วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ
รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น,วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
วายบันเทิงวงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ
วายบันเทิง
The Gossip of BL
Run_Kantheephop
เรื่องแต่ง 99% อีก 1% คือเค้าโครงจากเรื่องจริง
ขออนุญาตแก้ไขวันและเวลาในการอัพนิยายนะครับ เนื่องจากช่วงนี้มีภารกิจจากหน้าที่การงานเข้ามาจึงทำให้เขียนนิยายได้น้อยลงกว่าเดิม จากนี้ไปจะขออัพนิยายเพียงแค่สัปดาห์ละ 1 ตอนนะครับ (ทุกวันเสาร์ เวลา 18:00 น.)
ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามครับ
********************************************************************************
มีทั้งหมด 5 เล่ม
E-Book วางจำหน่ายแล้ว บน MEB
เสียงนกร้องดังบอกสัญญาณในเวลาเช้า บุ๊คลืมตาขึ้นช้าๆ เมื่อคืนเขานอนไม่ค่อยหลับสักเท่าไหร่แม้ว่าจะรู้สึกอ่อนเพลียจากกิจกรรมก่อนเข้านอนก็ตาม อาจเพราะแปลกที่จึงทำให้เขาหลับๆ ตื่นๆ อยู่ตลอดเวลา
เขาหยิบมือถือที่วางไว้ข้างหัวเตียงขึ้นมาดูเวลา เพราะวันนี้มีนัดที่จะต้องขับรถไปรับเพื่อนของเขาที่สนามบิน เครื่องจะลงเวลาประมาณสิบเอ็ดโมง ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าก็ยังพอจะมีเวลาอยู่บ้าง
“กันต์ ตื่นเร็ว”
“อือ...”
บุ๊คหันไปสะกิดปลุกกันต์ให้ตื่นเพื่อที่จะได้ลงไปกินอาหารเช้าของโรงแรมด้วยกัน แต่อีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะยังไม่ค่อยอยากจะลุกสักเท่าไหร่ ส่งเพียงแค่เสียงตอบรับมาทั้งที่ยังคงนอนนิ่งอยู่แบบนั้น
คนพี่อย่างบุ๊คจึงปล่อยให้อีกฝ่ายนอนต่ออีกสักหน่อย ส่วนเขาก็ลุกจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำเพื่อแปรงฟันล้างหน้าและทำธุระส่วนตัวก่อน ตอนแรกเขาคิดว่าจะอาบน้ำไปเลยแต่พอคิดอีกทีว่ากว่าจะอาบน้ำเสร็จ กว่าจะแต่งตัวก็คงกินเวลาไปมากโข เขาจึงตัดสินใจยังไม่ทำอะไรทั้งนั้นนอกจากแปรงฟันล้างหน้าให้สะอาด หลังกินข้าวเสร็จค่อยขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว
“กันต์ตื่นเร็ว เดี๋ยวสาย”
บุ๊คเอ่ยเรียกคนน้องอีกครั้ง รอบนี้อีกฝ่ายขยับตัวลุกขึ้นนั่งในทันที หน้าตาดูงัวเงียนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้มีทีท่าจะงอแงอะไร
“กี่โมงแล้วอะ” กันต์เอ่ยถามเสียงแหบ
“เจ็ดโมงกว่า”
“เพื่อนพี่มากี่โมงนะ”
“ถึงสิบเอ็ดอะ”
“อ่อ”
“ลุกไปล้างหน้าแปรงฟัน จะได้ลงไปกินข้าวกัน”
“อือ...”
