วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ
รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น,วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
วายบันเทิงวงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ
วายบันเทิง
The Gossip of BL
Run_Kantheephop
เรื่องแต่ง 99% อีก 1% คือเค้าโครงจากเรื่องจริง
ขออนุญาตแก้ไขวันและเวลาในการอัพนิยายนะครับ เนื่องจากช่วงนี้มีภารกิจจากหน้าที่การงานเข้ามาจึงทำให้เขียนนิยายได้น้อยลงกว่าเดิม จากนี้ไปจะขออัพนิยายเพียงแค่สัปดาห์ละ 1 ตอนนะครับ (ทุกวันเสาร์ เวลา 18:00 น.)
ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามครับ
********************************************************************************
มีทั้งหมด 5 เล่ม
E-Book วางจำหน่ายแล้ว บน MEB
รถยนต์ของพี่ใหญ่ที่มีฮันและกันต์นั่งมาในรถเคลื่อนตัวเข้ามาจอดที่บ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านย่านคนมีอันจะกิน กันต์ดูตื่นตาตื่นใจอยู่ไม่น้อยเพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้เห็นบ้านหลังใหญ่แบบนี้ด้วยตาของตัวเอง มันเป็นความใฝ่ฝันของเขามาโดยตลอดที่จะได้มีบ้านหลังใหญ่โตเป็นของตัวเอง แต่มันก็ดูเหมือนจะเป็นเพียงความฝันลมๆ แร้งๆ ที่คงจะเป็นไปได้ยาก ด้วยฐานะทางบ้านที่ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนคนอื่น แถมทุกคนภายในบ้านก็ยังต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินมาใช้เลี้ยงชีพในแต่ละวัน
บางครั้งเขาก็อดนึกอิจฉาคนอื่นไม่ได้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงได้โชคดีมีอะไรๆ หลายอย่างแบบที่ไม่ต้องลำบากมากนัก ในขณะที่เขาต้องพยายามอย่างหนักแต่ไม่ได้แม้แต่จะเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ด้วยซ้ำ จนกระทั่งวันหนึ่งมีคนมาบอกกับเขาว่า กันต์โชคดีจังได้ทำงานตามที่ตัวเองฝันด้วย อยากทำงานในวงการบันเทิงก็ได้ทำ โคตรโชคดีเลย วันนั้นทำให้เขาฉุกคิดได้ว่าเขาไม่ชอบเลยไอ้คำว่าโชคดี อันที่จริงกว่าที่เขาจะได้เข้ามาทำงานอยู่ในวงการบันเทิงแบบนี้ เขาต้องพยายามอย่างหนักและต้องแลกกับอะไรหลายอย่าง มันเป็นช่วงเวลาที่เหนื่อยมากกว่าจะคว้าฝันมาได้ เขายอมทิ้งความสุขหลายอย่างเพื่อแลกกับความฝันที่เขาใฝ่หามาทั้งชีวิต เขาถึงได้ตระหนักว่าไม่มีใครโชคดีทั้งนั้น มีแต่ความพยายามอย่างถูกที่ถูกเวลาต่างหากที่จะทำให้แต่ล่ะคนไปถึงเป้าหมายที่ตัวเองต้องการได้
