วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ

วายบันเทิง - บทที่ 29 มันเอาอีกละ โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น,วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วายบันเทิง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ

รายละเอียด

วายบันเทิง โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ

ผู้แต่ง

Run_Kantheephop

เรื่องย่อ

วายบันเทิง

The Gossip of BL

Run_Kantheephop

เรื่องแต่ง 99%  อีก 1% คือเค้าโครงจากเรื่องจริง

ขออนุญาตแก้ไขวันและเวลาในการอัพนิยายนะครับ เนื่องจากช่วงนี้มีภารกิจจากหน้าที่การงานเข้ามาจึงทำให้เขียนนิยายได้น้อยลงกว่าเดิม จากนี้ไปจะขออัพนิยายเพียงแค่สัปดาห์ละ 1 ตอนนะครับ (ทุกวันเสาร์ เวลา 18:00 น.)

ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามครับ

********************************************************************************

มีทั้งหมด 5 เล่ม

E-Book วางจำหน่ายแล้ว บน MEB

สารบัญ

วายบันเทิง-Intro บทนำ,วายบันเทิง-บทที่ 1 เด็กบ้านนอกคนหนึ่ง,วายบันเทิง-บทที่ 2 ผลลัพธ์ที่ดี,วายบันเทิง-บทที่ 3 ทริปมิตรสัมพันธ์,วายบันเทิง-บทที่ 4 สังสรรค์หรือสงคราม,วายบันเทิง-บทที่ 5 ยังไงกันแน่,วายบันเทิง-บทที่ 6 แต่ความจริงคือ...,วายบันเทิง-บทที่ 7 ระมัดระวัง,วายบันเทิง-บทที่ 8 ข่าวลือ,วายบันเทิง-บทที่ 9 มันจริงมั้ย?,วายบันเทิง-บทที่ 10 คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ,วายบันเทิง-บทที่ 11 เคลียร์ใจ,วายบันเทิง-บทที่ 12 มีซัมติงไหม?,วายบันเทิง-บทที่ 13 นี่ว่าใช่ ไม่ได้มโน,วายบันเทิง-บทที่ 14 โดนกับตัว,วายบันเทิง-บทที่ 15 ไม่พอใจ,วายบันเทิง-บทที่ 16 ต้องเลือก,วายบันเทิง-บทที่ 17 เมามาย 1,วายบันเทิง-บทที่ 18 เมามาย 2,วายบันเทิง-บทที่ 19 ทำไมทำงี้!?,วายบันเทิง-บทที่ 20 โอกาสเดียว,วายบันเทิง-บทที่ 21 หมดความอดทน,วายบันเทิง-บทที่ 22 ไม่จบไม่สิ้น,วายบันเทิง-บทที่ 23 โดนปลด,วายบันเทิง-บทที่ 24 เกาะกระแส,วายบันเทิง-บทที่ 25 ข่าวล่ามาไว,วายบันเทิง-บทที่ 26 เพื่อนใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 27 งงไปหมด,วายบันเทิง-บทที่ 28 คนใหม่?,วายบันเทิง-บทที่ 29 มันเอาอีกละ,วายบันเทิง-บทที่ 30 สามหนุ่มเปิดใจ,วายบันเทิง-บทที่ 31 ก้าวใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 32 คลาสแอคติง,วายบันเทิง-บทที่ 33 ไปแคสติงกัน,วายบันเทิง-บทที่ 34 ช่วยมาคุมความประพฤติอีสันดานนี่ที,วายบันเทิง-บทที่ 35 ข่าวเก่าเล่าใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 36 ไม่เป็นไร,วายบันเทิง-บทที่ 37 รียูเนียน?,วายบันเทิง-บทที่ 38 เลิฟซีนเป็นเหตุ,วายบันเทิง-บทที่ 39 นั่นปากเหรอ!?,วายบันเทิง-บทที่ 40 เอาแล้วหัวใจ,วายบันเทิง-บทที่ 41 ระยะปลอดภัย,วายบันเทิง-บทที่ 42 เรื่องของฮัน,วายบันเทิง-บทที่ 43 หัวใจเจ้ากรรม หวั่นไหวง่ายจัง,วายบันเทิง-บทที่ 44 แค่พี่น้อง?,วายบันเทิง-บทที่ 45 ไปเชียงใหม่กันไหม,วายบันเทิง-บทที่ 46 เริ่มเลย,วายบันเทิง-บทที่ 47 เริ่มเลย 2,วายบันเทิง-บทที่ 48 ยินดีต้อนรับ,วายบันเทิง-บทที่ 49 ม่อนแจ่ม,วายบันเทิง-บทที่ 50 ไปขึ้นเขากัน,วายบันเทิง-บทที่ 51 กิ่วแม่ปาน,วายบันเทิง-บทที่ 52 เบื่อจริงๆ ไอ้พวกปากแข็ง,วายบันเทิง-บทที่ 53 ขอสักหน่อย หายไปหลายคืน,วายบันเทิง-บทที่ 54 กลับไป ไม่กลับใจ,วายบันเทิง-บทที่ 55 ความพยายาม,วายบันเทิง-บทที่ 56 อดีตช่วยย้ำเตือน,วายบันเทิง-บทที่ 57 เริ่มต้นเปิดใจ,วายบันเทิง-บทที่ 58 บททดสอบ,วายบันเทิง-บทที่ 59 ความลับที่ฉันซ่อนไว้,วายบันเทิง-ตอนที่ 60 ตอนจบที่มีความสุข

