วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ

วายบันเทิง - บทที่ 51 กิ่วแม่ปาน โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น,วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วายบันเทิง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ

รายละเอียด

วายบันเทิง โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ

ผู้แต่ง

Run_Kantheephop

เรื่องย่อ

วายบันเทิง

The Gossip of BL

Run_Kantheephop

เรื่องแต่ง 99%  อีก 1% คือเค้าโครงจากเรื่องจริง

ขออนุญาตแก้ไขวันและเวลาในการอัพนิยายนะครับ เนื่องจากช่วงนี้มีภารกิจจากหน้าที่การงานเข้ามาจึงทำให้เขียนนิยายได้น้อยลงกว่าเดิม จากนี้ไปจะขออัพนิยายเพียงแค่สัปดาห์ละ 1 ตอนนะครับ (ทุกวันเสาร์ เวลา 18:00 น.)

ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามครับ

********************************************************************************

มีทั้งหมด 5 เล่ม

E-Book วางจำหน่ายแล้ว บน MEB

สารบัญ

วายบันเทิง-Intro บทนำ,วายบันเทิง-บทที่ 1 เด็กบ้านนอกคนหนึ่ง,วายบันเทิง-บทที่ 2 ผลลัพธ์ที่ดี,วายบันเทิง-บทที่ 3 ทริปมิตรสัมพันธ์,วายบันเทิง-บทที่ 4 สังสรรค์หรือสงคราม,วายบันเทิง-บทที่ 5 ยังไงกันแน่,วายบันเทิง-บทที่ 6 แต่ความจริงคือ...,วายบันเทิง-บทที่ 7 ระมัดระวัง,วายบันเทิง-บทที่ 8 ข่าวลือ,วายบันเทิง-บทที่ 9 มันจริงมั้ย?,วายบันเทิง-บทที่ 10 คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ,วายบันเทิง-บทที่ 11 เคลียร์ใจ,วายบันเทิง-บทที่ 12 มีซัมติงไหม?,วายบันเทิง-บทที่ 13 นี่ว่าใช่ ไม่ได้มโน,วายบันเทิง-บทที่ 14 โดนกับตัว,วายบันเทิง-บทที่ 15 ไม่พอใจ,วายบันเทิง-บทที่ 16 ต้องเลือก,วายบันเทิง-บทที่ 17 เมามาย 1,วายบันเทิง-บทที่ 18 เมามาย 2,วายบันเทิง-บทที่ 19 ทำไมทำงี้!?,วายบันเทิง-บทที่ 20 โอกาสเดียว,วายบันเทิง-บทที่ 21 หมดความอดทน,วายบันเทิง-บทที่ 22 ไม่จบไม่สิ้น,วายบันเทิง-บทที่ 23 โดนปลด,วายบันเทิง-บทที่ 24 เกาะกระแส,วายบันเทิง-บทที่ 25 ข่าวล่ามาไว,วายบันเทิง-บทที่ 26 เพื่อนใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 27 งงไปหมด,วายบันเทิง-บทที่ 28 คนใหม่?,วายบันเทิง-บทที่ 29 มันเอาอีกละ,วายบันเทิง-บทที่ 30 สามหนุ่มเปิดใจ,วายบันเทิง-บทที่ 31 ก้าวใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 32 คลาสแอคติง,วายบันเทิง-บทที่ 33 ไปแคสติงกัน,วายบันเทิง-บทที่ 34 ช่วยมาคุมความประพฤติอีสันดานนี่ที,วายบันเทิง-บทที่ 35 ข่าวเก่าเล่าใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 36 ไม่เป็นไร,วายบันเทิง-บทที่ 37 รียูเนียน?,วายบันเทิง-บทที่ 38 เลิฟซีนเป็นเหตุ,วายบันเทิง-บทที่ 39 นั่นปากเหรอ!?,วายบันเทิง-บทที่ 40 เอาแล้วหัวใจ,วายบันเทิง-บทที่ 41 ระยะปลอดภัย,วายบันเทิง-บทที่ 42 เรื่องของฮัน,วายบันเทิง-บทที่ 43 หัวใจเจ้ากรรม หวั่นไหวง่ายจัง,วายบันเทิง-บทที่ 44 แค่พี่น้อง?,วายบันเทิง-บทที่ 45 ไปเชียงใหม่กันไหม,วายบันเทิง-บทที่ 46 เริ่มเลย,วายบันเทิง-บทที่ 47 เริ่มเลย 2,วายบันเทิง-บทที่ 48 ยินดีต้อนรับ,วายบันเทิง-บทที่ 49 ม่อนแจ่ม,วายบันเทิง-บทที่ 50 ไปขึ้นเขากัน,วายบันเทิง-บทที่ 51 กิ่วแม่ปาน,วายบันเทิง-บทที่ 52 เบื่อจริงๆ ไอ้พวกปากแข็ง,วายบันเทิง-บทที่ 53 ขอสักหน่อย หายไปหลายคืน,วายบันเทิง-บทที่ 54 กลับไป ไม่กลับใจ,วายบันเทิง-บทที่ 55 ความพยายาม,วายบันเทิง-บทที่ 56 อดีตช่วยย้ำเตือน,วายบันเทิง-บทที่ 57 เริ่มต้นเปิดใจ,วายบันเทิง-บทที่ 58 บททดสอบ,วายบันเทิง-บทที่ 59 ความลับที่ฉันซ่อนไว้,วายบันเทิง-ตอนที่ 60 ตอนจบที่มีความสุข

