วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ
รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น,วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
วายบันเทิงวงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ
วายบันเทิง
The Gossip of BL
Run_Kantheephop
เรื่องแต่ง 99% อีก 1% คือเค้าโครงจากเรื่องจริง
ขออนุญาตแก้ไขวันและเวลาในการอัพนิยายนะครับ เนื่องจากช่วงนี้มีภารกิจจากหน้าที่การงานเข้ามาจึงทำให้เขียนนิยายได้น้อยลงกว่าเดิม จากนี้ไปจะขออัพนิยายเพียงแค่สัปดาห์ละ 1 ตอนนะครับ (ทุกวันเสาร์ เวลา 18:00 น.)
ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามครับ
********************************************************************************
มีทั้งหมด 5 เล่ม
E-Book วางจำหน่ายแล้ว บน MEB
เป็นอีกครั้งที่วันนี้ไม่มีคิวออกกอง โดยปกติแล้วช่วงเวลาสุดสัปดาห์แบบนี้มักจะต้องล็อกเอาไว้เพื่อใช้สำหรับออกกองเพื่อถ่ายทำซีรีส์ แต่สัปดาห์นี้กลับต้องงดออกกองเพราะผู้กำกับดันติดโควิดเอาซะได้ ก็เลยทำให้ทั้งบุ๊คและกันต์ต่างก็ว่างทั้งคู่
กันต์ที่ตื่นนอนตั้งแต่เช้ากำลังเลื่อนหน้าจอในแอพสั่งอาหารเพื่อเลือกซื้อมื้อเช้า เขาขี้เกียจเกินกว่าที่จะเดินออกไปร้านอาหารตามสั่งหน้าบ้าน แม้ว่าจะมีระยะทางไม่เกินห้าร้อยเมตรก็ตาม
ครืดดด~~ ครืดดด~~
เสียงมือถือของกันต์สั่นดังขึ้นในระหว่างนั้น เขาแอบจิ๊ปากเบาๆ อย่างหงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะระหว่างกำลังจะสั่งอาหารในช่วงเวลาที่ท้องกำลังร้องประท้วงอย่างหนัก แต่พอได้เห็นรายชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอมือถือว่าเป็นพี่บุ๊คโทรเข้ามาก็ทำให้เขาหัวร้อนน้อยลงได้นิดหน่อย
“ฮัลโหลพี่”
(แกอยู่ไหน) เสียงอันคุ้นเคยเอ่ยทักขึ้น
“บ้าน”
(ทำไร ไปจตุจักรกัน)
“กำลังจะสั่งข้าวอะ ขอกินข้าวก่อนได้ปะ”
(ได้ พี่ก็เพิ่งตื่น เลยโทรมาชวนก่อน เจอกันจตุจักรบ่ายโมงมะ)
“ได้ๆ”
(อาเค)
พูดจบบุ๊คก็วางสายไปในทันที ทำเอากันต์ถึงถอนหายใจ เป็นปกติที่บุ๊คมักจะชอบโทรมาชวนแบบกะทันหัน แล้วก็มักจะเป็นจังหวะที่เขาว่างอยู่เสมอ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเพราะเขาก็จะได้มีเวลาอยู่กับพี่บุ๊คกันสองคน
กันต์รีบกลับไปที่หน้าสั่งอาหารในแอพก่อนจะกดสั่งเมนูข้าวมันไก่ต้มพิเศษมาสองห่อ เพราะถ้าสั่งห่อเดียวจะมีค่าบริการเพิ่มเติมเนื่องจากเป็นออเดอร์ขนาดเล็ก เขาจึงจำใจกดสั่งเพิ่มมาอีกหนึ่งเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเงินยิบย่อยโดยไร้ประโยชน์
อาหารถูกนำมาส่งหลังจากนั้นไม่นาน หนึ่งห่อถูกเปิดออกเพื่อกินส่วนอีกห่อถูกนำไปแช่ตู้เย็นเอาไว้กินตอนมื้อดึก กันต์รีบวิ่งขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังจากนั้นแล้วรีบกดเรียกรถมอเตอร์ไซค์เพื่อเดินทางไปยังตลาดจตุจักรทันที
ตอนแรกเขาก็แพลนเอาว่าจะไปลงที่รถไฟฟ้าใต้ดินแต่พอมานั่งคำนวนดูแล้วการนั่งวินมอเตอร์ไซค์ยาวไปลงที่ตลาดเลยมีความสะดวกและรวดเร็วมากกว่า เขาจึงเปลี่ยนใจในทันที
รถมอเตอร์ไซคขับมาจอดที่ด้านหน้าบ้านของเขา เขาจึงลุกจากโซฟาแล้วเดินออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว ไม่ลืมที่จะปิดประตูล็อกบ้านให้เรียบร้อย ขายาวก้าวกระโดดขึ้นไปนั่งด้านหลังคนขับก่อนจะกระซิบบอกคนขับว่าตัวเองขึ้นนั่งเรียบร้อย จากนั้นคนขับก็พยักหน้าแล้วบิดรถออกไปในทันที
บรื๊นนนน~!
