วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ

วายบันเทิง - บทที่ 31 ก้าวใหม่ โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น,วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วายบันเทิง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ

รายละเอียด

วายบันเทิง โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ

ผู้แต่ง

Run_Kantheephop

เรื่องย่อ

วายบันเทิง

The Gossip of BL

Run_Kantheephop

เรื่องแต่ง 99%  อีก 1% คือเค้าโครงจากเรื่องจริง

ขออนุญาตแก้ไขวันและเวลาในการอัพนิยายนะครับ เนื่องจากช่วงนี้มีภารกิจจากหน้าที่การงานเข้ามาจึงทำให้เขียนนิยายได้น้อยลงกว่าเดิม จากนี้ไปจะขออัพนิยายเพียงแค่สัปดาห์ละ 1 ตอนนะครับ (ทุกวันเสาร์ เวลา 18:00 น.)

ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามครับ

********************************************************************************

มีทั้งหมด 5 เล่ม

E-Book วางจำหน่ายแล้ว บน MEB

สารบัญ

วายบันเทิง-Intro บทนำ,วายบันเทิง-บทที่ 1 เด็กบ้านนอกคนหนึ่ง,วายบันเทิง-บทที่ 2 ผลลัพธ์ที่ดี,วายบันเทิง-บทที่ 3 ทริปมิตรสัมพันธ์,วายบันเทิง-บทที่ 4 สังสรรค์หรือสงคราม,วายบันเทิง-บทที่ 5 ยังไงกันแน่,วายบันเทิง-บทที่ 6 แต่ความจริงคือ...,วายบันเทิง-บทที่ 7 ระมัดระวัง,วายบันเทิง-บทที่ 8 ข่าวลือ,วายบันเทิง-บทที่ 9 มันจริงมั้ย?,วายบันเทิง-บทที่ 10 คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ,วายบันเทิง-บทที่ 11 เคลียร์ใจ,วายบันเทิง-บทที่ 12 มีซัมติงไหม?,วายบันเทิง-บทที่ 13 นี่ว่าใช่ ไม่ได้มโน,วายบันเทิง-บทที่ 14 โดนกับตัว,วายบันเทิง-บทที่ 15 ไม่พอใจ,วายบันเทิง-บทที่ 16 ต้องเลือก,วายบันเทิง-บทที่ 17 เมามาย 1,วายบันเทิง-บทที่ 18 เมามาย 2,วายบันเทิง-บทที่ 19 ทำไมทำงี้!?,วายบันเทิง-บทที่ 20 โอกาสเดียว,วายบันเทิง-บทที่ 21 หมดความอดทน,วายบันเทิง-บทที่ 22 ไม่จบไม่สิ้น,วายบันเทิง-บทที่ 23 โดนปลด,วายบันเทิง-บทที่ 24 เกาะกระแส,วายบันเทิง-บทที่ 25 ข่าวล่ามาไว,วายบันเทิง-บทที่ 26 เพื่อนใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 27 งงไปหมด,วายบันเทิง-บทที่ 28 คนใหม่?,วายบันเทิง-บทที่ 29 มันเอาอีกละ,วายบันเทิง-บทที่ 30 สามหนุ่มเปิดใจ,วายบันเทิง-บทที่ 31 ก้าวใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 32 คลาสแอคติง,วายบันเทิง-บทที่ 33 ไปแคสติงกัน,วายบันเทิง-บทที่ 34 ช่วยมาคุมความประพฤติอีสันดานนี่ที,วายบันเทิง-บทที่ 35 ข่าวเก่าเล่าใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 36 ไม่เป็นไร,วายบันเทิง-บทที่ 37 รียูเนียน?,วายบันเทิง-บทที่ 38 เลิฟซีนเป็นเหตุ,วายบันเทิง-บทที่ 39 นั่นปากเหรอ!?,วายบันเทิง-บทที่ 40 เอาแล้วหัวใจ,วายบันเทิง-บทที่ 41 ระยะปลอดภัย,วายบันเทิง-บทที่ 42 เรื่องของฮัน,วายบันเทิง-บทที่ 43 หัวใจเจ้ากรรม หวั่นไหวง่ายจัง,วายบันเทิง-บทที่ 44 แค่พี่น้อง?,วายบันเทิง-บทที่ 45 ไปเชียงใหม่กันไหม,วายบันเทิง-บทที่ 46 เริ่มเลย,วายบันเทิง-บทที่ 47 เริ่มเลย 2,วายบันเทิง-บทที่ 48 ยินดีต้อนรับ,วายบันเทิง-บทที่ 49 ม่อนแจ่ม,วายบันเทิง-บทที่ 50 ไปขึ้นเขากัน,วายบันเทิง-บทที่ 51 กิ่วแม่ปาน,วายบันเทิง-บทที่ 52 เบื่อจริงๆ ไอ้พวกปากแข็ง,วายบันเทิง-บทที่ 53 ขอสักหน่อย หายไปหลายคืน,วายบันเทิง-บทที่ 54 กลับไป ไม่กลับใจ,วายบันเทิง-บทที่ 55 ความพยายาม,วายบันเทิง-บทที่ 56 อดีตช่วยย้ำเตือน,วายบันเทิง-บทที่ 57 เริ่มต้นเปิดใจ,วายบันเทิง-บทที่ 58 บททดสอบ,วายบันเทิง-บทที่ 59 ความลับที่ฉันซ่อนไว้,วายบันเทิง-ตอนที่ 60 ตอนจบที่มีความสุข