กันต์ตอบพร้อมพยักหน้ารับก่อนจะลงจากเตียงแล้วเดินหายเข้าห้องน้ำไป เขาใช้เวลาเพียงไม่นานก็เดินออกมา ใบหน้ายังคงเปียกชื้นอยู่หน่อยๆ แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรก่อนถอดชุดนอนออกหมดจนเหลือเพียงกางเกงในตัวเดียวโดยไม่ได้รู้สึกอายที่บุ๊คนั่งมองอยู่ใกล้ๆ
“เดี๋ยวนี้ก็คือไม่มีอะไรต้องอายกันแล้วดิ” บุ๊คแซว
“มาถึงขนาดนี้ละ เมื่อคืนพี่เห็นเยอะกว่านี้อีกมั้ง จะอายทำไม” กันต์ตอบด้วยน้ำเสียงกวน ก่อนจะหันไปหยิบเสื้อผ้าในกระเป๋าเดินทางออกมาเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดตัวหนึ่งกับกางเกงขาสั้น
“ไปเหอะ พี่หิวละ” บุ๊คบอกพลางลุกขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ทั้งคู่ลงลิฟต์ไปยังห้องอาหารของโรงแรมพร้อมยื่นบัตรสำหรับอาหารเช้าให้พนักงานก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน ไลน์อาหารที่จัดวางไว้แบบบุฟเฟต์ละลานตาจนพวกเขาเลือกกินไม่ถูก ไลน์ของหวานดึงดูดสายตาและความอยากอาหารของกันต์ได้เป็นอย่างมาก ทำเอาเขาแทบไม่อยากจะกินข้าวด้วยซ้ำ ใจเขาอยากจะตักของหวานทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นมินิเค้ก ทาร์ต บราวนี่ และอื่นๆ อีกมากมายมากินแทนข้าวเช้าด้วยซ้ำ แต่ก็เกรงว่าเบาหวานจะถามหาเอา ทำให้เขาต้องตัดใจแล้วเดินไปดูเมนูอาหารคาวก่อน
กันต์และบุ๊คต่างฝ่ายต่างแยกย้ายไปตักอาหารที่ตัวเองอยากกินก่อนจะเดินกลับมานั่งโต๊ะที่ว่างอยู่ ในจานของทั้งคู่เมนูก็ไม่ค่อยจะแตกต่างกันสักเท่าไหร่นัก มีไข่ออมเล็ต ไข่ดาว แฮม ไส้กรอก และขนมปังปิ้งสองแผ่นพร้อมด้วยแยมสตรอเบอร์รี่ แต่ของกันต์จะมีสปาเก็ตตี้ซอสครีมเห็ดเพิ่มมาด้วย ส่วนของบุ๊คเป็นคอนเฟลกกับนมสด
“จะกินหมดไหมวะ” บุ๊คบ่นพึมพำเพราะพอมานั่งที่โต๊ะก็เพิ่งจะระลึกได้ว่าจำนวนอาหารที่เอามานั้นเหมือนจะเยอะเกินไป
“ตักตอนหิวไง” กันต์หัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะตักอาหารเข้าปาก
ทั้งคู่ต่างก้มหน้าจัดการมื้อเช้าเข้าท้องตัวเองเพราะอยากจะรีบกลับขึ้นห้องไปอาบน้ำอาบท่าแล้วแต่งตัวเพื่อเตรียมตัวออกไปรับนุ่นกับแคนเพื่อนของบุ๊คที่กำลังเดินทางมา
ช่วงเวลาสิบโมงนิดๆ ทั้งกันต์และบุ๊คก็พากันเดินลงมาที่ลอบบี้ก่อนจะพากันขึ้นรถเพื่อตรงไปยังสนามบินเชียงใหม่ ไฟล์ตของนุ่นกับแคนจะมาถึงตอนสิบเอ็ดโมง บุ๊คจึงชวนให้กันต์ไปก่อนเวลาแป๊บหนึ่งเพื่อที่ว่าเพื่อนๆ ของเขาจะได้ไม่ต้องรอนาน
