วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ

วายบันเทิง - บทที่ 52 เบื่อจริงๆ ไอ้พวกปากแข็ง โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น,วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วายบันเทิง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ

รายละเอียด

วายบันเทิง โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ

ผู้แต่ง

Run_Kantheephop

เรื่องย่อ

วายบันเทิง

The Gossip of BL

Run_Kantheephop

เรื่องแต่ง 99%  อีก 1% คือเค้าโครงจากเรื่องจริง

ขออนุญาตแก้ไขวันและเวลาในการอัพนิยายนะครับ เนื่องจากช่วงนี้มีภารกิจจากหน้าที่การงานเข้ามาจึงทำให้เขียนนิยายได้น้อยลงกว่าเดิม จากนี้ไปจะขออัพนิยายเพียงแค่สัปดาห์ละ 1 ตอนนะครับ (ทุกวันเสาร์ เวลา 18:00 น.)

ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามครับ

********************************************************************************

มีทั้งหมด 5 เล่ม

E-Book วางจำหน่ายแล้ว บน MEB

สารบัญ

วายบันเทิง-Intro บทนำ,วายบันเทิง-บทที่ 1 เด็กบ้านนอกคนหนึ่ง,วายบันเทิง-บทที่ 2 ผลลัพธ์ที่ดี,วายบันเทิง-บทที่ 3 ทริปมิตรสัมพันธ์,วายบันเทิง-บทที่ 4 สังสรรค์หรือสงคราม,วายบันเทิง-บทที่ 5 ยังไงกันแน่,วายบันเทิง-บทที่ 6 แต่ความจริงคือ...,วายบันเทิง-บทที่ 7 ระมัดระวัง,วายบันเทิง-บทที่ 8 ข่าวลือ,วายบันเทิง-บทที่ 9 มันจริงมั้ย?,วายบันเทิง-บทที่ 10 คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ,วายบันเทิง-บทที่ 11 เคลียร์ใจ,วายบันเทิง-บทที่ 12 มีซัมติงไหม?,วายบันเทิง-บทที่ 13 นี่ว่าใช่ ไม่ได้มโน,วายบันเทิง-บทที่ 14 โดนกับตัว,วายบันเทิง-บทที่ 15 ไม่พอใจ,วายบันเทิง-บทที่ 16 ต้องเลือก,วายบันเทิง-บทที่ 17 เมามาย 1,วายบันเทิง-บทที่ 18 เมามาย 2,วายบันเทิง-บทที่ 19 ทำไมทำงี้!?,วายบันเทิง-บทที่ 20 โอกาสเดียว,วายบันเทิง-บทที่ 21 หมดความอดทน,วายบันเทิง-บทที่ 22 ไม่จบไม่สิ้น,วายบันเทิง-บทที่ 23 โดนปลด,วายบันเทิง-บทที่ 24 เกาะกระแส,วายบันเทิง-บทที่ 25 ข่าวล่ามาไว,วายบันเทิง-บทที่ 26 เพื่อนใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 27 งงไปหมด,วายบันเทิง-บทที่ 28 คนใหม่?,วายบันเทิง-บทที่ 29 มันเอาอีกละ,วายบันเทิง-บทที่ 30 สามหนุ่มเปิดใจ,วายบันเทิง-บทที่ 31 ก้าวใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 32 คลาสแอคติง,วายบันเทิง-บทที่ 33 ไปแคสติงกัน,วายบันเทิง-บทที่ 34 ช่วยมาคุมความประพฤติอีสันดานนี่ที,วายบันเทิง-บทที่ 35 ข่าวเก่าเล่าใหม่,วายบันเทิง-บทที่ 36 ไม่เป็นไร,วายบันเทิง-บทที่ 37 รียูเนียน?,วายบันเทิง-บทที่ 38 เลิฟซีนเป็นเหตุ,วายบันเทิง-บทที่ 39 นั่นปากเหรอ!?,วายบันเทิง-บทที่ 40 เอาแล้วหัวใจ,วายบันเทิง-บทที่ 41 ระยะปลอดภัย,วายบันเทิง-บทที่ 42 เรื่องของฮัน,วายบันเทิง-บทที่ 43 หัวใจเจ้ากรรม หวั่นไหวง่ายจัง,วายบันเทิง-บทที่ 44 แค่พี่น้อง?,วายบันเทิง-บทที่ 45 ไปเชียงใหม่กันไหม,วายบันเทิง-บทที่ 46 เริ่มเลย,วายบันเทิง-บทที่ 47 เริ่มเลย 2,วายบันเทิง-บทที่ 48 ยินดีต้อนรับ,วายบันเทิง-บทที่ 49 ม่อนแจ่ม,วายบันเทิง-บทที่ 50 ไปขึ้นเขากัน,วายบันเทิง-บทที่ 51 กิ่วแม่ปาน,วายบันเทิง-บทที่ 52 เบื่อจริงๆ ไอ้พวกปากแข็ง,วายบันเทิง-บทที่ 53 ขอสักหน่อย หายไปหลายคืน,วายบันเทิง-บทที่ 54 กลับไป ไม่กลับใจ,วายบันเทิง-บทที่ 55 ความพยายาม,วายบันเทิง-บทที่ 56 อดีตช่วยย้ำเตือน,วายบันเทิง-บทที่ 57 เริ่มต้นเปิดใจ,วายบันเทิง-บทที่ 58 บททดสอบ,วายบันเทิง-บทที่ 59 ความลับที่ฉันซ่อนไว้,วายบันเทิง-ตอนที่ 60 ตอนจบที่มีความสุข