เนื้อหา

บทที่ 31 ก้าวใหม่

กันต์เร่งฝีเท้ารีบพาตัวเองไปยังจุดนัดพบที่พี่บุ๊คได้บอกเอาไว้ในแชทตั้งแต่เมื่อคืน ทั้งคู่นัดเจอกันช่วงเที่ยงของวันนี้แต่เพราะกันต์ตื่นสายเล็กน้อยจึงทำให้เขามาถึงสยามช้ากว่าเวลานัดไปประมาณสิบนาที ในหัวของเขาเป็นกังวลอย่างมากเพราะรู้แน่ว่าเมื่อได้เจอหน้าบุ๊คจะต้องถูกบ่นอย่างแน่นอน ทั้งที่เมื่อคืนนี้ตัวเองก็เป็นคนบอกกับอีกฝ่ายไว้แท้ๆ ว่าห้ามสายเพราะขี้เกียจจะยืนรอ แต่พอถึงเวลาจริงขึ้นมา คนพูดกลับเป็นคนมาสายเสียเอง

“มาซะที” คำแรกที่บุ๊คเอ่ยทักก็ไม่ได้ต่างไปจากที่กันต์คิดสักเท่าไหร่นัก สีหน้าเชิงตำหนิที่ส่งมาให้ก็เป็นไปในเชิงหยอกล้อกันเสียมากกว่าจะรู้สึกไม่พอใจจริงๆ ทำให้กันต์รู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย

“สรุปชวนมาทำไรเนี่ยวันนี้” กันต์ถามย้ำเพราะตั้งแต่เมื่อคืนบุ๊คก็ตอบมาเพียงแค่ว่า ออกมาเจอกันก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที เบื่ออยู่บ้าน และนั่นเป็นทั้งหมดที่คนตัวเล็กกว่ารับรู้ เขามีหน้าที่เพียงแค่ออกมาหาบุ๊คตามคำเชิญชวน ส่วนกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นทั้งหมดในวันนี้ก็ยังไม่อาจทราบได้เหมือนกัน

“กินไรมายัง” บุ๊คเอ่ยถามขณะที่พวกเขาทั้งสองคนกำลังเดินเตร็ดเตร่แบบไร้จุดมุ่งหมาย

“ยังเลยพี่”

