วงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ
รัก,ตลก,ชาย-ชาย,สะท้อนปัญหาสังคม,วัยว้าวุ่น,วายบันเทิง,วาย,นิยายวาย,แฉ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
วายบันเทิงวงการซีรีส์วาย บันเทิงกว่าที่คิด... โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังกล้องอะนะ
วายบันเทิง
The Gossip of BL
Run_Kantheephop
เรื่องแต่ง 99% อีก 1% คือเค้าโครงจากเรื่องจริง
ขออนุญาตแก้ไขวันและเวลาในการอัพนิยายนะครับ เนื่องจากช่วงนี้มีภารกิจจากหน้าที่การงานเข้ามาจึงทำให้เขียนนิยายได้น้อยลงกว่าเดิม จากนี้ไปจะขออัพนิยายเพียงแค่สัปดาห์ละ 1 ตอนนะครับ (ทุกวันเสาร์ เวลา 18:00 น.)
ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามครับ
********************************************************************************
มีทั้งหมด 5 เล่ม
E-Book วางจำหน่ายแล้ว บน MEB
หลังจากวันที่บุ๊คและกันต์ได้พูดคุยและตกลงที่เริ่มต้นความสัมพันธ์ที่มากกว่าพี่น้อง บรรยากาศรอบตัวของทั้งคู่ก็ดูเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทุกอย่างดูเต็มไปด้วยความสุข สิ่งเหล่านั้นดูฉายชัดผ่านรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของทั้งสองคน
พวกเขาเดินเคียงข้างกันอยู่ในสวนสาธารณะยามเย็นหลังจากที่ทั้งคู่เลิกงานจากการไปออกกองถ่ายรายการทำอาหารตั้งแต่ช่วงเช้า สวนสาธารณะแห่งนี้เป็นสถานที่ที่หนุ่มสาวหลายคนมักจะมาพักผ่อนหย่อนใจกันในช่วงเวลาหลังเลิกงานหรือไม่ก็ช่วงวันหยุด เพราะตั้งอยู่ใจกลางเมืองและเดินทางสะดวก แถมภายในสวนยังมีกิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจให้เลือกทำหลายอย่าง และยังมีทิวทัศน์ที่สวยงามอีกด้วย
สวนแห่งนี้เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงาและดอกไม้หลากหลายสีที่กำลังบานสะพรั่งในทุกมุม เสียงนกร้องดังเจื้อยแจ้วขับกล่อมมาเป็นระยะ เสียงลมพัดและน้ำพุสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายสบายใจได้เป็นอย่างดี กันต์และบุ๊คหยุดเดินก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ ใบไม้ที่พลิ้วไหวตามแรงลมอ่อนๆ ทำให้พวกเขาทั้งคู่รู้สึกสบายใจอย่างน่าประหลาด บุ๊คหันไปมองหน้ากันต์ที่นั่งข้างๆ ด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสงสัยและคาดหวังจนคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ๆ สังเกตเห็นเข้าจึงอดถามไม่ได้
“พี่มองกันต์ขนาดนี้มีอะไรปะเนี่ย”
“มี...”
“หื้ม?”
“มีความสุข”
เผียะ!
กันต์ยกมือขึ้นฟาดไปที่แขนของคนตัวสูงที่นั่งอยู่ด้านข้างเบาๆ ไปหนึ่งทีเพื่อระบายความรู้สึกเขินที่เกิดขึ้น อยู่ๆ ก็พูดแบบนี้ออกมาตรงหน้า เขาก็ทำตัวไม่ถูกน่ะสิ
“ละหนูจะตีพี่ทำไมเนี่ย!”
เฮือก!!!