เนื้อหา

บทที่ 29 มันเอาอีกละ

“ฮัลโหลพี่ถึงแล้ว” กันต์เอ่ยบอกเมื่อได้ยินเสียงฮันจากปลายสายตอบรับมา

            (ผมอยู่บนวินกำลังจะถึงแล้วพี่)

            “โอเคๆ ถึงละบอกนะ” กันต์เอยตอบพลางยิ้มบางเพราะเสียงลมโกรกดังคลอขณะที่อีกฝ่ายรับสายนั้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าฮันไม่ได้พูดโกหก

            กันต์มายืนรออยู่ภายในบริเวณห้างหรูใจกลางเมืองเนื่องจากได้นัดแนะกับฮันและพี่ใหญ่เอาไว้ว่าอยากจะออกมาเดินเล่นหาไรกินกรุบกริบเพราะเบื่อที่จะอยู่บ้านกันเฉยๆ ด้วยเพราะทุกคนอยู่ในช่วงเว้นว่างจากงานจึงทำให้ในวันๆ หนึ่งพวกเขาไม่ค่อยมีอะไรให้ทำสักเท่าไหร่ การอยู่เฉยๆ ที่บ้านจึงค่อนข้างน่าเบื่อไม่น้อย

กันต์มองนาฬิกาที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอมือถือก่อนจะตัดสินใจเดินไปยังร้านกาแฟยี่ห้อดังที่อยู่ใกล้ๆ จุดที่เขายืนอยู่เพื่อซื้อกาแฟมาดื่มสักหน่อย เผื่อว่าจะรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาบ้าง เมื่อคืนเขานอนดึกไปพอสมควรเพราะมัวแต่ดูซีรีส์วายจนเพลินกว่าจะได้นอนก็เกือบตีสี่ไปแล้ว

จำนวนลูกค้าภายในร้านกาแฟน้อยกว่าที่คิด เขาเดินเข้าไปสั่งกาแฟได้โดยที่ไม่ต้องต่อคิว เขาเอ่ยปากสั่งอเมริกาโนเย็นไซส์เล็กก่อนจะยืนรออีกนิดหน่อยก็ได้กาแฟมาดื่มเรียกความสดชื่นได้บ้าง

Han : อยู่ไหนพี่

ข้อความจากฮันเด้งขึ้นมาที่หน้าจอมือถือ กันต์จึงกดเข้าไปตอบเพื่อบอกตำแหน่งของตัวเอง ไม่นานฮันก็เดินเข้ามาหาเขาที่ร้านกาแฟดังกล่าว 

“แล้วพี่ใหญ่อะ” กันต์เอ่ยถามขึ้นขณะที่พาฮันไปต่อคิวสั่งเครื่องดื่ม

“เห็นบอกว่าอยู่บนทางด่วน อีกไม่นานน่าจะถึง ปกติพี่ใหญ่ขับรถอย่างกับบินอยู่ละ” ฮันตอบก่อนจะหันไปสั่งชาเขียวปั่นเพิ่มวิปเพราะคนที่อยู่คิวก่อนหน้าสั่งออเดอร์เสร็จพอดี

หลังจากฮันได้รับเครื่องดื่มที่ตัวเองสั่งไป ทั้งคู่ก็พากันเดินออกมาข้างนอกร้านเพราะอยู่ดีๆ จำนวนลูกค้าก็เพิ่มขึ้นมากอย่างน่าแปลกใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตอนที่กันต์เดินเข้ามาแทบจะไม่มีลูกค้าเลยด้วยซ้ำ

“เราไปเดินเล่นกันก่อนไหมพี่ ยืนเฉยๆ ผมเบื่ออะ” ฮันเอ่ยพูดขึ้นด้วยสีหน้าเซ็งๆ ปกติเขาเป็นมนุษย์ที่ค่อนข้างจะอยู่ไม่ค่อยนิ่ง การที่ต้องมายืนเฉยๆ จึงทำให้เขารู้สึกอึดอัดไม่น้อย

“ได้นะ ไปไหนอะ”

“ก็เดินเล่นไปเรื่อยๆ ดูนั่นนี่” 

“โอเค งั้นแกนำเลย” กันต์ตอบก่อนจะผายมือบอกให้ฮันเดินนำไป เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าน้องอยากจะไปไหน จึงอยากให้น้องเลือกทำตามใจเพราะลำพังตัวเขาเองได้หมดทุกอย่างอยู่แล้ว 

