วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ
รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น,วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
วายบันเทิงวงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ
วายบันเทิง
The Gossip of BL
Run_Kantheephop
เรื่องแต่ง 99% อีก 1% คือเค้าโครงจากเรื่องจริง
ขออนุญาตแก้ไขวันและเวลาในการอัพนิยายนะครับ เนื่องจากช่วงนี้มีภารกิจจากหน้าที่การงานเข้ามาจึงทำให้เขียนนิยายได้น้อยลงกว่าเดิม จากนี้ไปจะขออัพนิยายเพียงแค่สัปดาห์ละ 1 ตอนนะครับ (ทุกวันเสาร์ เวลา 18:00 น.)
ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามครับ
********************************************************************************
มีทั้งหมด 5 เล่ม
E-Book วางจำหน่ายแล้ว บน MEB
กันต์ขยับตัวเล็กน้อยหลังจากที่ตื่นนอนก่อนจะค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้น เมื่อคืนเขาไปเที่ยวกับแก๊งพี่ใหญ่และจบวันด้วยการเมาแอ๋อีกครั้ง เขาจึงตัดสินใจนอนค้างที่ห้องของฮัน ภาพสุดท้ายที่เขาจำได้อย่างเลือนลางคือเขาทิ้งตัวนอนลงบนโซฟา แต่เช้านี้พอตื่นมาเขากลับมานอนกอดฮันอยู่บนเตียงเสียอย่างนั้น แม้ว่าจะตกใจอยู่ไม่น้อยแต่เขาก็ขยับตัวออกอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวว่าจะทำให้อีกฝ่ายตื่น
“ตื่นละเหรอพี่” ฮันเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงงัวเงียขณะที่กันต์กำลังจะก้าวลงจากเตียง
“อือ”
“เช้าจัด จะรีบไปไหน”
“วันนี้มีบินไปเชียงใหม่อะ”
“ฮะ? ไปกับใครอะ ไม่เห็นรู้เรื่อง”
“ไปกับพี่บุ๊คอะ นัดกันไว้ตั้งแต่เดือนที่แล้ว”
“อ่อ... ไม่เห็นชวนเลยนะ” คนน้องแกล้งพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ ทำเอารู้สึกผิดขึ้นมาในทันที
“เอ่า... กูจะไปรู้ไหม มึงก็ไม่ได้สนิทกับพี่บุ๊คเขาด้วยไง จะชวนไปด้วยกันก็ยังไงๆ อยู่”
“ผมล้อเล่น! เดี๋ยวผมก็จะกลับบ้านต่างจังหวัดเหมือนกัน”
“อ่อ เออ กูรีบไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวต้องกลับไปเอากระเป๋าเสื้อผ้าที่คอนโดอีก” กันต์พูดจบก็กระโดดลงจากเตียงแล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำทันที
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจากที่ปกติเขาจะเป็นคนที่ทำอะไรต๊ะต่อนยอนไปเสียหมด แต่วันนี้เหมือนกับกลายเป็นคนละคน เขาเร่งรีบทำทุกอย่างเสร็จภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ สาเหตุก็เพราะเขากลัวจะโดนพี่บุ๊คด่าหากว่าไปสาย
อุตส่าห์วางแผนทุกอย่างเอาไว้แล้วแท้ๆ แต่เมื่อคืนกลับอดรนทนต่อคำชวนให้ออกมากินเหล้าจากปากของฮันไม่ไหว วันนี้ก็เลยต้องมาเหนื่อยเร่งรีบให้ทุกอย่างทันเวลา
กันต์ตัดสินใจเรียกวินมอเตอร์ไซค์เพื่อตรงดิ่งกลับคอนโด ใช้เวลาเดินทาง 20 นาทีรวมกับการที่เขารวบเก็บเสื้อผ้าจากในตู้ลงกระเป๋า สกินแคร์ใดๆ ถูกโกยลงในกระเป๋าเดินทางแบบไม่ต้องเสียเวลาเลือก จากนั้นเขาก็รีบกดเปิดแอพลิเคชั่นเพื่อเรียกแท็กซี่ตรงไปสนามบินในทันที ซึ่งก็ยังนับว่าเป็นโชคดีของเขาที่ไม่ต้องรอรถนานมากนัก เพียงครู่เดียวรถที่กดเรียกก็มาจอดอยู่ที่หน้าคอนโด
