น่านฟ้า ไม่ชอบเป็นจุดสนใจ แต่เขาดันมีอีกตัวตนที่เป็นที่รู้จักไปทั่ว มีแฟนคลับมากมายแม้ไม่เคยมีใครเห็นหน้าจริงของเขา แต่เมื่อต้องมาเรียนเขาเลือกจะซ่อนตัวใต้หน้ากากตลอดเวลา จนดึงความสนใจรุ่นพี่เซเลบเข้า
ชาย-ชาย,รัก,วัยว้าวุ่น,boylove/yaoi,boylove ,ชายรักชาย,ชายชาย,มหาวิทยาลัย,feelgood,yaoi ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
แสงแฟลชจากกล้องหลายตัวสาดส่องไปทั่วห้องประชุมใหญ่ในโรงแรมระดับห้าดาว ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและความตื่นเต้น เสียงพูดคุยจากนักข่าวและผู้เข้าร่วมงานคละคลุ้งไปทั่ว ก่อนที่ประตูห้องจะเปิดออก
ชายหนุ่มรูปร่างเพรียวบางในชุดสูทเรียบหรู แต่มีหน้ากากอนามัยสีดำปิดบังใบหน้าครึ่งล่าง เดินเข้ามาพร้อมกับตัวแทนของแบรนด์ดังระดับโลก ทุกสายตาจับจ้องไปที่เขา โซระ ช่างภาพชื่อดังผู้ลึกลับที่แฟนๆ รอคอยการปรากฏตัวอย่างใจจดใจจ่อ
"วันนี้เรามีความยินดีที่จะประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างแบรนด์ของเรากับโซระ ช่างภาพระดับโลกที่มีผลงานอันน่าทึ่ง..." เสียงตัวแทนแบรนด์พูดขึ้น แต่ดูเหมือนผู้ฟังส่วนใหญ่จะสนใจคนที่ยืนข้างๆ มากกว่า
โซระยืนอย่างสงบนิ่ง เขาไม่ได้พูดอะไร แต่เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ทำให้บรรยากาศดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา
แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ถ่ายทอดสดงานแถลงอยู่ ระเบิดทันทีที่ภาพของเขาเริ่มเผยแพร่
@SoraLover101: "โอ้พระเจ้า! โซระมาแล้ว! ใครก็ได้บอกทีว่าฉันไม่ได้ฝันไป! ลูกชายมัมหมี หนูศึกจากถ้ำแล้วหรอลูก"
@MumSora_FC: "ทำไมลูกชายถึงดูดีขนาดนี้ แม่ภูมิใจมาก T_T"
@FashionVibes: "วิชวลของเขานี่ไม่ใช่เล่นๆ นะ สมกับเป็นช่างภาพระดับโลก //อ้อ ไม่เกี่ยวหรอ แหะๆ"
@คนที่ผ่านมา: “เขาไม่เคยเปิดหน้าด้วยซ้ำเธอรู้ได้ไงว่าเขาจะหล่อ
@FashionVibes: “ก็เห็นๆ กันอยู่! เม้นต์บนเธอลองจ้องตาเขาสิ แล้วจะเข้าใจวิชวลที่ฉันหมายถึง”
@WannaBe: “ฉันจะกรี๊ดดด ช่างภาพที่ทำให้เทนของฉันดังเป็นพลุแตกจากงานถ่ายแบบ แบรนด์xx ในที่สุดก็ออกมารับงานใหม่แล้ว”
@SakuraXX: “พูดก็พูดเถอะ คนอะไรไม่เห็นหน้าแต่ไม่สามารถละสายตาได้ ทุกอย่างมันเป็นองค์ประกอบที่ดึงดูดไปหมด ต่อให้ไม่เคยเห็นหน้าฉันก็จะเป็นเมนเขา!”
.
โซระไม่ใช่คนที่จะพูดมาก แต่เสน่ห์ของเขาอยู่ที่สายตาและท่าทางที่เป็นเอกลักษณ์ เขาไม่ได้หน้าตาหล่อเหลาแบบนายแบบ (แน่ล่ะไม่มีใครรู้ว่าเขาหน้าตาเป็นยังไงด้วยซ้ำ) แต่กลับมีเสน่ห์ดึงดูดที่ยากจะอธิบาย สายตาคมนิ่งของเขาทำให้ทุกคนที่มองรู้สึกเหมือนถูกสะกด
"คุณโซระ มีอะไรอยากกล่าวถึงการร่วมงานครั้งนี้ไหมครับ?" นักข่าวคนหนึ่งถาม
โซระยกไมโครโฟนขึ้นเล็กน้อยก่อนจะตอบด้วยเสียงนุ่ม "ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับแบรนด์ที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ครับ หวังว่าผลงานของเราจะสร้างความประทับใจให้ทุกคน" คำพูดเพียงสั้นๆ แต่ทำให้บรรดาแฟนคลับในงานถึงกับกรี๊ดเบาๆ ไม่ต่างจากในโซเชียลที่แตกฮือ
@SoraFoever: “ฉันรู้สึกว่าชีวิตคอมพลีต กรี๊ดดดดด เสียงนั่นมันอะไร ถ้าเขาไปเป็นไอดอล ฉันจะตามไปติ่งเป็นคนแรกแน่ๆ”
@SoraNo1: “หล่อนน่ะหลบไปย่ะ ฉันต่างหากแฟนคลับเบอร์หนึ่งของโซระ ฉันตามมาตั้งแต่เขายังไม่เป็นที่รูจักด้วยซ้ำ!”