“จะกินไรก่อนปะ? พอดีว่าจะชวนดูหนังอะ”

“เดี๋ยวซื้อป๊อปคอร์นกินในโรงเอา”

“แล้วจะอิ่มเหรอ?” บุ๊คถามกลับมาด้วยสีหน้าปนสงสัย เพราะถ้าเป็นตัวเขาเองคงไม่อิ่มแน่ๆ

“ก็พอได้อยู่ กันต์กลัวว่าถ้ากินอิ่มเกินแล้วเข้าไปดูหนังจะหลับเอาอะดิ เดี๋ยวไม่คุ้ม”

“อาเค แล้วแต่แก”

“เดี๋ยวดูหนังเสร็จค่อยกินละกัน” กันต์เสนอก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเดินขึ้นชั้นบนสุดของห้างเพื่อไปยังโรงภาพยนตร์

กันต์เดินนำเข้าไปที่ตู้กดตั๋วอัตโนมัติก่อนจะเลื่อนหาหนังเรื่องที่อยากดู แต่ก็ดันเลือกไม่ถูกขึ้นมาเสียอย่างนั้นเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้รู้สึกอยากดูด้วย จึงตัดสินใจหันไปหาบุ๊คที่ยืนอยู่ข้างหลังเพื่อขอความช่วยเหลือ

“พี่จะดูเรื่องอะไร”

“มีเรื่องไรน่าดูมั่ง”

“เอ่า! นึกว่าพี่มีในใจแล้ว”

“เปล่า แค่อยากดูหนังเฉยๆ แกก็รู้ว่าพี่ชอบดูหนัง ดูได้หมดแหละ แกเลือกเลย” 

“งั้นกันต์ดูเรื่องนี้ได้ปะ” กันต์ตอบพลางชี้นิ้วไปที่โปสเตอร์หนังเรื่องหนึ่งที่กำลังโชว์อยู่บนหน้าจอของตู้ขายตั๋ว พื้นหลังเป็นสีแดงสด ด้านบนมีกรอบภาพเด็กผู้ชายสองคนที่มีส่วนสูงต่างกันกำลังยืนหันหน้ากลับมามอง เนื้อตัวมอมแมม ส่วนกรอบด้านล่างมีตัวละครอื่นอีกสามคนประกอบไปด้วยชายสองและหญิงหนึ่ง เป็นหนังญี่ปุ่นที่มีหน้าหนังชวนมองและทำให้คนที่กำลังชี้นิ้วอยู่นั้นคิดไปว่าจะต้องเป็นหนังที่เกี่ยวกับสัตว์ประหลาดตามสไตล์ชาวอาทิตย์อุทัยอย่างแน่นอน

“Monster เหรอ?” บุ๊คเคลื่อนสายตาไปอ่านชื่อภาพยนตร์จนจบ

“อื้อ ดูปะ?”

“น่าสนใจนะ พี่เห็นรีวิวผ่านๆ เขาว่าเป็นหนังที่ดีอยู่ ได้รางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วยมั้งถ้าจำไม่ผิด” บุ๊คเอ่ยตอบก่อนจะเดินแทรกตัวเข้ามาเพื่อกดเลือกที่นั่งในโรงหนังด้วยตัวเอง

“แถว A เลยละกันนะ” บุ๊คบอกพร้อมจิ้มนิ้วเลือกที่นั่งลงไปอย่างไม่ลังเล

“พี่ แต่วันนี้วันเสาร์ แถว A มันจะแพงไปเปล่าอะ ช่วงนี้กันต์ไม่ค่อยมีเงิน บัตรเครดิตก็โดนระงับอยู่ ไม่ได้จ่ายมาสองเดือนแล้ว” กันต์กระซิบบอกอีกฝ่ายด้วยกลัวว่าจะต้องจ่ายเงินในราคาที่สูงจนเกินไป ปกติเขามักจะใช้แต้มบัตรเครดิตแลกตั๋วหนังฟรี แต่เพราะช่วงนี้บัตรถูกระงับจึงต้องข้ามตัวเลือกนี้ แล้วไปเลือกดูหนังในวันพุธแทน เพื่อที่จะได้ประหยัดค่าตั๋ว แต่เพราะวันนี้เห็นว่าพี่บุ๊คชวนเขาก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ การที่จะเลือกตั๋วหนังในราคาที่ถูกสุดอาจจะเป็นทางออกที่เหมาะสม

