วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ

วายบันเทิง - บทที่ 36 ไม่เป็นไร โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น,วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วายบันเทิง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ

รายละเอียด

วายบันเทิง โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ

ผู้แต่ง

Run_Kantheephop

เรื่องย่อ

วายบันเทิง

The Gossip of BL

Run_Kantheephop

เรื่องแต่ง 99%  อีก 1% คือเค้าโครงจากเรื่องจริง

ขออนุญาตแก้ไขวันและเวลาในการอัพนิยายนะครับ เนื่องจากช่วงนี้มีภารกิจจากหน้าที่การงานเข้ามาจึงทำให้เขียนนิยายได้น้อยลงกว่าเดิม จากนี้ไปจะขออัพนิยายเพียงแค่สัปดาห์ละ 1 ตอนนะครับ (ทุกวันเสาร์ เวลา 18:00 น.)

ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามครับ

********************************************************************************

มีทั้งหมด 5 เล่ม

E-Book วางจำหน่ายแล้ว บน MEB

สารบัญ

วายบันเทิง-Intro บทนำ,วายบันเทิง-บทที่ 1 เด็กบ้านนอกคนหนึ่ง,วายบันเทิง-บทที่ 2 ผลลัพธ์ที่ดี,วายบันเทิง-บทที่ 3 ทริปมิตรสัมพันธ์,วายบันเทิง-บทที่ 4 สังสรรค์หรือสงคราม,วายบันเทิง-บทที่ 5 ยังไงกันแน่,วายบันเทิง-บทที่ 6 แต่ความจริงคือ...,วายบันเทิง-บทที่ 7 ระมัดระวัง,วายบันเทิง-บทที่ 8 ข่าวลือ,วายบันเทิง-บทที่ 9 มันจริงมั้ย?,วายบันเทิง-บทที่ 10 คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ,วายบันเทิง-บทที่ 11 เคลียร์ใจ,วายบันเทิง-บทที่ 12 มีซัมติงไหม?,วายบันเทิง-บทที่ 13 นี่ว่าใช่ ไม่ได้มโน,วายบันเทิง-บทที่ 14 โดนกับตัว,วายบันเทิง-บทที่ 15 ไม่พอใจ,วายบันเทิง-บทที่ 16 ต้องเลือก,วายบันเทิง-บทที่ 17 เมามาย 1,วายบันเทิง-บทที่ 18 เมามาย 2,วายบันเทิง-บทที่ 19 ทำไมทำงี้!?,วายบันเทิง-บทที่ 20 โอกาสเดียว,วายบันเทิง-บทที่ 21 หมดความอดทน,วายบันเทิง-บทที่ 22 ไม่จบไม่สิ้น,วายบันเทิง-บทที่ 23 โดนปลด,วายบันเทิง-บทที่ 24 เกาะกระแส,วายบันเทิง-บทที่ 25 ข่าวล่ามาไว,วายบันเทิง-บทที่ 26 เพื่อนใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 27 งงไปหมด,วายบันเทิง-บทที่ 28 คนใหม่?,วายบันเทิง-บทที่ 29 มันเอาอีกละ,วายบันเทิง-บทที่ 30 สามหนุ่มเปิดใจ,วายบันเทิง-บทที่ 31 ก้าวใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 32 คลาสแอคติง,วายบันเทิง-บทที่ 33 ไปแคสติงกัน,วายบันเทิง-บทที่ 34 ช่วยมาคุมความประพฤติอีสันดานนี่ที,วายบันเทิง-บทที่ 35 ข่าวเก่าเล่าใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 36 ไม่เป็นไร,วายบันเทิง-บทที่ 37 รียูเนียน?,วายบันเทิง-บทที่ 38 เลิฟซีนเป็นเหตุ,วายบันเทิง-บทที่ 39 นั่นปากเหรอ!?,วายบันเทิง-บทที่ 40 เอาแล้วหัวใจ,วายบันเทิง-บทที่ 41 ระยะปลอดภัย,วายบันเทิง-บทที่ 42 เรื่องของฮัน,วายบันเทิง-บทที่ 43 หัวใจเจ้ากรรม หวั่นไหวง่ายจัง,วายบันเทิง-บทที่ 44 แค่พี่น้อง?,วายบันเทิง-บทที่ 45 ไปเชียงใหม่กันไหม,วายบันเทิง-บทที่ 46 เริ่มเลย,วายบันเทิง-บทที่ 47 เริ่มเลย 2,วายบันเทิง-บทที่ 48 ยินดีต้อนรับ,วายบันเทิง-บทที่ 49 ม่อนแจ่ม,วายบันเทิง-บทที่ 50 ไปขึ้นเขากัน,วายบันเทิง-บทที่ 51 กิ่วแม่ปาน,วายบันเทิง-บทที่ 52 เบื่อจริงๆ ไอ้พวกปากแข็ง,วายบันเทิง-บทที่ 53 ขอสักหน่อย หายไปหลายคืน,วายบันเทิง-บทที่ 54 กลับไป ไม่กลับใจ,วายบันเทิง-บทที่ 55 ความพยายาม,วายบันเทิง-บทที่ 56 อดีตช่วยย้ำเตือน,วายบันเทิง-บทที่ 57 เริ่มต้นเปิดใจ,วายบันเทิง-บทที่ 58 บททดสอบ,วายบันเทิง-บทที่ 59 ความลับที่ฉันซ่อนไว้,วายบันเทิง-ตอนที่ 60 ตอนจบที่มีความสุข