สองขาของเขาก้าวลงจากรถของพี่ใหญ่ก่อนจะยืนรอให้ฮันและพี่ใหญ่เดินนำเข้าไปในบ้าน เขาไม่กล้าที่จะก้าวเดินเข้าไปก่อนเพราะนี่คือครั้งแรกที่เขามาที่นี่พี่ใหญ่ชวนมาปาร์ตี้หมูกระทะที่บ้านเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยด้วยเหตุผลที่ว่าอยากจะให้ได้รู้จักกันเอาไว้ ซึ่งกันต์ก็ไม่ได้ติดอะไร การได้รู้จักคนเอาไว้เยอะๆ ย่อมดีกับตัวเองอยู่แล้ว เผื่อว่าอนาคตอาจจะต้องพึ่งพาอาศัยกันต่อไป
“ฮายยยย~~!!” เสียงทักทายจากพี่ใหญ่ดังขึ้นทันทีที่เจ้าของปรากฏตัวออกมาเปิดประตูหน้าบ้านให้ ทั้งคู่วิ่งเข้าไปกอดกันแน่น ดูด้วยสายตาก็รู้ว่าทั้งสองคนสนิทกันขนาดไหน
“นี่พี่อินนะทุกคน” พี่ใหญ่หันมาแนะนำเพื่อนสนิทของตนให้น้องๆ ที่ยืนรออยู่หน้าบ้านรู้จัก
“ดีจ้ะทุกคน” พี่อินโบกมือทักทายพร้อมยิ้มกว้าง ส่วนฮันกับกันต์ก็รีบยกมือขึ้นไหว้อย่างไม่รอช้า
“ไปเข้าบ้าน ร้อน” พี่ใหญ่โบกมือเรียกให้เด็กๆ เดินตามเข้าไปในบ้านราวกับเป็นบ้านของตัวเอง
ทุกคนเดินเข้ามาภายในบ้านของพี่อิน ห้องโถงบริเวณสำหรับนั่งเล่นใหญ่โตจนกันต์อดตกใจไม่ได้ เพราะมันใหญ่กว่าที่คิดเอาไว้ไม่น้อย เขาหันไปมองหน้าฮัน อีกฝ่ายก็อยู่ในอารมณ์ที่ไม่ได้ต่างกันสักเท่าไหร่นัก บนโต๊ะอาหารถูกวางเรียงรายไปด้วยวัตถุดิบและเตาที่มองปราดเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าเมนูในคืนนี้คงหนีไม่พ้นหมูกระทะอย่างแน่นอน
“ทำตัวตามสบายเลยนะทุกคน” พี่อินเอ่ยบอกก่อนจะเดินไปหยิบรีโมททีวีมากดเปิดเพื่อให้เด็กทั้งสองคนได้นั่งดูรอเวลาอาหารเมนูอื่นๆ ที่กำลังจะทยอยออกมาจัดวางบนโต๊ะ
พี่อินเดินหายเข้าไปในครัวอีกครั้งโดยมีพี่ใหญ่เดินตามเข้าไป กันต์กับฮันจึงมีท่าทีที่ดูผ่อนคลายมากขึ้นหลังจากที่ดูเกร็งมาตลอดตั้งแต่มาถึงที่นี่
“บ้านเวอร์มากกก” กันต์เอ่ยบอกตาโต
“จริงพี่ ผมอยากมีบ้านแบบนี้มาก”
“เดี๋ยวมึงก็ทำได้ กำลังขาขึ้นแบบนี้” กันต์อวยพรให้น้องตรงหน้าเพราะเขารู้ดีว่าหลังจากนี้กระแสซีรีส์ของฮันกับไจ๋จะมีแต่ดีขึ้นเรื่อยๆ
ตั้งแต่ทีมผู้จัดปล่อยตัวทีเซอร์ซีรีส์ออกไป ในโซเชียลต่างก็พากันพูดถึงยกใหญ่ กระแสตอบรับเป็นไปในทางที่ดี ทำเอาทุกคนชื่นใจกันไม่หยุด โดยเฉพาะพี่ใหญ่ที่ดูมีความสุขขึ้นมากตั้งแต่เห็นว่าผลตอบรับจากตัวอย่างซีรีส์สร้างกระแสให้กับเด็กตัวเองได้มากขนาดไหน
แต่ยังไม่ทันที่จะได้คุยอะไรกันต่อพี่ใหญ่ก็เดินออกมาพร้อมกับอาหารจานใหญ่ที่ยังไม่รู้ว่าในนั้นเป็นเมนูอะไร เด็กทั้งสองคนได้แต่ชะเง้อมองแต่ก็เห็นได้ไม่ชัดเท่าไหร่นัก พี่ใหญ่เดินเอาเมนูนั้นไปวางไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินมาหย่อนตัวลงนั่งที่ข้างๆ เด็กทั้งสอง
