วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ
รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น,วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
วายบันเทิงวงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ
วายบันเทิง
The Gossip of BL
Run_Kantheephop
เรื่องแต่ง 99% อีก 1% คือเค้าโครงจากเรื่องจริง
ขออนุญาตแก้ไขวันและเวลาในการอัพนิยายนะครับ เนื่องจากช่วงนี้มีภารกิจจากหน้าที่การงานเข้ามาจึงทำให้เขียนนิยายได้น้อยลงกว่าเดิม จากนี้ไปจะขออัพนิยายเพียงแค่สัปดาห์ละ 1 ตอนนะครับ (ทุกวันเสาร์ เวลา 18:00 น.)
ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามครับ
********************************************************************************
มีทั้งหมด 5 เล่ม
E-Book วางจำหน่ายแล้ว บน MEB
ความหงุดหงิดที่เกิดขึ้นจากการเวิร์กช็อปในครั้งนั้นยังคงสร้างบาดแผลทางความรู้สึกฝังลึกในจิตใจของบุ๊คมาตลอด โดยเฉพาะเวลาที่ได้เห็นหน้าพี่หนุ่มกับลิ้งก์ เขาก็มักจะได้ยินคำพูดเดิมๆ วิ่งผ่านเข้ามาในหัวของเขาอยู่เสมอ และนั่นทำให้เขาเสียสมาธิเป็นอย่างมากเวลามาออกกอง
แม้กันต์จะพยายามคอยเตือนว่าไม่ต้องไปสนใจแต่ก็ดูจะไม่นำพาสักเท่าไหร่ เพราะลำพังบุ๊คเองก็ไม่ใช่คนที่จะปล่อยวางอะไรได้ง่ายมากนัก เขามักจะชอบคิดนู่นนี่ให้รกสมองอยู่เสมอ
“เป็นไร หน้าเป็นตูด” กันต์เอ่ยถามบุ๊คหลังจากที่เดินไปเอากาแฟที่ฝ่ายสวัสดิการแล้วเดินกลับมานั่งรอแต่งหน้า
“เปล่า”
“เปล่าไร หน้างี้มีตลอด นี่น้องพี่นะ จะดูไม่ออกเลยเหรอ”
“ก็เรื่องเดิมๆ อะ”
“ทำไม มันทำไรพี่อีก” กันต์รู้ได้ทันทีว่าบุ๊คกำลังหมายถึงใคร
“มันไม่ทักพี่เลยตั้งแต่เช้า”
“ห้ะ?”
“ตั้งแต่มาเจอหน้ากัน มันยังไม่ทักพี่เลย แค่มองหน้ามาทีหนึ่งแล้วก็เดินไปแต่งหน้า”
“เอ้า! เป็นไรของมัน”
“คือพี่ไม่ใช่คนประเภทที่ว่าต้องมายกมือไหว้ไรขนาดนั้นนะ แต่แบบ เข้าใจปะ ก็ทำงานด้วยกัน ไม่ได้มีปัญหากันด้วยซ้ำ เลยงงว่าเป็นห่าไรอีก” น้ำเสียงของบุ๊คดูหงุดหงิดขึ้นมากกว่าเดิมเมื่อเอ่ยพูดมาถึงตรงนี้ ซึ่งกันต์ก็เข้าใจได้ว่ามันน่ารำคาญที่ต้องมาเจอเพื่อนร่วมงานแบบนี้ ได้เล่นซีรีส์คู่กันแท้ๆ แต่กลับไม่ยอมทำตัวให้เป็นเพื่อนร่วมงานที่น่ารัก แทนที่จะได้จับมือกันดัง มีหวังจะได้ดับทั้งคู่เป็นแน่ เล่นมีปัญหากันตั้งแต่ยังไม่ทันได้ออนแอร์เลย