@mdxhs: “ฉันก็ด้วย ในฐานะนักเรียนนิเทศ ฉันชื่นชมการเล่าเรื่องผ่านภาพของเขามากจนนับถือเขาตั้งแต่ผลงานแรกๆ แต่พอเขาออกสื่อ ได้เห็นดวงตาทรงเสน่ห์นั่น ฉันก็ผันจัวไปเป็นแฟนคลับตัวน้อยๆ ของเขาทันที ฮือออ มายเมน ค่าตัวแพงมาก นานๆ ทีจะรับงานสักครั้ง”
@MeZaaaa: “เป็นช่างภาพ ไม่รับงานแล้วทำอะไร”
@Untitled: “นายเพิ่งรู้จักโซระใช่มั้ย… งานที่โซระรับแต่ละงานน่ะ ค่าตัวครั้งหนึ่งคนปกติอยู่ได้เป็นปีแล้ว… แต่ต่อให้ไม่ทำงานฉันว่าเขาก็ไม่อดตายหรอก ดูดีๆ สิที่เขาใส่อยู่นั่นรวมกันกี่หมื่นดอลลาร์!”
@SoraMyBoy: “งือออ ถึงเราจะรู้ว่าเรากำลังเปย์คนที่รวยกว่าเราเราก็จะสนับสนุนงานที่โซระถ่ายต่อไป งืออ ลูกชายมัมหมีพูดอีกสิคับ”
@Anonymous: "ใครรู้บ้างว่าตัวจริงของโซระคือใคร? ฉันเดิมพันว่าเขาต้องเป็นลูกชายมหาเศรษฐีที่หนีมาใช้ชีวิตเรียบง่ายแน่ๆ!"
@HiddenLens: "ไม่มีใครรู้ชื่อจริงของเขาเลยเหรอ? หรือมันจะเป็นความลับระดับโลก?"
@SoraAnonymous: “ช่างภาพหรือไอดอล ฉันสับสนไปหมดแล้ว “
@ลูกชายมัมหมีดีที่สุด: "แต่อะไรฉันก็รักลูกชายฉัน!"
.
หลังจบงาน โซระเดินออกจากห้องประชุมพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก ภายใต้หน้ากาก แฟลชจากกล้องยังคงสาดส่องตามหลังเขา
"และนี่ก็เป็นการเปิดตัวอีกครั้งในรอบปีของช่างภาพดัง ผู้ลึกลับอย่างโซระนะคะ…" นักข่าวคนหนึ่งเอ่ยกับกล้องที่ถ่ายอยู่ เสียงของเธอค่อยๆ เบาลงตามระยะห่างที่โซระก้าวเดินออกไป
.
โซระเดินกลับไปยังห้องพักส่วนตัวที่หรูหรา ในโรงแรมที่จัดงานแถลงข่าวของแบรนด์ที่เขากำลังร่วมงานด้วย เขาถอดสูทออกและนั่งลงที่เก้าอี้ในห้องอย่างหมดแรง โซระไม่ค่อยชอบเจอคนเยอะๆ มันทำให้เขาหมดพลังงานอย่างรวดเร็ว เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยรู้ว่าจะพูดอะไรเวลาต้องคุยกับคนเลยรู้สึกว่าใช้พลังงานสมองในการคิดเยอะมาก
โซระนั่งพักสายตาอยู่พักใหญ่ ก่อนจะเปิดแล็ปท็อปเพื่ออ่านคอมเมนต์จากแฟนๆ ที่ส่งเข้ามาใต้โพสต์ถ่ายทอดสด บางคนแท็กช่องทางออฟฟิเชียลของเขา
เขายิ้มบางๆ กับข้อความที่อ่านเจอ แม้เขาจะไม่เคยเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงกับใคร แต่ก็อดรู้สึกอบอุ่นใจไม่ได้เมื่อเห็นว่ามีคนรักและสนับสนุนเขามากขนาดนี้ เขานั่งไล่กดไลค์คอมเม้นต์แฟนๆ ที่น่ารัก และเมินต่อบางคอมเม้นต์ที่ไม่ดี
"ขอบคุณนะครับ..." เขาพูดกับตัวเองเบาๆ เมื่อได้เห็นข้อความชื่นชมในผลงานของเขา
แล้วโลกโซเชียลก็ยังคงเฝ้ารอว่า เมื่อไหร่โซระจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้ทุกคนได้เห็น… มัมหมีทั้งหลายอยากชมหน้าค่าตาลูกชายมโนของพวกเขาจะแย่แล้ว
.
.