แต่ยังไม่ทันที่จะได้เดินไปไหนไกลอยู่ๆ ก็มีเด็กนักเรียนหญิงสองคนเดินพุ่งเข้ามาหาพวกเขาด้วยท่าทีตื่นเต้น อันที่จริงทั้งสองคนก็เหมือนจะชินเวลาที่มีคนจำได้ว่าพวกเขาเป็นนักแสดง แต่การพุ่งเข้ามาหาแบบนี้ก็ทำให้ตกใจได้ไม่น้อยเหมือนกัน

“พี่ฮันกับพี่กันต์ใช่ไหมคะ”

“ใช่ครับ” กันต์ตอบเสียงนุ่ม

“ขะ...ขอถ่ายรูปได้ไหมคะ” นักเรียนหญิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น มือไม้สั่น

“ถ่ายได้ปะ” กันต์หันไปเอ่ยถามฮันเพราะไม่แน่ใจว่าฝั่งของฮันมีกฎห้ามถ่ายรูปกับแฟนคลับเหมือนกับต้นสังกัดอื่นๆ หรือไม่ แต่สำหรับต้นสังกัดของกันต์ไม่ได้ห้ามอะไร

“ได้พี่” ฮันตอบพร้อมพยักหน้า

“กรี๊ดดด ขอบคุณค่ะ” เด็กนักเรียนหญิงกรี๊ดออกมาเล็กน้อยก่อนจะวิ่งเข้ามาอยู่ตรงกลางระหว่างกันต์กับฮันแล้วใช้ให้เพื่อนอีกคนถ่ายรูปให้ ก่อนที่ทั้งคู่จะสลับกัน พอถ่ายรูปเสร็จพวกเธอก็ไม่ลืมที่จะขอบคุณก่อนจะเดินออกไป

ทั้งสองคนเดินเล่นได้ไม่นานพี่ใหญ่ก็ส่งข้อความมาหาฮันว่ามาถึงที่ห้างนั้นพอดี จึงนัดกันให้เจอที่ร้านอาหารบริเวณชั้นสี่เพราะยังไม่มีใครได้กินอะไรมาเลยตั้งแต่เช้า ทุกคนตกลงกันว่าจะเริ่มต้นด้วยการกินข้าวก่อน หลังจากนั้นจะทำอะไรค่อยว่ากันอีกที

“ฮายย~!” เสียงทักทายจากพี่ใหญ่ดังขึ้นเมื่อกันต์และฮันเดินเข้าไปภายในร้านอาหารใต้เจ้าดังที่ได้นัดหมายกันเอาไว้

“พี่ใหญ่หวัดดีครับ” กันต์เอ่ยทักพร้อมยกมือไหว้ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงตรงเก้าอี้ว่าง ส่วนฮันก็เลือกนั่งลงข้างด้านข้างของกันต์

“ขอเมนูหน่อยค่ะ” พี่ใหญ่ยกมือเรียกพนักงานเพื่อขอเล่มเมนูมาดูประกอบก่อนสั่งอาหาร ไม่นานพนักงานสาวก็เดินหยิบเมนูอาหารมาวางไว้ให้ที่โต๊ะจำนวนสามเล่ม แต่ละคนจึงหยิบไปเปิดดู

ร้านนี้เป็นร้านประจำของพี่ใหญ่กับฮันจากการบอกเล่าของพวกเขา เพราะเป็นร้านอาหารใต้ รสชาติอาหารจึงค่อนข้างจัดถูกปากคนชอบอาหารแซ่บๆ อย่างพี่ใหญ่เป็นอย่างมาก เมนูบนโต๊ะที่พี่ใหญ่กับฮันเลือกจึงมีแต่จานที่มีรสชาติเด็ดดวงแทบทั้งนั้น กันต์จึงขอเลือกบางเมนูที่กินง่ายๆ บ้าง เพราะกลัวว่าจะไม่สามารถกินเมนูอื่นๆ ได้หากเผ็ดเกินไป

ไม่นานหลังจากที่พวกเขาสั่งอาหารไป ทุกอย่างก็ถูกพนักงานในร้านนำมาวางเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะไปหมด ทีแรกก็คิดว่าสั่งกันไม่เยอะ แต่พอทุกจานมาวางตรงหน้าก็อดจะตกใจไม่ได้อยู่เหมือนกัน

“นี่ไง บอกแล้วอย่าสั่งอาหารตอนหิว” ฮันหันไปบ่นแซวกับพี่ใหญ่ก่อนจะคว้ามือถือขึ้นมาถ่ายสตอรี่เอาไว้

“กินๆ ไปเหอะ ไม่หมดก็ช่างมัน” พี่ใหญ่ตอบ

กันต์ไม่ได้โต้ตอบอะไรกับบทสนทนานั้นเพียงแต่หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะเริ่มลงมือจัดการกับอาหารบนโต๊ะเพราะเขาค่อนข้างหิวมาก

“เป็นไงมั่ง อร่อยไหม” พี่ใหญ่เห็นกันต์ตักข้าวเข้าปากไปคำหนึ่งจึงเอ่ยถาม

“อร่อยดีครับ เผ็ดไปหน่อย แต่อร่อยครับ”