ยังไม่ทันที่จะได้บ่นอะไรต่อ ทีมงานก็เดินมาตามพวกเขาทั้งคู่ให้ไปแต่งหน้าทำผม กันต์กับบุ๊คก็เลยต้องรีบหุบปากเอาไว้เสียก่อนเพราะกลัวว่าจะมีใครมาได้ยินแล้วจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ เขาไม่อยากจะต้องมานั่งอธิบายอะไรให้ปวดหัว ลำพังแค่ลากสังขารมาออกกองแต่เช้าได้โดยที่ไม่ล้มตึงไปเสียก่อนก็นับว่าเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มากพอแล้ว
กันต์เดินเข้ามานั่งหน้ากระจกเตรียมพร้อมที่จะแต่งหน้าเข้าฉาก สายตาของเชาเหลือบมองผ่านเงาที่สะท้อนในกระจกเห็นลิ้งก์เดินเข้าไปหาพี่หนุ่มก่อนจะพูดคุยอะไรกันสักอย่าง เขาไม่ได้ยินหรอกว่าหัวข้อที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยกันนั้นคืออะไรแต่เขาค่อนข้างมั่นใจว่าต้องเกี่ยวข้องกับบุ๊คอย่างแน่นอน เพราะสายตาที่ทั้งสองคนมองอยู่นั้นเป็นจุดที่บุ๊คกำลังนั่งอยู่พอดีเป๊ะ เขารีบหยิบมือถือขึ้นมาทันทีเพื่อที่จะส่งข้อความไปฟ้องคนพี่ที่นั่งหลับตาอยู่ที่หน้ากระจกอีกบานให้ช่างกำลังแต่งหน้าให้
แต่ยังไม่ทันที่จะได้เปิดหน้าต่างไลน์ขึ้นมา สายตาของเขาก็ดันเหลือบไปเห็นว่าพี่ช่างแต่งหน้ากำลังแอบชะโงกชำเลืองมองที่หน้าจอมือถือของเขาอยู่ โชคดีที่เขาใช้ฟิล์มกันเสือกจึงทำให้มองเห็นได้ไม่ถนัดนัก หากไม่ได้นั่งอยู่ในมุมเดียวกับที่เขานั่ง กันต์จึงไม่ได้นึกกังวลมากนัก เพียงแค่รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยที่ดูเหมือนว่าทุกคนในกองพร้อมที่จะใส่ใจเรื่องราวของชาวบ้านอยู่ตลอดเวลา
Kan : โดนเมาท์ละพี่อะ
กันต์ส่งข้อความก่อนจะหลับตาลงตามที่พี่ช่างให้สัญญาณ เขาได้ยินเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าจากมือถือของบุ๊คแว่วๆ แต่ก็เหมือนจะไม่มีข้อความอะไรตอบกลับมาจากอีกฝ่าย ซึ่งก็พอเข้าใจได้ว่าพี่บุ๊คคงยังไม่สะดวกที่จะพูดคุยในเวลา นั่งนิ่งๆ ให้ช่างแต่งให้เสร็จแล้วค่อยคุยอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ครืดด~
มือถือของกันต์สั่นขึ้นเมื่อเขานั่งแต่งหน้าไปได้ระยะหนึ่ง เขาเปิดเปลือกตาขึ้นหลังจากที่ช่างแต่งหน้านำเสปรย์น้ำแร่มาฉีดพรมลงบนใบหน้าของเขานับว่าเป็นการเสร็จสิ้นขั้นตอนการแต่งหน้า มือขวาที่ถือโทรศัพท์ค้างเอาไว้หยิบขึ้นมากดปลดล็อกแล้วเปิดหน้าจอขึ้นเพื่อดูว่าข้อความที่ถูกส่งมานั้นคืออะไร
Book : ใครนินทา
Kan : จะมีใครล่ะ ถ้าไม่ใช่สองคนนั้น
กันต์พิมพ์เสร็จก็เงยหน้าหันไปมองทางที่บุ๊คนั่งอยู่ บุ๊คหันมาเห็นก็มองกลับมาอย่างสงสัย กันต์จึงต้องพยักเพยิดส่งสัญญาณไปทางที่ลิ้งก์กับพี่หนึ่งนั่งอยู่ ทันทีที่คนพี่หันมองตามไปก็เข้าใจได้ในวินาทีนั้นก่อนจะเห็นว่าเขาแอบถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย
