วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ
รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น,วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
วายบันเทิงวงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ
วายบันเทิง
The Gossip of BL
Run_Kantheephop
เรื่องแต่ง 99% อีก 1% คือเค้าโครงจากเรื่องจริง
ขออนุญาตแก้ไขวันและเวลาในการอัพนิยายนะครับ เนื่องจากช่วงนี้มีภารกิจจากหน้าที่การงานเข้ามาจึงทำให้เขียนนิยายได้น้อยลงกว่าเดิม จากนี้ไปจะขออัพนิยายเพียงแค่สัปดาห์ละ 1 ตอนนะครับ (ทุกวันเสาร์ เวลา 18:00 น.)
ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามครับ
********************************************************************************
มีทั้งหมด 5 เล่ม
E-Book วางจำหน่ายแล้ว บน MEB
แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่างของห้องนอนกันต์เป็นสัญญาณบอกให้ได้รับรู้ว่าเช้าวันใหม่เดินทางมาถึงแล้ว แสงแดดที่โลมเลียใบหน้าเจ้าของห้องนอนปลุกให้เขาลืมตาตื่นขึ้น เมื่อคืนหลังจากที่เขาได้ฟังสิ่งที่พูดออกมาจากปากของบุ๊คก็ทำให้เขาเข้าใจมากขึ้นแต่นั่นไม่ได้แปลว่าจะทำให้ความรู้สึกจุกอกของเขามันเบาบางลงเลยแม้แต่นิดเดียว
เขาเข้าใจว่าคนพี่ยังคงสับสน แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจะต้องกลายมาเป็นที่รองรับความรู้สึกที่ไม่ชัดเจนของอีกฝ่าย การที่บุ๊คเอ่ยปากพูดออกมาแบบนั้นมันก็เหมือนกับว่าเป็นการการันตีแล้วไม่ใช่เหรอว่าทั้งสองคนไม่สามารถที่จะก้าวข้ามผ่านความสัมพันธ์ในแบบ Brother Zone ไปได้ ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งคู่จะมีเรื่องบนเตียงเข้ามาเกี่ยวข้องแล้วก็ตาม
กันต์ยังคงพยายามทำตัวให้เป็นปกติมากที่สุดตั้งแต่ตื่นนอน พยายามใช้ชีวิตให้เป็นไปตามกิจวัตรดังเช่นทุกวัน แม้ว่าภายในใจจะยังเต็มไปด้วยความรู้สึกว้าวุ่นก็ตาม
ครืดด!
มือถือของกันต์สั่นขึ้นหนึ่งที เจ้าของเครื่องหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นข้อความจากบุ๊คส่งเข้ามาถาม
P’ Book : อยู่บ้านหรือเปล่า
กันต์ตาโตในทีแรกที่เห็น แต่ครู่ต่อมาเขาก็ลังเลใจว่าจะตอบกลับดีหรือไม่ ใจหนึ่งก็ดีใจที่อีกฝ่ายยังติดต่อมา แต่อีกใจก็กลัวว่าตัวเองจะหักห้ามใจไม่ได้ แต่ยังไม่ทันที่จะได้พิมพ์ข้อความตอบกลับไป บุ๊คก็ส่งข้อความเพิ่มมาอีก
P’ Book : เดี๋ยวเข้าไปหาที่บ้านนะ
การได้เห็นข้อความนั้นทำให้กันต์รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที ไม่ได้ตื่นเต้นที่บุ๊คจะมาบ้านหรอกนะ แต่เขาตื่นเต้นตรงที่สภาพเขาในตอนนี้ไม่พร้อมจะรับแขกต่างหาก ยิ่งเป็นบุ๊คแล้วด้วยยิ่งไม่อยากให้เห็นเขาในสภาพโทรมๆ แบบนี้
แม้จะอาบน้ำแล้วแต่เขาก็ไม่ได้โกนหนวด ไม่ได้แต่งหน้า แถมเสื้อผ้าที่ใส่ก็ยืดย้วยและมีรอยขาด ก็คิดว่าแค่อยู่บ้านเลยอยากแต่งตัวสบายๆ ใครจะไปคิดว่าอยู่ๆ จะมีแขกคนสำคัญมาหาถึงที่บ้านล่ะ
เพียงไม่นานรถของบุ๊คก็มาจอดอยู่ที่หน้าบ้านของกันต์ เขาลงจากรถแล้วเดินไปกดกริ่งที่หน้าบ้าน คนตัวเล็กเดินยิ้มแป้นออกมาเปิดประตูให้พร้อมกับเชิญให้คนตัวสูงเดินเข้าไปในบ้านแต่อีกฝ่ายกลับยืนนิ่ง
“เดี๋ยว...” บุ๊คปฏิเสธที่จะเดินตามเข้าไป
“...” กันต์ยืนมองอีกฝ่ายนิ่งโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา สายตาเต็มไปด้วยความสงสัย
“พี่ว่าจะพาแกออกไปนั่งคาเฟ่ หาไรจิบชิลๆ อะ”
“เอ้า! ทำไมไม่บอกก่อนล่ะพี่ กันต์ยังไม่ได้แต่งตัวเลย”
“พี่ให้เวลาครึ่งชั่วโมง เดี๋ยวพี่รอ”
“ห้ะ!?”