เนื้อหา

บทที่ 51 กิ่วแม่ปาน

หลังจากเสพบรรยากาศสวยงามยามเช้าตอนดวงอาทิตย์ขึ้นกันเสร็จ ทุกคนก็พากันเดินกลับมาที่รถเพื่อตรวจเช็กความพร้อมอีกครั้งว่ามีของจำเป็นอะไรที่ยังตกหล่นไม่เก็บใส่กระเป๋าอีกบ้าง เพราะได้เวลาที่พวกเขาจะต้องเดินทางขึ้นกิ่วแม่ปานกันแล้ว

“ไม่ลืมอะไรใช่ไหม เอาไปแค่ที่จำเป็นพอนะ” บุ๊คย้ำเตือนในฐานะที่เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์ในการเดินเขามากที่สุด

“ไม่มีละ” นุ่นตอบ

“ไม่น่าจะลืมอะไรกันแล้วมั้งครับ ของทุกคนก็อยู่ในกระเป๋ากันต์หมดละนี่” 

คนอายุน้อยที่สุดในกลุ่มตั้งใจจะพูดประชดเล็กๆ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครเข้าใจนัยยะคำพูดที่เขาเอ่ยออกไปเลยสักนิด เอาแต่หัวเราะเบาๆ ออกมา แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าไม่มีใครอยากจะแบกกระเป๋าหนักๆ ขึ้นดอยหรอก ขนาดตัวเขาเองก็ยังไม่อยากสะพายกระเป๋าหนักๆ เลย แต่ถ้าไม่ทำก็ไม่มีน้ำไม่มีของกินรองท้องระหว่างทาง เท่าที่จำได้การเดินขึ้นลงกิ่วแม่ปานใช้เวลาตั้งสี่ชั่วโมง ถ้าไม่มีเสบียงติดเอาไว้บ้างคงจะต้องหิวจนทรมานแน่ๆ โดยเฉพาะน้ำดื่มยิ่งขาดไม่ได้ แต่การที่เขาจะต้องมาแบกน้ำดื่มสี่ขวดขึ้นเขานี่มันก็ดูจะมากไปสักหน่อย แทนที่แต่ละคนจะเอาไปถือเอง