“อะไรอะพี่” ฮันเอ่ยถามอย่างสนใจ
“หมูกรอบ”
“เหมือนรู้ว่าผมชอบกิน”
“ก็ใช่ไง แล้วบ้านนังอินทำหมูกรอบอร่อยมากกกกก”
“จริงอ่อพี่”
“จริงง ฉันจะโกหกแกทำไม สมัยเรียนนะ แก๊งฉันชอบมารวมตัวกันที่นี่เพื่อจะมากินหมูกรอบโดยเฉพาะเลย”
“แสดงว่าเด็ดจริง” กันต์บอกก่อนจะลุกเดินไปชะเง้อหน้ามองบนโต๊ะอาหารพลางหยิบมือถือออกมาถ่ายรูปเก็บไว้ลงในสตอรี่ไอจี ส่วนฮันยังคงนั่งดูทีวีอยู่แบบนั้น
“มาจ้าทุกคนนน อาหารพร้อมละ” เสียงพี่อินดังออกมาก่อนที่ตัวจะโผล่ออกมาจากในครัวพร้อมด้วยหมูหมักในชามใบโตจนเกือบเรียกได้ว่าเป็นกะละมัง
ทุกคนมานั่งรวมตัวกันอยู่ที่โต๊ะด้วยสีหน้าที่ดูตื่นเต้นไม่น้อย โดยเฉพาะตอนที่แม่ของพี่อินเดินมาจากอีกบ้านเพื่อนำผลไม้และของทอดสำหรับกินเล่นอีกสองสามอย่างมาเสิร์ฟแล้วเดินกลับไป นั่นทำให้กันต์รู้สึกประหลาดใจกันมากกว่าเดิม เขาเข้าใจว่าบ้านนี้อยู่กันทั้งครอบครัวเพียงแต่ว่าวันนี้พ่อแม่ของพี่อินไม่อยู่เฉยๆ แต่ไม่ใช่แบบนั้น ความจริงคือพี่อินเล่าว่าพ่อแม่มีบ้านของตัวเองอยู่แล้ว แต่พอเห็นว่ามีบ้านหลังนี้ว่างอยู่ซึ่งอยู่กันคนละซอยกับบ้านหลังเดิม พ่อแม่จึงตัดสินใจซื้อเอาไว้เพื่อมอบให้พี่อินได้ย้ายออกมาอยู่อาศัยส่วนตัวเนื่องจากเห็นว่าอีกฝ่ายก็โตเป็นผู้ใหญ่มากแล้ว ควรจะต้องมีพื้นที่ส่วนตัวสำหรับใช้สร้างครอบครัวอยู่กับลูกกับเมียต่อไปในอนาคต
แต่นั่นหมายถึงตอนที่พ่อกับแม่ยังไม่รู้ว่าพี่อินชอบผู้ชายด้วยกันเอง พอรู้ว่าลูกชายของตัวเองเป็นเกย์ พวกเขาก็เลยบอกว่าให้เก็บเอาไว้อยู่กับแฟนแทน แต่ก็นั่นแหละในเมื่อพี่อินยังไม่มีใคร บ้านหลังนี้จึงได้กลายมาเป็นสถานที่สำหรับการสังสรรค์ตั้งแต่สมัยที่พวกเขายังเรียนปริญญาตรีกันอยู่
“น่ากินมากพี่” ฮันหันไปเอ่ยพูดกับพี่อิน
“กินเยอะๆ เลย มีของเติมไม่อั้น”
“ได้พี่”
สิ้นคำตอบรับของฮันทุกคนก็ลงมือจัดการอาหารบนโต๊ะในทันทีโดยที่ไม่มีใครสนทนาอะไรกันอีก กลิ่นหอมมันตลบอบอวลเสียจนแต่ละคนแทบจะอดใจไม่ไหวตั้งแต่ตอนมาถึงบวกกับความหิวที่หิ้วท้องมาทั้งวัน ทำให้ทุกคนต่างก็เอ็นจอยกับอาหารแบบไม่มีใครยอมใคร
เสียงเคี้ยวจ๊อบแจ๊บยังคงดังอย่างต่อเนื่องโดยที่มือไม้ต่างก็สาละวันพันกันมั่วไปหมดเพราะต่างคนต่างก็พยายามจะย่างหมูบนเตาให้สุกทันใจ แต่ก็ดูเหมือนจะเร่งให้เร็วกว่านั้นไม่ได้
"ลองชิมหมูกรอบ อันนี้อร่อยมาก” พี่ใหญ่เลื่อนจานหมูกรอบมาอยู่ตรงหน้าฮันกับกันต์เพื่อให้เด็กทั้งสองได้ลองเมนูในตำนานที่ทุกคนต่างก็เอ่ยปากบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ายังไม่เคยเจอหมูกรอบที่ไหนอร่อยเท่าหมูกรอบที่บ้านพี่อิน
กร๊วบบ!