“แกจะกลัวอะไร อยู่กับพี่ เดี๋ยวเอาแต้มบัตรเครดิตแลกเอา ปกติพี่ดูหนังฟรีตลอด เพราะใช้แต้มบัตรแลกเอานี่แหละ”

 “อ่อ.. จริงอะ”

“เออดิ พี่จะหลอกแกทำไมล่ะ”

“งั้นก็โอเคครับ”

สีหน้าของกันต์ดูโล่งใจมากขึ้นเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาเองก็ไม่อยากทำตัวให้เป็นปัญหาสักเท่าไหร่ แต่การที่รายได้ในช่วงนี้มันน้อยนิดก็ต้องระวังเรื่องการใช้เงินเอาไว้บ้าง ใครบอกว่าเป็นดารานักแสดงแล้วจะสบาย ก็คงต้องไปนั่งอธิบายให้พวกเขาเข้าใจว่าคงจะมีก็แต่พวกดาราดังๆ เท่านั้นนั่นแหละที่จะมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ เพราะไอ้พวกนักแสดงสมทบส่วนใหญ่มักจะถูกคนในวงการเดียวกันจัดให้ว่าเป็นดาราเกรดซีที่ไม่ได้มีค่าตัวหรือค่าจ้างสูงเท่าไหร่นัก เพราะไอ้พวกคนว่าจ้างชอบที่จะกดราคาให้ต่ำอยู่เสมอโดยอ้างว่าช่วยๆ กันหน่อย ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี แล้วพวกตัวเล็กตัวน้อยอย่างพวกเขาจะไปพูดอะไรได้ 

ก็ได้แต่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมไปนั่นแหละ...

ถ้าเรื่องเยอะก็ไม่มีคนมาจ้างอีก ลำบากกว่าเดิม ค่าตัวน้อยก็ยังดีกว่าไม่มีกิน จริงไหมล่ะ

กันต์ยืนมองบุ๊คจิ้มๆ กดๆ ที่หน้าจอมือถือของตัวเองอยู่พักใหญ่ก่อนจะเอาคิวอาร์โค้ดบนมือถือมาแสกนที่เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ ทันทีที่ได้ยินเสียงติ๊ดดังขึ้น เพียงชั่ววินาทีตั๋วหนังก็ถูกปริ๊นออกมาจากเครื่อง บุ๊คยื่นมือไปหยิบแล้วส่งมาให้กันต์เป็นคนเก็บเอาไว้

“แกจะกินป๊อปคอร์นรสอะไร” บุ๊คหันมาถามหลังจากที่เดินออกมาจากบริเวณหน้าตู้ขายตั๋วหนัง

“อยากลองทรัฟเฟิล เห็นมันเพิ่งออกใหม่”

“งั้นพี่สั่งชีสกับทรัฟเฟิลนะ”

“มันจะเค็มไปหมดปะพี่” 

“แต่พี่ไม่ชอบกินหวาน แกก็รู้นี่” บุ๊คหันขวับมามองทันทีเมื่อเห็นว่ากันต์มีท่าทีจะไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่ที่เขาจะสั่งข้าวโพดคั่วที่มีรสออกเค็ม

“งั้นกันต์ขอเปลี่ยนจากทรัฟเฟิลเป็นคาราเมลแทนได้ไหม” คนตัวเล็กกว่าเอ่ยบอกเสียงอ่อน กลัวว่าจะโดนอีกฝ่ายดุเอา