แต่ก็นั่นแหละ กันต์ไม่อยากจะพูดอะไรมากนัก เดี๋ยวบุ๊คจะหาว่าไม่มีน้ำใจเอาได้

“พร้อมนะ” บุ๊คหันมาถามทุกคนย้ำอีกครั้ง

แต่ละคนพยักหน้ารับ แม้นุ่นกับแคนจะมีท่าทีอิดออดอยู่เล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร เมื่อคืนก่อนนอนกันต์ก็ได้ยินรุ่นพี่ทั้งสองเล่าให้ฟังว่าก่อนหน้านี้ตอนไปเที่ยวต่างประเทศบุ๊คก็ชอบชวนไปเดินลุยป่าลุยเขาแบบนี้ประจำ บางครั้งพวกเขาก็ตามไป แต่ถ้าครั้งไหนรู้สึกว่าไม่ไหว ไม่ได้อยากจะปีนขึ้นไปด้วย ก็จะขอรออยู่ข้างล่างแล้วให้บุ๊คขึ้นไปคนเดียว

เส้นทางการเดินป่าในช่วงแรกไม่ค่อยลำบากมากนัก ทุกคนยังคงเดินชมนกชมไม้ ชมธรรมชาติที่อยู่ตามรายทาง ไม่มีท่าเหน็ดเหนื่อยกันแม้แต่น้อย กันต์ที่เดินตามหลังมาท้ายสุดก็ได้แต่คิดว่าคนอื่นใช้เวลาไปกลับสี่ชั่วโมง แต่กลุ่มนี้คงใช้เวลามากกว่านั้นเป็นแน่ เพราะต่างคนต่างก็หยุดถ่ายรูปทุกจุดทุกมุม เดินได้ไม่กี่ก้าวก็หยุดถ่ายรูปอีกแล้ว ดูเหมือนจะน่ารำคาญแต่กันต์ก็ไม่ได้รู้สึกแบบนั้น ดีเสียอีก เขาจะได้มีเวลาพักเยอะหน่อย ลำพังแค่เดินคงไม่เท่าไหร่ แต่การที่ต้องแบกเป้หนักๆ มาด้วยทำเอาขาของเขาก็แทบจะหมดแรงเหมือนกัน

“มีใครอยากดื่มน้ำไหมครับ” กันต์ออกปากเอ่ยถามเพื่อที่ว่าน้ำหนักของกระเป๋าจะได้เบาลงบ้าง

“พี่ๆๆ” นุ่นรีบยกมือแล้วเดินปรี่เข้ามาหากันต์ทันทีหลังจากที่ให้แคนถ่ายรูปให้

“แป๊บนะครับ” คนน้องถอดกระเป๋าสะพายออกอย่างรวดเร็วแล้วรีบเปิดหยิบขวดน้ำดื่มในนั้นยื่นให้อีกฝ่าย

เฮ้ออ~!

กันต์ลอบถอนหายใจเมื่อกำจัดน้ำหนักในกระเป๋าออกไปได้หนึ่งขวด แต่ยังไม่ทันที่จะได้รูดซิปปิดบุ๊คและแคนก็เดินเข้ามาหาเขาพร้อมยื่นมือมาใกล้ พอเห็นแบบนั้นกันต์ก็รีบหยิบขวดน้ำในทันทีโดยที่ไม่ต้องรอให้พี่ๆ เอ่ยปากบอกด้วยซ้ำ 

“นี่ครับ ของพี่บุ๊คกับพี่แคน”

“ขอบใจมากน้อง”

กันต์ยื่นน้ำให้รุ่นพี่ทั้งสองก่อนที่แคนจะเอยปากขอบคุณ แม้ภายในใจจะรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ไม่ต้องแบกกระเป๋าหนักๆ เดินทางต่อไป แต่เขาก็ยังต้องรับผิดชอบซาลาเปาในกระเป๋าและน้ำดื่มของเขาอีกหนึ่งขวดอยู่ดี แต่นั่นก็ไม่ได้ลำบากสักเท่าไหร่ เพราะอย่างน้อยมันก็เป็นของตัวเอง ถึงแม้จะมีซาลาเปาของคนอื่นอยู่ด้วยแต่นั่นก็ไม่ได้หนักสักเท่าไหร่นัก