ในหัวของกันต์เต็มไปด้วยความงุนงง ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงได้ฉับพลันทันด่วนขนาดนั้น แต่มันก็ดีกว่าการที่เขาจะต้องนั่งๆ นอนๆ อยู่ที่บ้านโดยที่ไม่ได้ทำอะไร เขาจึงตัดสินใจรีบกลับเข้าไปในบ้านเพื่อเตรียมตัวออกไปข้างนอกทันที
ไม่ถึงสามสิบนาทีกันต์ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมเซ็ตผมจนดูดีเดินลงมาข้างล่าง โชคดีที่ก่อนหน้านี้เขาแต่งหน้ารอบุ๊คมาหาก็เลยทำให้เขาประหยัดเวลาไปได้มากทีเดียว
“ไวเกิน” บุ๊คแซวเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายลงมาเร็วกว่าที่กำหนด
“แน่นอน! อยู่บ้านเบื่อจะแย่ละ ดีที่พี่ทักมา”
“เห็นไหมล่ะ แกขาดพี่ไม่ได้หรอก...”
อึก!
คำพูดของบุ๊คทำเอากันต์ถึงกับสะอึก รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าค่อยๆ จางหายไปในทันที ก็ถ้าไม่มั่นใจว่าจะไปต่อกันได้ไหม ทำไมถึงพูดแบบนั้นออกมา ไม่รู้เหรอว่ามันเหมือนกับเป็นการให้ความหวังยังไงยังงั้น
ท่าทีของกันต์ทำให้บุ๊ครู้ตัวในทันทีว่าเผลอหลุดปากพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไปเสียแล้ว เขาจึงรีบตัดบทด้วยการพากันต์ขึ้นรถแล้วขับออกไปในทันที
เสียงเพลงบนรถที่ถูกเปิดจากเพลย์ลิสต์ในมือถือของบุ๊คก็เหมือนจะรู้ใจเสียเหลือเกินเพราะมันดันเล่นแต่เพลงแอบรักประเภทเพื่อนแอบรักเพื่อน รุ่นน้องแอบรักรุ่นพี่ หรือเพลงจำพวกรักข้างเดียวไม่มีวันเป็นจริงได้อะไรทำนองนั้น นั่นยิ่งทำให้แววตาของกันต์แอบซ่อนความเศร้ามากขึ้นเรื่อยๆ บุ๊คเองก็สังเกตเห็นในความเปลี่ยนแปลงนี้ แม้ก่อนหน้ากันต์จะพยายามยิ้มแย้มอย่างแจ่มใสก็ตาม แต่ในเวลานี้ความเศร้าเหล่านั้นมันแสดงออกมาจนทำให้บุ๊คเองก็เป็นกังวล
บุ๊คขับรถเข้ามาจอดที่คาเฟ่แห่งหนึ่งที่บรรยากาศค่อนข้างเต็มไปด้วยธรรมชาติ ซึ่งกันต์ก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีสถานที่แบบนี้อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเขา เขามองสำรวจไปโดยรอบด้วยความตื่นตาตื่นใจ เพราะคาเฟ่แห่งนี้มันตั้งอยู่ริมทะเลสาบ มีบรรยากาศที่เงียบสงบ จำนวนลูกค้าไม่ได้พลุกพล่านมากนัก อาจเพราะเป็นวันธรรมดาและเป็นช่วงเวลาที่ใครหลายคนยังคงทำงานกันอยู่ แถมมันยังเต็มไปด้วยความร่มรื่น มีต้นไม้ใหญ่เรียงรายเป็นแนวยาวไปรอบๆ ให้ร่มเงาและความสดชื่นเป็นอย่างดี
เสียงต้นไม้ลู่ไปตามลมเวลาที่พัดผ่านเรียกให้เกิดความรู้สึกสงบขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาด กันต์เดินถือแก้วกาแฟมาหย่อนตัวลงนั่งที่โต๊ะตัวหนึ่งที่ตั้งอยู่ในมุมใต้ต้นไม้ริมทะเลสาบหลังจากที่เขาเดินไปสั่งตั้งแต่มาถึง เขายกกาแฟขึ้นจิบเงียบๆ พลางมองดูภาพสะท้อนของตัวเองในแก้วกาแฟนั้น
แววตาของคนมีความเศร้ามันเป็นแบบนี้นี่เอง....