“เลิศ!” พี่ใหญ่อุทานออกมาพร้อมยิ้มกว้างก่อนจะหันไปสนใจอาหารในจานของตัวเอง

ช่วงเวลาบนโต๊ะอาหารผ่านไปอย่างรวดเร็วหลังจากนั้น อาจเพราะทุกคนกำลังตกอยู่ช่วงเวลาอันหิวโหย พออาหารเข้าปากทุกคนก็ลืมที่จะพูดคุยกันอีก บรรยากาศบนอาหารของพวกเขาเงียบกริบมีแต่เสียงช้อนส้อมกระทบกับจานกระเบื้อง ไร้ซึ่งเสียงพูดคุยใดๆ

“อิ่มมากกก” ฮันบอกพลางวางช้อนส้อมลงในจานเปล่าตรงหน้าแล้วเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ ก่อนจะใช้มือลูบพุงตัวเองเบาๆ 

“จริง นึกว่าจะกินไม่หมดซะละ แต่ก็หมด” กันต์พูดเสริมก่อนจะยกน้ำดื่มแล้วหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูสักหน่อย

ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มอย่างสดใสเปลี่ยนไปในทันใดเมื่อกันต์เห็นข้อความบางอย่างที่ปรากฏขึ้นในโลกออนไลน์ผ่านแอพลิเคชั่นเอ็กซ์ เขากดเข้าไปดูเมื่อเห็นว่ามีคนรีทวิตผ่านเข้ามาในหน้าไทม์ไลน์เขา

‘เอาอีกละ เบนเข็มทิศไปเกาะคนใหม่แล้วสินะ กระแสกำลังมาเลย ฉลาดนี่นา’

ข้อความดังกล่าวอาจดูไม่ได้น่าสงสัยอะไรหากมันไม่ได้มาจากแอคเคาท์ของพี่ปู ผู้จัดการของมินและภัทรที่โดยปกติมักจะชอบแซะกันต์กับพี่บุ๊คอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ การที่กันต์ได้เห็นข้อความอะไรแบบนี้จากพี่ปูมันทำให้อดคิดไม่ได้ว่าพี่ปูกำลังหมายถึงเขาหรือเปล่า และโดยส่วนมากเวลาที่เขาเอะใจอะไรมักไม่ค่อยผิดสักเท่าไหร่ 

เขาตัดสินใจกดเข้าไปเพื่อส่องดูเมนชั่นจากผู้อื่นประกอบการตัดสินใจว่าสรุปแล้วข้อความนั้นหมายถึงใคร หากไม่ได้หมายถึงตัวเขา เขาก็จะได้ปล่อยไป แต่ถ้าหากว่าพี่ปูหมายถึงเขาแล้วล่ะก็ คงต้องมาดูกันหน่อยว่าหมายถึงเรื่องไหนกันอีก

ลำพังแค่ใช้ชัวิตไปวันๆ ก็เหนื่อยจะแย่ ทำไมต้องมาเจอ มารับมือกับคนประสาทแดกแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้

“มีอะไรหรือเปล่า” พี่ใหญ่เอ่ยถามเมื่อเห็นว่ากันต์มีสีหน้าเปลี่ยนไป

“ปะ... เปล่าครับ”

“แบบนี้มีแน่”

“คือ...” กันต์อึกอักเพราะไม่รู้ว่าเรื่องนี้ควรจะบอกให้พี่ใหญ่กับฮันรู้หรือเปล่า เขาตัดสินใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยื่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองให้พี่ใหญ่ดู

พี่ใหญ่รับมือถือของกันต์ไปก่อนจะจ้องมองข้อความที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอนั้น คิ้วทั้งสองข้างของพี่ใหญ่เริ่มขมวดเข้าหากันหลังจากที่ได้อ่าน ความสงสัยปรากฏชัดบนใบหน้านั้น ยังไม่รวมถึงฮันที่ขยับตัวไปชะเง้อหน้าเพื่อร่วมอ่านข้อความนั้นด้วย

“พี่ปูอาจจะไม่ได้หมายถึงแกก็ได้” พี่ใหญ่บอกกันต์อย่างเป็นกลางเพราะข้อความเหล่านั้นก็ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่ากำลังพูดถึงใคร

“พี่ลองดูที่เมนชั่น” 

‘ตัวประกอบคนนั้นสินะแม่ ที่ปกติชอบเกาะคนอื่นไปทั่ว ล่าสุดหนูเห็นลงสตอรี่กับลูกรักนายทุนอยู่’

‘ใช่เลยจ้า คนนั้นแหละ นักเกาะขาประจำ’

“แล้วจะไม่ให้คิดว่าเป็นตัวเองได้ไงพี่ เพราะเขาเล่นงานกันต์ด้วยเรื่องนี้ประจำ” กันต์บ่นอุบ

“แล้วแกชอบไปเกาะคนอื่นดังเหมือนที่เขาว่าไหมล่ะ”

“แล้วพี่เห็นว่าผมไปเกาะคนอื่นดังไหมล่ะ ถ้าเกาะจริงก็ดังไปนานละ ที่สนิทคือสนิทจริงๆ พี่ใหญ่ก็น่าจะเห็นอยู่”

“ชั้นก็คิดอยู่ กำลังจะบอกว่าถ้าจะมาเกาะนางฮันดัง จะให้หนีไปเกาะคนอื่นเหอะ มีคนที่ดีกว่านี้ให้เกาะตั้งเยอะ” พี่ใหญ่เอ่ยบอกพลางหัวเราะเบาๆ

“ใช่ไหมล่ะ!”