“ขึ้นทางด่วนเลยพี่ รีบสุดๆ”
เขาเอ่ยบอกคนขับหลังจากที่ลากกระเป๋าขึ้นมาบนแท็กซี่ พี่คนขับก็ดูเหมือนจะเข้าใจพยักหน้ารับแล้วออกตัวในทันที แรกๆ ก็ทำความเร็วได้ไม่มากนักเพราะว่าถนนแถวคอนโดของเขาเป็นย่านชุมชนทำให้มีรถสัญจรเป็นจำนวนมาก ใจของกันต์เต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ ด้วยกลัวว่าจะตกเครื่อง ถ้าเป็นแบบนั้นคงโดนพี่บุ๊คด่ายับกลายเป็นทริปที่หมดสนุกอย่างแน่นอน
แต่พอรถแท็กซี่ขึ้นมาทางด่วนได้พี่คนขับก็เหมือนกลายเป็นนักแข่งรถขึ้นมาเสียอย่างนั้น เหยียบคันเร่งมิดจนกันต์ถึงกับต้องหงายหลังจนตัวติดเบาะ ซึ่งแม้จะน่ากลัวแต่ก็ทำให้ผู้โดยสารอย่างเขาเริ่มเบาใจขึ้นมาได้บ้าง
ไม่นานป้ายชื่อสนามบินตัวโตก็ปรากฏเด่นชัดให้กันต์ได้มองเห็น เขาก้มมองนาฬิกาบนหน้าจอมือถือก่อนจะถอนหายใจพรูยาวออกมาด้วยความโล่งใจ ไอ้ที่คิดเอาไว้ว่าจะไม่ทันสุดท้ายก็มาทันจนได้ เขากระชับมือเข้าจับที่กระเป๋าเดินทางเพื่อเตรียมตัวลงรถ โชคดีที่เลือกจ่ายเงินแบบตัดผ่านบัตรเครดิต ทำให้เขาไม่ต้องกังวลเรื่องจ่ายเงินตอนมาถึงปลายทาง
พอรถแท็กซี่จอดที่ด้านหน้าประตูทางเข้าอาคารผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ เขาก็รีบเปิดประตูแล้วพุ่งลงจากรถทันทีโดยไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณพี่คนขับรถที่พาเขามาถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างทันเวลา
กันต์เดินลากกระเป๋าเข้าไปด้านในพลางกดโทรศัพท์ส่งข้อความไปหาพี่บุ๊คเพื่อนัดหมายจุดนัดพบ ซึ่งไม่นานอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาว่าอยู่บริเวณเคาท์เตอร์เช็กอิน เขาจึงรีบเดินไปหาคนพี่ทันที
“ถึงนานยังพี่”
“เพิ่งถึงอะ”
“แล้วคนอื่นอะ” กันต์เอ่ยถามขึ้นเมื่อยังไม่เห็นใครอยู่ตรงนั้นนอกจากบุ๊ค
“นี่แหละที่จะบอก”
“อย่าบอกนะว่าเท”
“ไม่ได้เท แต่พวกมันติดงานด่วนกันอะ ก็เลยจะบินตามไปพรุ่งนี้”
“อ่อ... ตกใจ นึกว่าทริปนี้จะเหลือแค่เราสองคน”
“วันนี้ก็คงจะต้องอย่างนั้นแหละ” บุ๊คตอบก่อนจะลากกระเป๋าเข้าไปที่เคาท์เตอร์เช็กอิน กันต์เห็นแบบนั้นจึงรีบเดินตามหลังไปในทันที
แม้จะรู้สึกเสียดายนิดหน่อยที่พี่นุ่นกับพี่แคนไม่ได้บินไปพร้อมกันตั้งแต่ต้นทริป ไม่อย่างนั้นคงจะรู้สึกเฮฮามากกว่านี้ แต่ก็อาจจะเป็นโชคดีที่ทำให้เขากับพี่บุ๊คได้ใช้เวลากันสองต่อสองมากขึ้น ถึงจะพยายามพร่ำบอกตัวเองว่าให้อีกฝ่ายอยู่แค่ในสถานะพี่ชายเท่านั้น แต่พอได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกันทีไร หัวใจของเขาก็พาลจะเกรทุกที
ก็แหม... อีกฝั่งตรงไทป์เขามากขนาดนี้ จากที่เคยจะไม่คิดอะไรเกินเลย แต่พอได้กันครั้งนั้น แม้จะตกลงสถานะกันเรียบร้อย แต่กันต์ก็ยังอดใจไม่ได้ทุกครั้ง
ยิ่งได้เห็นพี่บุ๊คแต่งตัวสบายๆ ด้วยเสื้อฮาวายปลดกระดุมบนสองเม็ดเผยอกเนียนกับกางเกงขาสั้นโชว์ขาขาว ไหนจะรองเท้าผ้าใบกับถุงเท้าสีขาวข้อสั้นลายสนูปปี้นั่นอีก
วันนี้พี่บุ๊คน่ารักจังวะ...