ข่าวครึกโครมที่พาดหัวเกี่ยวกับ "โซระ" ช่างภาพชื่อดังระดับโลก ปรากฏอยู่บนหน้าสื่อทุกประเภท งานใหม่ของเขากับแบรนด์ดังที่มีชื่อเสียงในวงการแฟชั่นถูกพูดถึงไม่หยุดหย่อน ความลึกลับของเขายิ่งทำให้ผู้คนหลงใหล แม้จะไม่มีใครเคยเห็นหน้าชัดๆ หรือรู้ตัวตนที่แท้จริง แต่ทุกคนต่างคลั่งไคล้ผลงานและเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ในภาพถ่ายของเขา
มือเรียวของหญิงสาวคนหนึ่งเลื่อนผ่านหน้าจอมือถือดูข่าวของโซระที่ยังขึ้นฮอตเสิชอยู่ตั้งแต่เมื่อคืนวาน
“โอฮาโย โอบาซัง (คุณน้า) ”
“ไง ตัวเล็กของน้า” หญิงสาวตอบพลางขยี้หัวหลานชายคนเล็ก หลานชายของเธอตัวเล็กกว่าเธอเสียอีกทั้งที่ปีนี้ก็อายุ 18 แล้ว ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด หลานคนเล็กดูจะได้พี่สาวเธอมาแทบทั้งหมด ทั้งที่เป็นผู้ชาย
ในขณะที่หลานสาวคนเดียวที่เป็นแฝดของหลานคนนี้ แม้จะหน้าตาคล้ายกันแต่ส่วนสูงมากกว่า แถมยังได้จมูกกับตาคมๆ จากพ่อของพวกเขาอีก มีก็แต่หลานรักคนเล็กนี่แหละที่ได้เชื่อตระกูลเธอมาเต็มๆ
“โอบาซังดูอะไรครับ”
“ข่าวของเด็กขี้อายบางคนน่ะสิ” เธอตอบด้วยเสียงเจือหัวเราะ ทำให้หลานชายคนเล็กมุ่ยปากอย่างน่ารัก
เจ้าเด็กคนนี้นอกจากตัวเล็กเพรียวบาง แล้วยังมีดวงตาเฉี่ยวทรงเสน่ห์ ที่ถ้าดูแต่ตาคงรู้สึกว่าหลานชายหล่อมาก คล้ายพวกไอดอลชาย แต่ถ้าดูทั้งหน้า จมูกรั้น ประกอบกับปากกระจับอมชมพู ไหนจะผิวเนียนๆ ที่เธอจับบำรุงอย่างดีมาตั้งแต่เด็ก ไหนจะนิสัยขี้อ้อนนี่อีก ถ้าจับเจ้าหลานคนนี้ใส่กระโปรง ไม่มีใครดูออกว่าเป็นผู้ชายแน่นอนเธอรับประกัน
แต่จะโทษหลานเธออย่างเดียวไม่ได้หรอกนะ เพราะว่าครอบครัวของพวกเธอเลี้ยงเขามาแบบนี้นี่นา เจ้าเด็กคนนี้น่ะ ทั้งบ้านประคบประหงมยิ่งกว่าอะไร ยิ่งหลังจากเกิดเรื่องตอนที่น่านฟ้าเป็นเด็ก ยิ่งดูแลยิ่งกว่าไข่ในหินอีก
“โอบาซังอ่าา ผมก็แค่เกร็งเวลาคนจ้องเยอะๆ น่ะครับ มีหน้ากากอยู่มันช่วยให้ตื่นเต้นน้อยลง ใครจะไปรู้ว่างานเบื้องหลังอย่างถ่ายภาพมันต้องออกหน้าออกตา ออกสื่อขนาดนี้อ่ะ” เด็กหนุ่มงอแงเสียงอ้อนพลางกอดแขนคนเป็นน้า
เด็กหนุ่มคนนี้ก็คือโซระที่เป็นข่าวเมื่อคืนก่อนนี่เอง ชื่อจริงๆ ของเขาคือ ปานนภา อิงคานนท์ แต่ตอนที่อยูที่ญี่ปุ้นอย่างตอนนี้เขาใช้ชื่อว่า น่านฟ้า อาริตะ นามสกุลญี่ปุ่นของครอบครัวฝั่งแม่ของเขา น่านฟ้ามาเรียนที่ญี่ปุ่นตั้งแต่ก่อนขึ้น ม.ต้น ด้วยเหตุผลบางอย่างเขาจึงเคยชินกับชื่อนี้มากกว่า
"จะกลับไปแล้วหรอ?" คนเป็นน้าเอ่ยขึ้นขณะเดินถือถ้วยชาเข้ามา
"ครับ ผมอยากกลับไปเรียนที่เดียวกับพวกพี่ๆ" เขาตอบ
"ที่นั่น...ฟ้าเคยเจออะไรมาเยอะมาก จะไม่เป็นไรแน่นะ?" น้าถามอย่างเป็นห่วง เพราะตอนที่หลานเธอย้ายมาอยู่ที่นี่แรกๆ สภาพน่าเป็นห่วงมาก
น่านฟ้าเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มบางๆ "มันก็ผ่านมานานแล้ว ผมคิดว่าผมโอเคแล้วครับ"
“ถ้าฟ้าว่าอย่างนั้น โอบาซังก็โอเค… ถ้าไม่ไหวก็กลับมาอยู่ที่นี่เหมือนเดิมได้เสมอ”
“งืออ รักโอบาซังที่สุดครับ”
.