พอทำผมเสร็จทั้งกันต์และบุ๊คก็พากันเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ทีมคอสตูมได้แขวนเตรียมเอาไว้ที่ราวแขวนเสื้อ กันต์ปล่อยให้บุ๊คเอาชุดเข้าไปเปลี่ยนในเต็นท์ก่อนเพราะจะต้องเข้าถ่ายทำฉากแรก ซึ่งนี่ก็เลยเวลาเริ่มถ่ายมาพอสมควรแล้ว เขาไม่อยากให้ล่าช้าไปมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นมีหวังเบรกแตกได้กลับบ้านดึกกว่าสี่ทุ่มแน่นอน
“ฝากหน่อย” บุ๊คยื่นมือถือกับแบตสำรองให้กันต์ถือเอาไว้ระหว่างที่เขาจะเข้าไปเปลี่ยนชุด ระหว่างนั้นกันต์ก็รู้สึกได้ว่ามีสายตาจังจ้องมาที่เขา แต่พอหันไปก็ไม่เห็นมีใครนอกไปจากพี่หนุ่มกับลิ้งก์ที่นั่งเล่นเกมในมือถือรอเวลา
เขาก็อดสงสัยไม่ได้จริงๆ ว่าผู้กำกับอย่างพี่หนุ่ม ไม่คิดจะไปเตรียมตัวเริ่มถ่ายฉากแรกหรอกเหรอ ทำไมถึงได้มานั่งเล่นเกมอยู่กับลิ้งก์แบบนี้ ส่วนคนข้างๆ แทนที่จะทำสมาธิ นั่งอ่านบท จำบท เตรียมตัวให้พร้อมเพื่อที่ตอนถ่ายทำจะได้เสร็จไวๆ แต่ก็ดูไม่ได้สนใจอะไร ทั้งที่ผ่านมาตัวปัญหาที่ทำให้การถ่ายทำติดขัดอยู่เสมอก็หนีไม่พ้นตัวของลิ้งก์ กันต์มีแต่ความรู้สึกไม่เข้าใจตีกันอยู่ในหัวเต็มไปหมด แต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้ เพราะไม่ใช่หน้าที่ของเขาที่จะต้องมานั่งพูดนั่งบ่นเรื่องนี้
บุ๊คเดินออกมาจากในเต็นท์เปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมใส่ชุดที่จะต้องใส่เข้าฉาก ส่วนมือทั้งของข้างก็ถือเอาเสื้อผ้าของตัวเองที่ใส่มาจากบ้านพาดไว้บนราวแขวนเสื้อของคอสตูม
“อะพี่...” กันต์ยื่นมือถือและพาวเวอร์แบงก์คืนให้กับเจ้าของ
“ขอบใจมาก”
“ผมเปลี่ยนชุดแป๊บ” กันต์ตอบก่อนจะคว้าเอาชุดของตัวเองเดินเข้าเต็นท์เปลี่ยนเสื้อไป
พอกันต์ออกมาจากเต็นท์เปลี่ยนเสื้อผ้า บุ๊คก็ไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นอีกแล้ว เขาจึงเข้าใจว่าอีกฝ่ายไปแสตนบายรอที่หน้าเซต เขาก็เลยถือโอกาสระหว่างรอไปยืนดูการถ่ายทำที่ด้านหลังมอนิเตอร์แก้เบื่อเสียหน่อย
“สู้ๆ นะ แกทำได้อยู่ละ” เสียงพี่หนุ่มเอ่ยพูดกับลิ้งก์ดังขึ้นอย่างอ่อนโยน น่าประหลาดที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครได้ยินเสียงโทนนี้ของพี่หนุ่มมาก่อนเลยด้วยซ้ำ บุ๊คได้ยินแบบนั้นก็อดประหลาดใจไม่ได้ เขาถึงกับเงยหน้ามองด้วยแววตางุนงง คิ้วทั้งสองข้างของเขาขมวดเข้าหากันจนแทบจะผูกกันอยู่แล้ว จังหวะหนึ่งเขาหันมาเห็นกันต์ที่ยืนอยู่หลังมอนิเตอร์จึงส่งสายตาเป็นสัญญาณถามว่าได้ยินแบบเดียวกับที่เขาได้ยินไหม กันต์ได้แต่หัวเราะออกมาเบาๆ แล้วพยักหน้ากลับไป