อากาศเย็นเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพวกเขาเดินขึ้นมาในจุดที่สูงมากขึ้น อันที่จริงอุณหภูมิของอากาศอาจจะอุ่นขึ้นนิดหน่อยด้วยแสงแดดที่ส่องสว่างมากกว่าเดิม แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกร้อนจนเหงื่อออกอาจเพราะร่างกายกำลังเผาผลาญพลังงานจากการเดินเสียมากกว่า ลมหายใจหอบของแต่ละคนเริ่มดังชัดขึ้น สีหน้าเหน็ดเหนื่อยบ่งบอกได้ว่าควรค่าแก่การหยุดพักสักเล็กน้อยแล้วค่อยไปกันต่อ 

“พักกันหน่อยไหมครับ” กันต์เสนอ

“ก็ดีนะมึง กูไม่ไหวแล้ว” 

“จริง”

แคนกับนุ่นหันไปบอกเพื่อนรักตัวเองที่เดินนำลิ่ว ดูท่าทางแล้วบุ๊คคงจะรู้สึกสนุกกับการเดินป่ามากจริงๆ เอ็นจอยอยู่คนเดียวในขณะที่คนอื่นเริ่มหมดแรงกันแล้ว

“นั่งพักแป๊บหนึ่งก็ได้” พูดจบบุ๊คก็เดินกลับมาหย่อนตัวลงนั่งที่ข้างกันต์ 

“เอาซาลาเปากันไหมครับ”

“พี่เอา!” นุ่นยกมือเป็นคนแรกก่อนจะรีบยื่นมารับซาลาเปาจากคนถาม กันต์ได้แต่ยิ้มๆ ในขณะที่ยื่นให้ ดูจากสีหน้าของอีกฝ่ายคงจะหิวมากจริงๆ

“พี่ยังไม่เอาอะ” แคนปฏิเสธ 

“แล้วพี่บุ๊คจะกินไหม” กันต์หันไปถามบุ๊ค

“หมายถึงกินซาลาเปา?”

“กินกันต์มั้ง!!! ชงงี้คนอื่นได้ยินจิ้นตายเลย” น้ำเสียงบ่นงุบงิบของกันต์ทำเอาทุกคนตรงนั้นหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย

แต่ก็จริงอย่างที่คนตัวเล็กพูด ไม่ต้องรอให้คนอื่นผ่านมาได้ยินหรอก ลำพังแค่นุ่นกับแคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าได้ยินก็แทบจะกรี๊ดออกมาอยู่แล้ว ดีที่อุดปากเอาไว้ได้ทันไม่งั้นมีหวังได้ตกใจกันทั้งดอยแน่

“กูจะบ้ากับพวกมึง!” นุ่นถึงกับหยิบยาดมออกมาสูดแรงหลังพูดจบ

“เออ พี่น้องค่ะ พี่น้องมากกกก!!!”

“กูเห็นด้วยกับอีแคน คำตอบดาราสุดๆ”

บุ๊คได้ยินเพื่อนตัวเองแซวก็ได้แต่ยิ้มออกมาบางๆ ไม่มีทีท่าปฏิเสธใดๆ ส่วนกันต์ก็นั่งมองอย่างลุ้นคำตอบว่าคนพี่จะแสดงอาการหรือพูดอะไรอย่างที่เขาแอบคาดหวังออกมาบ้าง แม้จะรู้ดีว่าเป็นโอกาสอันน้อยนิดก็ตาม

“ไอ้กันต์มันเขินหมดแล้ว เลิกแซว”

“รำคาญอะ! ไอ้พวกปากแข็ง อีแคน มึงไปถ่ายรูปให้กูหน่อย นั่งอยู่ตรงนี้นานๆ กลัวจะเป็น กขค เอา” นุ่นบอกพลางลุกขึ้นแล้วลากแคนให้เดินตามออกไป

บุ๊คส่ายหัวเบาๆ ให้กับความกวนตีนของเพื่อนซี้แล้วหันมามองหน้ากันต์ที่ยังคงถือถุงซาลาเปาอยู่ในมือ