เสียงกัดหมูกรอบดังขึ้นจนทุกคนต่างก็ได้ยิน ดวงตาของฮันเบิกโตขึ้นทันที เขาดูจะตื่นเต้นกับสิ่งที่กำลังกินเป็นอย่างมาก
“อร่อยมากพี่อิน”
“ไหนขอกูลองมั่ง” กันต์ที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยปากบอกพร้อมใช้ส้อมของตัวเองจิ้มลงไปบนหมูกรอบที่อยู่ในจานก่อนจะนำเข้าปาก
สีหน้าของเขาก็ไม่ได้ต่างไปจากฮันสักเท่าไหร่นัก เพียงเท่านี้พี่อินก็สามารถรับรู้ได้แล้วว่าเด็กทั้งสองคนมีความคิดเห็นเกี่ยวกับหมูกรอบสูตรที่บ้านเขาอย่างไรบ้าง
“อร่อยสินะ ฉันสบายใจละ” พี่ใหญ่บอกพลางยิ้มกว้าง “อุตส่าห์ขายไว้เยอะ ถ้าไม่อร่อยคือฉันหน้าแหกจ้ะ”
ทุกคนหลุดหัวเราะออกมาหลังจากได้ยินคำพูดของพี่ใหญ่ ก่อนจะหันกลับไปสนใจอาหารบนโต๊ะ ไม่นานหลังจากนั้นก็มีเพื่อนของพี่อินพี่ใหญ่ตามมาสมทบอีกสองคนพร้อมด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลังใหญ่ ทำเอาค่ำคืนนั้นยาวนานกว่าที่จะเป็นเพียงมื้อเย็นตามปกติ
เสียงเจี๊ยวจ๊าวดังลั่นตลอดทั้งคืนหลังจากที่พวกเขากินมื้อเย็นกันเสร็จ ทั้งหมดย้ายจากโต๊ะอาหารมานั่งล้อมวงกันอยู่ที่ด้านหน้าทีวีในห้องนั่งเล่นพร้อมเล่นบอร์ดเกมส์และดื่มเหล้ากันอย่างต่อเนื่อง ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้วก็ตาม ทั้งกันต์ทั้งฮันก็เมาไปตามระเบียบ แต่บรรดาพี่ๆ ยังไม่เห็นว่าจะมีใครเมาเลยสักนิด กิจกรรมยังคงดำเนินต่อไปแบบนั้นโดยที่กันต์กับฮันแทบจะไม่รู้เรื่องแล้วด้วยซ้ำ พี่ใหญ่ปล่อยให้เด็กทั้งสองนอนหลับไปแบบนั้นเพื่อรอให้สร่างแล้วค่อยพาไปส่งบ้าน
~~~~~~~~~~ The Gossip of BL ~~~~~~~~~~
“ฮัน ถึงคอนโดแกแล้ว” พี่ใหญ่สะกิดปลุกเด็กหนุ่มที่นอนหลับอยู่เบาะข้างคนขับ
“อือ...” เจ้าของชื่อค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างไม่สร่างเมามากนัก
“ถึงแล้ว”
“อ่อครับ” ฮันตอบก่อนจะหันไปมองกันต์ที่นอนหลับอยู่บริเวณเบาะหลัง “พี่กันต์ นอนห้องผมไหม จะได้ไม่ต้องถ่อกลับไปห้องตัวเอง ไกลจะตาย”
“ก็อยากไปส่งนะ แต่คอนโดไอ้กันต์มันอยู่ฝั่งธนนู่นกว่าจะฉันจะไปส่งแล้วขับกลับมาบ้านตัวเองที่รังสิต ฉันตายพอดี” พี่ใหญ่ตอบพลางถอนหายใจ
“เข้าใจพี่ ให้ไอ้พี่กันต์มันนอนห้องผมนี่แหละ”
“...”