เนื้อหา

บทที่ 36 ไม่เป็นไร

รถยนต์ CHR ของบุ๊คขับเข้ามาจอดที่หน้าบ้านของกันต์ในเวลาเกือบสองทุ่ม หลังจากที่พวกเขาตระเวนไปไหว้พระทำบุญอยู่ที่ย่านเยาวราชมาตลอดทั้งวัน พอรถจอดนิ่งสนิท กันต์ก็ปลดเข็มขัดนิรภัยที่คาดอยู่ออกก่อนจะหันไปเปิดประตูเพื่อจะก้าวขาลงจากรถ แต่ก็ถูกเสียงของบุ๊คดังขัดเอาไว้ก่อน

            “พี่ขอนั่งเล่นที่บ้านแกก่อนได้ปะ”

            “หื้ม?” กันต์ได้ยินก็ชะงักเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงถามออกมาแบบนั้น ทั้งๆ ที่เหนื่อยมาทั้งวันแทนที่จะกลับบ้านไปพักผ่อน ทำไมถึงอยากจะมานั่งเล่นอยู่ที่บ้านของเขาอีก

            “รถมันติดอะ แกก็เห็นไม่ใช่เหรอเมื่อกี๊ ละดูทางกลับบ้านพี่ดิ” บุ๊คพยายามพูดต่อด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ทำเอาคนฟังอย่างกันต์อดหวั่นไหวไม่ได้ แต่เหมือนว่าบุ๊คกลัวเจ้าของบ้านจะไม่เชื่อ จึงยื่นหน้าจอมือถือที่เปิดแอพลิเคชันแผนที่เอาไว้ให้อีกฝ่ายดู เพื่อเป็นการยืนยันว่าเส้นทางที่เขาจะต้องขับรถกลับบ้านนั้น กลายเป็นสีแดงยาวทั้งเส้น

            “อ่อ... งั้นเข้ามานั่งเล่นรอก่อนก็ได้พี่” กันต์เอ่ยตอบอย่างไม่ได้คิดอะไรมาก

คนตัวเล็กเดินไปเปิดประตูบ้านเพื่อให้อีกฝ่ายถอยรถเข้าไปจอดข้างใน เขาไม่อยากจะมีปัญหากับเพื่อนบ้านสักเท่าไหร่นัก ปกติเวลามีแขกมาบ้าน ไม่ว่าจะบ้านใครก็ตาม มักจะถูกร้องเรียนอยู่เสมอว่าไม่ให้จอดรถนอกรั้วบ้านเพราะเกะกะขวางทางจราจรในหมู่บ้าน แต่เขาไม่ค่อยโดนบ่นเรื่องนี้สักเท่าไหร่หรอก ปกติไม่ค่อยจะมีใครมาหาเขาที่บ้านสักเท่าไหร่ ส่วนคนที่โดนเห็นจะเป็นป้าข้างบ้านเสียมากกว่าที่มักจะมีแขกมาหาบ่อยครั้ง ไม่รู้ว่าที่บ้านเธอทำอะไรเหมือนกัน แต่ละวันถึงได้มีรถราเข้ามาจอดสามสี่คันทุกวันไม่เคยซ้ำ

ปึงง!