.
ที่แห่งหนึ่งในประเทศไทย บรรยากาศภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ดูคึกคักเมื่อข่าวการกลับมาของน้องชายคนเล็กถึงหูพี่ๆ ทุกคนในบ้าน
"ฟ้าจะกลับมาแล้วเหรอ?" เพลิงกาลพูดขณะวางโทรศัพท์ลง เขาเป็นฝาแฝดกับน่านฟ้า เป็นแฝดคนโตสุดในแฝดสาม เขาเป็นนักร้องเดี่ยวที่มีชื่อพอสมควรในตอนนี้
"ใช่ พรุ่งนี้บินถึง" ปฐวี พี่ชายคนโตของบ้านตอบ ขณะที่ยังคงมองเอกสารบนโต๊ะ เขารับช่วงดูแลบริษัทต่อจากพ่อ ทำให้มีงานอยู่ตลอดเวลา
"พี่ว่าเราคงต้องเตรียมต้อนรับให้น้องดีๆ หน่อย ซื้อของขวัญให้น้องดีมั้ย" ธารนทีพูดขึ้นบ้าง เขาเป็นหมออยู่ในโรงพยาบาลของครอบครัว เป็นหมอกึ่งผู้บริหารโรงพยาบาล แต่ส่วนมากเขาให้ฝ่ายบริหารจัดการไปแล้วไปตรวจคนไข้เสียมากกว่า นานๆ ทีจะเข้าบอร์ดประชุมเรื่องสำคัญ บ้านนี้คลั่งรักน้องคนเล็กของบ้านกันหมด แต่เรื่องตามใจน้องไม่มีใครสู้พี่หมอของน่านฟ้าได้ ธารนทีสปอยล์น้องเล็กมากที่สุดแล้ว
"อย่าไปทำให้น้องอึดอัดล่ะ พี่เพลิง" กาฬวาตเอ่ยแซวฝาแฝดของตัวเองที่ชอบแกล้งน้องเล็ก ทั้งๆ ที่รู้ว่าน้องขี้อาย แต่ชอบทไให้น้องต้องเจอคนเยอะๆ แบบไม่ตั้งตัว กาฬวาตเป็นแฝดคนกลางในแฝดสาม เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในบรรดาพี่น้อง ตอนนี้ทำงานเป็นนางแบบ เธอก็ดังพอสมควรเหมือนกับแฝดพี่
ตอนเด็กๆ สามแฝดเหมือนกันมากแทบแยกไม่ออก แต่พอโตมาก็เริ่มไม่เหมือนกันแล้ว เพลิงกาฬร่างสูงโปร่งมีกล้ามเนื้อ เพราะชอบเล่นกีฬา และยังเป็นนักร้องสายเต้นด้วย ส่วนกาฬวาตแม้จะหน้าคล้ายเพลิงกาลแต่ก็มีความสวยคม แฟนๆ บอกว่าเธอเหมือนนางพญาเวลาเดินแบบ เพราะเธอหน้าคมตาเฉี่ยว สูงโปร่ง
ในขณะที่แฝดคนเล็กอย่างน่านฟ้า สูงน้อยกว่าพี่ๆ แบบค่อนข้างชัด อาจจะเพราะว่าพวกพี่ๆ เอาส่วนสูงจากพ่อไปหมดแล้ว เลยเหลือกรรมพันธ์ความสูงกระปุ๊กกระปิ๊กของแม่ไว้ให้น้องเล็กอย่างเขา น่านฟ้าก็หน้าคล้ายพี่ๆ แฝด แต่เจ้าตัวออกไปทางตากลมทรงเสน่ห์ มีแก้มพอเหมาะ ปากนิดจมูกหน่อย ดูเป็นเด็กน้อยมากกว่าอีกสองแฝดที่อายุเท่ากัน แล้วก็หน้าหวานกว่าด้วย
"ใครกันแน่ที่จะทำให้น้องอึดอัด เธอต่างหากล่ะวาด" เพลิงกาลโต้กลับ กาฬวาตเองก็ชอบแกล้งแซวให้น้องเขินวิ่งขึ้นห้องตลอดเหมือนกันนั่นแหละ
เสียงหัวเราะดังขึ้นในห้องรับแขก ทุกคนในครอบครัวตื่นเต้นที่จะได้เจอสมาชิกคนสำคัญที่ไปอยู่ไกลกันเสียนาน นานๆ ทีจะได้บินไปเยี่ยมน้องเล็กของบ้าน แต่ตอนนี้น้องจะกลับมาอยู่บ้านด้วยกันแล้ว
.