“สรุปจะกินไหมพี่” กันต์เอ่ยถามเพื่อที่จะกลบเกลื่อนความรู้สึกเขินที่กำลังปรากฏบนใบหน้า

“ยังอะ กันต์กินก่อนเลย ยังไม่ค่อยหิว”

“กันต์ก็เหนื่อยเกิน ยังกินไรไม่ลงหรอก กินได้แต่น้ำเนี่ย” 

“อ่า ขอโทษนะ ที่ให้แบกกระเป๋าขึ้นมาอะ”

“ไม่เป็นไรพี่ นิดหน่อยเอง”

“สลับกันปะ จะได้ไม่หนักเกิน” บุ๊คเอ่ยปากเสนอตัว แต่ดูก็รู้ว่าสภาพคนตรงหน้าก็รู้ว่าคงแบกไปได้ไม่ไกลนักหรอก

“อีกไกลไหมอะพี่”

“อีกครึ่งทางอะ”

“งั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวกันต์สะพายเอง อย่างพี่ไม่ไหวหรอก” 

“เลยนะ เห็นพี่อ่อนแอขนาดนั้นเลยดิ”

“ไม่อะ พี่มันพวกลูกคุณหนู แบกของหนักนานๆ ไม่ได้หรอก เดี๋ยวผมจัดการเอง พี่ไม่ต้องห่วง” 

“ขอบคุณนะ” บุ๊คยิ้มตอบก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบหัวกันต์เบาๆ 

หัวใจของคนโดนกระทำวูบโหวงในทันที ความรู้สึกแบบนี้มันกลับมาอีกแล้ว ทั้งที่พยายามจะไม่คิดอะไร แต่การกระทำของอีกฝ่ายมันก็ทำให้เขารู้สึกหวั่นไหวได้ทุกที

จุดอ่อนอีกอย่างของกันต์ก็คือไอ้การลูบหัวนี่แหละ เขาแพ้อะไรแบบนี้มาก ถ้าไม่ได้คิดอะไร พยายามอย่าลูบหัวจะดีกว่า เพราะมันค่อนข้างอ่อนไหวมากทีเดียว

“ไปเถอะ พักนานเดี๋ยวจะขี้เกียจเดิน” 

“อื้อ”

บุ๊คลุกขึ้นยืนก่อนจะยื่นมือมาให้กันต์จับแล้วออกแรงดึงคนตัวเล็กกว่าให้ยืนขึ้น พวกเขาเดินเข้าไปเรียกแคนกับนุ่นที่กำลังถ่ายรูป จากนั้นก็เดินทางกันต่อ

ใช้เวลาอีกพักใหญ่พวกเขาก็ขึ้นมาจนถึงจุดชมวิวของกิ่วแม่ปาน ความเหนื่อยทั้งหมดมลายหายสิ้นไปในทันทีที่พวกเขาได้เห็นวิวตรงหน้า กันต์แอบได้ยินไกด์ของกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นบอกว่ายังโชคดีที่วันนี้พอจะมีทะเลหมอกให้ได้เห็นอยู่บ้าง เพราะบางวันหากโชคร้ายอาจไม่ได้เจอทะเลหมอกเลยด้วยซ้ำ

กันต์ถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอกที่วันนี้ไม่ได้ปีนขึ้นมาเสียเที่ยว แม้ทะเลหมอกจะดูบางตาแต่ก็ยังพอมีให้เห็นเป็นกลุ่มๆ พอที่จะได้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นเรื่องราวประทับใจได้บ้าง 

ทิวเขาสีเขียวสุดลูกลูกตาเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้กันต์รู้สึกสบายใจขึ้นมาได้มาก เขายืนมองนิ่งอยู่พักใหญ่โดยไม่ได้สนใจว่าคนรอบตัวจะกำลังทำอะไร เขาอยากเสพบรรยากาศในตอนนี้ด้วยสายตาให้ได้มากที่สุด วิวแบบนี้ต่อให้ถ่ายรูปเก็บไว้ได้แต่มันก็ไม่สวยเท่าของจริงหรอก