เสียงปิดประตูรถดังขึ้นหนึ่งครั้งหลังจากที่บุ๊คถอยรถเข้ามาจอดสำเร็จ เจ้าของบ้านอย่างกันต์รีบเปิดประตูบานเลื่อนเข้าไปเปิดแอร์และเปิดทีวีทันทีเพื่อรับรองแขกที่มาเยี่ยมเยียนในค่ำคืนนี้

“นั่งเลยพี่ ตามสบาย เดี๋ยวกันต์ไปเอาน้ำมาให้” 

บุ๊คหย่อนตัวลงนั่งพลางมองทีวีที่เจ้าของบ้านเปิดทิ้งเอาไว้ เขามองไปรอบๆ บ้านอย่างสนใจ เป็นครั้งแรกที่เขาได้เข้ามาเหยียบด้านใน อะไรๆ ก็เลยดูแปลกใหม่สำหรับเขาไปเสียหมด

“อะ นี่น้ำ” กันต์เดินถือเหยือกน้ำเย็นเจี๊ยบที่เพิ่งเอาออกมาจากตู้เย็น สังเกตได้จากไอน้ำที่เริ่มเกาะอยู่บริเวณรอบเหยือกพร้อมกับแก้วเปล่าหนึ่งใบมาวางให้ที่โต๊ะในห้องนั่งเล่น

“แต๊งกิ้วน้อง” 

กันต์นั่งลงที่ข้างๆ บุ๊คก่อนจะคว้ารีโมทมาไล่เปิดหาอะไรดู เพราะรายการในทีวีมันไม่ได้น่าสนใจสักเท่าไหร่ในตอนนี้

“ดูหนังไหมพี่”

“ได้ดิ”

“เรื่องไรดี ในเน็ตฟลิกซ์มีไรน่าดูปะ” กันต์ถามพลางเปิดเข้าไปในแอพลิเคชันดังกล่าว นิ้วเรียวยังคงกดปุ่มไล่หาหนังไปเรื่อยๆ บางทีระยะเวลาที่กดหาหนังสักเรื่องเพื่อจะดูนั้นยังมากว่าระยะเวลาความยาวของตัวหนังเสียอีก

“มีเรื่องหนึ่งพี่ว่าน่าดูนะ ยังไม่เคยดูเลย” บุ๊คเอ่ยตอบพลางยกน้ำขึ้นมาดื่มเล็กน้อย “ชื่อเรื่องว่า The Danish Girl” 

“เอ้ย! เคยเห็นโปสเตอร์อยู่ ยังไม่เคยดูเหมือนกัน”

“แกอยากดูไหมล่ะ” 

“อื้อ” กันต์พยักหน้ารับรัวๆ ก่อนจะกดรีโมทเพื่อค้นหารายชื่อหนังตามที่คนพี่เสนอ ทันทีที่เจอเขาก็กดเข้าไปเพื่อเริ่มต้นดู 

“แกไปปิดไฟหน่อย จะได้สร้างบรรยากาศ” บุ๊คสะกิดเข้าที่แขนของกันต์เบาๆ พลางเอ่ยบอก เจ้าของบ้านก็รับคำและทำตามอย่างว่าง่าย ไม่มีอิดออดอะไร

เรื่องราวภายในหนังดำเนินไปเรื่อยๆ ว่าด้วยตัวละครชายตัวหนึ่งอย่าง ไอนาร์ เวเกเนอร์ ซึ่งเป็นจิตรกรที่ค้นพบว่าตนเองฝันใฝ่อยากจะเป็นผู้หญิงหลังจากที่แต่งงานกับจิตรกรสาวอย่าง เกอร์ด้า เวเกเนอร์ ไปแล้ว ไอนาร์จึงค่อยๆ เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้ไปถึงจุดที่ตนเองใฝ่ฝัน เป็นเรื่องราวที่มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นการผ่าตัดแปลงเพศครั้งแรกๆ ของโลกอีกด้วย

กันต์ได้ยินเสียงสะอื้นเล็กๆ หลังจากดูหนังไปได้พักหนึ่ง เป็นฉากที่ไอนาร์ได้ทดลองสวมบทบาทเป็นหญิงสาวที่มีชื่อว่า ลิลี่ และได้รับสัมผัสจากชายหนุ่มเป็นครั้งแรก และลิลี่ก็รู้สึกดีเป็นอย่างมาก เจ้าของบ้านหันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ จึงได้เห็นว่าบุ๊คกำลังมีน้ำตาไหลอาบอยู่ที่ข้างแก้ม เขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก ไม่คิดว่าหนังอิงประวัติศาสตร์แบบนี้จะทำให้คนอย่างบุ๊คร้องไห้ออกมาได้