ความคิดนั้นแวบเข้ามาในหัวเขา แต่ก็ไม่ทันจะได้คิดมากไปถึงเรื่องอื่น บุ๊คก็เดินถือเค้กและแก้วกาแฟของตัวเองมานั่งลงที่โต๊ะด้วยก่อนจะเอ่ยปากถาม
“เป็นไงร้านนี้”
“บรรยากาศดีมากเลยพี่”
“ดีใจที่ชอบ”
กันต์หันขวับไปมองหน้าบุ๊คทันทีที่ได้ยิน แต่อีกฝ่ายก็นั่งนิ่งพลางจิบกาแฟ สายตามองออกไปยังวิวทะเลสาบ การกระทำของคนตัวสูงทำให้กันต์ไม่เข้าใจว่าคิดมากไปเองหรือว่าคนพี่ตั้งใจพูดให้เขาคิดกันแน่
“มองไร...” บุ๊คหันมาถามเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กจ้องมาที่เขาแบบไม่ยอมย้ายสายตาไปไหน
“เปล่า...”
“เอ้อ! แล้ววันนี้แกจะทำอะไรไหม” คนตัวสูงเอ่ยปากถามพลางมองคนตัวเล็กกว่าที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“ไม่มีนะพี่ ทีแรกก็คิดว่าจะนั่งดูหนัง ทำงานบ้านปกติทั่วไปอะ” แม้จะพยายามพูดคุยด้วยน้ำเสียงปกติแต่ในใจของกันต์กลับเต็มไปด้วยความกังวล
บุ๊คจ้องมองกันต์ด้วยสายตาที่สงสัย เขารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่คนตัวเล็กกำลังพยายามซ่อนอยู่
“กันต์...”
“ครับ”
“พี่รู้สึกว่าแกไม่เหมือนเดิม มีอะไรที่พี่ควรรู้หรือเปล่า?”
“ห้ะ? ไม่เหมือนเดิมยังไง”
“ก็... ไม่รู้สิ แต่มันรู้สึกได้อะ”
“...”
กันต์นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งเมื่อได้ฟังคำพูดจากปากของคนตรงหน้า เขาคิดทบทวนว่าควรจะพูดสิ่งที่คิดอยู่ในหัวออกไปในตอนนี้หรือไม่ เพราะกลัวว่าจะทำให้วันดีๆ ต้องเปลี่ยนแปลงไป
“จริงๆ กันต์แค่รู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อย แต่พี่ไม่ต้องห่วงนะ กันต์จัดการได้”
บุ๊คได้ยินก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยพูด “ถ้ามีอะไรที่แกอยากพูด พี่พร้อมรับฟังเสมอนะ”
“อันที่จริง...”
“หื้ม?”
“ก็มีเรื่องที่กันต์อยากจะพูดอยู่เหมือนกัน...”
“...” บุ๊คพยักหน้ารับหลังจากที่ได้ยินคนน้องพูด
“กันต์อยากคุยเรื่องความรู้สึกของเรา... เรื่องคืนนั้นที่กิ่วแม่ปาน”
บุ๊คถึงกับนิ่งไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินหัวข้อสนทนาที่กันต์เกริ่นนำออกมาก่อนจะพยักหน้ารับ “อื้อ! พี่เข้าใจ”
“นั่นแหละ พี่โอเคที่จะคุยใช่ไหม”
“โอเค ก็ดีเหมือนกัน เรามาคุยเรื่องนี้กันแบบจริงจังกันหน่อยดีกว่า พี่ก็อยากจะให้มันชัดเจนสักที”
พวกเขาทั้งคู่ตัดสินใจลุกจากโต๊ะนั้นแล้วเดินย้ายไปอีกมุมหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลมากนักแต่มีความสงบและดูจะลับตาคนมากกว่า บริเวณนั้นมีทางเดินที่ปูด้วยก้อนหินเล็กๆ และดอกไม้หลากสีสันเบ่งบานอยู่โดยรอบ ใกล้ๆ นั้นมีน้ำพุเล็กๆ อยู่ด้วยคอบสร้างเสียงน้ำไหลที่ชวนให้รู้สึกผ่อนคลายและสงบได้ไม่น้อย
กันต์กับบุ๊คหย่อนตัวลงนั่งไปที่ม้านั่งใต้ร่มไม้ใหญ่ริมทะเลสาบ ใบไม้เขียวขจีโยกไหวแผ่วเบาตามแรงลมอ่อนที่พัดโชยมา คนตัวสูงหันมามองคนที่ตัวเล็กกว่าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความจริงจัง
“จริงๆ พี่ก็กลับไปทบทวนมาบ้างแล้วแหละ”
“...”