แรงลมปะทะหน้าของเขาตลอดเส้นทาง ทำเอาทรงผมที่เขาแอบเซ็ตมากระจุยกระจายไม่เหลือชิ้นดี แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนักเพราะเขารู้ดีว่าเดี๋ยวพอไปถึงที่ใช้มือจับๆ นิดหน่อยก็กลับมาเข้าทรงเหมือนเดิม
ไอร้อนจากผิวถนนลอยขึ้นมาปะทะร่างกายของเขาเล็กน้อยพอให้รู้สึก แต่นั่นก็ยังไม่ทำให้รู้สึกร้อนได้เท่ากับแสงอาทิตย์ในตอนนี้ โชคดีที่เขาไม่ติดไฟแดงเลยสักแยก จึงไม่ต้องทนนั่งตากแดดนานมากนัก
Kan : ถึงแล้วพี่
กันต์หยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์ข้อความแล้วกดส่งหาบุ๊คก่อนที่เขาจะเดินแวะเข้าร้านสะดวกซื้อไปเพื่อหาอะไรดื่มดับกระหายสักหน่อย อากาศร้อนแบบนี้ทำเอาร่างกายเขาต้องการน้ำหวานเป็นอย่างมาก
Book : อยู่หน้าเซเว่น
Kan : อยู่ในเซเว่น
“พี่!” กันต์เดินออกจากร้านสะดวกซื้อมาพร้อมกับน้ำมะพร้าวสองขวด ขวดหนึ่งเขายื่นไปให้บุ๊คที่ยืนใส่เสื้อแขนกุดสีขาวกับกางเกงผ้าทรงกระบอกกว้างขายาวสีดำ สวมรองเท้าแตะแบรนด์เนมโลโก้ตัว H สีดำ
“แต๊งกิ้ว” บุ๊คขอบใจแล้วยื่นมือมารับขวดขาวไปเปิดดื่ม
“ร้อนจัด”
“จริง”
“ละคิดไงชวนมาเวลานี้”
“จะมาดูปลาอะ แล้วก็ว่าจะซื้อเสื้อผ้าด้วย”
“ซื้อปลาอีกละ ที่ห้องยังไม่เยอะพอมั้ง” กันต์บ่นขึ้นมาเล็กน้อยเพราะก่อนหน้านี้ พี่บุ๊คก็ซื้อตู้ปลาใหม่ไปไว้ที่คอนโดตู้เบ้อเริ่มแถมยังซื้อปลาไปอีกตั้งหลายชนิด ยังไม่รวมกุ้งจิ๋วๆ อีก พอวันนี้ได้ยินว่าพี่บุ๊คจะมาซื้อปลาเพิ่มก็ทำเอาเขาอดแปลกใจไม่ได้
“มันตายแก เมื่อวานเพิ่งตักทิ้งไป เลยจะซื้อไปเพิ่ม แล้วก็จะซื้อปลาแพะไปเพิ่มหน่อยจะได้ให้มันช่วยกินพวกเศษอาหาร พวกตะไคร่น้ำในตู้อะไรแบบนี้”
“อ่อ”
กันต์เอ่ยตอบรับไปอย่างนั้นแต่เขาฟังอะไรแบบนี้ไม่เคยเข้าใจเลยสักครั้ง ทุกครั้งที่พี่บุ๊คเอ่ยพูดถึงเรื่องปลาทีไรก็มักจะพ่วงด้วยคำอธิบายยาวๆ ตลอด คงเพราะมีความสนใจในเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ หากจะเรียกว่างานอดิเรกก็คงไม่ผิดนัก
ทั้งสองคนพากันเดินเข้าไปที่ตลาดปลาซึ่งอยู่บริเวณใกล้ๆ ร้านสะดวกซื้อ เป็นครั้งแรกที่กันต์ได้มาเห็นตลาดปลากับตาตัวเองจริงๆ สักที หลังจากที่ได้ฟังจากปากของพี่บุ๊คมานานหลายหน เขารู้สึกตื่นตาตื่นใจไม่น้อย เพราะไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าจะมีสถานที่ที่รวบรวมพันธุ์ปลาจำนวนมากไว้เยอะขนาดนี้ แถมแต่ละชนิดก็ยังสวยแปลกตาอีกด้วย เขาเดินดูด้วยความตื่นเต้นพลางยกมือถือมาถ่ายเก็บภาพปลาที่เขาไปประทับใจไปด้วย
