เมื่อลีบุคคลสำคัญที่ทีมรักษาความปลอดภัยจากบริษัท SKY Guard ต้องคอยอารักขาจู่ ๆ ก็หายตัวไป กรรมเลยไปตกที่เจ้าหน้าที่เจ็ดคนที่เป็นเจ้าของภารกิจ ลีหายไปได้อย่างไร อยู่ที่ไหน หรือนี่จะเป็นบททดสอบจากองค์กร
สืบสวนสอบสวน,ระทึกขวัญ,สะท้อนปัญหาสังคม,เกาหลี,อื่นๆ,พล็อตสร้างกระแส,เสียดสีสังคม,ระทึกขวัญ,สะท้อนจิตใจ,สะท้อนสังคม,สืบสวนสอบสวน,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Private Leeเมื่อลีบุคคลสำคัญที่ทีมรักษาความปลอดภัยจากบริษัท SKY Guard ต้องคอยอารักขาจู่ ๆ ก็หายตัวไป กรรมเลยไปตกที่เจ้าหน้าที่เจ็ดคนที่เป็นเจ้าของภารกิจ ลีหายไปได้อย่างไร อยู่ที่ไหน หรือนี่จะเป็นบททดสอบจากองค์กร
Private Lee
ลี บุคคลสำคัญที่ทีมรักษาความปลอดภัยจากบริษัท SKY Guard ต้องคอยดูอารักขา จู่ ๆ ก็หายตัวไปขณะอยู่ระหว่างการอารักขาที่สนามบิน กรรมเลยไปตกที่บอดี้การ์ดเจ็ดคนที่เป็นเจ้าของภารกิจ ความเสียหายครั้งนี้ประเมินค่าไม่ได้ แล้วลีหายไปได้อย่างไร อยูที่ไหน จะตายหรืออยู่ แท้จริงแล้วเขาเป็นใครทำไมถึงสำคัญขนาดนั้น หรือนี่จะเป็นทดสอบจากองค์กร เหล่าบอดี้การ์ดทั้งเจ็ดคนจะตามหาลีพบหรือไม่ แล้วข่าวลือที่ว่าในบรรดาบอดี้การ์ดทั้งเจ็ดมีคนกำลังคิดทรยศเป็นเรื่องจริงหรือ
“เหตุการณ์และตัวละครในเรื่องเป็นเพียงสิ่งสมมุติ
ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์หรือบุคคลจริงแต่อย่างใด”
ว่ากันว่าสมัยนี้ใครก็อยากได้รับการดูแลเป็นพิเศษเฉกเช่นบุคคลสำคัญ เรื่องแบบนั้นไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันหรือความคิดที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป เพียงแค่คุณกำเงินสักฟ่อนแล้วโทรศัพท์ไปที่บริษัทรักษาความปลอดภัยสักแห่ง เพียงเท่านั้นพวกบริษัทเหล่านั้นก็จะส่งคนไปอารักขาคุณเช่นราชนิกุลคนหนึ่ง ส่วนเรื่องที่ว่าความสามารถในการอารักขาจะเก่งกาจแค่ไหนก็คงต้องพูดกันอีกที ถ้าเทียบกับบริษัททั่วไปแล้ว “สกายการ์ด (SKY Guard) ” คงเป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยเบอร์ต้นๆ ของประเทศ ที่คนมีชื่อเสียงแห่ใช้บริการมากที่สุดในตอนนี้ บอดี้การ์ดที่บริษัทนี้ถูกออกแบบวิธีการฝึกมาพิเศษกว่าที่อื่น พวกเข้าไม่ได้มีดีเพียงแค่การต่อสู้ แต่รวมไปถึงการแสดง ทักษะการเอาตัวรอดขั้นพื้นฐานไปจนถึงขั้นสูง ทักษะทางน้ำหรือจะบนบก แม้กระทั่งกลางอากาศ การใช้อาวุธต่างๆ ก็เช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าเป็นทีมที่ถูกฝึกมาอย่างทรหด คงเปรียบเป็นหน่วยรบพิเศษในกองทัพก็คงไม่ผิดแผกไปจากนั้นสักเท่าไร การจ้างวานอารักขาหนึ่งครั้งก็ใช้เงินเป็นจำนวนมหาศาล แต่เมื่อแลกมากับความปลอดภัยที่จะได้รับ มีบรรดาเศรษฐีที่ไหนจะไม่ยอมควักเงินสูงลิ่วจ่ายกันละ