“พี่กันต์~” คนน้องเอี้ยวตัวพร้อมยื่นมือไปเขย่าอีกฝ่ายเบาๆ
“อื้ออออ” คนถูกเรียกได้สติขึ้นพลางส่งเสียงและหน้าตาที่ยู่ยี่ดูไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไหร่ที่โดนรบกวนการนอน
“ตื่นได้แล้วพี่”
“อือ...”
เปลือกตาของกันต์ค่อยๆ เปิดขึ้นก่อนจะยันตัวลุกนั่ง เขามองไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกงุนงงเพราะเพิ่งจะได้สติ
“นอนห้องผมไหมพี่ กลัวจะกลับไม่ถึงบ้านเอา”
“ได้...” กันต์เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
ทั้งสองคนพากันประคองร่างขึ้นมาจนถึงห้องอย่างทุลักทุเล โชคดีที่ฮันดูจะอาการดีขึ้นกว่ากันต์มากจึงสามารถแบกร่างคนพี่ที่ยังไม่สร่างเมาดีให้ขึ้นมาถึงห้องของตนเองได้
แกร็ก!
เสียงประตูห้องเปิดออกก่อนที่ทั้งสองคนจะพากันเดินเข้าไปด้านใน ฮันพยุงพาให้กันต์ไปนั่งลงบนโซฟาพลางถอนหายใจเพราะรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย สภาพของกันต์ในนอนนี้เหมือนกับผักเหี่ยวๆ ยังไงยังงั้น
“พี่ จะอาบน้ำไหม”
“หื้ม?”
“อาบน้ำหน่อยไหม เผื่อจะดีขึ้น”
“อือ ได้ๆ”
กันต์เอ่ยตอบแล้วประคองตัวเองให้ลุกขึ้นยืน เขาเซเล็กน้อยจึงใช้มืออีกข้างยันผนังห้องเอาไว้ ฮันเดินไปหยิบผ้าขนหนูกับเสื้อผ้าสำหรับใส่นอนมายื่นให้อีกฝ่าย คนพี่รับไว้แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
“ไม่ต้องล็อกประตูห้องน้ำนะพี่” ฮันตะโกนตามหลังอย่างเป็นห่วง เขากังวลเล็กน้อยเพราะกันต์ยังคงอยู่ในอาการเมามาย หากเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมาเขาจะได้เข้าไปช่วยได้ง่ายขึ้น
เสียงสายน้ำไหลจากฝักบัวลงกระทบพื้นห้องน้ำดังขึ้น เจ้าของห้องจึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อยว่าคนด้านในยังพอที่จะดูแลตัวเองได้บ้าง เขาจึงถอดเสื้อของตัวเองออกแล้วปลีกตัวมานั่งที่โซฟาเพื่อเล่นเกมรอต่อคิวอาบน้ำ ไม่นานหลังจากนั้นกันต์ก็เปิดประตูห้องน้ำออกมาพร้อมพันผ้าขนหนูปิดช่วงล่างเอาไว้ ศีรษะของเขาเปียกชุ่มไม่เป็นทรง ฮันเงยหน้าขึ้นมาเห็นก็หลุดหัวเราะออกมาดังลั่นทำเอาอีกฝ่ายคิ้วขมวดทันที
“หัวเราะไรไอ้ฮัน”
“ก็หน้าพี่ตลกอะ หัวเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำเลย”
“กวนตีน” กันต์บอกก่อนเดินตรงเข้ามาหาฮันแล้วสะบัดผมเปียกๆ ใส่อีกฝ่ายจนละอองน้ำกระเซ็นไปโดน
“พี่!!! หยุด ผมเปียกหมดละเนี่ย”
“กูจะได้ไม่ต้องเป็นลูกหมาตกน้ำคนเดียวไง ฮ่าๆ”
“โอยยย พอเลยย เล่นเป็นเด็ก พี่ไปแต่งตัวไป”
กันต์ยกยิ้มเล็กน้อยหลังจากที่ได้แกล้งคนตรงหน้า แล้วหันไปก้มหยิบเสื้อผ้าที่เขาวางเอาไว้ตรงโซฟา แต่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์จึงทำให้เขารู้สึกมึนหัวขึ้นมากะทันหัน
“เชี่ยย!!”