พอเห็นว่ากันต์กับพี่ใหญ่กำลังเมาท์ฉ่ำหัวเราะร่าเข้ากันแบบเป็นปี่เป็นขลุ่ย ฮันถึงกับแกล้งมองตาขวางเพราะบุคคลที่อยู่บทสนทนาอย่างเขารู้สึกเหมือนกำลังโดนด่าทางอ้อมแบบแปลกๆ

“ไม่ต้องไปสนใจหรอกแก ปล่อยนางไปเหอะ” พี่ใหญ่บอกปัดก่อนจะยกมือเรียกพนักงานมาเก็บเงินแล้วพากันเดินออกไป

ความรู้สึกของกันต์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับตอนแรกที่มาถึงร้านแห่งนี้ พี่ใหญ่กับกับฮันก็สังเกตเห็นจึงพยายามที่จะชวนกันต์คุยเล่น พาไปทำนู่นนี่ในห้างเพื่อต้องการให้กันต์ได้เคลียร์ความรู้สึกไม่โอเคที่ติดค้างอยู่ภายในใจออกไปให้หมด ซึ่งก็ดูเหมือนว่าพอจะได้ผลอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด

“ลองชวนพี่มินออกมาไหมพี่ใหญ่” ฮันหันไปเสนอกับพี่ใหญ่พลางเบนสายตามามองกันต์ด้วย

“เอาดิ คนเยอะๆ สนุกดี”

“แล้วพี่กันต์อะ ว่าไง”

“ชวนมาดิ พี่ไม่ติดอะไร”

“โอเค” 

ฮันล้วงหยิบมือถือในกระเป๋าผ้าที่ตนสะพายข้างเอาไว้ออกมากดโทรหามินทันที ช่วงที่ผ่านมาทั้งมินและฮันสนิทกันมากเป็นพิเศษ อันที่จริงพวกเขาทั้งสองคนก็สนิทกันมาก่อนหน้านี้แล้วประมาณหนึ่ง ก่อนที่ฮันจะได้มารู้จักกับกันต์เสียอีก เพราะทั้งคู่เคยทำงานร่วมกันมาก่อน 

ฮันเดินห่างออกไปเพื่อคุยโทรศัพท์กับมิน ไม่นานก็เดินกลับมาพร้อมบอกกับกันต์และพี่ใหญ่ว่า เดี๋ยวมินตามมาหลังทำงานเสร็จ พี่ใหญ่จึงได้ไอเดียว่าช่วงเย็นจะไปนั่งชิลที่ร้านเดิมตรงตลาดรถไฟ ซึ่งเป็นร้านเดียวกันกับที่พวกเขาเคยไปมาก่อนหน้านี้