มีข่าวแพร่ไปในอินเทอร์เน็ตว่าถ้าอยากได้รับอารักขาจากทีมพิเศษของสกายการ์ด ค่าตัวบอดี้การ์ดหนึ่งคนของทีมพิเศษจะตกอยู่ที่ราว ๆ สี่ล้านห้าแสนวอนเป็นอย่างต่ำ ในกรณีที่อยากจะจ้างทั้งทีมก็คงต้องคุยกันอีกที เพราะทีมที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทมีถึงเจ็ดคน ซึ่งนั่นหมายถึงว่าคงต้องใช้เงินเป็นจำนวนมหาศาลถึงสามสิบล้านวอนหรืออาจะมากกว่านั้น สำหรับการอารักขาหนึ่งครั้งหรือหนึ่งวัน ความเห็นชาวเน็ตบางคนก็พูดว่า มันเกินความจำเป็นไปมากสำหรับงานเดินตามแบบนี้ บ้างก็ว่า เอาเงินไปทำอย่างอื่นไม่ดีกว่าหรือ พวกคนรวยใช้เงินไปกับอะไรแบบนี้สินะ เป็นฉันไม่เสียเงินให้พวกบอดี้การ์ดราคาแพงพวกนี้แน่ๆ ความคิดเหล่านี้ออกมาจากสมองของชาวเน็ตที่ตัวเองเป็นแค่คนนอก ก็แหงอยู่แล้วสิ ตนเป็นแค่คนธรรมดาไม่ได้มีใครหมายหัวเอาชีวิตและสำคัญกับความมั่นคงของประเทศ หรือเป็นคนมีชื่อเสียงอะไรทำนองนั้น จนพวกแฟนคลับนิสัยแย่ที่ถูกขนานนามว่า “ซาแซง” อยากจะเข้าถึงตัว แต่นั่นแหละเงินพวกนั้นเป็นของใครละ มิใช่ว่าเจ้าของเงินมีสิทธิ์จะทำอะไรกับมันก็ได้หรอกหรือ
เจ็ดโมงครึ่งเช้าวันจันทร์ อากาศเริ่มเย็นแล้วในช่วงต้นเดือนกันยายนแบบนี้ คงพูดได้เต็มปากว่าพอเข้าหน้าหนาวแบบเต็มตัวแล้ว คงไม่ค่อยมีใครอยากจะลุกออกจากผ้าห่มหนาแสนอุ่นแล้วมาทำงานเท่าไร แต่ภาระหนี้สินที่รัดคออยู่ก็คงเป็นปัจจัยใหญ่ ๆ หนึ่งเรื่อง ที่สามารถลากคนทำงานออกจากเตียงที่เรียกว่าสวรรค์และกลับไปอยู่ในนรกที่เรียกว่าที่ทำงานได้ นี่เป็นอีกวันที่ฮงโบซอกมาทำงานเช่นเดียวกับพนักงานทั่วไป แต่มันคือบริษัทรักษาความปลอดภัยที่ติดอันดับบริษัทที่คนอยากทำงานด้วยมากที่สุดในโลกออนไลน์ตอนนี้ คงเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจากสกายการ์ด
“หัวหน้าฮง อรุณสวัสดิ์ครับ”
“หัวหน้าสวัสดียามเช้าค่ะ มาทำงานแต่เช้าเลยนะคะเนี่ย”
ฮงโบซอกยิ้มพลางพยักหน้าให้เจ้าหน้าที่หนุ่มสาวสองคนที่เดินสวนกันตรงหน้าลิฟต์ เพียงครู่เดียวที่หันไปทักทายกับบุคคลทั้งสองลิฟต์ก็มาพอดี มันพาเธอไปยังชั้นสิบห้าที่ที่เป็นห้องทำงานของทีมรักษาความปลอดภัยพิเศษ พอเปิดประตูเข้ามาในห้องกลิ่นเป็นเอกลักษณ์อย่างเทียนหอม ที่น้องเล็กของทีมเอาติดตัวมาด้วยตอนเข้ามาประจำที่ทีมนี้ใหม่ ๆ ก็อัดเข้าเต็มหน้า เหมือนพนักงานร้านสะดวกซื้อที่จู่ ๆ ก็โผล่มาจากที่ไหนก็ไม่รู้ตอนที่กำลังเลือกซื้อของอยู่แบบนั้น โบซอกปิดประตูเสียงเบา