กันต์ถึงกลับกลั้นหายใจไปครู่หนึ่งเมื่อจู่ๆ บุ๊คก็เปลี่ยนสรรพนามในการเรียกเขาจากแกเป็นคำว่าหนู พอได้ยินแบบนั้นเขาก็รู้ได้ทันทีว่าทั้งใบหน้าและใบหูของเขามันคงแกงกล่ำจนเห็นได้ชัดแน่ๆ ความรู้สึกร้อนผ่าวมันกระจายไปทั่ว ไม่รู้ว่าทำไมแค่คำๆ เดียวถึงได้มีพลังทำลายล้างต่อจิตใจเขามากขนาดนี้
“ก็พี่แกล้งอะ”
“ยังไม่ได้ทำไรเลย”
“พี่ชอบแกล้งให้กันต์เขินอะ”
“ไม่ได้แกล้งสักหน่อย ก็แค่ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเอง”
“ไอ้พี่บ้า...”
“ไม่อยากเป็นพี่แล้วอะ เลิกเรียกพี่ได้ไหม” บุ๊คยกมือทั้งสองข้างจับเข้าที่หัวไหล่ของอีกฝ่ายแล้วจ้องตาเอ่ยถามอย่างจริงจัง
“แล้วจะให้เรียกว่าอะไร”
“ที่รัก...”
“ไม่เอา~ เขินแย่” คนตัวเล็กกว่าปฏิเสธ เขาไม่กล้าเรียกบุ๊คแบบนั้นหรอก กระดากปากจะตายไป
“งั้นจะเรียกอะไร” คนตัวสูงถามกลับด้วยแววตาคาดหวัง
“เรียกเธอก็พอมั้ง”
“แล้วจะแทนตัวเองว่าอะไร”
“ก็.... กันต์ไง” แก้มทั้งสองข้างของกันต์เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ
“หื้ม?” บุ๊คหรี่ตามอง
“ละ... แล้วพี่อยากเรียกว่ากันต์ว่าอะไรอะ”
“หนู...”
“ไม่อาวว มันน่ารักเกินไป ไม่เหมาะกับกันต์หรอก” คนตัวเล็กรีบปฏิเสธ ขนลุกจะตาย ใครจะไปอยากแทนตัวเองว่าหนู
“...” บุ๊คเงียบไม่สนทนาต่อ เขาทำหน้าบึ้งพร้อมกับหันหน้าหนีไปอีกทาง
“กะ...ก็ได้พี่ หนูก็หนู”
“พี่?” คนตัวสูงหันขวับกลับมาพร้อมถามด้วยน้ำเสียงแข็ง
“ธะ...เธอ”
“โอเค้!” บุ๊คพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม
“แล้วเธอจะแทนตัวเองว่าอะไร” กันต์ถามกลับด้วยแววตาอยากรู้
“อืม... ใช้ฉันดีไหม”
“ฉันกับเธอ?”
“อือ น่ารักดีออก”
“แต่ให้กันต์แทนตัวเองว่าหนูอะนะ”
“ช่าย”
“โอเค ก็ได้...”
“งั้นต่อไปนี้ ถ้าได้ยินเรียกพี่เมื่อไหร่จะต้องโดนลงโทษโอเคไหม”
กันต์หน้ายู่เล็กน้อยเมื่อได้ยินข้อตกลงนั้นก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเมื่อคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ในหัวพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหูของคนตัวสูงแล้วกระซิบ “งั้นขอหนักๆ เลยนะ”
จุ๊บ!