พี่ใหญ่จัดการส่งโลเคชั่นไปให้มินเพื่อที่ว่าหลังเลิกงานจะได้ตามมาถูก ส่วนพวกเขาก็เดินอยู่แบบนั้นอีกครู่ใหญ่ก่อนจะตัดสินใจเข้าไปดูหนังกันเพื่อฆ่าเวลารอตอนเย็น

~~~~~~~~~~ The Gossip of BL ~~~~~~~~~~

            ท้องฟ้าเริ่มมีสีส้มแทรกประปรายเมื่อใกล้เวลาพลบค่ำ กันต์ ฮัน และพี่ใหญ่เดินมาขึ้นรถที่จอดเอาไว้ในลานจอดรถหลังจากดูหนังจบ ฮันดูสะลึมสะลือเล็กน้อยเพราะเขาเผลอหลับไปช่วงท้ายของเรื่อง ส่วนกันต์กับพี่ใหญ่ก็เมาท์มอยกันไม่หยุดเพราะรู้สึกชอบพระเอกของหนังเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ฮันได้แต่หัวเราะตามเล็กๆ น้อยๆ เพราะพลังงานชีวิตเหมือนยังกอบกู้คืนมาจากการหลับใหลได้ไม่หมด

            เพียงไม่นานทั้งสามคนก็เดินทางมาถึงตลาดรถไฟพร้อมมุ่งตรงไปยังร้านเหล้าปั่นร้านเดิมที่เพิ่งจะมาใช้บริการไปเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ พนักงานในร้านยังจำพวกเขาได้แม่น เพราะเพียงแค่เดินเข้าไปในร้านพนักงานก็เอ่ยทักทายทันทีแถมยังบอกว่าจำได้อีก ก็จะไม่ให้จำได้ได้ยังไงในเมื่อวันนั้นที่ร้านมีอยู่แค่สองโต๊ะ แล้วโต๊ะของกันต์ก็เป็นเพียงโต๊ะเดียวที่อยู่จนร้านปิด

            “เหมือนเดิม” พี่ใหญ่เอ่ยปากสั่งทันทีที่นั่งโต๊ะ ไม่จำเป็นที่จะต้องขอเมนูมาดูอีกแล้ว เพราะเอาเข้าจริงในเมนูก็มีอยู่แค่ไม่กี่อย่าง ก็มันร้านเหล้าปั่นนี่เนอะ เน้นขายเหล้าเป็นหลัก กับแกล้มอยู่มีอยู่แค่สองสามอย่างซึ่งพี่ใหญ่ก็จำได้ครบทั้งหมด

พี่ใหญ่เร่งให้ฮันโทรตามมินยิกๆ เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าจนท้องฟ้าเปลี่ยนสีดำ แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววจะเจ้าตัวจะโผล่หน้ามาให้เห็น เหล้าถังแรกมาเสิร์ฟบนโต๊ะพี่ใหญ่ก็จัดการตักแบ่งให้กันต์กับฮันในทันที แม้อากาศในคืนนี้จะไม่ดีเท่าคืนก่อนแต่ก็ยังพอมีลมพัดโชยให้ได้ชื่นใจอยู่บ้าง

“หวัดดีพี่” เสียงทักทายจากมินดังลอยเข้ามาก่อนตัว 

“มาซะที นึกว่าจะเท” พี่ใหญ่บ่นเล็กน้อยก่อนจะหยิบแก้วเหล้าปั่นที่แบ่งเอาไว้ยื่นให้มิน

“หวัดดีมึง” มินหันมาทักทายกันต์พร้อมรอยยิ้ม

“หวัดดี...” กันต์ชะงักไปเล็กน้อยเพราะก่อนหน้านี้มินกับเขาไม่ได้สนิทกันมากสักเท่าไหร่ แม้ว่าจะเจอกันบ่อยๆ ในกองถ่ายแต่ก็ไม่ค่อยได้พูดจากันนัก ด้วยเหตุผลที่ว่ามินเป็นเด็กในสังกัดของพี่ปู กันต์จึงถูกพี่บุ๊คตักเตือนไว้นิดหน่อยว่าให้ระมัดระวังคำพูดคำจาของตัวเองให้ดีเพราะไม่รู้ว่ามินจะเอาไปฟ้องพี่ปูหรือเปล่า จึงทำให้เขาไม่ค่อยอยากจะยุ่งกับมินสักเท่าไหร่ แต่เพราะวันนี้ฮันเป็นคนตั้งใจจะชวนมินออกมาสังสรรค์ด้วยกัน เขาจึงไม่อยากจะขัดอะไร

แรกๆ กันต์ก็รู้สึกอึดอัดนิดหน่อยเพราะไม่ค่อยสบายใจที่มินมานั่งข้างๆ เขากลัวตัวเองจะหลุดพูดอะไรที่มันขัดหูอีกฝ่ายแล้วจะกลายเป็นเรื่อง ปกติกันต์กับฮันมักจะนั่งข้างกันอยู่เสมอ แต่วันนี้เหมือนกับว่าโชคชะตากำลังอยากจะทดสอบอะไรบางอย่างจึงทำให้ฮันเลือกที่จะนั่งข้างพี่ใหญ่ในตอนที่มาถึงร้าน ที่นั่งข้างกันต์จึงว่างอยู่ พอมินมาถึงก็เลยต้องนั่งตรงนั้นไปโดยปริยาย

