เรื่องราวเมื่อตอนหาหอพักใหม่ๆ

คืนหลอนตอนดับไฟ - 1 พักหลอนตอนดับไฟ โดย สิลิน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ลึกลับ,ผี,สยองขวัญ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

คืนหลอนตอนดับไฟ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ลึกลับ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผี,สยองขวัญ

รายละเอียด

คืนหลอนตอนดับไฟ โดย สิลิน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เรื่องราวเมื่อตอนหาหอพักใหม่ๆ

ผู้แต่ง

สิลิน

เรื่องย่อ

สารบัญ

คืนหลอนตอนดับไฟ-1 พักหลอนตอนดับไฟ

เนื้อหา

1 พักหลอนตอนดับไฟ


     เมื่อตอนที่มาทำงานเป็นผู้ช่วยเหลือคนไข้ใหม่ๆ เป็นช่วงที่เราจนสุดๆ ต้องทำงานหาเงินส่งน้องอีกสองคนเรียนที่ต่างจังหวัด หอที่พักก็เลยต้องขอเลือกที่ราคาถูกสุดๆ เท่าที่จะหาได้ จำได้ว่าวันที่ไปเดินหา เดินเข้าซอยนู่นออกซอยนี้เกือบทุกซอย จดราคาค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ามัดจำของแต่ละหอไว้จนสังเกตุได้อย่างนึงว่า หากเป็นหอพักที่มีหลายชั้น ยิ่งชั้นบนๆ ขึ้นไปจะยิ่งราคาถูกลงเรื่อยๆ และยิ่งราคาถูกสภาพจะทุเรศทุรัง  ท้ายที่สุดเราเลยลงเอยที่หอพักท้ายซอยเล็กๆ แห่งหนึ่งที่สภาพย่ำแย่น่าดู

     ในซอยนั้นมีความแปลกอยู่นิดหน่อย คือต้นซอยจะมีหอพักทั่วไปชุกชุมเหมือนซอยอื่นๆ นี่แหละ แต่กลางซอยเข้าไปอีกเกือบกิโล จะเป็นบ้านคนและ ป่ารกร้างสลับกันไป  มาโผล่อีกทีช่วงท้ายซอย ไกลและเงียบ จนเราคงไม่เข้ามาถ้าไม่มีน้องที่ทำงานด้วยกันบอกเพราะได้ยินว่าเรากำลังหาหอถูกๆ  แล้ววันนั้นก็เดินมากับเพื่อนอีกคนที่บังเอิญเจอกันหน้าปากซอยพอดี แต่พอเพื่อนเห็นสภาพหอแล้วเพื่อนขอบายทันทีโดยไม่รอดูห้องเลย เพราะแค่เดินเข้าตึก กลิ่นเหม็นอับเหมือนโชยตลบอบอวนจนแทบเป็นลม บางชั้นก็เหม็นอย่างกับซากสัตว์เน่าตาย

     ป้าคนจีนแก่หน้าตาจืดชืดไร้อารมณ์ที่นั่งอยู่ในห้องกระจกข้างล่างบอกว่า ทุกห้องเป็นห้องเปล่าๆ ห้องน้ำในตัว ไม่มีพัดลม ไม่มีแอร์  และเนื่องจากไม่มีลิฟต์ ต้องเดินบันไดอย่างเดียว ราคาห้องชั้น 1 ราคา 1800 ต่อเดือน ชั้น 2 ราคา 1,600 ลดลงไปเรื่อยๆ ชั้นละ 200 ส่วนชั้น 4 ซึ่งเป็นชั้นบนสุด เหลือพันเดียว เพราะร้อนจัดมากๆ นกพิราบก็เยอะเลยไม่ค่อยมีใครเช่า

     ตอนนี้ห้องที่ทุกชั้น เต็มหมดแล้ว เหลือแค่ชั้นสี่ที่ยังเหลืออีกหลายห้อง เราขึ้นไปดูสภาพห้องแล้วถอนหายใจอยู่หลายรอบ เพราะทั้งเก่าทั้งโทรม และสกปรก เพราะเราอยากประหยัดเงินจึงตกลงเลือกชั้นบนสุด จ่ายมัดจำไปหนึ่งดือนและประกันหนึ่งเดือนล่วงหน้าเป็นสองพันบาทถ้วน ถูกที่สุดแล้วในย่านแล้ว

     ตอนนั้นเราคิดว่าอยู่ได้ก็เงียบสงบดีนะ พอดีว่าตอนช่วงกลางวันก็ไม่ค่อยอยู่อยู่แล้ว เพราะต้องออกไปทำงาน จะมาอาศัยนอนเอาก็เฉพาะตอนกลางคืน อาจจะมีปัญหาเรื่องไฟดับบ้างประปราย น้ำไม่ไหลเป็นระยะ เราก็คิดว่าปกติจนกระทั่ง

     คืนวันหนึ่งที่ไฟดับอีกแล้ว และก็ได้ยินเสียงสบถอย่างไม่พอใจจากคนอื่นๆในหอเหมือนทุกครั้ง แต่คราวนี้รอถึงครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่ติด เราเริ่มได้ยินเสียงคนเปิดประตูออกมาจากห้อง เสียงพูดคุยดังแว่วไปหมด…

จำได้ว่าชั้นนี้มีคนอยู่ไม่กี่คนไม่ใช่หรือ?