“แล้วแกไม่กินทรัฟเฟิลแล้วเหรอ”

“เดี๋ยวไปขอชิมเอา เพราะพี่จะกินรสชีสหนิ ถ้าเอาทรัฟเฟิลด้วยมันจะเค็มเกิน กลัวเลี่ยนอะ” 

“โอเค งั้นเดี๋ยวพี่ไปสั่งก่อน แกนั่งรอนี่แหละ”

“โอเคครับ”

“เออ! ละจะกินน้ำอะไร”

“สไปรท์ครับ” 

“เค” 

กันต์นั่งรออยู่ที่โซฟากลางโถงกว้างได้ไม่นาน บุ๊คก็เดินกลับมาพร้อมป๊อปคอร์นกับน้ำแก้วหนึ่ง เขาวางลงที่โต๊ะด้านหน้าก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาด้านข้างกันต์ คนตัวสูงเอนหัวมาพิงไหล่กันต์ ทำเอาเจ้าของไหล่เกิดอาการเลิ่กลั่กขึ้นมาเล็กน้อยที่อยู่ๆ คนด้านข้างก็เกิดอาการออดอ้อนขึ้นมาเสียอย่างนั้น

อย่ามาเล่นกับใจกันต์แบบนี้นะพี่บุ๊ค...

“เป็นไรพี่”

“เปล่า รู้สึกเพลียๆ เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ”

“เอ้า! งี้มีคนหลับในโรงแน่ๆ” กันต์แกล้งแซวพลางยิ้มบาง 

บุ๊คเห็นแบบนั้นก็อดหมั่นไส้ไม่ไหวจึงยกมือขึ้นยีหัวคนพูดจนยุ่ง กันต์ก็เลยแกล้งกลับบ้าง ภาพของทั้งสองคนทำเอาคนที่เดินผ่านไปมาแถวนั้นต้องหยุดมองเพราะเคมีความน่ารักที่ลอยฟุ้งออกมา ทีแรกทั้งกันต์และบุ๊คก็ไม่ทันจะได้สังเกตหรอกว่ากำลังถูกสายตาหลายคู่จับจ้องอยู่ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งกรี๊ดดังขึ้นแล้วตะโกนเรียกชื่อบุ๊คนั่นแหละ ทั้งคู่จึงหยุดนิ่งแล้วหันไปมอง บุ๊คก้มหัวเล็กน้อยเพื่อทักทายกลับไปก่อนจะสะกิดให้กันต์รีบหยิบถังป๊อปคอร์นกับแก้วน้ำแล้วรีบพากันเดินเข้าโรงหนังไป แม้ว่ามันจะถึงเวลาที่หนังฉายพอดีแต่เหตุผลที่แท้จริงคือในเวลานี้เขาไม่อยากที่จะให้แฟนคลับเข้ามาขอถ่ายรูปมากกว่า ไม่ใช่ว่าหยิ่งหรืออะไรแต่เขาแค่รู้สึกว่าวันนี้เขาอยากพักผ่อนหลังจากที่ทำงานมาทั้งอาทิตย์ และสภาพของเขาก็ไม่ได้พร้อมที่จะรับแขกขนาดนั้น 

แม้จะกลัวอยู่บ้างว่าจะถูกนินทาว่าหยิ่งแต่เขาก็คิดว่าอย่างน้อยเขาก็อยากที่จะปกป้องสิทธิ์ของตัวเองในการพักผ่อนช่วงวันว่างบ้าง แม้ว่าเขาเองก็ไม่ได้ปฏิเสธออกไปตรงๆ แต่การเลือกที่จะทักทายกลับไปพร้อมกับเดินหนีออกมาจากบริเวณนั้นให้ไวที่สุดก็เป็นการปฏิเสธที่ค่อนข้างสุภาพมากแล้ว