“เรื่องคืนนั้นที่กิ่วแม่ปานอะ”
“...”
“พี่ว่า... พี่มั่นใจว่ามันไม่ใช่แค่ความต้องการทางร่างกายอย่างเดียวแน่ๆ แต่พี่เองก็ยังไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร ไม่แน่ใจว่ามันคือสิ่งๆ นั้นแบบที่ใครหลายคนเข้าใจหรือเปล่า...”
“สิ่งๆ นั้น?” กันต์ถามกลับอย่างไม่เข้าใจ
“ก็... ไอ้สิ่งที่เขาเรียกกันว่าความรักอะ พี่เองก็ยังไม่มั่นใจนักหรอก”
กันต์หันมามองหน้าบุ๊คนิ่ง “แต่สำหรับกันต์ มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นมานานมากแล้ว และกันต์ก็มั่นใจว่ากันต์ชอบพี่...”
“อ่า...”
“แต่กันต์เข้าใจนะ ไอ้ที่พี่บอกเมื่อครั้งก่อนว่ายังไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองอะ”
“ขอบใจนะ อยากขอโทษอีกหลายๆ ครั้งเลย แต่ให้โอกาสพี่หน่อยนะ ขอเวลาอีกสักหน่อย พี่สัญญาว่าจะหาคำตอบให้ได้เร็วที่สุด”
เห้อ~
กันต์ลอบถอนหายใจออกมา แม้จะพยายามเข้าใจอีกฝ่าย แต่นั่นก็ดูเหมือนว่ามันจะเป็นความเห็นแก่ตัวอยู่ไม่น้อย แต่จะให้ทำไงได้ล่ะ ก็ในเมื่อเขารู้สึกกับบุ๊คมากขนาดนี้แล้ว การจะปฏิเสธด้วยการตัดขาดความรู้สึกในทันทีทันใดก็ดูจะเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ
“ไม่เป็นไร กันต์เชื่อในตัวพี่ และจะอยู่ข้างๆ พี่เสมอนะ ใช้เวลาของพี่ให้เต็มที่เถอะ”
“ขอบคุณนะ”
กันต์รู้สึกเบาใจมากขึ้นหลังจากการพูดคุยกัน แม้จะไม่ได้ดูมีความคืบหน้าอะไรมากนักแต่ก็ทำให้เขาชัดเจนขึ้นมาได้บ้าง เขารู้ว่าบุ๊คกำลังพยายามและเขาก็พร้อมจะให้เวลาและพื้นที่ในการทบทวนความคิด ความรู้สึก เพื่อที่บุ๊คจะได้มีเวลาสะสางความสับสนภายในจิตใจให้กระจ่างได้สักที
“ปะ! กลับกันเถอะ เดี๋ยวบ่ายๆ พี่มีนัดคุยงาน”
“โอเค”
กันต์กับบุ๊คลุกจากม้านั่งก่อนจะพากันเดินออกไปจากบริเวณนั้นแล้วตรงไปที่รถ สีหน้าของกันต์ดูผ่อนคลายขึ้นมากจากตอนแรกที่มา ความอึดอัดบางอย่างหายไปหลังจากที่ได้มีการพูดคุยกันอย่างจริงจัง
คืนนั้นหลังจากที่บุ๊คเสร็จธุระกลับมาถึงบ้าน เขาก็เผลอคิดถึงคำพูดของกันต์ขึ้นมา เขามองออกไปนอกหน้าต่างเห็นท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้มแซมด้วยสีชมพูในยามเย็นพลางรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่มีกันต์อยู่เคียงข้างและเข้าใจเขาในทุกเรื่อง ในห้วงเวลานั้นเขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะลองเปิดใจดูสักตั้งและหาคำตอบในใจให้ได้เร็วที่สุด เขาจะไม่แคร์สายตาใครอีกต่อไป เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคงหนีไม่พ้นความรู้สึกของกันต์และตัวเขาเอง
บุ๊คเดินไปหย่อนตัวนั่งลงที่โต๊ะทำงาน ก่อนจะหยิบสมุดบันทึกขึ้นมา เขียนความรู้สึกและความคิดของตัวเองลงไป เขาพยายามสะท้อนความรู้สึกที่แท้จริงในใจออกมาเป็นตัวหนังสือเพื่อที่ว่าตอนกลับมาอ่านจะได้เข้าใจตัวเองได้อย่างชัดเจนมากขึ้น