“เอาบัตรประชาชนมาหน่อย” บุ๊คหันมาบอกกันต์ที่ยืนอยู่ด้านข้าง
กันต์สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหยิบบัตรประชาชนในกระเป๋าเงินแล้วยื่นให้อีกฝ่าย จากนั้นก็ยืนรอพนักงานที่เคาท์เตอร์เช็กอินให้จนเสร็จสรรพ เขารับตั๋วเครื่องบินมาเก็บไว้ในกระเป๋าสะพายข้างก่อนจะเดินตามบุ๊คเข้าเกทไป
ทั้งสองคนเดินหาอะไรกินรองท้องระหว่างรอขึ้นเครื่อง เมื่อใกล้เวลาบอร์ดดิ้งก็พากันเดินไปนั่งรออยู่ที่หน้าเกท จำนวนคนที่เดินทางไปเชียงใหม่ไฟล์ทเช้ามีจำนวนปานกลาง ไม่ได้มากเหมือนที่เขาเคยบินก่อนหน้านี้ อาจเพราะไม่ใช่ช่วงฤดูท่องเที่ยวแถมยังเป็นวันธรรมดาที่คนส่วนใหญ่ทำงานกัน
ใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงเศษๆ กันต์และบุ๊คก็มาถึงสนามบินเชียงใหม่ สิ่งแรกที่พวกเขาทำหลังจากที่ออกจากสนามบินนั่นก็คือไปรับรถยนต์ที่บุ๊คติดต่อเช่าไว้ตั้งแต่ตอนอยู่ที่กรุงเทพ ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องดี ทีแรกเขานึกว่าจะต้องใช้รถโดยสารสาธารณะด้วยซ้ำ ถ้าเป็นแบบนั้นวันๆ หนึ่งคงจะไปเที่ยวได้แค่ไม่กี่ที่ เวลาที่เหลือคงหมดไปกับการรอรถ แถมบางที่รถโดยสารสาธารณะก็ยังเข้าไม่ถึงอีกต่างหาก
“ร้อนฉิบหาย ใครบอกเชียงใหม่หนาวไง” กันต์บ่นอุบหลังโผล่พ้นประตูออกมาจากด้านในสนามบิน
“แกเอ๊ยยย จะมาคาดหวังอะไรกับฤดูหนาวในไทย”
“ก็จริงอีก”
บุ๊คส่ายหัวให้กับคนน้องพลางยกกระเป๋าเดินทางทั้งของตัวเองและของกันต์ขึ้นท้ายรถ จากนั้นทั้งคู่ก็พากันวิ่งขึ้นรถหนีแดดจ้าที่กำลังจะเผาให้ผิวของพวกเขาคล้ำไหม้
เห้ออออ!!
บุ๊คถอนหายใจแรงพลางสตาร์ทรถแล้วเร่งพัดลมแอร์พร้อมปรับอุณหภูมิให้ต่ำลงเพราะต้องการสัมผัสความเย็นฉ่ำ ส่วนกันต์ก็หยิบขวดน้ำที่เพิ่งซื้อจากด้านในสนามบินออกมากินอึกใหญ่ อากาศเชียงใหม่ในวันนี้หากอยู่กลางแจ้งนานๆ อาจทำให้ตายได้
รถยนต์ของบุ๊คมุ่งตรงไปยังโรงแรมทันที กันต์ก็ยังไม่รู้หรอกว่าหน้าตาโรงแรมเป็นแบบไหนเพราะทุกอย่างให้คนพี่จัดการให้ทั้งหมด เขามีหน้าที่เพียงแค่จ่ายเงินในส่วนของตัวเองก็เท่านั้น สิ่งเดียวที่เขารู้เกี่ยวกับที่พักนั่นก็คือมันตั้งอยู่ไม่ไกลจากถนนคนเดินมากนัก
ไม่นานรถของพวกเขาก็ขับเข้ามาจอดที่หน้าโรงแรมซึ่งไม่ได้มีขนาดใหญ่อะไรแต่ก็ดูร่มรื่นและน่าพักไม่น้อย ทั้งสองคนลงจากรถแล้วลากกระเป๋าเข้าไปด้านใน พอจัดการเรื่องเช็กอินอะไรเรียบร้อย พวกเขาก็พากันเดินขึ้นชั้นของโรงแรมซึ่งเป็นชั้นบนสุดแล้วมุ่งตรงไปยังฝั่งซ้ายสุดเพื่อไปยังห้องพักของตัวเอง
ห้องพักของกันต์อยู่ซ้ายสุด ถัดมาคือห้องของพี่บุ๊ค และถัดไปอีกห้องเป็นห้องของพี่นุ่นและพี่แคน ความพิเศษอยู่ตรงที่ห้องของพี่บุ๊คกับห้องของเพื่อนๆ มีประตูที่สามารถเชื่อมต่อกันได้ มีเพียงแค่ห้องของกันต์เท่านั้นที่อยู่อย่างสันโดษ ไม่มีประตูเชื่อม