เนื้อหา

บทที่ 52 เบื่อจริงๆ ไอ้พวกปากแข็ง

แสงแดดเริ่มสาดส่องมากกว่าเดิมเมื่อเวลาเดินมาถึงช่วงสาย จากความหนาวเริ่มกลายเป็นลมเย็นที่ทำให้ทั้งสี่คนรู้สึกสบายตัวมากขึ้น ไม่ทรมานเหมือนช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา

สภาพแต่ละคนดูค่อนข้างเหนื่อยพอสมควรหลังจากที่พากันเดินลงมาจากกิ่วแม่ปาน นุ่นกับแคนหมดแรงตั้งแต่เดินลงมาได้ครึ่งทาง บ่นแล้วบ่นอีกจนกันต์ขี้เกียจจะฟัง แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าการที่ให้คนที่ไม่ชอบการออกกำลังกายมาออกแรงเดินหลายสิบกิโลเป็นชั่วโมงแถมยังเป็นการเดินขึ้นลงเขาอีกต่างหาก จะไม่ให้หมดสภาพก็คงจะเป็นไปไม่ได้

“ถึงสักที” นุ่นพูดพลางถอนหายใจยาวพรูดออกมา

“จริง นึกว่าจะตายอยู่บนนั้นละ” แคนพูดเสริมพลางยกขวดน้ำที่เหลือน้ำปริมาณอันน้อยนิดขึ้นดื่มจนหมดขวด

“วันหลังก็ไม่ต้องมาจ้ะ ถ้าจะบ่นน่ะ”

“แหม! อีบุ๊ค!! กูก็บ่นเป็นปกติมึงยังไม่ชินอีกเหรอ อีห่า!!”

“จริง อีนุ่นพูดถูก... ตอนไปอินโดฯ พวกกูก็บ่น เนเธอร์แลนด์พวกกูก็บ่น กูบ่นหมดอะ ชินได้แล้วค่ะ!!”

กันต์ถึงกับหลุดขำออกมาเมื่อเห็นว่าเพื่อนทั้งสามคนเริ่มที่จะตีกันอีกแล้ว จากที่ไม่ชินก็กลายเป็นคุ้นเคยไปเสียอย่างนั้นกับความสัมพันธ์แบบหยุมหัวในกลุ่มเพื่อนกลุ่มนี้ แม้บุ๊คจะดูนิ่งที่สุดในกลุ่มแต่ทุกคำพูดที่เอ่ยปากออกมาสนทนากับเหล่าเพื่อนก็เชือดเฉือนทุกคำอยู่เหมือนกัน นี่ถ้าไม่ได้รู้จักกันมาก่อนคงคิดว่าเกลียดกันแน่ๆ

บุ๊คเดินนำกลับไปที่รถหลังจากที่พวกเขาเริ่มจะหายเหนื่อย การได้นั่งพักอยู่แถวนั้นเพื่อกินลมชมวิวธรรมชาติก็พอจะเรียกพลังให้กลับมาได้บ้าง กันต์โยนกระเป๋าเป้ขึ้นไปวางบนรถทันที เขาไม่อยากที่จะแบกมันอีกต่อไป หลังจากต้องอดทนแบกมันมาหลายชั่วโมงเหลือเกิน ในตอนนี้เขาอยากจะเดินตัวเปล่าด้วยซ้ำ ไม่อยากที่จะต้องพกอะไรให้เป็นภาระร่างกายอีก

“เมื่อยอะ” กันต์บ่นออกมาเล็กน้อยแล้วเอนตัวพิงกับรถในขณะที่คนอื่นกำลังหยิบเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าที่ท้ายรถเพื่อที่จะเปลี่ยนชุดกันภายในรถนั้น