“เห้ยพี่! ร้องไห้ทำไม...” กันตืตกใจรีบดึงทิชชูที่อยู่ใกล้ๆ มาให้บุ๊คซับน้ำตาทันที

“ฮ่าๆ พี่ค่อนข้างอ่อนไหวอะ” บุ๊คตอบพลางหัวเราะเล็กน้อย ใช้ทิชชูซับน้ำตาที่เปื้อนอยู่ข้างแก้มจนหมด “ปกติเลยไม่ค่อยดูหนังกับใคร อายเขา”

“ก็เรื่องปกติปะ ดูหนังแล้วอิน จะร้องไห้ก็ไม่แปลก”

“ก็จริง...”

“แต่ฉากนี้มันไม่ได้มีอะไรเลยนะ แค่ไอนาร์... เอ้ย! ลิลี่กำลังเริ่มตกหลุมรักผู้ชายคนแรกที่เขาจูบด้วย” กันตืถามต่อด้วยความอยากรู้ เขาอยากจะเข้าใจว่าอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายอินกับฉากนี้จนร้องไห้ออกมา เพราะสำหรับเขาฉากนี้ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษที่จะทำให้ประทับใจจนถึงขั้นร้องไห้ออกมา

“ก็...” บุ๊คพึมพำออกมาก่อนจะนิ่งคิด เขาหันมองหน้ากันต์นิดหนึ่ง แววตาราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง

“...”

“ปกติพี่ไม่ค่อยเล่าเรื่องแบบนี้ให้ใครฟังนะ แต่เห็นเป็นแกพี่จะเล่า แล้วอย่าไปพูดต่อล่ะ”

“แล้วจะให้กันต์ไปเล่าให้ใครฟัง เพื่อนก็ไม่ใช่ว่าจะเยอะ” กันต์ถึงกับหน้ามุ่ยเมื่อบุ๊คพูดออกมาแบบนั้น เขาไม่ใช่คนปากโป้งที่จะเอาเรื่องคนนู้นคนนี้ไปเล่าต่อ เพราะมันไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา แถมยังจะทำให้ตัวเขากลายเป็นคนที่ดูไม่ดีอีกด้วย

“พี่ดูแล้วนึกถึงตัวเองอะ”

“หื้ม?”

“ตอนม.ต้น พี่เริ่มรู้ว่าตัวเองชอบผู้ชาย...” บุ๊คหันไปหยิบเอารีโมทมากดหยุดหนังเอาไว้ชั่วคราวเพราะไม่อยากจะพลาดฉากสำคัญและอยากให้กันต์ได้รับฟังในสิ่งที่เขากำลังพูดอย่างตั้งใจ

“...”

“ตอนนั้นพี่ไปแข่งงานศิลปหัตถกรรมระดับจังหวัด แล้วดันได้ไปแข่งคู่กับคนที่พี่แอบชอบอะ ตอนนั่งรถตู้กลับหลังจากแข่งขัน เราเหนื่อยกันมากก็เลยเผลอหลับไป พี่ตื่นมาอีกทีเห็นมันกุมมือพี่อยู่แถมยังนอนซบไหล่ด้วย ตอนนั้นแหละที่พี่เริ่มรู้สึกว่าใจพี่มันเต้นโคตรแรง พอถึงโรงเรียนเราก็เลยไปหาข้าวกินกันต่อ อยู่ด้วยกันจนดึก ไปเดินเล่นริมแม่น้ำกันแล้วคืนนั้นก็จูบกัน ความรู้สึกพี่ไม่ต่างกับไอนาร์ในเรื่องเลย ตอนนั้นมันทั้งสับสนและไม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นอะไร ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความรู้สึกแบบนั้นมันเรียกว่าการตกหลุมรัก”

“อ่า...”

“นั่นแหละคือเหตุผลที่พี่ร้องไห้ เพราะพี่เข้าใจว่าไอนาร์ในฐานะของลิลี่กำลังรู้สึกยังไง”

“เข้าใจละพี่...”

ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับที่เขากำลังรู้สึกกับพี่บุ๊คในตอนนี้นักหรอก...