“ว่างๆ แกมานั่งเล่นห้องพี่ได้ มันเชื่อมกับห้องอีนุ่น เผื่อเหงามานั่งเมาท์มอยใดๆ” บุ๊คเอ่ยบอกหลังจากที่กันต์เอากระเป๋าเดินทางเข้าไปเก็บในห้องพักแล้วเดินมาหาเขาที่ห้องพักข้างๆ
“ได้พี่ แล้วทำไมถึงเลือกห้องที่ไม่มีประตูเชื่อมให้กันต์อะ”
“ก็แกจะได้รู้สึกส่วนตัวหน่อยไง พี่กับเพื่อนสนิทกันมาเป็นสิบปี อยู่ด้วยกันจนชินแล้ว ของแกเพิ่งทริปแรก กลัวจะไม่ส่วนตัว ก็เลยเลือกแบบนี้ให้”
“อ่อ”
พอได้ฟังคำอธิบายจากปากของพี่บุ๊คก็ทำให้เขาเข้าใจได้ไม่ยาก แม้ว่าก่อนหน้านี้จะแอบน้อยใจด้วยความคิดมากไปเล็กน้อยว่าอีกฝ่ายอาจจะไม่อยากให้เข้าไปรุ่มร่ามในพื้นที่ส่วนตัว แต่อันที่จริงเขากลับเป็นห่วงความเป็นส่วนตัวของกันต์เสียมากกว่า ทำเอาสิ่งที่เขาแอบคิดลบพลันหายไปทั้งหมด กลายเป็นความอบอุ่นหัวใจขึ้นมาแทน
แล้วแบบนี้จะทำให้เขาเลิกใจเกเรได้ยังไงกันล่ะ...
“แกจะพักงีบก่อนไหม หรือจะออกไปหาอะไรกิน”
“หิว...”
“หิวข้าว?”
“พี่อย่ามาชงแบบนี้นะ!”
กันต์บ่นทันทีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายชงมุกมาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ยิ่งอยู่กันสองต่อสองแบบนี้แล้วด้วย ในหัวของเขามีแต่เรื่องอย่างว่าเต็มไปหมด แต่ดูเหมือนคนพี่จะถูกอกถูกใจไม่ใช่น้อยที่ทำให้คนน้องเสียอาการได้
บุ๊คหลุดขำออกมานิดหน่อยหลังจากได้เห็นท่าทีของกันต์ เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายพ่ายแพ้ต่อเรื่องอะไรแบบนี้มาก เพียงแค่สะกิดนิดเดียวกันต์ก็พร้อมที่จะเริ่มกิจกรรมในทันที
“เร็วๆ จะกินหรือจะนอน” บุ๊คถามย้ำ
“ออกไปหาไรกินละกัน มาถึงนี่ทั้งที ออกไปตะลอนน่าจะดีกว่าเสียเวลามางีบ ไว้ค่อยนอนทีเดียวตอนกลางคืน”
“มั่นใจเหรอว่าจะได้นอน”
“หื้ม? แปลกๆ ละ” กันต์หันขวับทันทีที่ได้ยินคำพูดจากคนพี่ ไม่รู้ว่าเขาคิดมากไปเองคนเดียวหรือเปล่า แต่ความหมายในรูปประโยคนั้นดูมีนัยยะบางอย่างแฝงอยู่
“หมายถึงเผื่อไปเที่ยวร้านเหล้าใดๆ” บุ๊ครีบแก้ตัวทันที
“แต่พี่ไม่กินเหล้า...”
“ก็เผื่อแกกินไง พี่ไปนั่งชิลเอาบรรยากาศ”
“อ่อๆๆ เข้าใจได้”
“สรุปจะไปกินข้าวได้ยัง”
“เออ ไปเอากระเป๋าแป๊บ”
กันต์แอบอมยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีอาการเลิ่กลั่กขึ้นมานิดหน่อยตอนที่พูดถึงเรื่องคืนนี้แบบสองแง่สองง่าม เอาเข้าจริงทั้งคู่ต่างก็รู้กันดีว่าต่างฝ่ายต่างรู้สึกต่อกันอย่างไร แม้จะกำหนดสถานะไว้ว่าเป็นเพียงแค่พี่น้อง แต่มันก็เป็นพี่น้องจำพวกที่ท้องติดกันได้ยามที่ไฟแห่งราคะมันปะทุขึ้นมานั่นแหละ