พวกเขาเข้าไปได้พักใหญ่หนังจึงจะเริ่มฉายหลังจากที่ปล่อยให้ภาพโฆษณาโลดแล่นอยู่บนจอยักษ์อยู่ประมาณยี่สิบนาที ทำเอาทั้งกันต์และบุ๊คที่เข้ามานั่งรอต่างก็มีสีหน้าเซ็งไปตามๆ กัน พวกเขาวางมือถือลงก่อนที่สายตาจะหันไปโฟกัสกับเรื่องราวที่กำลังดำเนินไปบนจอภาพขนาดใหญ่

เป็นเวลาเกือบสองชั่วโมงที่พวกเขานั่งชื่นชมหนังเรื่องดังกล่าวอยู่ภายในโรงหนัง ทันทีที่จบลงพวกเขาก็พากันเดินออกมาแล้วรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำเพราะต่างคนต่างก็อั้นกันมาตั้งแต่ช่วงกลางเรื่อง ไม่มีใครกล้าจะเดินออกมา กลัวว่าจะพลาดความสนุกของเรื่องราวในหนังไป 

“หิวอะ ไปหาอะไรกินกัน” บุ๊คเอ่ยชวนหลังจากที่ยืนรอกันต์เดินออกมาจากห้องน้ำเพราะตัวเองเข้าเสร็จก่อน

“พี่จะกินไรอะ”

“โอ้กระจู๋ไหม อยากกินผักอะ”

“ก็ได้นะ แล้วแต่พี่เลย กันต์ได้หมด”

“อาเค เดินไปดูก่อนแล้วกันว่าคิวเยอะไหม”

กันต์พยักหน้าหงึกๆ หลังจากที่ได้ยินคนตัวสูงกว่าเอ่ยพูดก่อนจะเดินตามหลังไป ระยะทางจากโรงภาพยนตร์ไปยังร้านดังกล่าวถือว่าไม่ใกล้แต่ก็ไม่ไกลมาก แต่มันก็สามารถทำให้กันต์รู้สึกหิวขึ้นมาได้บ้างจากที่ตอนแรกไม่ได้รู้สึกอะไรสักเท่าไหร่ โชคไม่ค่อยดีที่วันนี้เป็นวันหยุดจึงทำลูกค้าของร้านโอ้กระจู๋มีจำนวนมากพอสมควร แต่กระนั้นทั้งกันต์และบุ๊คก็ไม่ได้ถอดใจอะไรเพราะความอยากกินมันมีมากกว่าจะยอมแพ้ไปเสียก่อน

ทั้งคู่นั่งรออยู่เกือบสี่สิบนาทีถึงจะได้เข้าไปนั่งด้านใน แม้จะรู้สึกหิวจนไส้จะกิ่วแต่ก็ยังดีที่พนักงานในร้านคอยเอาน้ำผักผลไม้ออกมาให้กินรองท้องระหว่างรอคิว ก็เลยทำให้ไม่ได้รู้สึกโมโหหิวมากนัก 

ทันทีที่เข้าไปนั่งด้านในพวกเขาก็พากันสั่งอาหารกระหน่ำด้วยความหิว จนลืมไปว่าแต่ละเมนูของที่นี่มีขนาดใหญ่กว่าไซส์อาหารในร้านอื่นๆ อยู่มากทีเดียว แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้ใส่ใจมากเท่าไหร่นัก เพียงแค่อยากสั่งมาก่อนหากกินไม่หมดค่อยให้ทางร้านใส่กล่องกลับบ้านให้

“เออแก พี่ว่าพี่จะไปเรียนแอคติ้งเพิ่มเติมนะ” บุ๊คเอ่ยพูดขึ้นระหว่างที่พวกเขากำลังรออาหารมาเสิร์ฟ

“เอาดิพี่ ก็ดีนะ”

“อยากเรียนเพิ่ม กลัวสู้คนอื่นไม่ได้”

“เรียนเลย เชียร์”

“แกจะเรียนด้วยกันไหม? พี่ไม่อยากเรียนคนเดียวอะ” 