กันต์แอบคิดอยู่ในใจก่อนจะยิ้มบางให้คนพี่แล้วหันกลับไปหยิบเอารีโมทขึ้นมากดเล่นหนังในจอทีวีเพื่อดูต่ออีกครั้ง

กว่าหนังจะจบก็ทำเอาบุ๊คเสียน้ำตาไปอีกหลายหน ส่วนกันต์ก็เผลอหลับไปบ้างในบางช่วงที่หนังดำเนินไปอย่างเอื่อยเฉื่อย มีบ้างที่คนตัวเล็กเผลอนอนซบไหล่คนข้างๆ แต่นั่นก็เป็นไปอย่างอัตโนมัติโดยที่เขาก็ไม่ได้ตั้งใจเหมือนกัน

“เดี๋ยวพี่กลับละ ดึกมากละ”

“จะนอนนี่ก็ได้นะพี่” กันต์เสนอ

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่กลับไปนอนบ้านดีกว่า พรุ่งนี้มีประชุมเช้าด้วย”

“อ่อ...” น้ำเสียงของกันต์ดูเสียดายขึ้นมาอย่างชัดเจน

“พี่รู้นะ...”

“หื้ม?” คนตัวเล็กจ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ

“รู้ว่าแกกำลังรู้สึกยังไง”

“...”

“พี่อายุขนาดนี้ทำไมพี่จะดูไม่ออก... ที่ผ่านมามันเกิดเหตุการณ์แบบนี้หลายครั้งแล้ว ล่าสุดเพื่อนสนิทพี่ก็มาบอกว่าชอบพี่ แต่พี่ให้เขาเป็นมากกว่าเพื่อนไม่ได้จริงๆ สุดท้ายก็ต้องเสียเพื่อนคนนั้นไป พี่เสียดายมิตรภาพดีๆ ว่ะ”

“อ่อ... ครับ”

“นั่นแหละ พี่ว่าแกคงเข้าใจสิ่งที่พี่พูดเนอะ เป็นพี่น้องกันแบบนี้แหละดีแล้ว จะได้คบกันนานๆ” บุ๊คตอบพลางยกมือขึ้นตบบ่ากันต์เบาๆ 

“อื้อ” คนตัวเล็กพยักหน้ารับเบาๆ แม้ในใจจะรู้สึกหนักอึ้งมากแค่ไหนแต่เขาก็เข้าใจว่าสิ่งที่พี่บุ๊คพูดหมายถึงอะไร ก็ไม่ได้ผิดไปจากที่เขาคาดไว้สักเท่าไหร่ ดีที่อีกฝ่ายพุดออกมาก่อน หากเขาเป็นคนสารภาพความรู้สึกจริงๆ ข้างในออกไป ผลลัพธ์อาจจะไม่ได้ออกมาในรูปแบบนี้ก็ได้ ใครจะไปรู้

“พี่ไปละ”

“กลับดีๆ พี่”

“อือ เดี๋ยวถึงละบอก” บุ๊คยิ้มให้ก่อนจะหันหลังเดินออกไปขึ้นรถ

แกร็ก!

กันต์ปิดประตูบ้านใส่กุญแจล็อกเรียบร้อยด้วยอารมณ์ที่ยังไม่คงที่มากนัก เขาถอนหายใจพลางมองเข้าไปในตัวบ้านที่ดูเงียบเหงากว่าปกติ ทั้งที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาก็อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้คนเดียวมาโดยตลอด เพียงแต่วันนี้มันดูว่างเปล่าอย่างผิดปกติ คงเพราะสภาพจิตใจของเขาจึงทำให้รู้สึกโหวงเหวงเป็นพิเศษ

เห้อออ...

กันต์ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นก่อนจะล้วงหยิบเอามือถือในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเลื่อนหาไลน์เพื่อกดโทรออกหาใครบางคน เขาไม่อยากที่จะอยู่คนเดียวในคืนนี้ เพราะดูแล้วคงเป็นเรื่องยากหากจะผ่านค่ำคืนนี้ไปด้วยตัวคนเดียว

“ฮัลโหลมึง” กันต์เอ่ยทักเมื่อปลายสายกดรับ

(ว่าไงพี่)

“ไอ้ฮัน กูไปหาได้ปะ” 

(ได้พี่ มีไรปะเนี่ย)

“เดี๋ยวเล่าให้ฟัง”

(เคๆ ถึงละบอกผมนะ)