พวกเขาไปถึงก่อนเวลาประมาณสิบห้านาที จึงลงไปเดินหาซื้อกาแฟกินด้านในสนามบินแก้ง่วง ไม่นานข้อความไลน์ก็เด้งมาหาบุ๊ค เป็นข้อความจากนุ่นที่ส่งมาบอกว่าลงจากเครื่องแล้ว กำลังรอกระเป๋า ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานทั้งพี่นุ่นและพี่แคนก็เดินออกมาจากด้านใน และนี่เป็นครั้งแรกที่กันต์ได้เจอตัวจริงๆ ของเพื่อนสนิทพี่บุ๊คหลังจากที่เห็นหน้าตาผ่านช่องทางออนไลน์มาโดยตลอด
“อีดอก!!!!” คำทักทายจากพี่นุ่นดังลั่นพร้อมวิ่งเข้ามากอดพี่บุ๊คแน่น
“มาถึงก็อวยพรกูเลยนะ” บุ๊คเอ่ยบอกหลังจากที่ผละออกจากอ้อมกอดของอีกฝ่าย
“อีห่านี่เขาบ่นตื่นเต้นไรตั้งแต่เช้าก็ไม่รู้ ไม่ได้อยู่ไทยนานมั้ง อีเวร” แคนบ่นต่อระหว่างที่ลากกระเป๋ามาถึงจุดที่บุ๊คยืนอยู่แล้วเข้าไปกอดเพื่อนสนิทคนตรงหน้าบ้าง
“หวัดดีครับพี่นุ่น” กันต์ยกมือขึ้นไหว้นุ่นและแคนพลางยิ้มเล็กน้อย
“ว้ายยย!! น้องกันต์!! หวัดดีค่า ไม่เจอกันนานมากกกกกกกก มาๆๆๆ Give me a hug”
กันต์เดินเข้าไปให้นุ่นกอดแน่นเป็นการทักทาย อันที่จริงเขาก็รู้จักพี่นุ่นและพี่แคนผ่านการบอกเล่าของพี่บุ๊คนั่นแหละ ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทของพี่บุ๊คตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย กันต์มีโอกาสได้เจอกับทั้งสองคนอยู่บ้างเวลาพี่บุ๊คชวนไปทำกิจกรรมนู่นนี่ด้วยกัน มีบ้างบางครั้งที่คอมเมนต์แซวกันในไอจี ก็เลยทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนกับว่าสนิทกันมานานเพราะพี่นุ่นกับพี่แคนทำงานอยู่ต่างประเทศทั้งคู่ การมาเจอกันในวันนี้จึงนับว่าเป็นการกลับมาเจอกันในรอบหลายเดือน
“เดี๋ยวค่อยคุยกัน ไปขึ้นรถก่อนเหอะ” บุ๊คพูดขึ้นในระหว่างที่นุ่นยังคงวุ่นวายอยู่กับกันต์ก่อนจะเดินนำออกไป
ทั้งหมดเดินทางกลับเข้าโรงแรมเพื่อให้นุ่นกับแคนได้เอากระเป๋าสัมภาระไปเก็บที่ห้องพักก่อนจะพากันออกเดินทางเพื่อไปยังม่อนแจ่ม แต่ระหว่างนั้นนุ่นก็โวยวายเรียกร้องให้บุ๊คหาร้านจอดแวะกินข้าวเสียก่อนเพราะหิวและอยากกินอาหารไทยมากหลังจากที่ห่างหายจากอาหารไทยไปหลายเดือน
“อีกนิดคงแดกควายได้ละ” หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในกรุ๊ปบ่นอุบพลางหน้าบึ้งด้วยความหิว