     ตอนนั้นเราได้แต่นั่งฟังคุยกันแถวโถงทางเดินจนเสียงดังเข้ามาในห้อง เรารู้สึกในห้องมันร้อนสุดๆเพราะพัดลมไม่ทำงาน เราเดินไปเปิดประตูหน้า หวังว่าอาจจะมีลมโชยเข้ามาถ่ายเทช่วยให้ห้องหายร้อนบ้าง แต่เมื่อเปิดจนสุดแล้วก็ไม่มีลมพัดมาสักเอ๊ะ  มีแต่กลิ่นชวนอาเจียนราวกับหนูเน่าโชยเข้ามาเป็น ระลอกๆ 

     เราแปลกใจอีกอย่าง ที่พบว่าในความมืดหลังไฟดับครั้งนี้มันแปลกๆ คือมันมืดสนิทจนมอง ไม่เห็นอะไรเลยสักนิด แม้เมื่อเดินออกไปมองทางหน้าต่างห้องเรา ก็ไม่เห็นแสงจากไฟฟ้าที่อื่นที่ยังไม่ดับ 

อะไรกันละเนี่ย ดับทั้งกทม.เลยหรือไง?

     ความมืดในตอนนั้นเทียบกับตอนหลับตายังไม่ได้เลย เพราะแม้เราหลับตา หากมีแสงสว่าง ยังจะพอเห็นแสงผ่านเปลือกตาได้บ้าง แต่นี่ไม่มีเอาเลยจริงๆ บรรยากาศมันแปลกมากขึ้นเรื่อยๆ เรารู้สึกได้ว่ามีคนเดินผ่านหน้าห้องไปมาจำนวนมาก ได้ยินเสียงรองเท้า ได้กลิ่นเหม็นสาบ กลิ่นหนูตาย กลิ่นสบู่เหมือนคนเพิ่งอาบน้ำใหม่ๆ กลิ่นแป้ง กลิ่นโคโลญจน์ผู้หญิง

เสียงพูดคุยพึมพำกระซิบกระซาบหน้าห้อง ดังขึ้นเรื่อยๆ เราเริ่มกลัวนะ มันแปลกเกินไป มองไปก็ไม่เห็นใคร เราเลยจะปิดประตู

เออ อยู่มันร้อนๆก็ได้

     พอตัดสินใจแบบนั้น ผู้หญิงคนหนึ่งก็กระชากประตูเราเข้ามาในห้อง  

     เรายังไม่ทันได้พูดอะไร ก็มีเงาดำร่างใหญ่โต ชนิดที่ดำสนิทจริงๆในมือถือไม้ยาวๆเข้ามาจิกหัวลากเธอออกไป

     เราได้แต่ตกใจยืนนิ่ง ปล่อยให้เสียงร้องดังโหยหวนค่อยเงียบลงไปเอง

     เราเริ่มคิดถึงอะไรอย่างอื่นที่ไม่ใช่คนแน่ๆแล้วล่ะ

     ก่อนที่จะกลัวไปมากกว่านี้เราตัดสินใจปิดประตูอยู่เงียบๆ…

     จนเราสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกทีที่ห้องตัวเอง ตอนนั้นไฟฟ้ามาแล้ว ทั้งห้องสว่างไสวและมีแค่เสียงพัดลมครางหึ่งๆ ในขณะที่เราใจเต้นแรง ฟ้าข้างนอกกำลังเริ่มสว่างแล้ว

     เราคงต้องรอเงินเดือนนี้ออกแล้วไปหาหอใหม่ดีกว่า ระหว่างนั้นคงต้องอาศัยเพื่อนอยู่ไปก่อน

     คืนที่ไฟดับนั่นให้เราลองคิดเอาเองว่าเหตุการณ์นี้มันคืออะไร 

     เราก็คิดได้แค่ว่าชั้นสี่คงเป็นทางผ่านของวิญญาณและเราคงเกือบทำผีตนนั้นเข้ามาในห้องตัวเองแล้ว หรือไม่ก็เป็นผีในห้องตัวเองที่หนีมานาน

     ถ้าเป็นอย่างหลังก็ขอโทษแล้วกันนะ

     อ๋อ เราลืมบอกไปเรื่องหนึ่ง หลังสุดของหลังซอยที่ติดหอ มันเป็นกำแพงสูงแต่ถ้ามองจากชั้นสี่ถึงรู้ ว่ามันเป็นกำแพงวัดน่ะ...

     เนี่ย...โรงพยาบาลสร้างหอพักพยาบาลอยู่ฝั่งตรงข้ามล่ะ พวกเธอว่า เราจะเจอผีอีกไหม?
รอฟังได้เลย อิอิ