กันต์กดวางสายแล้วเก็บมือถือลงกระเป๋าตามเดิม เขาเดินกลับเข้าไปในบ้านตรงขึ้นห้องนอนที่ชั้นสี่เพื่อเก็บของใช้ส่วนตัวบางอย่างรวมถึงเสื้อผ้าอีกหนึ่งชุดไว้เปลี่ยนในวันพรุ่งนี้ใส่กระเป๋าเป้แล้วออกจากบ้านเพื่อตรงไปยังคอนโดของฮันในทันที

รถแท็กซี่คันที่กันต์กดเรียกเข้าไปจอดด้านหน้าอาคาร C ภายในคอนโดของฮัน เขาจ่ายเงินแล้วลงจากรถก่อนจะกดส่งข้อความหาฮันเพื่อบอกว่ามาถึงแล้ว จากนั้นไม่นานฮันก็เดินออกมารับและพาเขาขึ้นไปบนห้อง

“ยังไงซิ” ฮันเอ่ยถามทันทีที่พวกเขาหย่อนตัวลงนั่ง เพราะสีหน้าและท่าทางของกันต์มันแสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนว่ากำลังมีเรื่องไม่สวบายใจเป็นอย่างมาก ผิดไปจากเวลาปกติที่กันต์จะดูสดใสและมีพลังมากกว่านี้เวลาที่พวกเขาเจอกัน

“อะไร...” 

“ก็ที่ขอมาหาผมกลางดึกแบบนี้ มันต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ”

“ก็นอยด์ๆ อะแหละ”

“เรื่องอะไร ไหนเล่า” ฮันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูจริงจังมากกว่าเดิม

“...”

“เรื่องแฮชแท็กบุ๊คกันอะเหรอ” ฮันถามกลับเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไป ไม่ยอมพูดอะไรออกมา

“อันนั้นก็ใช่ แต่มันก็มีเรื่องอื่นด้วย”

“อะ ยังไง”

“เรื่องข่าวที่เขาเมาท์กันมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก มันก็วนเวียนไปๆ มาๆ หลายรอบแล้ว แกก็น่าจะรู้ดี รอบนี้มันแค่มันเอิญไปอยู่ในจุดที่ข่าวมันแพร่ไปได้ไวแค่นั้นเอง แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหรอก...”

“....”

“กูว่า กูชอบพี่บุ๊คว่ะ”

“ห้ะ?” ฮันมีสีหน้าตกใจในทันทีที่ได้ยินคำพูดจากปากของกันต์

“ชอบแบบ ชอบจริงๆ”

“อย่าบอกนะว่าพี่บอกชอบพี่บุ๊คไปแล้วอะ” ฮันถามต่อด้วยความอยากรู้อยากเห็น แม้ว่าจะยังตกใจอยู่เล็กน้อยแต่เขาก็อยากจะรู้ว่าเรื่องราวมันเป็นยังไงต่อ

กันต์ส่ายหัว “เปล่าอะ ยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย พี่บุ๊คแกรู้ด้วยตัวเองอะ” 

“อ่า...”

“แกก็เลยบอกว่าเป็นพี่น้องกันดีกว่า ไม่อยากเสียมิตรภาพดีๆ ไป” กันต์ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เพราะอดสมเพชตัวเองไม่ได้ เขาเอ่ยบอกฮันด้วยน้ำเสียงที่ซ่อนความผิดหวังเอาไว้อยู่ไม่น้อย แต่ก็พยายามที่จะฝืนยิ้มเพื่อไม่ให้คนข้างๆ รู้สึกไม่ดีไปด้วย เขากลัวว่าจะมาทำให้ฮันต้องมารู้สึกไม่ดีไปด้วย

“ไม่เป็นไรนะพี่...” ฮันขยับตัวเข้ามานั่งใกล้กันต์มากกว่าเดิม ก่อนจะยกแขนขึ้นโอบไหล่เพื่อปลอบโยนคนข้างๆ “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะอยู่ข้างๆ พี่เอง”

“อื้อ...” คนพี่พยักหน้ารับพลางลอบถอนหายใจเล็กๆ

“ไปอาบน้ำไปพี่ เดี๋ยวผมไปนอนเล่นเกมรอ” ฮันบอกพลางลุกเดินไปหยิบผ้าขนหนูมาโยนให้อีกฝ่ายก่อนจะเดินกลับเข้าไปนั่งลงบนเตียงในห้องนอน

“กูขอรบกวนมึงสักคืนแล้วกันนะ” 

“ได้เลยพี่ ดีกว่าต้องอยู่คนเดียว”