แม้ว่าจะเป็นผู้กำกับ แต่พี่หนุ่มก็อาจจะลืมไปว่ามีไมค์ไวเลสติดอยู่ที่ตัวของลิ้งก์ สิ่งที่พี่หนุ่มพูดออกจากปากจึงได้ยินผ่านลำโพงมอนิเตอร์ทั้งหมด
“ขอบคุณครับพี่หนุ่ม” ลิ้งก์ตอบกลับพร้อมรอยยิ้มที่ดูสบายใจมากขึ้น
พี่หนุ่มพูดบรีฟฉากที่จะกำลังถ่ายทำต่ออีกเล็กน้อยเพราะต้องการให้ทั้งนักแสดงทั้งสองคนอย่างลิ้งก์กับบุ๊คมีความเข้าใจในความต้องการของตัวละครในฉากนี้ตรงกันก่อนที่เขาจะเดินออกมาประจำที่หน้ามอนิเตอร์ ปล่อยให้ทั้งสองคนทำสมาธิก่อนจะเริ่มการถ่ายทำ
สิ่งที่น่าแปลกจนกันต์พอจะสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนนั่นก็คือ ลิ้งก์มีท่าทีที่แปลกไปจากเดิมมาก เขาแทบจะไม่คุยเล่นกับบุ๊คเลยด้วยซ้ำ แถมยังมีท่าทีที่ดูระวังตัวขึ้นมากกว่าเดิม ก็ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรที่ทำให้เด็กนั่นกลายเป็นแบบนี้ ทั้งที่พีบุ๊คก็พยายามที่จะชวนคุยเล่นเพื่อที่จะได้ผ่อนคลายก่อนถ่ายทำระหว่างที่ยืนอยู่หน้าเซต แต่ลิ้งก์กลับไม่ได้โต้ตอบอะไรนอกไปจากยืนนิ่งๆ แล้วส่งยิ้มน้อยๆ กลับไป
ประหลาดสุดๆ
แอคชัน!
แต่พอสิ้นเสียงสั่งแอคชันของพี่หนุ่มก็ต้องยอมรับว่าลิ้งก์ดูมีพัฒนาการขึ้นเยอะ สามารถเข้าบทบาทได้อย่างรวดเร็วและไม่ได้ดูตื่นเต้นเหมือนช่วงที่ออกกองแรกๆ นับว่าเป็นข้อดีที่อาจจะบรรเทาความหัวร้อนของพี่บุ๊คลงไปได้บ้าง การแสดงของทั้งคู่ก็ดูค่อนข้างราบรื่นและเคมีลงตัวอย่างน่าประหลาด
คัท!!
เสียงผู้กำกับดังขึ้นระหว่างนั้นเมื่ออยู่ๆ ลิ้งก์ก็ดันลืมบทที่จะต้องพูดเสียอย่างนั้น ชั่วขณะหนึ่งกันต์แอบเห็นพี่บุ๊คผ่านจอมอนิเตอร์ว่าเหลือบตามองบนก่อนจะกลับมาอยู่ในสีหน้าปกติ อาจเพราะตอบสนองไวไปสักหน่อย พอมีเรื่องที่ทำให้รู้สึกไม่โอเคจึงแสดงออกมาอย่างอัตโนมัติโดยไม่ทันได้ระวังตัว
พี่หนุ่มเผลอหลุดจิ๊ปากออกมาเบาๆก่อนจะเดินเข้าไปที่หน้าเซตอีกรอบเพื่อพูดคุยและบรีฟเพิ่มเติมให้กับลิ้งก์เพื่อที่เทคต่อไปจะได้ราบรื่นและเป็นธรรมชาติมากขึ้น แต่กับบุ๊คพี่หนุ่มดูจะไม่ได้ใส่ใจมากสักเท่าไหร่
“ของพี่ต้องแก้อะไรตรงไหนไหม” บุ๊คเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร
“ดีแล้วๆ เอาแบบเมื่อกี๊เลย” พี่หนุ่มตอบเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินกลับไปที่หน้ามอนิเตอร์เหมือนเดิม
หน้าเซตพร้อมนะคะ!
รอบๆ งดใช้เสียงนะค้า!!
เสียงผู้ช่วยผู้กำกับสาวดังขึ้นในระหว่างที่พี่หนุ่มกลับมาหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ประจำตำแหน่ง
“เอาให้รอดนะมึงรอบนี้” พี่หนุ่มเอ่ยพูดพลางจ้องไปที่หน้าจอมอนิเตอร์อย่างเคร่งเครียด
กล้องสปีด แอนด์ แอคชัน!