“อ่า... มันราคาเท่าไหร่นะ” ในใจของกันต์มีคำตอบที่ชัดเจนอยู่แล้วว่าอยากเรียนแต่ด้วยปัจจัยทางการเงินทำให้เขาต้องรอบคอบสักนิดก่อนที่จะใช้จ่ายอะไรออกไป

“คอร์สละประมาณหมื่นต้นๆ เรียนแปดครั้ง ครั้งละสามชั่วโมง” บุ๊คอธิบายรายละเอียดพร้อมกับเปิดรูปโปสเตอร์ประกาศรับสมัครของทางสตูดิโอให้กันต์ได้อ่านด้วยตัวเองเพิ่มเติม

“น่าสนใจ ที่นี่ดังอยู่นะ”

“ใช่ไง มีแต่นักแสดงดังๆ เรียนกัน เลยมาชวนแกนี่แหละ”

“แต่กันต์ไม่ค่อยมีเงินอะดิช่วงนี้” กันต์เอ่ยบอกเสียงอ่อน

“แกอยากเรียนไหมล่ะ เดี๋ยวพี่ถามให้ว่าทยอยจ่ายเป็นงวดๆ ได้ไหม”

“อยาก ถ้าจ่ายเป็นงวดได้ก็โอเคครับ” แววตาของกันต์ดูมีความหวังเพิ่มขึ้นทันทีหลังจากที่ได้ยินคำพูดจากปากของบุ๊ค 

อันที่จริงเขาก็อยากจะเรียนรู้อะไรอีกหลายๆ อย่างเพื่อเพิ่มเติมความสามารถให้กับตัวเองเหมือนกับคนอื่นบ้างเหมือนกัน เพราะเขารู้ดีว่าในวงการนี้การแข่งขันมันสูง นอกจากจะต้องคอยพัฒนารูปร่างหน้าตาให้ดูดีอยู่เสมอแล้วนั้น ความสามารถก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ขาดไม่ได้ ยิ่งเด็กๆ สมัยนี้แต่ละคนเหมือนเติบโตมาเพื่อทำงานในวงการบันเทิงกันหมด เหมือนกับมีของติดตัวกันมาตั้งแต่เกิด

“พี่แชทไปถามละ เขาบอกจ่ายเป็นงวดได้นะ” 

“จริงเหรอ กี่งวดครับ”

“เขาบอกให้แบ่งจ่ายได้สามงวด ถ้าสนใจสมัคร เดี๋ยวเขาจะแบ่งมาให้” 

“โอเคครับ งั้นพี่คุยกับเขาให้หน่อยได้ไหม” 

“กำลังคุยอยู่ว่ามีน้องจะสมัครเพิ่มอีกคนหนึ่ง ยังทันไหม”

“อ่าว... กันต์ก็นึกว่ามันยังว่างอยู่” 

“ตอนที่พี่สมัครมันยังว่างอยู่ แต่ไม่รู้ตอนนี้มันเต็มหรือยัง ปกติคอร์สเรียนที่นี่มันเต็มเร็วไง” บุ๊คเอ่ยตอบกันต์ไปพร้อมๆ กับมือที่กำลังพิมพ์แชท

“อ่อ ยังไงบอกละกันพี่” 

สิ้นเสียงพูดของกันต์พนักงานเสิร์ฟก็เอาอาหารมาวางให้ที่โต๊ะ แค่เจอซี่โครงหมูเป็นจานแรกเข้าไปก็ทำให้กันต์ถึงกับตาโตเพราะขนาดใหญ่เสียจนคิดว่าต้องกินไม่หมดแน่ๆ ไม่ต้องพูดถึงเมนูอื่นที่จะตามมาทีหลังเลยด้วยซ้ำ