แต่ทั้งบุ๊คและแคนต่างก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะพวกเขารู้ดีว่านี่คืออาการโมโหหิวของเพื่อนสาวก็เท่านั้น เดี๋ยวพอได้กินอะไรๆ เข้าไปบ้าง หายหิวก็จะอารมณ์ดีขึ้นในทันที ราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ แต่กับกันต์ก็อาจจะดูเป็นอะไรใหม่ๆ สักหน่อย ทีแรกเขาก็แอบกังวลเรื่องที่พี่นุ่นดูหงุดหงิดขนาดนี้ แต่แคนก็หันไปส่งซิกว่าไม่มีอะไรให้ปล่อยไป คนน้องจึงหยิบหูฟังมาใส่แล้วเปิดติ๊กตอกดูแทน
ป้ายร้านอาหารชื่อดังของเชียงใหม่เด่นหราเมื่อบุ๊คขับรถเข้ามาใกล้ ด้านหน้าร้านมีลูกค้าต่อคิวอยู่ประมาณหนึ่ง แต่เพราะร้านนี้เป็นร้านอาหารเหนือที่ไม่ว่าใครมาเชียงใหม่ก็ต้องกินให้ได้ ไม่อย่างนั้นก็เหมือนมาไม่ถึงเชียงใหม่ บุ๊คจึงคิดว่ายังไงก็ตามมื้อแรกที่เชียงใหม่ของนุ่นและแคนก็ต้องเป็นร้านนี้เท่านั้น
บุ๊คขับรถเลยจากหน้าร้านไปอีกหน่อยเพื่อไปจอดรถที่ลานจอดรถใกล้ๆ แม้ว่าจะต้องเสียค่าจอดแต่ก็ดีกว่าเสียเวลาขับรถวนหาที่จอดฟรี
“มึงงง!!! รู้ใจกูมากกกก กูอยากกินร้านนี้มานานมาก” นุ่นบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นทันทีที่เดินมาถึงหน้าร้าน
“แต่คิวยาวสัส” แคนบ่นต่อพลางมองไปรอบๆ
บุ๊คเดินไปแจ้งพนักงานที่อยู่หน้าร้านเพื่อลงคิวเอาไว้ก่อน จริงๆ แม้ที่นี่จะมีลูกค้าเยอะตลอดเวลา แต่ก็สามารถจัดการเรื่องโต๊ะได้อย่างรวดเร็ว ถึงคิวจะยาวแต่ก็ใช้เวลานั่งรอไม่นาน แถมลูกค้าที่นั่งกินภายในร้านก็ไม่ค่อยมีใครจะโอ้เอ้นั่งแช่อยู่นานขนาดนั้น พอกินเสร็จก็พากันจ่ายเงินแล้วก็ออกจากร้านไปเที่ยวต่อ ทำให้รันคิวได้อย่างว่องไว
“ถ้าขี้เกียจรอ มึงก็ไปหาแดกร้านอื่น” บุ๊คแซะกลับด้วยสีหน้ากวนตีนวอนโดนแคนทุบหลังแต่เพราะเกรงใจกันต์ที่ยืนอยู่ข้างๆ เจ้าของหมัดที่กำลังจะฟาดลงกลางหลังคนกวนถึงกับต้องเก็บมือลงไป
“ถ้าไม่ติดว่าน้องอยู่ด้วย มึงโดนกูละ อีสันดาน”
กันต์ได้แต่หัวเราะเบาๆ อยู่ข้างๆ ด้วยท่าทีของรุ่นพี่ชายหนุ่มร่างกำยำแต่มีจริตบางอย่างที่ค่อนข้างจะก๊อปปี้มาจากพี่นุ่น ทำให้เขาอดรู้สึกเอ็นดูไม่ได้
พวกเขารออยู่ที่หน้าร้านเกือบครึ่งชั่วโมงก่อนจะได้เข้าไปด้านใน ทันทีที่เมนูอาหารมาวางบนโต๊ะ บุ๊คก็รีบสั่งเมนูที่ตัวเองอยากกินก่อนเป็นอันดับแรกเพราะเขามาบ่อยจึงจำได้หมด ส่วนคนที่เหลือก็ทยอยสั่งเมนูที่อยากกินเพิ่มเติม