ที่สนามบินในตอนเช้าเต็มไปด้วยผู้คนขวักไขว่ ทั้งคนลงเครื่อง คนมาขึ้นเครื่อง คนมารอรับ เต็มสนามบินไปหมด น่านฟ้าสวมเสื้อฮู้ดสีเทาและหน้ากากอนามัยสีดำเพื่อปกปิดใบหน้า แถมออปชันเสริมเป็นแว่นกรองแสงกลมโต แม้ไม่ได้หนาเตอะลุคเด็กเนิร์ดขนาดนั้นแต่พอรวมกับสไตล์ทรงผมยุ่งๆ ปรกหน้านี่ เขาก็มั่นใจว่าไม่มีใครเชื่อมโยงเขากับโซระแน่นอน
น่านฟ้าลากกระเป๋าเดินทางผ่านฝูงชน พลางมองไปรอบๆ อย่างสำรวจ
‘ไม่ได้กลับมาหลายปีเปลี่ยนไปเยอเลยแฮะ’ เขาคิดในใจ
น่านฟ้าเดินออกไปเรียกแท็กซี่ตรงจุดรอรถ รถแท็กซี่พาเขามุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัย เพราะงานที่โซระทำอยู่ มีเปลี่ยนแปลงกระทันหัน น่านฟ้าเลยต้องเลื่อนเที่ยวบินมาวันนี้ ทำให้เขาต้องรีบไปรายงานตัวที่มหาวิทยาลัยทันทีหลังลงเครื่อง
ความจริงพี่ๆ ของเขาพากันอาสาจะมานับแต่น่านฟ้ารู้ว่าทุกคนติดงานเลยบอกว่าจะไปเอง กว่าจะยอมกันได้คุยกันอยู่นานทีเดียว
.
ที่มหาวิทยาลัย บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์หลายคน ที่รายงานตัวเรียบร้อย กำลังเตรียมตัวเข้ากิจกรรมรับน้อง
น่านฟ้าเดินผ่านฝูงชนด้วยความเงียบ เขาพยายามไม่ให้ใครสังเกตเห็น แต่ด้วยความสูงและการแต่งตัวที่ดูลึกลับ… ไม่ใช่หรอกที่จริงเป็นเพราะเขาแบกข้าวของลากกระเป๋าเดินทางเข้ามหาวิทยาลัยมาค่อนข้างเยอะ เขาเลยกลายเป็นเป้าสายตา
"นั่นใครวะ? หอบบ้านมาเรียนหรือไง" นักศึกษาชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นขำๆ กับเพื่อน เมื่อเหม่อมองรอบๆ แล้วหันไปเจอน่านฟ้าพอดี
“อาจจะมาจากต่างจังหวัดมั้ง บางคนก็เพิ่งมาถึงวันนี้… ดูแล้วคงมาถึงสายเลยไม่ได้ไปเก็บของก่อน” เพื่อนของนักศึกษาคนแรกเอ่ยตอบ
"คงเป็นเด็กใหม่ล่ะมั้ง ดูแต่งตัวแปลกๆ แต่ก็ดูลึกลับดีนะ ฮ่าๆๆ"
อีกหลายเสียงที่พูดคุยถึงน่านฟ้า แต่มันก็ไม่ได้เข้าหูเขาเท่าไหร่เพราะเขากำลังก้มดูมือถือหาทางไปยังห้องรายงานตัว
แล้วยังมีแชทจากสองเพื่อนสนิทของเขา มินตรา กับ อชิระ ที่ส่งข้อความมาบอกว่ากิจกรรมกำลังจะเริ่ม
ถึงจะบอกว่าเพื่อนสนิทแต่ความจริงทั้งสองคนเป็นรุ่นพี่ของน่านฟ้า รู้จักกันตอนที่ทั้งสองคนนั้นไปเรียนม.ปลายที่ญี่ปุ่น น่านฟ้าเข้าเรียนเร็วเลยได้เรียนชั้นเดียวกันกับสองคนนี้ พวกเขายังคุยกันอยู่ตลอด
ช่วงม.ปลายเป็นช่วงที่ น่านฟ้าสนุกกับงานอดิเรกอย่างการถ่ายภาพ ไปรับจ๊อบถ่ายภาพด้วยนามแฝงโซระจนโด่งดังขึ้นมา เขาเลยไม่ได่คิดเรื่องเรีบนต่อทันที ในขณะที่ มินตรากับอชิระ กลับมาเรียนมหาวิทยาลัยที่ไทย สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์
ทั้งสามคนตอนม.ปลานเป็นกลุ่มคว้าแชมป์ด้านไอทีให้โรงเรียนมานักต่อนัก พวกเขามีความสามารถด้านการเขียนโปรแกรม เลยคุยกันว่าจะมาเรียนต่อสาขานี้แต่แรก ตอนที่น่านฟ้าตัดสินใจจะเรียนต่อ เลยคิดจะตามมาเรียนที่เดียสกับเพื่อนสนิทรุ่นพี่ทั้งสองคน เลยกลับมาที่ไทย
ระหว่างคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่านฟ้าก็มาถึงห้องธุรการของคณะ เขาทำเรื่องรายงานตัว และยื่นใบที่ขอรายงานตัวล่าช้าเพราะมาจากต่างประเทศไป พอทำทุกอย่างเรียบร้อย อาจารย์ก็แนะนำให้น่านฟ้าฝากของไว้ที่ห้องนี้ก่อน เพราะวันนี้คณะของเขามรกิจกรรม ถือของไปหมดคงไม่เหมาะ
.