“ไม่หมดแน่ๆ” กันต์พูดพึมพำในลำคอก่อนจะยกมือถือขึ้นมากดถ่ายรูปเอาไว้

“แก พี่ที่สตูฯ บอกว่าถ้าจะลงอาจจะต้องเป็นคนละวันกับพี่ว่ะ พี่เรียนเสาร์ แกเรียนวันอาทิตย์งี้” บุ๊คเอ่ยพูดแทรกขึ้นมาในระหว่างนั้นทำเอาคนที่ได้ยินถึงกับมองด้วยความงุนงง

“แล้วงี้จะเรียกเรียนด้วยกันได้ไง พี่มาชวนกันต์เรียนเพราะไม่อยากไปเรียนคนเดียวไม่ใช่เหรอ ถ้าเกิดว่าเราลงกันคนละวันก็ไม่ต่างกันปะ พี่ก็ต้องไปเรียนคนเดียวอยู่ดี”

“ก็จริงของแก...”

“ถ้าเรียนคนละวันกันต์ไม่เรียนดีกว่า”

“แต่พี่ว่ามันก็ดีนะ ได้เรียนกันคนละกลุ่ม ต่างคนต่างก็ได้คอนเน็กชั่นเพิ่ม ต่อไปทำอะไรเราจะได้มีคนรู้จักกว้างขวาง ขอความช่วยเหลือจากคนอื่นได้ง่ายขึ้นไง”

เห้อ~!

“อะไรของพี่วะ” กันต์ถอนหายใจแรงก่อนจะถามกลับด้วยน้ำเสียงที่มีอารมณ์ บุ๊คก็เหมือนจะดูออกว่าคนตรงหน้าเริ่มมีอาการไม่พอใจขึ้นมาบ้างแล้ว เขาจึงแสร้งยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยเพราะหวังว่าสถานการณ์ตรงหน้าจะดีขึ้น

“เออๆ เดี๋ยวคุยให้ ว่าเรียนวันเดียวกันได้ไหม”

“อือ”

“กินๆๆ เลิกงอน” บุ๊คพิมพ์ตอบข้อความอีกนิดหน่อยก่อนจะวางมือถือแล้วหันไปหยิบส้อมกับมีดขึ้นมาตัดแบ่งเนื้อจากซี่โครงแล้ววางลงในจานของกันต์

“ขอบคุณครับ”

Line~!

เสียงแจ้งเตือนจากไลน์ดังขึ้น บุ๊ครีบวางมีดและส้อมลงในทันทีก่อนจะหันไปหยิบมือถือขึ้นมากดอ่านแล้วรีบพิมพ์ตอบกลับไป กันต์เคลื่อนสายตาไปมองเล็กน้อยเพราะอยากรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคุยกับใคร

“พี่เขาตอบมาแล้วว่าได้ มีคนขอย้ายไปเรียนวันอาทิตย์พอดี” บุ๊คเอ่ยพูดก่อนจะยื่นหน้าจอแชทให้กันต์อ่านเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง

“อาเค” กันต์ตอบพร้อมสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน 

“แหม... ยิ้มได้เลยนะ” บุ๊คอดแซวไม่ได้ที่เห็นอีกฝ่ายอารมณ์ต่างจากก่อนหน้านี้ราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ 

“เลิกแซวเลย รีบๆ กิน” กันต์ไม่รู้จะแก้เขินด้วยวิธีใด จึงได้ทำได้แค่โบ้ยไปให้อาหารที่อยู่ตรงหน้ารับไปแทน

หลังจากนี้ทุกวันเสาร์ก็คงจะไม่ได้เป็นเพียงแค่วันหยุดธรรมดาๆ ของกันต์อีกต่อไป แต่มันจะกลายเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญที่พิเศษที่สุดในสัปดาห์เพราะมันจะทำให้เขาได้เจอกับบุ๊คและใช้เวลาเรียนการแสดงอยู่ด้วยกันตลอดทั้งบ่าย คงเป็นอีกหนึ่งขั้นของความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนที่จะได้ใกล้ชิดเพิ่มขึ้นไปมากกว่าเดิม