เพราะในห้องนั้นมีผู้อยู่ก่อนแล้วถึงหกชีวิตนั่งล้อมโต๊ะรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่กลางห้องพลางทำหน้าเครียดและวิตก แพคจองอูน้องเล็กสุดในทีมพอเห็นโบซอกก็ผ่อนคลายสีหน้าและเริ่มโล่งใจ เขาเดินพุ่งตัวเข้าหาเธอและจับข้อมือของเธอบีบเบา ๆ โบซอกเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นหรือเปล่า รองหัวหน้าทีมอย่างชาโดฮาที่จับสังเกตได้จึงเล่าเรื่องต้นเหตุของสถานการณ์อึดอัดนี้ให้ฟัง
รองหัวหน้าชาโดฮาบอกว่าทีมของโบซอกได้รับงานใหญ่จากผอ.ให้อารักขาชายที่ชื่อแอรอนลี ผู้มีอิทธิพลแห่งเมืองยอจู โบซอกฟังแบบนั้นก็พยักหน้าหงึก ๆ เดินไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง เธอเปิดดูอีเมลที่ทีมข้อมูลส่งมาให้ตั้งแต่เมื่อคืน มันเป็นประวัติย่อ ๆ ของชายที่รองหัวหน้าเล่าให้ฟังนั่นก็คือลี ในอีเมลฉบับนั้นยังมีความประสงค์ว่าทำไมต้องการทีมรักษาความปลอดภัยที่เก่งและเชี่ยวชาญที่สุดในบริษัท โบซอกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เธออ่านข้อความทุกตัวช้า ๆ อย่างละเมียดละไม สายตาบ่งบอกว่านายจ้างคนนี้น่าสนใจมากขนาดไหน ทุกการเคลื่อนไหวของฮงโบซอกถูกจับจ้องด้วยสายตาคนในทีม พวกเขารอคำตอบจากเธออย่างใจจดใจจ่อโดยเฉพาะรองหัวหน้าชาที่จ้องเขม็ง ในห้องเงียบเสียจนได้ยินหนึ่งในสมาชิกกลืนน้ำลายดังเอื๊อก คงปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกครั้งที่หัวหน้าอย่างฮงโบซอกเลือกรับงาน คนในทีมจะอดขนลุกซู่ไม่ได้เพราะมันจะเป็นงานใหญ่เสมอ และชอบพ่วงมาด้วยเบื้องหลังของผู้จ้างวานที่ไม่ค่อยน่าอภิรมย์สักเท่าไร
อย่างเช่นเรื่องเมื่อต้นปีที่งานพิธีเปิดห้างใหม่แถวย่านอ๊คโจ ซึ่งเป็นของลูกชายประธานาธิบดีจูมย็องทักที่ดำรงตำแหน่งอยู่ขณะนั้น มีชายสูงวัยคนหนึ่งพยายามลอบทำร้ายท่านประธานาธิบดีและลูกชายด้วยการปาหินขนาดเท่าข้าวปั้น เข้าไปในงานตอนที่กำลังตัดริบบิ้นเปิดงาน เหตุเพราะห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ก่อนเคยเป็นอพาร์ตเมนต์เก่าที่ชายแก่คนนั้นคนอาศัยอยู่ เขาไม่เคยเอะใจด้วยซ้ำว่าห้องรูหนูที่เขาอาศัยอยู่ทุกวันจะหายไปกับตา แต่ที่มันทำให้คนในทีมปวดใจที่สุดหลังได้รู้เรื่องราวทั้งหมดคือในซากตึกวันนั้น ไม่ได้มีแค่เศษปูนเศษอิฐ แต่สิ่งที่แย่ที่สุดคือ ลูกหมาจรพิการเดินไม่ได้ตัวหนึ่งที่ชายชราเลี้ยงเอาไว้ ก็ถูกบดขยี้ลงไปกับตึกในวันนั้นด้วย ลูกบ้านคนอื่นเองก็ไม่มีใครได้เตรียมใจอะไรเลยแม้แต่น้อย เรื่องนี้คงเป็นเพราะพิษเศรษฐกิจที่ทำให้เจ้าของตึกที่ไม่ค่อยมีรายได้จากตึกนี้เท่าไร ตัดสินใจขายตึกโดยไม่บอกกล่าวกับลูกบ้านอันน้อยนิด