การแสดงดำเนินต่อไปอีกครั้งและครั้งนี้ก็ดูจะเป็นไปได้ด้วยดี เมื่อทั้งบุ๊คและลิ้งก์ต่างก็รับส่งกันได้อย่างลงตัว แม้จะมีบางจังหวะที่ลิ้งก์แอบติดขัดอยู่บ้างแต่นั่นก็ไม่ได้แย่เสียจนผู้กำกับจะต้องสั่งเพื่อถ่ายทำใหม่
พอเทคนี้ผ่านแล้วพี่หนุ่มก็ขานบอกเปลี่ยนคัท บรรดาตากล้องก็รีบเร่งย้ายอุปกรณ์เปลี่ยนมุมในทันที ระหว่างนั้น แม่สวัสดิการก็เดินเอาเครื่องดื่มเย็นๆ เข้าไปเสิร์ฟให้บุ๊คกับลิ้งก์จนถึงที่ ไม่ว่าจะเป็นน้ำอัดลมรสชาติใด แม่สวัสดิการก็เตรียมไว้พร้อม
“ลิ้งก์ เป็นไรปะเนี่ย” บุ๊คเห็นว่าสบโอกาสในระหว่างที่รอจึงแกล้งเอ่ยถามลิ้งก์ที่ยืนนิ่งอยู่แบบนั้น ซึ่งมันประหลาดมากสำหรับเขา ก่อนหน้านี้ลิ้งก์ดูจะเข้าหาเขาก่อนด้วยซ้ำ แถมยังพูดเยอะกว่านี้มาก แต่ตั้งแต่เวิร์กช็อปเมื่อหลายวันก่อน ลิ้งก์ก็ดูเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เหมือนมีกำแพงอะไรบางอย่างคั่นกลางระหว่างพวกเขาเอาไว้
“เปล่าครับ ผมไม่ได้เป็นไร” ลิ้งก์ปฏิเสธเสียงนิ่ง แต่สีหน้าและน้ำเสียงกลับไปม่ได้สอดคล้องกับความหมายของคำพูดที่เขาเอ่ยออกมาเลยสักนิด
อันที่จริงบุ๊คเองรู้สึกกังวลอยู่ไม่น้อย แม้ว่าเขาจะพยายามหาคำตอบให้กับปัญหานี้เพื่อต้องการคลายความสงสัยของตัวเอง แต่ก็ดูว่าจะไร้ผล เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ตอบสนองใดๆ กลับมา มันน่าสงสัยตรงที่ว่าอยู่ๆ ลิ้งก์ก็ดุเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ราวกับว่ามีเรื่องโกรธเคืองกับบุ๊ค แต่บุ๊คพยายามทบทวนช่วงเวลาที่ผ่านมาอย่างดีแล้ว เขามั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรให้น้องโกรธหรือไม่พอใจอย่างแน่นอน เพราะครั้งล่าสุดที่ได้เจอกันก็คือวันที่ไปเวิร์กช็อปเลิฟซีน และหลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีกจนกระทั่งวันนี้ที่ต้องมาทำงานด้วยกัน ความกังวลที่ว่าเป็นเพราะบุ๊คกลัวว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นปัญหาระหว่างเขากับลิ้งก์จนส่งผลกระทบกับการทำงานได้
เขาไม่อยากจะต้องมานั่งฟังพี่หนุ่มบ่น มันน่ารำคาญ...
