก็นับว่าเป็นเรื่องราวดีๆ อีกเรื่องในชีวิตของเขาละกันที่ได้มารู้จักกับสองคนนี้