“กันต์จะเป็นก่อนไหม” นุ่นชะโงกหน้ามาเอ่ยถามคนน้อง

“ไม่เป็นไรพี่ เปลี่ยนก่อนเลย”

“โอเคจ้ะ ฝากดูคนให้หน่อยนะ”

“ได้พี่ แต่ฟิล์มดำ ไม่น่ามีใครเห็นหรอก”

“เออเนอะ” นุ่นยิ้มตอบก่อนจะหอบเสื้อผ้าชุดใหม่เดินเข้าไปในรถปิดประตูเสียงดังปัง

“งั้นเดี๋ยวกูเดินไปเปลี่ยนในห้องน้ำตรงนู้นละกัน จะได้ไม่ต้องรอนาน” แคนบอกก่อนจะเดินออกไปทางห้องน้ำที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากลานจอดรถมากนัก

“เออ ดีเว้ย ผู้หญิงเปลี่ยนในรถ ผู้ชายเปลี่ยนในห้องน้ำ”

“พี่บุ๊คก็ไปแซวเพื่อน”

“แกไปเปลี่ยนในห้องน้ำก็ได้นะ จะได้ไม่ต้องรอนาน”

“ไม่เป็นไรพี่”

“หรือจะรอเปลี่ยนพร้อมพี่ในรถ”

“ก็ได้นะ ไม่มีอะไรต้องอายกันแล้วนี่” กันต์พูดพร้อมยักคิ้วให้ ไหนๆ ก็ไหนๆ ละ ไม่มีอะไรจะต้องกลัวอีกแล้ว ในเมื่อหนีจากการกระทำที่ไม่ชัดเจนของอีกฝ่ายไม่ได้ ก็สู้กันซึ่งๆ หน้าไปนี่แหละ แล้วค่อยมาดูกันว่าใครจะเป็นฝ่ายที่ต้องถอย 

ปากบอกว่าพี่น้อง แต่การกระทำมันก็มากกว่านั้นจนคนอื่นก็ยังสังเกตได้ ในเมื่อบุ๊คยังยืนยันคำนั้น กันต์ก็จะพิสูจน์ด้วยตัวเองนี่แหละ ว่าไอ้คำว่าพี่น้องที่พูดอยู่ทุกวันนี้มันจะมั่นคงไปได้อีกนานแค่ไหน 

เขาจะลองสู้ดูสักตั้ง ถ้าอีกฝ่ายยังคงยืนยันแบบนั้น เขาเองที่จะเป็นฝ่ายถอยไปอยู่ในจุดที่ควรยืน...

“เก่งนักนะ ปากแกเนี่ย”

“พี่ก็เคยลองแล้วไม่ใช่เหรอ ก็เก่งอยู่ปะ” 

แกร็ก!

“เสร็จละ”

ไม่ทันที่คนพี่จะได้ต่อบทสนทนาใด ประตูรถก็เปิดออกมาเสียก่อน ใบหน้าของนุ่นปรากฏให้ทั้งสองคนเห็น บุ๊คและกันต์จึงเงียบไป ไม่ต่อปากต่อคำกันอีกด้วยกลัวว่าจะหลุดพูดอะไรที่ไม่สมควรออกไป

“ไป เปลี่ยนเสื้อ” 

บุ๊คคว้าหมับเข้าที่แขนของกันต์แล้วลากขึ้นรถไปพร้อมกัน นุ่นถึงกับมองตาค้างเพราะไม่คาดคิดว่าทั้งคู่จะขึ้นรถไปเปลี่ยนชุดด้วยกัน ในสายตาสาววายแบบเธอจะให้คิดดีก็คงไม่ได้ รถก็แคบขนาดนั้น ผู้ชายตัวโตทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน เปลี่ยนชุดด้วยกันมันจะไปสะดวกสบายได้ยังไงกัน เนื้อตัวต้องมีสัมผัสกันบ้างแน่ๆ แค่คิดก็เขินแล้ว 

กรี๊ดดด~!