เมื่อลิ้งก์ปฏิเสธเขาก็ไม่พยายามที่จะเซ้าซี้ถามอีกเพราะรู้ดีว่ามันจะกลายเป็นเรื่องที่จะต้องเหนื่อยใจฟรีๆ โดยที่อาจทำให้อีกฝ่ายเกิดความรำคาญขึ้นมาได้อีกด้วย
การถ่ายทำดำเนินไปจนถึงช่วงเย็น ระหว่างที่พักกินข้าวมื้อเย็นกันอยู่นั้น บุ๊คที่กินข้าวเสร็จก็แอบไปเข้าห้องน้ำเสียหน่อย เขารู้สึกปวดหนักมาตั้งแต่ช่วงเที่ยง แต่ก็หาโอกาสหนีมาเข้าห้องน้ำไม่ได้สักทีด้วยเพราะมีซีนที่เขาต้องเข้าถ่ายทำทุกซีนตลอดช่วงบ่าย เขาจึงต้องใช้ความอดทนอย่างสูงเพื่อที่จะผ่านช่วงเวลาทนอัดอั้นไปให้ได้
เสียงถอนหายใจดังลอดออกมาเล็กน้อยหลังจากที่บุ๊คล็อกประตูห้องน้ำไปได้เพียงครู่เดียว เขานั่งเล่นมือถือเงียบๆ เพื่อที่จะได้มีอะไรให้ทำเพลินระหว่างที่เข้าห้องน้ำ แต่ความเงียบสงบก็ถูกทำลายลงแทบจะในทันทีที่มีบุคคลอื่นเดินเข้ามาใช้ห้องน้ำ
เสียงฝีเท้าที่มีมากกว่าหนึ่งคนเดินเข้ามาในห้องน้ำทำให้บุ๊ครู้สึกเกร็งขึ้นมาโดยอัตโนมัติเพราะกลัวว่าจะมีเสียงอะไรเล็ดลอดออกไป หากคนข้างนอกได้ยินขึ้นมาแล้วเห็นว่าเป็นบุ๊คตอนเดินออกจากห้องน้ำไป ภาพลักษณ์ของเขาต้องถูกล้อเลียนแน่ๆ เขาจึงพยายามอย่างยิ่งที่จะทำทุกอย่างให้เงียบเสียงได้มากที่สุด
“เป็นไงมั่ง ได้ลองสังเกตดูปะ” เสียงของพี่หนุ่มดังขึ้น เรียกความสนใจจากบุ๊คได้เป็นอย่างมาก
พี่หนุ่มคุยกับใคร
เขาได้แต่นึกสงสัยอยู่ภายในใจ แต่สิ่งศักดิ์ก็ดูเหมือนจะไม่อยากให้บุ๊คต้องรอคอยคำตอบนานเกิน เสียงสนทนาจากอีกคนก็ดังขึ้น เสียงนั้นทำให้เขามั่นใจได้อย่างชัดเจนว่าไม่ใช่ใครอื่นนอกจากลิ้งก์นักแสดงที่เล่นซีรีส์คู่กับเขานั่นเอง
“ก็ไม่รู้ดิพี่ ผมว่าพี่เขาก็ดูปกตินะ”
“เขาดูพยายามเข้าหาปะ กูเห็นเขาพยายามจะชวนมึงคุยตลอดเลย” พี่หนุ่มถามต่อ เป็นคำถามที่ไม่เข้าหูบุ๊คเป็นอย่างมาก เขาไม่เข้าใจว่าทำไม
“ก็อาจจะใช่ วันนี้พี่เขาชอบชวนคุยบ่อยๆ”
“เห็นไหมล่ะ”
“ทำไมครับ”
“กูว่าเขาชอบมึงแน่ๆ ตั้งแต่ที่กูเห็นเขาจูบมึงตอนเวิร์กช็อปละ จูบแบบคิดจริงชัวร์ ระวังตัวไว้เหอะมึงอะ”
“โห่พี่ ผมก็บอกไปแล้วว่าผมเป็นผู้ชาย ผมชอบผู้หญิง เรื่องผมกับพี่บุ๊คไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน” เสียงลิ้งก์ติดจะรำคาญหน่อยๆ ตอนปฏิเสธเรื่องที่พี่หนุ่มกำลังเอ่ยถึง
ความโกรธของบุ๊คค่อยๆ ทวีคูณ เขารับไม่ได้อย่างมากที่พี่หนุ่มมาพูดลับหลังกันแบบนี้ เรื่องที่พูดไม่ได้มีมูลความจริงแม้แต่นิดเดียว เขาจึงไม่เข้าใจว่าพี่หนุ่มเลือกที่จะทำแบบนี้ไปทำไม
หรือมีเรื่องอะไรที่ไม่พอใจเขา?
ความรู้สึกหงุดหงิดติดอยู่กับบุ๊คจนกระทั่งเลิกกอง สีหน้าของเขาเหมือนแปะป้ายไว้ที่หน้าผากว่าอารมณ์ไม่ดี แต่กันต์ก็ไม่กล้าจะถามกลัวว่าจะโดนวีนกลับมา เขาจึงเลือกที่จะรอให้อีกฝ่ายใจเย็นขึ้นอีกสักหน่อยแล้วค่อยว่ากันอีกที
บุ๊คเดินมาที่ลานจอดรถเตรียมที่จะกลับบ้านโดยมีกันต์เดินตามหลังมาด้วย กันต์ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามออกไป
“พี่เป็นไร”
“โมโห”
“เรื่อง...”