พูดจบคนตัวเล็กกว่าก็ขโมยจูบเข้าไปที่ข้างใบแก้มของคนตัวสูงอย่างรวดเร็ว อีกฝ่ายตกใจรีบผละออกห่างแล้วหันมองซ้ายขวาในทันทีกลัวว่าจะมีใครเห็นเข้า ทำเอากันต์รู้สึกเสียใจนิดหน่อยที่คนตรงหน้าทำเหมือนกับว่าไม่โอเคในการกระทำของเขา
“ขอโทษครับ... กันต์น่าจะขออนุญาตพี่ก่อน” กันต์เอ่ยบอกเสียงอ่อน เกิดความหน่วงขึ้นมาในหัวใจเล็กน้อย กลัวว่าสิ่งที่ตนทำเมื่อครู่จะสร้างความไม่พอใจให้กับคนพี่ ถึงกับรีบเปลี่ยนสรรพนามกลับในทันทีเพื่อแสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขายังมีความเคารพอยู่ไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกิน
“ไม่เป็นไรๆ ไม่ได้โกรธหนูเลย แค่กลัวคนอื่นเห็น ไม่อยากโดนนินทา” คนพี่รีบปฏิเสธละล่ำละลักเพราะกลัวว่าคนข้างๆ จะเข้าใจผิด
“เธอก็ไม่เห็นจะต้องกลัวอะไรเลย แค่มีความสุขกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ไม่ได้เหรอ หนูยังไม่เห็นจะแคร์อะไรสักนิด”
“...” คนตัวสูงนิ่งคิดตามแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ระหว่างที่ทั้งสองคนนั่งคุยกันอยู่นั้นก็มีเด็กๆ กลุ่มหนึ่งวิ่งเล่นกันอยู่ในสนามหญ้าใกล้ๆ เสียงหัวเราะเฮฮาและความสนุกสนานของเด็กๆ สร้างบรรยากาศที่สดใสและมีชีวิตชีวาได้ไม่น้อย กันต์เบนสายตามองไปที่กลุ่มเด็กเหล่านั้นก่อนจะหันกลับมามองหน้าบุ๊คแล้วเอ่ยพูด
"เธอลองดูตรงนั้นดิ! เด็กๆ พวกนั้นไม่มีความกังวลอะไรเลยด้วยซ้ำ พวกเขาก็แค่สนุกกับสิ่งที่ทำในตอนนี้...."
“ก็จริง... น้องๆ ดูมีความสุขกันจัง”
“อื้ม”
“เห้อ...” คนตัวสูงถอนหายใจยาวออกมา
“หนูว่าบางทีพี่น่าจะลองเรียนรู้จากพวกเด็กๆ ดูบ้างนะ”
“พี่? อีกแล้วเหรอ”
“ง่า... ขอเวลาปรับตัวหน่อยดิ”
“โอเค รอบนี้จะยกโทษให้นะ”
“พี่บุ๊ค!! พี่กันต์!!”
อยู่ๆ ก็มีเสียงที่คุ้นหูตะโกนเรียกพวกเขาขึ้นมา ทั้งคู่หันขวับไปมองทันทีก่อนจะพบว่าเป็นน้องฮันที่เคยเล่นซีรีส์ด้วยกัน แวบหนึ่งบุ๊ครู้สึกตกใจเป็นอย่างมากที่มีคนรู้จักมาเจอเขากับกันต์อยู่ด้วยกันสองต่อสองแถมยังกำลังนั่งคุยกันแบบใกล้ชิดอีกต่างหาก
“ไม่คิดว่าจะได้เจอพวกพี่ที่นี่” ฮันเดินยิ้มแป้นเข้ามาใกล้แล้วเอ่ยทักทาย
“พอดีพวกพี่มานั่งคุยอะไรกันนิดหน่อยอะ” บุ๊คเอ่ยตอบเสียงนิ่ง
ฮันถึงกับมองบุ๊คและกันต์ด้วยแววตาสงสัย “เอ่อ... น่าจะกำลังคุยเรื่องสำคัญกันอยู่สินะ งั้นเดี๋ยวผมไปก่อนดีกว่า ไม่อยากรบกวน”
“เอ้ย! ไม่มีไรหรอก ก็คุยกันเรื่อยเปื่อยนั่นแหละ ละแกมาทำไรแถวนี้” กันต์รีบเอ่ยพูดแทรกขึ้นมาเมื่อเห็นว่าบรรยากาศมันดูอึดอัดเกินไปหน่อย
“มาถ่ายรูปเล่นในสวนอะพี่ ไม่มีรูปจะลงไอจีละ”
“แหนะ! ละมากับใคร อย่าให้กูรู้น้า~”
“เพื่อนๆ มากับเพื่อน”
“อ่อๆๆๆ”