คนที่ดูจะตื่นเต้นสุดๆ ก็คงหนีไม่พ้นนุ่นที่แทบอยากจะสั่งทุกเมนูมากินให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ทำไม่ได้จึงต้องตัดใจเลือกเฉพาะที่สนใจจริงๆ นอกเหนือจากจานที่บุ๊คสั่งไปแล้ว ส่วนกันกับแคนทำแค่เพียงนั่งเฉยๆ รอกินทุกอย่างที่สองคนนั้นสั่งมา เพราะแค่เท่านั้นก็เยอะมากพอที่จะกินกันสี่คนไม่หมดแล้ว
อาหารมาเสิร์ฟในช่วงเวลาไม่นาน ทุกคนบนโต๊ะรีบหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปทันทีแล้วอัพลงสตอรี่ นานๆ ทีจะได้มากินอาหารเมืองเหนือแบบนี้ ถ้าจะไม่ถ่ายอวดก็คงจะเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะนุ่นกับแคนที่อยู่เมืองนอกมานาน การได้กลับมากินข้าวที่ไทยเป็นอะไรที่ต้องอวดสักหน่อย เพราะเพื่อนคนไทยอีกหลายคนที่อยู่ต่างประเทศก็คิดถึงอาหารไทยไม่ต่างกัน
กร๊วบบบ!
เสียงกัดแคบหมูที่จิ้มน้ำพริกหนุ่มดังขึ้นบนโต๊ะ ทุกคนตาโตในทันทีก่อนจะหันมองไปทางกันต์ แววตาของเด็กหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดเบิกโตเพราะความอร่อยมันแผ่ซ่านไปทั่วทั้งปาก
“เป็นไง” บุ๊คถามอย่างอยากรู้
“อร่อยมากพี่!” กันต์เอ่ยตอบทั้งที่ยังเคี้ยวแคบหมูอยู่เต็มปาก
“อร่อยกว่าพี่ปะ”
“ห้ะ!!!” ทั้งนุ่นและแคนต่างก็อุทานออกมาพร้อมกันเสียงดังลั่นโต๊ะเมื่อได้ยินคำถามล่าสุดจากปากของเพื่อนสนิทตัวเอง
“พี่บุ๊ค!!!” คนตัวเล็กฟาดมือลงไปที่หัวไหล่คนถามอย่างแรง ทั้งหน้าทั้งหูของกันต์กลายเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นมาในทันทีด้วยความอาย
“ทำไมอะ ถามไม่ได้เหรอ”
“แล้วมาถามอะไรตรงนี้ คนเยอะแยะ” กันต์ก้มหน้างุดลงไปจ้วงข้าวเข้าปากแก้เขิน
นุ่นกับแคนถึงกับหันไปหรี่ตามองหน้าบุ๊คอย่างสงสัยและต้องการคำตอบ เพราะก่อนหน้านี้ก็เอะใจอยู่แล้วว่าพักหลังๆ มาเวลาคุยกันมักจะมีชื่อกันต์โผล่เข้ามาในบทสนทนาอยู่เสมอ จนนุ่นอดแปลกใจไม่ได้ว่าน้องคนนี้เป็นใครถึงได้เข้ามามีอิทธิพลในชีวิตของบุ๊คได้ขนาดนี้ เพราะก่อนหน้านี้เพื่อนสนิทของเธอไม่ใช่พวกที่จะเข้าหาได้ง่ายๆ แต่ไม่รู้ทำไมกับกันต์ถึงดูสนิทกันได้เร็วขนาดนี้
ปกติบุ๊คไม่เคยจะพาเด็กที่กิ๊กกั๊กมาให้เจอสักเท่าไหร่หรอก นอกเสียจากว่าจะคบกันเป็นแฟนอย่างเป็นทางการแล้วนั่นแหละ