แคนเดินกลับมาหลังจากที่เปลี่ยนชุดเสร็จ เห็นเพื่อนสาวยืนอยู่ด้านนอกคนเดียวก็ได้แต่สงสัย ไม่ทันจะได้เอ่ยปากถามอะไรนุ่นก็ส่งซิกบอกอีกฝ่ายว่าทั้งบุ๊คและกันต์อยู่ในรถด้วยกันทั้งคู่ คนที่เพิ่งเดินกลับมาถึงกับชะงักพลางชะโงกหน้ามองเข้าไปด้านในรถด้วยความอยากใส่ใจว่าด้านในกำลังทำอะไรอยู่กันแน่

“อีนุ่น! มันเปลี่ยนชุดด้วยกันเหรอ”

“เออ”

“มึงว่ามันจะแค่เปลี่ยนชุดกันอย่างเดียวปะ”

“อีเวร มันจะกล้าขนาดนั้นเลยเหรอ เพื่อนฝูงก็ยืนรออยู่ข้างนอกเนี่ย”

“ใครมันจะไปรู้อะ เรื่องของตัณหามันไม่เข้าใครออกใครหรอก” แคนพูดพลางยักไหล่ เขารู้ดีเพราะว่าเขาก็เป็นคนจำพวกเครื่องฟิต สตาร์ทติดง่ายเหมือนกัน แค่สะกิดนิดเดียวก็พร้อมที่จะพลีกายให้อย่างง่ายดาย

“หรือเราควรไปนั่งรอที่อื่นวะ เผื่อพวกมันจะได้ทำอะไรได้สะดวกๆ” นุ่นเสนอขึ้นมา อยู่ๆ ความเป็นสาววายมันก็พุ่งพล่าน จินตนาการในหัวก็แอบอยากให้เขาได้กันขึ้นมาเสียอย่างนั้น 

“เออ ไปหากาแฟกินรอดีกว่า เผื่อพวกมันอยากจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง”

“ไปค่ะ!”

แคนกับนุ่นคล้องแขนพากันเดินออกจากตรงที่รถจอดอยู่แล้วเดินไปยังร้านกาแฟที่อยู่แถวนั้น เพื่อเปิดโอกาสให้เพื่อนซี้ตัวร้ายกับน้องชายตัวดีได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน

“เอาอะไรดีจ๊ะ” เสียงแม่ค้าร้านกาแฟโบราณเอ่ยทักเมื่อนุ่นกับแคนเดินเข้ามานั่งภายในร้าน

“หนูเอากาแฟโบราณจ้ะ” นุ่นเอ่ยปากสั่งเป็นคนแรกก่อนจะหันไปหาแคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง “มึงจะแดกไร”

“เอาชาไทยครับป้า”

“เอาเป็นเย็นทั้งคู่เนอะ”

“ใช่ค่ะ”

“รอป้าแป๊บหนึ่งนะจ๊ะ”

แม่ค้าหันหลังกลับไปประจำยังโต๊ะชงกาแฟประจำตำแหน่งแล้วลงมือจัดการชงตามเมนูที่ทั้งสองคนสั่งในทันที เสียงโคร้งเคร้งจากการที่อุปกรณ์กระทบกันเป็นสัญญาณบ่งบอกได้ดีถึงความชำนาญและความอร่อยของเครื่องดื่มที่กำลังจะมาเสิร์ฟในไม่ช้า

โดยปกติร้านค้าจำพวกนี้ยิ่งมีเสียงดังและอุปกรณ์เครื่องมือดูเก่า ดูขลัง มักจะทำอร่อยเสมอ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจอยู่เหมือนกัน แม้จะสอบตกในเรื่องของความสะอาดไปบ้างแต่ก็ต้องยอมรับว่าเรื่องรสชาติไม่มีใครจะมาสู้ได้ ยิ่งคนขายแก่มากเท่าไหร่ยิ่งการันตีความอร่อยของความเป็นสูตรโบราณได้มากขึ้นเท่านั้น

ลูกค้ายังคงวนเวียนไปมาเข้าออกร้านบ้างประปราย ไม่ได้หนาตามากนักแต่ก็พอมีให้เห็นไม่ขาดสายตาแม่ค้าเดินเอากาแฟโบราณและชาไทยสีสวยมาวางให้บนโต๊ะพร้อมกับขอเรียกเก็บเงินไปในทีเดียว ด้วยเหตุผลที่เอ่ยบอกกับลูกค้าทั้งสองคนว่าเป็นคนแก่ขี้ลืม ถ้าไม่เก็บตอนนี้ก็กลัวว่าหันกลับไปชงกาแฟให้ลูกค้าคนอื่นต่อแล้วจะลืมเก็บเงินเอาได้ ทั้งคู่ควักเงินจ่ายไปพร้อมกับก้ามหน้าลงดูดชิมเครื่องดื่มภายในแก้วตัวเองแล้วก็ต้องตาโตกับรสชาติที่ได้สัมผัส

“กูว่าละ” นุ่นเอ่ยพูดสั้นๆ กับแคนหลังกลืนอึกนั้นลงคอ

“เห็นไหมล่ะ ตัวจริงเวอร์!”