ฮันร้องดังลั่งแล้วรีบลุกเข้ามาประคองกันต์ที่กำลังจะล้มลงไปที่พื้นได้อย่างทันท่วงที แม้ว่าทั้งสองคนจะมีรูปร่างที่ใกล้เคียงกันแต่ฮันก็ดูแข็งแรงกว่ามากเพราะเขาเป็นนักกีฬามาก่อนแถมยังชอบออกกำลังกายเป็นกิจวัตรด้วย ทำให้เขาสามารถช่วยกันต์เอาไว้ได้อย่างทันท่วงที
“ไหวปะเนี่ย” ฮันเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
“หวะ...ไหว”
กันต์ตอบเสียงสั่น อยู่ๆ ก็หน้าแดงขึ้นมาเสียอย่างนั้น ฮันเล่นวิ่งเข้ามารับตัวเขาเอาไว้ตอนที่จะล้ม ทำให้ตอนนี้พวกเขาอยู่ในท่าประหลาดแถมใบหน้ายังใกล้กันจนชนิดที่ว่าหากคนพี่หันหน้าไปมองคนน้องในตอนนี้ปลายจมูกของพวกเขาทั้งคู่จะต้องสัมผัสกันได้แน่ๆ แล้วคนที่มันหวั่นไหวง่ายอย่างกันต์จะไม่รู้สึกหัวใจเต้นแรงได้ยังไง
แถมช่วงบนของฮันก็ยังเปลือยเปล่า พอมาโอบรอบตัวของกันต์ที่ปราศจากเสื้อผ้าปกคลุม ทำให้ความรู้สึกเนื้อแนบเนื้อนั้นสร้างความตื่นเต้นให้คนโดนกอดมากกว่าเดิมจนทำให้อะไรๆ ที่มันหลบซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าขนหนูผืนนั้นกำลังจะตื่นตัว
“ปะ...ปล่อยได้แล้วมั้ง” กันต์เอ่ยบอกฮันด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาพลางค่อยๆ ขยับตัวให้กลับมายืนในท่าที่มั่นคง
“เป็นไรพี่ เขินเหรอ”
“เออ...”
พอฮันได้ยินแบบนั้นก็หลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะปล่อยแขนทั้งสองข้างที่โอบตัวกันต์ออก คนพี่พยายามที่จะหันหลังเดินหนีไปเพราะไอ้สิ่งที่อยู่ข้างในมันเริ่มขยับขยายมากขึ้นทุกที แต่ก็ดันไม่สามารถหลุดรอดสายตาของคนน้องไปได้ ผ้าขนหนูที่พันรอบเอวไว้มันบางไปหน่อย พอมีอะไรที่มันเริ่มจะดันตัวออกมาก็เลยยิ่งเห็นได้อย่างชัดเจน
“แหม... พอแข็งก็หนีเลยนะ” ฮันร้องแซว
“ไอ้น้องเหี้ย!!” กันต์ตะโกนกลับไปด้วยความเขินอาย
เขาไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นด้วยซ้ำ เขามองฮันเป็นน้องชายที่สนิทมาโดยตลอดไม่เคยที่จะมองเป็นอย่างอื่นหรือมากกว่านั้น แต่ก็นะ พอร่างกายมันมีฤทธิ์แอลกอฮอล์วนเวียนอยู่แถมพื้นฐานเป็นคนอารมณ์อ่อนไหวง่ายอีก การได้เจอเหตุการณ์แบบนี้ก็ยิ่งเหมือนเป็นการปลุกเร้ากามารมณ์ ทำให้เขาควบคุมความรู้สึกอย่างว่าในตัวเอาไว้ไม่ได้เหมือนกัน