ด้านพื้นที่เตรียมกิจกรรมรับน้องกลุ่มรุ่นพี่ปีสามกำลังพูดคุยเกี่ยวกับการรับน้อง นนท์ เดือนวิศวะปีสามที่นั่งอยู่เงียบๆ พลางฟังเพื่อนคุย
"ปีนี้เด็กใหม่ดูน่าสนใจดีนะ เห็นว่าเข้ามาหลายคนที่โปรไฟล์หรูหรา" เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้น
"แล้วไง?" นนท์ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"ก็น่าจะมีสาวๆ เด็ดๆ ไงเพื่อน!"
นนท์ถอนหายใจพลางส่ายหน้าเล็กน้อย แต่ไม่ได้สนใจบทสนทนามากนัก ไอ้ภูเพื่อนเขามันก็เสือผู้หญิงมาตั้งแต่ไหนแต่ไร น่าแปลกที่รู้ทั้งรู้ว่ามันเจ้าชู้ก็ยังมีคนเข้าหามันไม่ขาด
นนท์มองเหม่อไปเรื่อย จนกระทั่งสายตาของเขาสะดุดเข้ากับชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินผ่านไปในระยะไกล
"นั่นใคร?" เขาถามเพื่อนด้วยความสงสัย สายตามองไปที่เด็กหนุ่ม? น่าจะใช่นะ ดูจากเสื้อผ้า แต่เด็กนั่นก็ตัวเล็กมาก ทำเอานนท์ไม่แน่ใจ
"ไม่รู้ เด็กใหม่ล่ะมั้ง ทำไม นายสนใจ?" ภูมองตามไปเจอเด็กหนุ่มแต่งตัวสวนทางกับสภาพอากาศประเทศไทย เห็นแล้วร้อนแทน
นนท์ไม่ได้ตอบอะไร เขาแค่จ้องมองแผ่นหลังของเด็กหนุ่มแต่งตัวประหลาดไปจนลับสายตา
.
น่านฟ้ารู้สึกดีใจมาก ที่กิจกรรมวันนี้ไม่มีอะไรมาก เป็นการแนะนำตัว กับสันทนาการเบาๆ ยังไม่มีเรื่องให้ลำบากใจ แต่ก็นั่นแหละ… อีกหลายวันกว่ากิจกรรมจะจบ เขาคงได้แต่ลุ้นไปทุกวันว่าจะเจออะไร
ความจริงน่านฟ้าไม่อยากร่วมกิจกรรมเลยสักนิด เขากลัวว่าตัวเองจะทำท่าทางให้คนอื่นๆ ไม่พอใจ เพราะว่าเขามักจะกดดันเวลาถูกคนจ้องมอง บางครั้งก็ตัวแข็งไปเลยก็มี แล้วเขาก็รู้มาว่ากิจกรรมพวกนี้บางทีก็มีบางคนถูกเรียกไปทำอะไรแปลกๆ สำหรับน่านฟ้า แค่โดนเรียกออกไปเต้น เขาก็มือเย็นเฉียบแล้ว ถ้าต้องทำอะไรแปลกๆ อย่างที่เคยอ่านเจอในเน็ต ไม่อยากจะคิดเลย… เฮ้อ ช่างมัน ปล่อยให้เป็นเรื่องของน่านฟ้าในอนาคต น่านฟ้าปัจจุบันจะไปพักแล้ว!
น่านฟ้านั่งอยู่ในมุมสงบของโรงอาหาร เขาหยิบมือถือขึ้นมาเช็กข้อความจากพี่ๆ ที่ส่งเข้ามาตั้งแต่กลางวัน
แก๊งสามแฝด (3)
FireIngka: "ฟ้า รายงานตัวเรียบร้อยแล้วเหรอ?"
NSky: "ครับ พี่เพลิงไม่ต้องห่วงนะ"
FireIngka: "โอเค ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกทันที"
WindWad: “วันนี้ฟ้ามีกิจกรรมใช่มั้ยเลิกแล้วหรอ”
NSky: “ใช่ครับวันนี้เลิกเร็วเพราะเป็นวันแรกน่ะ” น่านฟ้าพิมพ์ตอบไป
WindWad: “พี่กับพี่เพลิงยังไม่เลิกเลย ฟ้ารอหน่อยนะเดี๋ยวกลับบ้านพร้อมกัน” กาฬวาตบอก
NSky: “โอเคครับ”
เพลิงกาล กับกาฬวาตก็เข้าเรียนเร็วเหมือนกับน่านฟ้าแต่พวกเขาทั้งคู่เข้ามหาวิทยาลัยต่อหลังจบม.ปลายเลยตอนนี้เลยอยู่ปีสองแล้ว ทั้งสองคนเรียนคณะนิเทศเพราะชอบทางนี้มาแต่ไหนแต่ไร คนนึงเลยไปเป็นนักร้อง อีกคนไปเป็นนางแบบ ตั้งแต่ม.ปลายแล้ว
SiblingsIngkanon (5)
Pathawee: “ตัวเล็กของพี่เป็นไงบ้างครับ เรียนวันแรก”
TNathee: “มีใครแกล้งหรือเปล่า”
WindWad: “น้อยๆ หน่อยพี่ชาย ใครจะมาแกล้งน้องกัน”
TNathee: “ยัยตัวแสบเงียบไปเลย”
FireIngka: “5555 ไม่ได้ชื่อฟ้าก็ต้องเจอมาตรฐานนี้นะวาด”
WindWad: “เงียบไปค่าา ไอ้คุณพี่หนึ่งนาที”
WindWad: “สงสัยฟ้าทำกิจกรรมอยู่หรือเปล่า เลยไม่ได้อ่าน”
FireIngka: “น่าจะใช่ ฟ้าปีหนึ่งนี่นะ”
.