 “ค่อยคุ้มหน่อย” นุ่นเอ่ยพูดออกมาขณะที่เดินมาถ่ายรูปวิวข้างๆ กันต์

“จริงพี่”

“พี่ถ่ายรูปให้ไหม”

“ได้ครับ”

กันต์ตอบรับพลางยืนยิ้มอยู่ที่ริมรั้ว นุ่นหยิบมือถือของเธอขึ้นมากดถ่ายรูปให้คนน้องสองสามรูปก่อนจะลดมือถือลงแล้วหันไปเรียกอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลมากนัก

“ไอ้บุ๊ค มาถ่ายรูปกัน”

เจ้าของชื่อเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับแคน ทั้งสองคนเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างกันต์เตรียมท่าโพสต์พร้อมถ่ายรูป แต่สีหน้าของนุ่นก็แสดงออกถึงความไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย ทำเอาทั้งบุ๊คทั้งแคนต่างก็อดสงสัยไม่ได้

“อะไรวะ” แคนถามนุ่นอย่างไม่เข้าใจ

“มึงจะเข้าไปยืนทำไมล่ะ ออกมา!!!”

“เอ้า! ก็มึงเรียกให้มาถ่ายรูปด้วยกันไม่ใช่เหรอ”

“กูหมายถึงอีบุ๊คค่า! กูเรียกนางให้มาถ่ายรูปกับน้องกันต์!!”

“เอ้า! อีเวร! ใครจะไปรู้ล่ะ” แคนบอกก่อนจะรีบเดินออกจากตรงนั้นมายืนข้างนุ่นในทันที

ทั้งกันต์และบุ๊คต่างก็มีอาการเลิ่กลั่กเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่นุ่นพูด แม้ทั้งคู่จะพยายามพร่ำบอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนไม่ได้มีอะไรมากเกินไปกว่าคำว่าพี่น้องแต่ก็ดูเหมือนว่าเพื่อนซี้ทั้งสองคนของบุ๊คจะไม่ได้นำพาเลยแม้แต่น้อย

“มาๆๆ ถ่ายรูปคู่กันหน่อย จะได้เก็บไว้เป็นที่ระลึก” นุ่นบอกพลางกวักมือให้บุ๊คกับกันต์เดินเข้าไปยืนใกล้ๆ กัน

“โอบหน่อยๆ” แคนแซว

“กวนตีนละ!” บุ๊คถึงกับด่ากลับ แต่ก็เรียกเสียงหัวเราะให้กับทุกคนได้ดี

คนตัวสูงยกมือขึ้นโอบไหล่กันต์ คนตัวเล็กกว่าถึงกับหันไปมอง แม้จะเป็นคนปากแข็งแต่ก็ดูเหมือนว่าบุ๊คจะยอมทำตามที่เพื่อนบอกอย่างง่ายดาย 

พอได้มายืนอยู่ใกล้ในระดับนี้กันต์ถึงได้สังเกตเห็นว่าใบหูของบุ๊คก็เริ่มปรากฏสีแดงชัดขึ้นมาเหมือนกัน แบบนี้คงจะเป็นอาการของคนเขินที่กำลังพยายามเก็บสีหน้าอยู่สินะ ลำพังเขาเองก็รู้สึกเขินอยู่ตั้งแต่ตอนที่ได้ยินนุ่นกับแคนเอ่ยชงเสียเข้ม ยิ่งพอมาได้เห็นอาการของคนข้างๆ ชัดเจนแบบนี้ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกเขินมากขึ้นไปกันใหญ่ แม้เรื่องราวระหว่างเขากับบุ๊คจะยังไม่ชัดเจนมากนัก แต่การกระทำต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็เป็นหลักฐานมัดตัวได้เป็นอย่างดีว่าไอ้คนที่พูดนั้นมันปากไม่ค่อยจะตรงกับใจสักเท่าไหร่นักหรอก