แต่ความรู้สึกแบบนั้นก็ปรากฏอยู่ได้เพียงไม่นานเพราะหลังจากเหล้าเข้าปากไปพักใหญ่ก็เหมือนได้ละลายพฤติกรรมระหว่างกันต์กับมินไปโดยสิ้นเชิง ยิ่งตอนที่พี่ใหญ่จั่วหัวเปิดประเด็นเรื่องมินภายใต้การดูแลของพี่ปูเจ้าของสังกัดขึ้นมา นั่นยิ่งทำให้กันต์รู้สึกว่าที่ผ่านมาอาจเป็นเขาเองที่ระแวงและเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวของมินมาโดยตลอด

“สรุปยังไงเรื่องแม่ปู” 

“ไม่รู้ ก็เหมือนเดิมอะพี่ เขาก็สนใจแต่ไอ้ภัทรแหละ งานก็เห็นขายให้แต่ไอ้นั่น แต่ก็เข้าใจแหละ มันทำเงินได้อะ”

“เอ้า! แต่แกก็ยอดฟอลแตะล้านเหมือนกันนะ ถ้าขายงานให้จริงๆ ก็ขายได้ปะ” พี่ใหญ่ถามกลับอย่างไม่เข้าใจ สีหน้าแสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“เห้อ... ไม่รู้เขา แต่เขาเคยพูดครั้งหนึ่งว่าผมมีงานประจำแล้ว ส่วนไอ้ภัทรมันไม่มี ก็เลยต้องช่วยน้องมันก่อน” 

“ไม่เกี่ยวค่ะ แบบนี้มันลำเอียงค่า แทนที่พี่ปูเขาขายสองคนก็จะได้เปอร์เซ็นต์จากค่าตัวของพวกแกเพิ่ม แต่ดันเลือกจะขายภัทรคนเดียว ชั้นก็งงอยู่นะ เอาดีๆ” 

“ผมก็งง ไม่รู้พี่ปูเขาคิดอะไรอยู่” มินบ่นจบก็ยกเหล้าปั่นขึ้นดูดรัวๆ จนต้องหยีหน้าเพราะความเย็นมันแล่นปรี๊ดเข้าสมองกะทันหัน

“ค่อยๆ เดี๋ยวก็ตายหรอก” พี่ใหญ่เตือนก่อนจะรับแก้วเหล้าปั่นของมินที่เพิ่งดูดหมดมาเติมให้เพิ่ม

“พี่มีงานไรก็ช่วยขายให้ผมหน่อยละกัน เอาหมดไม่เกี่ยงค่าตัว” มินเอ่ยบอกพี่ใหญ่ก่อนจะหันไปมองนักร้องที่นั่งเล่นกีต้าร์อยู่บนเวทีเล็กๆ ไม่ไกลจากโต๊ะที่เขานั่งมากนัก

“เออ เดี๋ยวช่วยหาให้” 

“ขอบคุณครับ”

“เออ ชั้นถามหน่อย พี่ปูเขาไม่ชอบกันต์เหรอ” อยู่ๆ พี่ใหญ่ก็เอ่ยถามโพล่งออกมาแบบนั้น ทำเอาเจ้าของชื่อสะดุ้งโหยง เขาหันขวับไปมองหน้าพี่ใหญ่สลับกับมินทันทีเพราะมีความกังวลในคำตอบของอีกฝ่าย

“ไม่หรอกพี่ เขาก็ไม่ได้ไม่ชอบ”

“แล้วทำไมเขาชอบแซะไอ้กันต์จังอะ”

“ไม่รู้ดิ เขาเป็นคนยังงั้นแหละ ไม่ต้องไปสนใจหรอก” ประโยคหลังมินหันมาบอกกับกันต์พลางยกมือขึ้นมาตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ ทำเอากันต์รู้สึกแปลกแต่ก็รับรู้ได้ถึงความเป็นมิตรและไว้วางใจได้ของมินขึ้นมาเล็กน้อย

“ไม่... ถ้าไม่ได้อะไรแล้วมาแซะกันต์มันทำไม นี่คือสิ่งที่ชั้นสงสัย” พี่ใหญ่ยังคงถามต่อ

“ผมก็สงสัยเหมือนพี่นั่นแหละ ผมก็ไม่เห็นว่าไอ้กันต์มันจะไปยุ่งอะไรกับพี่เขาเลยนะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาชอบแซะไอ้กันต์ จริงๆ ก็ไม่ใช่แค่มันคนเดียวหรอก พี่บุ๊คก็โดน”

“ก็ใช่ไง ชั้นเลยแปลกใจ”

“คงไม่ถูกชะตาเฉยๆ มั้ง ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” มินยกไหล่เล็กน้อยแทนคำตอบว่าผมเองก็ไม่รู้จะหาคำตอบจากไหนมาให้พี่ใหญ่

“แต่กูว่าที่เขาไม่ชอบกูเพราะเรื่องไอ้ภัทรนั่นแหละ” กันต์เอ่ยพูดแทรกขึ้นมาระหว่างที่พี่ใหญ่กับมินคุยกันอยู่ เพราะเขาค่อนข้างที่จะมั่นใจว่าสิ่งที่เขาสันนิษฐานนั้นไม่มีทางผิดอย่างแน่นอน

 “อะไรวะ” มินสงสัย

“น่าจะเริ่มจากตอนที่กู พี่บุ๊คชวนภัทรไปกินข้าวด้วยกันครั้งนู้น แล้วพอถ่ายสตอรี่ลงก็เลยโดนพี่ปูเริ่มโจมตีไง ว่าไปเกาะกระแสภัทรดัง แถมยังมีคนจับพี่บุ๊คกับภัทรจิ้นกันด้วย พอมันเกิดเรือผีพี่ปูเขาก็เลยไม่พอใจมั้ง อุตส่าห์จะให้ภัทรคู่กับเด็กในสังกัดของตัวเองไรงี้” กันต์เล่าให้มินฟังด้วยความระแวง แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะเล่าทั้งหมดให้ฟัง