NSky: “ฟ้ามาแล้วครับ วันนี้ไม่ได้เรียนครับพี่วี ไม่มีใครแกล้งครับพี่หมอ”
Pathawee: “เหนื่อยมั้ย เราไม่ชอบคนเยอะๆ นี่นา”
NSky: “นิดหน่อยครับ กังวลว่าจะโดนเรียกตอนทำกิจกรรมมากกว่า TT”
WindWad: “5555 เรื่องปกติน่าฟ้า ไม่ต้องกลัวๆ”
NSky: “ผมไม่อยากเข้าเลย ฮือออ”
Pathawee: “ก็ไม่ต้องเข้าสิ”
NSky: “ไม่ได้ครับพี่วี มันเอาเปรียบคนอื่นน้าา”
TNathee: “อันไหนไม่ไหวฟ้าก็บอกรุ่นพี่นะ อย่าฝืน เรายิ่งป่วยง่ายอยู่”
NSky: “รับทราบครับพี่หมอ ไม่มีกิจกรรมแรงๆ หรอกครับ พี่ๆ เขาบอกว่าแค่สันทนาการ ice breaking”
TNathee: “ดีแล้วๆ”
Pathawee: “ฟ้ากลับยังไง”
FireIngka: “กลับพร้อมพวกผมนี่แหละๆ พี่ๆ ไม่ต้องห่วง”
Pathawee: “โอเค”
เขายิ้มบางๆ ขณะตอบข้อความพี่ๆ ก่อนจะเก็บมือถือใส่กระเป๋า ขณะเดียวกัน นนท์ที่เดินเข้ามาซื้อกาแฟก็สังเกตเห็นเขาอีกครั้ง
"เด็กคนนั้นอีกแล้ว" นนท์พึมพำกับตัวเอง นนท์แปลกใจตัวเอกนิดหน่อยที่เขารู้สีกสนใจเด็กปีหนึ่งแต่งตัวแปลกๆ คนนั้น เหมือนกับความรู้สึกของเขามันบอกว่ามีอะไรสักอย่าง นนท์ไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่รู้สึกเหมือนกัน คิดไปคิดมาก็ยักไหล่แล้วเดินต่อไป
.
เช้าวันต่อมาน่านฟ้าเตรียมตัวไปมหาวิทยาลัยในชุดนักศึกษาปกติ แถมเสื้อฮู้ดสีดำ และหน้ากากอนามัยที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาตอนนี้ เมื่อวานเขารอสักพัก พี่ๆ แฝดของเขาก้เลิกเรียน น่านฟ้าไปเอาของที่ฝากไว้แล้วไปรอขึ้นรถที่หลังมหาวิทยาลัยที่ไม่ค่อยมีคน จะได้ไม่เกะกะคนอื่นตอนขนของขึ้นรถ
สามแฝดอิงคานนท์เจอกันก็กอดกันกลม ก่อนจะพูดคุยเรื่องต่างๆ ทั้งเรื่องเรียน เรื่องที่บ้าน เรื่องงานแต่ละคน พอถึงบ้านน่านฟ้าก็โดนพี่ชายสองคนยึดไป ทำเอาสองแฝดมองค้อนพี่ๆ ของตัวเอง แต่ทุกคนกลัวน่านฟ้าจะเหนื่อยเพราะตั้งแต่เดินทางมาถึงก็ยังไม่ได้พักเลยรีบปล่อยเขาไปนอน
แน่นอนว่าน่านฟ้าหลับเป็นตายจนถึงช้าเลยทีเดียว…
“ไง ฟ้า เตรียมตัวเสร็จแล้วหรอ” ปฐวีเอ่ยทักน้องชายที่เดินลงมาชั้นล่างพร้อมกับกระเป๋า cross body
“ครับ พี่วีจะไปทำงานแล้วหรอครับ”
“ใช่แล้ว” ปฐวีตอบพลางเดินมาลูบหัวน้องชาย
“พี่ทีล่ะครับ” น่านฟ้าถามถึงพี่ชายคนรอง
“รายนั้ย ออกไปตั้งแต่เช้ามืดแล้วล่ะเห็นว่ามีเคสด่วน เป็นหมอนี่ลำบากเนอะ” ปฐวีว่าพลางถอนหายใจ
“พี่หมอเหนื่อยแย่เลยนะครับ” น่านฟ้าพูดอย่างเป็นห่วง
“อืม… ถ้ามันไม่ไหวเดี๋ยวมันก็พักเองแหละ โรงพยาบาลก็ของมัน ฟ้าไม่ต้องเป็นห่วงนะ” ปฐวีปลอบน้องน้อย