“ชอบไหม” บุ๊คเดินเข้ามาใกล้แล้วกระซิบถามในขณะที่กันต์กำลังยืนถ่ายสตอรี่ปลาทองญี่ปุ่นในตู้
“หื้ม?” กันต์หันมามองด้วยสีหน้างงๆ เพราะเมื่อกี๊เขาเอาแต่โฟกัสปลาในตู้จึงไม่ทันได้ยินคำถามจากอีกฝ่ายได้ถนัดนัก
“ถามว่าชอบไหม”
“หมายถึงปลาเหรอ?” คนเด็กกว่าลอบยกยิ้มมุมปากอย่างกวนๆ
“ก็เออดิ คิดว่าหมายถึงอะไร”
“ก็...”
“อะไร”
“เปล่า...”
“รู้นะว่าจะชงอะไรอะ” บุ๊คเอ่ยบอกพลางยกมือขึ้นยีหัวกันต์เบาๆ ทำคนโดนถึงกับหน้ามุ่ยเพราะหัวยุ่งจนเขาต้องรีบหันไปมองเงาสะท้อนบนตู้ปลาเพื่อจัดทรงผมของตัวเองให้กลับมาเข้าทรง
กันต์ปล่อยให้บุ๊คเดินดูเดินเลือกซื้อปลาตามใจโดยที่ระหว่างนั้นเขาก็ได้รับหน้าที่ให้คอยถ่ายรูปบุ๊คตามมุมต่างๆ ในตลาดปลาให้ด้วย เพราะเจ้าตัวอยากจะเอาไปลงในไอจีสักหน่อยหลังจากที่ไม่มีรูปโพสต์มานานเป็นเดือน แม้คนอายุน้อยกว่าจะส่งเสียงจิ๊ปากเล็กๆ แต่ก็ยินยอมทำตามให้โดยไม่บ่นอะไร
“ปะ เสร็จละ” บุ๊คตอบในขณะที่เดินออกมาจากในร้านพร้อมถุงใส่ปลาขนาดใหญ่สองถุง
“จะซื้อเสื้อผ้าด้วยไม่ใช่เหรอ เห็นพี่บอกตอนแรก”
“ไม่ซื้อละ กลัวปลาตายอะ”
“เค งั้นกลับเลยไหม”
“เออ กลับเลยดีกว่า”
กันต์พยักหน้ารับแล้วเดินตามไปส่งบุ๊คที่รถ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เดินออกจากตรงนั้นบุ๊คก็ชวนให้ขึ้นรถเพราะบอกว่าจะไปส่งที่รถไฟฟ้า เขาที่กำลังร้อนเพราะอุณหภูมิประเทศไทยที่ไม่ปรานีในเวลานี้จึงยินยอมที่จะก้าวขึ้นรถไปเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเดินตากแดดไปยังสถานีรถไฟฟ้า
“เออ ไปคอนโดพี่ไหม” จู่ๆ บุ๊คก็เอ่ยถามขึ้นขณะที่กำลังขับรถยนต์ออกจากลานจอดรถ
“หื้ม ไปทำไม”
“ก็ไปนั่งเล่น ซื้ออะไรเข้าไปกินงี้ หมูทะ ชาบูใดๆ ไม่อยากกินข้าวคนเดียวอะ”
“ได้นะ ไม่ติด” กันต์ตอบรับแบบไม่คิด โอกาสแบบนี้จะปล่อยไปได้ยังไง ได้กินข้าวฟรีอะ แม้จะมีข้าวมันไก่ต้มพิเศษอีกห่อนอนรออยู่ในตู้เย็นที่บ้านก็ตาม
เพราะทุกครั้งที่พี่บุ๊คเอ่ยปากชวนกินข้าว กันต์ไม่เคยจะต้องจ่ายเงินเลยสักครั้ง พอได้ยินคำชวนแบบนี้ ใครจะไปปฏิเสธได้
“ถือซะว่าเป็นค่าเหนื่อยที่มาตลาดปลาเป็นเพื่อนพี่ละกัน”
รถยนต์ของบุ๊คขับฝ่ารถติดบนท้องถนนมาจนถึงคอนโดก็ใช้เวลาไปชั่วโมงกว่า เขาลืมคิดไปเสียสนิทว่าเวลานี้เป็นชั่วโมงเร่งด่วนที่นักเรียนเพิ่งเรียนและคนก็กำลังทยอยกันเลิกงาน ทำให้เสียเวลาบนท้องถนนไปเยอะพอสมควร แต่วันนี้ยังคงอีกยาวไกล ยังพอมีเวลาให้เขาได้ทำอะไรๆ ได้อีกเยอะ
ติ๊ง!