“เห้อ.... ไอ้ไททันอะนะ” 

“อือ นั่นแหละ เขาเลยโกรธไง” 

มินได้ยินคำพูดจากปากของกันต์ที่ย้ำชัดถึงสาเหตุของการที่พี่ปูไม่ชอบขี้หน้าเขาก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา “เอาจริงปะ กูก็ไม่เข้าใจนะว่าทำไมพี่ปูเขาถึงชอบมองว่าคนอื่นจะมาเกาะกระแสเด็กเขา เพราะตัวเขาเองก็ทำแบบนั้นเหมือนกันอะ พยายามให้ไอ้ภัทรไปสนิทกับคนดังๆ เพื่อจะได้อยู่ในแสงตลอดเวลา มีคนคอยให้ความสนใจไรงี้ แล้วก็เอาไอ้ไททันไปแปะไว้คู่กับไอ้ภัทรอีกทีเพื่อที่จะได้ใช้กระแสของภัทรสร้างภาพความเป็นคู่จื้นให้กับไททันลูกรักของตัวเอง”

“ลูกรัก? หมายถึงใคร ภัทรหรือไททัน” พี่ใหญ่ถามแทรกขึ้นมาเพราะเริ่มที่จะสับสนนิดหน่อยว่าใครเป็นใครในเรื่องที่มินกำลังเล่ากันแน่

“ก็ไอ้ไททันไงพี่ รู้ปะจริงๆ ที่สังกัดนี้ขึ้นก็เพราะไททันนะ พี่ปูเขาเปิดสังกัดเพราะมันเลย ไม่งั้นจะชื่อไททันเอเจนซี่เหรอ”

“อีเวร! ชั้นเคยคิดเล่นๆ ค่ะ แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริง”

“เออ นั่นแหละ เขามีไททันเข้ามาก่อนเลยคนแรก แล้วก็ค่อยมาเป็นผม แล้วก็ไปบังเอิญเจอไอ้ภัทรตอนที่ผมเล่นซีรีส์เรื่องแรกกับไอ้กันต์มัน ตอนนั้นพี่ปูเขาไปได้ยินเรื่องภัทรมีปัญหากับค่ายเก่าแถมกำลังจะหมดสัญญา เขาก็เลยพยายามจีบมาเข้าสังกัดเพราะตอนนั้นกระแสของภัทรเริ่มมา หลักๆ คือเขาอยากจะปั้นให้ไททันกลายเป็นซุปตาร์บ้าง ก็เลยหวังจะใช้กระแสของภัทรเพื่อปั้นให้ไททันดังด้วยการจับมาเป็นคู่จิ้นกันไง”

“แบบนี้พี่ภัทรก็เหมือนโดนหลอกใช้เหมือนกันนะครับ” ฮันที่นั่งเงียบฟังอยู่นานเอ่ยปากพูดขึ้นทำเอาทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย

“ก็ใช่ เลยแปลกใจว่าทำไมเขาถึงชอบกลัวคนอื่นมาเกาะกระแสเด็กตัวเอง เพราะเขาก็ทำแบบนั้นกับคนอื่นเหมือนกัน” มินพูดจบก็ยกเหล้าปั่นขึ้นกระดกเพราะรู้สึกคอแห้งที่เล่าเรื่องราวของพี่ปูให้ทุกคนบนโต๊ะฟังอย่างละเอียด

“คนเขาถึงพูดกันไงว่าการที่คนอื่นชอบมองเราว่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ จริงๆ แล้วมันเกิดจากประสบการณ์ต่างๆ ในชีวิตของเขานั่นแหละ เพราะเขาทำแบบนั้นกับคนอื่น เขาจึงคิดว่าคนอื่นก็จะทำแบบเดียวกันกับที่เขาทำ ซึ่งในความเป็นจริงมันอาจจะไม่ใช่ก็ได้” พี่ใหญ่อธิบายเสริม ทุกคนในโต๊ะก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างดี

“แล้วงี้กันต์ควรทำไง”

“ไม่ต้องทำไง ปล่อยไป มึงไม่ต้องไปสนใจเขาเลยเว้ย ทำงานหาเงินก็พอ” มินหันมาตอบกันต์เพราะเขารู้สึกสงสารคนข้างๆ ขึ้นมาเล็กน้อยอยู่เหมือนกัน ที่อยู่ๆ ก็โดนตั้งแง่ในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง เขาอยากให้กันต์สบายใจมากกว่าจะต้องมานั่งเซ็งในคืนสังสรรค์แบบนี้

“โอเค ขอบใจมากมึง” กันต์ยิ้มบางก่อนจะเอ่ยปากบอกขอบคุณในไป

“เออ ไม่เป็นไร เพื่อนกัน มีไรให้ช่วยก็บอก” มินยิ้มตอบ

รอยยิ้มจากมินที่ปรากฏขึ้นนั้นเป็นภาพจำที่ชัดเจนอยู่ในโสตประสาทของกันต์ไม่น้อย เพราะมันทำให้เขารู้สึกถึงมิตรภาพที่มินได้มอบให้กับเขามาแบบไม่มีกั๊ก หลังจากนี้เขาคงต้องเปลี่ยนมุมมองในตัวมินเสียแล้ว