บุ๊คหันซ้ายหันขวาเพื่อตรวจเช็กว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ ก่อนจะเอ่ยปากตอบคนข้างๆ “พี่หนุ่มแม่ง ไปบอกไอ้ลิ้งก์ว่าพี่ชอบมัน ให้ระวังตัวเอาไว้หน่อย เพราะพี่คิดเกินเลยกับลิ้งก์มัน คำถามคือคิดได้ไง”
“ห้ะ? ทำไมเขาพูดงั้น”
“ไอ้พี่หนุ่มมันบอกว่า เห็นจากที่เวิร์กช็อปจูบวันนั้น เลยรู้ว่าพี่คิดเกินเลยกับลิ้งก์แน่ๆ คือ ทำทำไมวะ” บุ๊คเริ่มเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ตามความโมโหที่ค่อยๆ ปะทุขึ้นทีละน้อย
“นั่นดิ งงนะ”
“...”
“เดี๋ยวนะ...” กันต์เหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “หรือเขาอิจฉาพี่วะ ที่ได้จูบกับลิ้งก์อะ”
“แล้วจะมาอิจฉาพี่ทำไม” บุ๊คถามกลับอย่างไม่เข้าใจ
“ก็อาจจะอยากมีโอกาสได้ทำแบบนี้บ้างไง ได้จ่งได้จูบกับลิ้งก์บ้างอะไรงี้”
“ห้ะ?”
“ก็เป็นผู้กำกับมันก็มีแพงกั้นอยู่ใช่ไหมล่ะ เรื่องความเหมาะสมใดๆ บลาๆๆๆ พอเห็นพี่ได้จูบกับลิ้งก์ขึ้น ความอิจฉามันก็เลยบังตา ไม่อยากให้ลิ้งก์มาคลอเคลียหรือใกล้ชิดกับพี่มากเกินไป กลัวว่าถ้ามีอะไรเกินเลยขึ้นมาจริงๆ เขาก็หมดโอกาสที่จะได้ลิ้งก์ไปครอบครองไง”
“อ่านนิยายเยอะไปปะเนี่ย” บุ๊คถึงกับอมยิ้มเมื่อได้ยินคำอธิบายจากปากของกันต์
“จริงนะพี่ ของแบบนี้มันมีอยู่จริง”
“ประสาท”
“นี่ว่าพี่หนุ่มต้องแอบอยากกินลิ้งก์อยู่แน่ๆ” กันต์เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงกระซิบ กลัวว่าจะมีคนอื่นผ่านมาได้ยิน แม้จะยังไม่มีหลักฐานอะไรมามัดตัวแต่จากเซนส์ของเขา เขามั่นใจมากกว่าสิ่งที่กำลังคิดไม่ผิดไปจากนี้แน่นอน
“อย่าพูดไป ใครมาได้ยินจะหาว่าเราเป็นพวกผีเจาะปากมาพูด” บุ๊คเตือน แม้เขาจะไม่พอใจ แต่ก็ไม่ใช่พวกชอบตัดสินใครไปก่อนโดยที่ยังไม่มีหลักฐาน
“รู้น่ะพี่ อันนี้เราก็คุยกันเล่นๆ ไง แบบแค่ข้อสันนิษฐานอะ”
“เออ เข้าใจ แต่ช่างมันเหอะ ก็ไม่พอใจแหละ แต่คิดว่าจะปล่อยผ่าน จะได้ไม่ต้องมานั่งปวดหัว เอาเวลาไปโฟกัสงานก็พอละ”
“ถ้าพี่ทำได้แบบที่พูดจริงก็ดี ไม่ใช่ว่าเก็บไปคิดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับอีกอะ สุขภาพจะพังเอา” กันต์บ่น เขารู้จักพี่ชายตัวเองดีขนาดไหนคงไม่ต้องบอก ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเรื่องเล็กขี้ปะติ๋วขนาดไหน บุ๊คก็เก็บไปคิดจนไม่ได้นอนทั้งคืน
“เออน่ะ พยายามอยู่ ไป! ขึ้นรถ จะได้กลับไปนอน” บุ๊คบอกปัดก่อนไล่ให้คนข้างๆ ขึ้นรถพร้อมๆ กับที่ตัวเองก็เดินไปฝั่งคนขับแล้วเปิดประตูขึ้นรถไป