เสียงลิฟต์เปิดออกที่ชั้น 31 หลังจากที่พวกเขาทั้งคู่พากันเดินถือของพะรุงพะรังกันเข้ามาในลิฟต์ ก่อนหน้านี้ระหว่างที่รถติดบุ๊คบอกให้กันต์กดสั่งของสดจำพวกผักสด ลูกชิ้น เนื้อหมูและวัตถุดิบอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับเมนูหมูกระทะในมื้อค่ำเอาไว้ เพื่อให้มันมาส่งไว้ที่ลอบบี้คอนโด พอกลับมาถึงคนน้องก็กระโดดลงไปหิ้วขึ้นรถก่อนที่บุ๊คจะวนรถขึ้นมาจอดที่ลานจอดรถชั้น 6 แล้วก็พากันหอบของขึ้นมาที่ห้องของตัวเอง
แกร็ก!
บุ๊คใช้ปลายนิ้วก้อยเกี่ยวประตูห้องให้เปิดออก กันต์เห็นแบบนั้นก็ถึงกับเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
“นี่พี่ไม่ได้ล็อกห้องเหรอ”
“อือ”
แล้วทำไมไม่ล็อก มันอันตรายเด้อ”
“เอาจริง ถ้าไม่พูดก็ไม่มีใครรู้ไหม แล้วใครมันจะขึ้นมาถ้าไม่ใช่คนในคอนโดด้วยกัน แกก็เห็นกว่าจะเข้ามาได้แต่ละประตู ต้องใช้คีย์การ์ดมันทุกจุด ไม่งั้นก็เข้าไม่ได้ มันปลอดภัยอยู่ละ ไม่ต้องห่วง”
บุ๊คเอ่ยพูดด้วยสีหน้าที่ไม่ได้ดูทุกข์ร้อนอะไรนัก แม้มันจะเป็นอย่างที่บุ๊คว่าแต่ในประเทศไทยก็ไม่ควรจะไว้วางใจอะไรง่ายๆ ใครจะไปรู้วันดีคืนดีโจรอาจจะมาในคราบลูกบ้านในโรงการเดียวกันก็เป็นได้
กันต์ได้แต่ส่ายหัวแต่ก็ไม่อยากจะเถียงด้วยสักเท่าไหร่เพราะเขารู้ดีว่าต่อให้เถียงไปก็ไม่มีวันชนะ ยังไงๆ บุ๊คก็จะหาข้อขัดแย้งมาเถียงจนทำให้ตัวเองชนะได้อยู่ดี
“แกเปิดทีวีดูไปก่อนนะ พี่ล้างตู้ปลาแป๊บ”
“ไม่เป็นไร ระหว่างพี่ล้างตู้ปลา เดี๋ยวกันต์เตรียมมื้อเย็นไว้ให้”
“อ่อ ได้ๆ ขอบใจมากน้อง”
กันต์ปลดกระเป๋าสะพายของตัวเองออกไปวางบนโซฟาก่อนจะคว้าถุงของสดเดินเข้าไปในครัว ส่วนบุ๊คก็คว้าเอาถังเปล่าใบหนึ่งใส่น้ำทยอยตักปลาในตู้ออกก่อนจะเริ่มลงมือทำความสะอาด
ต่างคนต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองไปเรื่อยๆ แบบที่ไม่ได้รบกวนกันสักเท่าไหร่นัก นอกไปจากช่วงหนึ่งที่บุ๊คตะโกนบอกให้กันต์ช่วยเปิดเพลงในยูทูปให้หน่อยเพราะห้องมันเงียบเกินไป
กว่าพี่บุ๊คจะทำความสะอาดตู้ปลาเสร็จก็ปาไปเกือบชั่วโมง ทำเอาอาหารที่กันต์เตรียมเอาไว้บนโต๊ะแทบจะเซ็งไปตามๆ กัน
“เห้อ... เหนื่อยฉิบหาย” บุ๊คบ่นหลังจากเพิ่งล้างมือเสร็จ