“ฟ้าาา เสร็จแล้วหรอ” กาฬวาตเดินลงมาพร้อมกับชุดนักศึกษากระโปรงทรงเอ เสื้อพอดีตัว ใส่เสื้อคลุม แต่งหน้า ทำผม ต่างหู กระเป๋าแฟชัน รวมๆ แล้วเหมือนจะไปเดินรันเวย์มากกว่าไปมหาวิทยาลัย…
“เยอะไปมั้ยนั่นยัยแสบ” ปฐวีถามน้องสาว
“โอ้ย ไม่เยอะหรอกพี่ คณะของวาดมีแต่แต่งแบบนี้แหละ เกินครึ่งก็เป็นคนวงการบันเทิงทั้งนั้น ต้องอวดโฉมอวดภาพลักษณ์กันหน่อย” กาฬวาตบอก
“อย่างเธอมีด้วยหรอภาพลักษน์ ฮ่าๆๆ” เพลิงกาลที่ใส่เสื้อนักศึกษา กางเกงยีนส์ กับเสื้อคลุมเท่ๆ มาในลุคไอดอลไม่ต่างจากแฝดคนกลาง เดินลงมาพลางเอ่ยแซวแฝดน้องของตัวเอง
“มีมากกว่าพี่เพลิงแน่นอน บู่วว” กาฬวาตหันไปตอบ
“นี่พวกน้องสองคนไปเรียนหรือไปถ่ายแบบกันแน่เนี่ย เห้อ” ปฐวีมองสองแฝดที่ยืนโพสต์ท่าอย่างมั่นอกมั่นใจสลับกับดูน้องน้อยที่ก็ยังปกปิดมิดชิดเหมือนเดิม
“ฟ้าไม่ร้องหรอ” เพลิงถาม
“นั่นสิ พี่ว่าฟ้าเอาเสื้อคลุมบางกว่านี้หน่อยมั้ย ใส่แค่หน้ากาก กับแว่นก็น่าจะพอแล้วนะ” กาฬวาตออความเห็น
“จะดีหรอครับ” น่านฟ้าถามอย่างไม่แน่ใจ
“ดีสิ ตอนนี้ร้อนจะตาย ฟ้าไม่ได้นั่งเรียนในห้องแอร์ด้วยเพราะต้องทำกิจกรรมเดี๋ยวจะเป็นลมเอานะ พกเสื้อหนาวใส่กระเป๋าไว้ก็พอ ไม่ต้องใส่ตลอดหรอก ยังไงก็ไม่เคยมีใครเห็นหน้าโซระ ไม่มีใครรู้หรอก ถ้าน้องเขินน้องใส่แค่หน้ากากก็พอแล้ว” กาฬวาตบอก
“อือ… ก็ได้ครับ” น่านฟ้าตอบพลางถอดเสื้อฮู้ดเก็บใส่กระเป๋า
“เด็กดี” ฟอดด กาฬวาตหอมแก้มน้องชายคนเล็กอย่างหมั่นเขี้ยว ฟ้าเกิดหลังเธอแค่ไม่กี่นาที แต่เะอรู้สึกว่าน้องเป็นน้องน้อยของเธอจริงๆ
“เอาล่ะเด็กๆ ไปเรียนกันได้แล้ว พี่จะไปทำงานแล้วเหมือนกัน เอ้อ วันนี้พ่อกับแม่กลับมาจากฝรั่งเศสแล้วนะ ตอนเย็นน่าจะเจอกัน” ปฐวีบอกน้องๆ
“เย้ วาดอยากได้ของที่ฝากคุณแม่ซื้อแล้ว” กาฬวาตบอก
“เอาล่ะๆ ไปกันเถอะ”
แล้วสามแฝดก็ขึ้นรถไปเรียนกัน ส่วนปฐวีก็ไปทำงาน บ้านของพวกเขาห่างจากมหาวิทยาลัยไม่มากขับรถครึ่งชั่วโมงก็ถึง น่านฟ้าบอกให้เพลิงกาลไปจอดที่คณะตัวเองเลย เดี๋ยวเขาเดินไปเองได้ ตอนแรกเพลิงก็จะวนไปส่ง แต่น่านฟ้าบอกว่าเขาอยากเดินเล่นดูมหาวิทยาลัยด้วย
ทั้งสามคนนัดแนะเวลากลับบ้านกัน บ๊ายบายกันหลังลงจากรถ โดยที่ไม่รู้ว่ามีบางคนแอบถ่ายพวกเขา และแอบโพสต์บางอย่าง
‘หนุ่มน้อยปริศนาที่ลงมาจากรถแฝดบ้านเซเล็บเป็นใครกัน?!!’ อีกไม่นานเรื่องนี้จะเป็นหัวข้อข่าวใหญ่เลยทีเดียว แต่นั่นยังเป็นเรื่องของอนาคต