“เออ ร้านแบบนี้อร่อยตลอด งง”

“ชาเข้มสุด ถึงใจกูมาก มันแบบได้แรงอก[1]!” 

ทั้งสองคนดื่มด่ำกับเครื่องดื่มของคุณป้าร้านกาแฟโบราณกันอย่างชื่นใจ พลางถ่ายรูปลงสตอรี่ไอจีว่าเจอเครื่องดื่มที่ถูกต้องระหว่างมาเที่ยวคือสิ่งที่ดีที่สุดในทริปนี้

“เออมึง!” อยู่ๆ นุ่นก็เอ่ยปากทักแคนขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ

“ว่า”

“มึงว่าไอ้สองคนนั้นสรุปยังไง”

“เอาจริงจากใจ ไม่รู้จริงหรือถามเล่นๆ มึงไม่รู้จักเพื่อนมึงเลยเหรอ” สีหน้าของแคนดูหน่ายใจเล็กน้อยเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เอาจริงตัวเขาเองดูปราดเดียวก็มองออกแล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้มันเกินเลยไปไกลกว่าคำว่าพี่น้องนานมากแล้ว เพียงแค่ไอ้บุ๊คเพื่อนซี้ตัวดีของเขายังปากแข็งอยู่อย่างนั้น 

“เออ มองจากดาวอังคารก็รู้ แต่กูแค่ไม่อยากจะก้าวก่าย กูก็คิดเหมือนมึงนั่นแหละ แต่ในเมื่อเพื่อนเรามันก็ยังยืนยันคำเดิม กูก็เลยเคารพคำพูดมัน ว่าพี่น้อง”

“แล้วมึงเห็นไหมล่ะ ตั้งแต่ที่พวกเราเจอมันสองคน มีตรงไหนที่เรียกว่าพี่น้องบ้าง กูเห็นทำทุกอย่างก็ฟีลแฟนหมด กูมันพวกตาผี อะไรเล็กๆ น้อยๆ ก็เสือกไปเห็นซะหมด ทั้งที่สองคนนั้นมันอุตส่าห์พยายามตีเนียนแอบหลบไม่ให้ใครเห็น กูก็ยังจะเสือกไปเห็นมาอีก” แคนถอนหายใจหลังพูดจบ

“พอกันอะ กูก็ไม่ได้อยากจะล้ำเส้นอะไรหรอก แต่ไอ้ที่มันพูดมันคุยกัน กูก็เห็นอยู่ ยิ่งตอนกลางคืน คุยไรกันกูก็ได้ยินหมด เจ็ทแล็ก[2]ยังคงทำกูนอนไม่ค่อยหลับ แต่กูก็เนียนนอนนิ่งๆ ไป กลัวพวกมันจะเขิน”

“ก็รอดูไปก่อนละกัน ว่าสุดท้ายจะเป็นยังไง นี่พวกเราก็เปิดทางให้มันสองคนได้ใช้เวลากันเต็มที่ละ ถ้ามันแอบได้กันบนรถ กูก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ อัดอั้นมาตั้งสองสามคืนแล้วมั้ง ที่ม่อนแจ่มก็เห็นส่งสายตากันยิกๆๆ ถ้าไม่ติดว่ามีกูกับมึง คงจัดหนักจัดเต็มกันไปละ บรรยากาศดีขนาดนั้น” แคนว่าจบก็ยกชาไทยขึ้นดูดดับกระหายหลังจากที่พร่ำบ่นมายืดยาว

“เออไง กูก็เลยแบบ อยากจะให้โอกาสมันสองคนบ้างไรงี้ บนรถบนอะไรก็ว่าไป”

“แหม... เป็นเพื่อนที่ดีเนาะ”

“เปล่าหรอก กูแค่อยากเสือก หรือเราไปแอบดูพวกมันกันไหม ถ่ายลงโอนลี่แฟนให้มันจบๆ” นุ่นกระซิบพูดด้วยสีหน้าดูตื่นเต้น

“อีห่า! กูจะอ้วก เลิกค่ะ!”

“กูก็ล้อเล่นไหมล่ะ!” 


 


[1] เป็นคำศัพท์ในภาษาใต้ มีความหมายเชิง สะใจ ถึงใจ

[2] อาการผิดปกติที่เกิดขึ้นชั่วคราวจากการเดินทางบินข้ามเขตเวลาโลกแล้วร่างกายยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ที่มีเวลา (Time Zone) แตกต่างกันได้ เนื่องจากร่างกายยังเคยชินกับเวลาในสภาพแวดล้อมเดิมอยู่