“ผักเหี่ยวหมดละมั้ง” กันเงยหน้ามองคนตัวสูงแล้วบ่นออกมาเล็กน้อย เขาเตรียมทุกอย่างเสร็จก็มานั่งดูทีวีรอจนเกือบจะเผลอหลับไป
“ก็จะกินละนี่ไง มานั่งนี่” บุ๊คบอกพลางหยิบเอาปลั๊กเตาย่างหมูไปเสียบเข้าที่เต้ารับของสายไฟฟ้าที่ต่อพ่วงมาจากปลั๊กไฟหลังทีวีก่อนจะกดเปิดสวิตช์ให้เตาทำงาน
กันต์หยิบเอาที่คีบมาคีบหมูวางลงไปบนเตาเมื่อเห็นว่ามันเริ่มร้อน เสียงฉู่ฉี่ที่ดังขึ้นทำเอาเรียกน้ำย่อยในกระเพาะของพวกเขาได้ไม่น้อย น้ำลายในปากเริ่มทำงานจนพวกเขาต้องกลืนน้ำลายกันอึกใหญ่ ระหว่างที่กันต์กำลังย่างหมู บุ๊คก็หยิบผักมาเด็ดใส่อย่างไม่รีรอ ควันขาวเริ่มพวยพุ่งขึ้นมาเมื่อน้ำเริ่มเดือด สี่มือของสองคนทำงานอย่างไม่ลดละ ความหิวของพวกเขาทำให้ต่างฝ่ายต่างนั่งกินโดยที่ไม่พูดไม่จากันสักนิด
“หาหนังดูไหม” บุ๊คเอ่ยถามแทรกความเงียบขึ้นมาในระหว่างนั้น
“เอาดิ”
“แกอยากดูเรื่องไร”
“พี่เลือกเลย”
“แกเลือกแนวมา จะได้เลือกดู”
“แนวไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่ผี ไม่ใช่สยองขวัญอะ”
“งั้นดู Call me by your name ละกัน”
“เออดีเลย ยังไม่เคยดู” กันต์มีสีหน้าตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากที่ได้ยินชื่อหนังที่พี่บุ๊คเลือกจะเปิด เขาเคยแพลนไว้นานมากแล้วว่าจะดูแต่เพราะยังไม่มีโอกาสเหมาะที่จะได้นั่งดูอย่างตั้งใจ เขาจึงยังไม่ได้เปิดดูสักที
“ขอรีโมทหน่อย” บุ๊คเอ่ยบอกพลางชี้ไปที่รีโมทที่วางอยู่บนโซฟา กันต์ที่อยู่ใกล้กว่าจึงลุกเดินไปหยิบมายื่นให้
น้ำซุปในเตายังคงเดือดปุดๆ ในขณะที่บุ๊คกดค้นหาหนังเรื่องดังกล่าวในเน็ตฟลิกซ์ กันต์ยังคงคีบหมูและลูกชิ้นในเตามาจิ้มน้ำจิ้มก่อนจะเอาเข้าปากไปเรื่อยๆ แบบไม่มีทีท่าว่าจะอิ่ม ไม่นานหน้าจอทีวีก็เริ่มฉายภาพของหนังขึ้นมา สายตาของทั้งสองคนกลับหันไปจดจ้องหน้าจอนั้นแทนเตาย่างหมูบนโต๊ะ
พวกเขาทั้งคู่นั่งกินไปดูไปอยู่พักใหญ่ก่อนจะเริ่มอิ่ม ทีแรกกันต์จะเก็บของไปล้างเลยแต่บุ๊คบอกให้วางทิ้งไว้แบบนั้น หนังจบแล้วค่อยทำ เขาจึงเลือกทำตามคำสั่งแล้วเดินไปนั่งดูหนังที่โซฟาแทน
บุ๊คเดินตามมานั่งข้างๆ ชนิดที่ว่าหัวไหล่ชนกัน คนตัวเล็กหันไปมองเล็กน้อยเพราะอดประหลาดใจไม่ได้ สายตาของกันต์เหล่มองไปที่หัวไหล่ของอีกฝ่ายที่ชนอยู่กับหัวไหล่ของตัวเอง พลันจังหวะของหัวใจก็เกิดเต้นเร็วขึ้นกว่าเดิม เขารีบหันหน้ากลับไปมองหน้าจอทีวีในทันที แต่หนังเจ้ากรรมก็ดันฉายมาถึงตอนที่พระนายกำลังบดจูบกันอยู่บนสนามหญ้า ฉากสยิวนั้นยิ่งทำเอาหัวใจของกันต์สั่นรัว