“งั้นผมไปก่อนดีกว่าพี่ เดี๋ยวจะไปหาอะไรกินต่อ หิวมาก” ฮันบอกพลางยกมือขึ้นโบกลา
“กลับดีๆ มึง”
พอฮันเดินลับสายตาไปบุ๊คก็ลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ด้วยความโล่งอกแต่ก็ดันหนีไม่พ้นสายตาของคนน้องที่หันมาเห็นพอดี
“เธอกังวลใช่ไหมว่าฮันมันจะคิดยังไงเรื่องของพวกเราอะ” กันต์เอ่ยปากถามด้วยความห่วงใย
บุ๊คนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง “ไม่รู้ดิ เอาจริงๆ ฉันก็ไม่ได้สนใจนักหรอกว่าคนอื่นจะคิดยังไงอะ” เขายื่นหน้าเขามาใกล้คนตัวเล็กกว่า “สิ่งสำคัญที่สุดคือความรู้สึกของเราสองคนมากกว่า”
“เธอ~” กันต์ยกมือขึ้นผลักอกของคนพี่ออกเบาๆ เพราะกำลังรู้สึกเขิน “จริงๆ หนูก็คิดแบบนั้นแหละ พวกเราต้องอยู่กับความรู้สึกของตัวเอง และอย่าให้ความคิดของคนอื่นมามีอิทธิพลกับความสัมพันธ์ของเรา”
บุ๊คนั่งคิดถึงสิ่งที่อีกฝ่ายพูด เขารู้สึกว่าคำพูดของกันต์นั้นมันมีความหมายและสร้างแรงบันดาลใจบางอย่างให้ตัวเขามากขึ้น เขาเริ่มเข้าใจว่าการเปิดใจและการตัดสินใจพูดคุยอย่างจริงจังเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน
พอได้เวลาทั้งสองคนต่างก็พากันแยกย้ายกลับบ้าน คืนนั้นเป็นครั้งแรกที่บุ๊ครู้สึกว่าเขาเบาใจและมีความสุขมากที่สุดในช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมา จากที่หนักใจและคิดมากมาหลายคืน วันนี้เหมือนเขาได้ปลดล็อกสิ่งเหล่านั้นออกไปจนหมด อะไรๆ ดูเหมือนว่าจะง่ายกว่าที่เขาคิดอยู่มากโขจนเขาแอบเสียดายขึ้นมาว่าควรจะคิดได้ในเวลาที่ไวกว่านี้ จะได้ไม่ต้องวิตกอยู่คนเดียวตั้งหลายวัน ทำเอาเขาแทบจะเป็นบ้า
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วส่งข้อความหาคนน้องในทันที แยกกันได้ไม่เท่าไหร่ เขาก็รู้สึกคิดถึงขึ้นมาเสียแล้ว
Book : คิดถึงจัง
Kan : อารายย เพิ่งแยกกันไม่กี่ชั่วโมงเอง
Book : 555
Book : เอ้อ! ขอบคุณหนูมากนะวันนี้ โคตรรู้สึกดีเลย
Kan : รู้สึกดีเหมือนกันนน ที่ทำให้เธอเปิดใจได้สักที
Kan : หนูเชื่อว่าพวกเราจะผ่านทุกอย่างไปได้ด้วยกันนะ
บุ๊คอ่านข้อความพลางยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ตัวอักษรเหล่านั้นที่เรียงร้อยเป็นคำพูดจากอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาด ความสัมพันธ์ของพวกเขาในตอนนี้มันชัดเจนมากแล้วว่าไม่ใช่แค่เพียงพี่น้องแบบเมื่อก่อน มันมากกว่านั้น มันเต็มไปด้วยความรักและความห่วงใยในแบบที่คนรักกันจะมอบให้ คนตัวสูงเอนตัวลงนอนบนโซฟาแล้ววางโทรศัพท์ไว้ด้านข้างก่อนจะหลับตาลงเพื่อพักสายตาหน่อย เขารู้สึกว่าในวันข้างหน้าคงมีอะไรที่ท้าทายรออยู่อีกเยอะแน่นอน แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว ขอแค่มีกันต์อยู่เคียงข้างเขาก็พอ