“นี่มึงสองคนเป็นแฟนกันละเหรอ” แคนชิงเปิดปากถามเสียก่อน
“มะ... ไม่ใช่แฟนครับพี่!” กันต์รีบตอบปฏิเสธเสียงดังจนแทบสำลักข้าว
“อ้าว สรุปยังไง”
“น้องงงง ไม่ได้เป็นแฟนกัน” บุ๊คช่วยย้ำชัดในสถานะความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองคน
สายตาของแคนกับนุ่นยังดูไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่ แต่เขาก็รู้จักนิสัยเพื่อนตัวเองดีจึงไม่เซ้าซี้ถามอะไรต่อ เพราะเมื่อถึงเวลาที่บุ๊คอยากจะบอกเดี๋ยวก็บอกออกมาเอง ยิ่งไปแสดงความอยากรู้อยากเห็นมากๆ เจ้าตัวยิ่งไม่ยอมบอก ราวกับจะแกล้งยังไงยังงั้น
ทั้งหมดพากันลุกออกจากร้านหลังจ่ายค่าอาหารแล้วขึ้นเพื่อขับต่อไปยังม่อนแจ่ม ทริปนี้บุ๊ครับจบในการขับรถเพียงคนเดียวเพราะเขามาเที่ยวเชียงใหม่บ่อยและค่อนข้างที่จะมั่นใจกับเส้นทาง เขาจึงตัดสินใจที่จะรับผิดชอบการขับรถเอง
“อิ่มฉิบหาย หนังท้องตึงปุ๊บ หนังตาก็หย่อนปั๊บ ของีบหน่อยได้ปะ” นุ่นที่นั่งอยู่ข้างหลังเอ่ยถามขึ้น
“มึงไม่น่าถามนะ ดูไอ้แคนดิ๊ ชิงหลับก่อนมึงอีก” บุ๊คตอบกลับหลังจากที่เมื่อครู่เหล่มองกระจกหลังแล้วเห็นว่าไอ้เพื่อนแคนตัวดีหลับปุ๋ยไปซะแล้ว ทั้งที่เพิ่งออกรถมาได้ไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ
แป๊บเดียวทั้งคันรถก็เงียบสนิทลงสักทีเพราะเพื่อนตัวดีปากจัดของบุ๊คผล็อยหลับไปกันหมด โดยปกติบุ๊คไม่ค่อยชอบเปิดเพลงในรถสักเท่าไหร่เวลามีเพื่อนฝูงอยู่บนรถเพราะเขาชอบที่จะใช้เวลาไปกับการพูดคุยกันมากกว่า เขารู้สึกว่าเวลาที่อยู่บนรถเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการพูดคุยมากที่สุด เป็นโมเมนต์ที่มีประสิทธิภาพอย่างมากต่อการสนทนากัน
“แกจะนอนงีบก็ได้นะ เมื่อคืนก็ไม่ค่อยได้นอน” บุ๊คหันมาบอกกันต์
“ก็เพราะใครล่ะ”
“พูดเหมือนไม่ชอบ”
“ก็...ชอบ” กันต์ตอบเสียงแผ่วพลางเหล่ตาไปมองเบาะหลังเพื่อเช็กดูว่ารุ่นพี่ทั้งสองหลับไปแล้วหรือยัง เพราะกลัวว่าจะได้ยินบทสนทนาที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่
“ไม่ต้องกลัวหรอก ไอ้พวกนี้มันหลับง่าย ไม่ได้ยินหรอก”
“อ่อ...”
“ไม่ต้องไปคิดมากนะ ที่ไอ้แคนมันถามอะ”
“ไม่ได้คิดมากหรอกพี่ กันต์โตแล้ว คุยกันไว้ว่าพี่น้องก็คือพี่น้อง กันต์เข้าใจ”
“อือ แต่เป็นพี่น้องที่ท้องชนกันได้นะ” บุ๊คพูดต่อพลางยิ้มเจ้าเล่ห์
“พี่บุ๊ค!!”