ไม่ต่างอะไรกับความรู้สึกของบุ๊คในตอนนี้
ที่เห็นเขานั่งนิ่งๆ ไม่ใช่เพราะว่าไม่ได้คิดอะไร แต่เป็นเพราะว่าคิดหนักจนทำตัวไม่ถูกเสียมากกว่า เขาจึงได้นั่งนิ่งทำทีเป็นตั้งใจดูหนังอยู่แบบนั้น ก็ตั้งแต่ที่หัวไหล่เขาสัมผัสเข้ากับหัวไหล่ของอีกฝ่ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาก็รู้ได้ในทันทีว่านี่มันเป็นจังหวะนรกแบบสุดๆ ทั้งที่พยายามจะรักษาระยะห่างกับอีกฝ่ายเพราะกลัวว่าตัวเองจะก้าวข้ามเส้นความเหมาะสมของสัมพันธ์ไป แต่สุดท้ายก็เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังผลักดันให้พวกยิ่งเข้าใกล้ชิดกันมากกว่าเดิม
“ข...เขาเล่นกันเก่งเนอะ” กันต์เอ่ยพูดพลางตะกุกตะกักนิดหน่อย อยู่ๆ ก็รู้สึกคอแห้งขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“อือ”
อึก!
เสียงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ดังขึ้นหลังจากที่บุ๊คพูดจบ กันต์ดึงกับต้องหันหน้าไปมองในทันที สายตาของทั้งคู่ประสานกันอยู่แบบนั้น ประกายในแววตาของทั้งคู่ฉายความรู้สึกบางอย่างที่หลบซ่อนเอาไว้ออกมา ทั้งบุ๊คและกันต์ต่างจ้องมองหน้ากันต์อยู่แบบนั้น ชั่วขณะหนึ่งพวกเขารู้สึกได้ถึงกระแสบางอย่างที่วิ่งเข้ามาชนกันตรงกลางในระยะเส้นทางการมองเห็นของทั้งสองฝ่าย หากบรรยากาศภายในห้องเงียบกว่านี้อาจจะได้ยินเสียงกระแสของคลื่นไฟฟ้าที่พุ่งมาชนกันจนดังเปรี๊ยะๆ ก็เป็นได้
บุ๊คหลุบตาลงต่ำเล็กน้อยพลางมองไปที่ริมฝีปากของกันต์ เสียงหัวใจของทั้งคู่เต้นโครมครามไม่มีพัก ความตื่นเต้นแสดงให้เห็นชัดเจนจากอาการหอบหายใจที่แรงขึ้นของทั้งสองคน ทุกอย่างรอบตัวดูเหมือนจะเงียบลงแม้ว่าภาพยนตร์ในจอทีวีจะยังคงฉายอยู่
สายตาของบุ๊คเหลือบกลับมามองดวงตาของกันต์อีกครั้ง ความนิ่งงันเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ก่อนที่คนพี่จะจู่โจมด้วยกันพุ่งตัวเข้ามาประทับริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากของคนตรงหน้าในทันที
ปราศจากท่าทีอันตกใจ กันต์ตอบรับจุมพิตนั้นอย่างนุ่มนวล...