ที่มีเพียงสี่ห้องเท่านั้น ลูกบ้านบางรายก็ไม่จ่ายค่าเช่ามาหลายเดือนแล้ว เรื่องนี้ทำคนในทีมนอนไม่หลับกันเป็นอาทิตย์ นั่นจึงทำให้บางคนไม่ค่อยอยากจะรับงานที่มีผู้ว่าจ้างเป็นพวกประวัติดีแต่ข้างนอกแต่ข้างในกลวงโบ๋เหมือนลูกมะพร้าวแห้งเท่าไรนัก ฮงโบซอกที่เป็นหัวหน้าทีมก็รู้ว่าคนในทีมรู้สึกอย่างไร เธอเองตอนรู้เรื่องก็นอนไม่หลับเหมือนกัน
โบซอกเลิกมองจอคอมพ์พลางเงยหน้าช้า ๆ มองคนในทีมสลับกันจนครบทุกคน พวกเขาจ้องตาไม่กะพริบ ถ้าจะเปรียบคนเหล่านี้เป็นรูปปั้นก็คงไม่ผิดนัก รอยยิ้มชวนขนลุกที่ไม่อยากให้เกิดก็ผุดขึ้นจากใบหน้าหวาน สมาชิกในทีมสลายตัวทันทีเหมือนรังผึ้งแตก หลังจากที่เห็นคำตอบบนใบหน้าเธอ
ช่วงสายของวันเดียวกันนั้นเอง โบซอกเข้าพบชเวซึงโฮผู้อำนวยการของสกายการ์ด ชเวซึงโฮรู้อยู่แล้วว่าเมื่อไรที่ทีมของฮงโบซอกถูกเลือกให้เป็นทีมอารักขาบุคคลที่สำคัญมาก ๆ เธอจะเข้าพบเขาเพื่อยืนยันความแน่ใจของเขาที่มีต่อทีมของเธอ คำตอบที่โบซอกจะได้รับทุกครั้งมันมักจะเป็นคำตอบเดิม ๆ ที่มาในเชิงถามกลับเสียมากกว่า ชเวซึงโฮเอ็นดูเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่งที่เวลาทำอะไรจะรอบคอบเสมอ เขาเลื่อนตำแหน่งให้โบซอกเป็นหัวหน้าทีมพิเศษตั้งแต่ที่เข้ามาทำงานได้เพียงสามเดือน คงเพราะเขามองเห็นศักยภาพของเธอที่มันโดดเด่นกว่าเจ้าหน้าที่บางคนที่ทำงานที่นี่มาเป็นปี ๆ ละมั้ง
“แล้วเธอเชื่อใจทีมของตัวเองมากแค่ไหน”
ฮงโบซอกรู้ความสามารถของทีมตัวเองดีอยู่แล้ว เธอเชื่อใจทีมมากพอ ๆ กับครอบครัว โบซอกทำปากยื่นมองไปรอบ ๆ ห้องเหมือนคนกำลังคิด ผอ.ชเวมองการกระทำของเธอแล้วหัวเราะหึ ท่าทางแบบนั้นเขาเห็นจนชินตา เมื่อได้คำตอบที่มั่นใจแล้วนั้นโบซอกไม่พูดอะไรต่อเพียงแต่โค้งนิดหน่อย และกำลังจะจากไป ขณะที่เธอกำลังจะหันหลังเดินออกจากห้อง ก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้จึงหมุนตัวกลับมาหาชเวซึงโฮ
“ได้ยินมาว่าลี เป็นเพื่อนกับท่านใช่ไหมคะ”
“อ้อเรื่องนั้น ใช่แล้วละ มีอะไรหรือ”
“เปล่าค่ะ ถ้าอย่างนั้นขอตัวค่ะท่าน”
ผอ.ชเวยิ้มอ่อนโยนพลางผายมือให้ออกไปได้ โบซอกเดินออกไปจากห้องทิ้งผอ.ชเวนั่งหมุนเก้าอี้ทำงานเล่น พลางในมือขวาถือแก้วกาแฟที่เหลืออยู่ครึ่งแก้วไปมาเหมือนคนใช้ความคิด เก้าอี้หยุดหมุนคงเพราะคนนั่งคิดอะไรออกแล้ว ผอ.กล่าวกับตัวเองก่อนจะยกถ้วยกาแฟในมือขึ้นดื่มจนหมด
“จะผ่านไปได้ด้วยดีหรือเปล่านะ”
บ่ายสามครึ่งของวันเดียวกันฮงโบซอกและทีมแยกย้ายกันไปตามแผนที่วางไว้ โดยโบซอกกับแพคจองอูและอนดงยุนสมาชิกสองคนที่อายุน้อยที่สุดในทีมจะไปพบลีที่บ้านของเขา ส่วนอีกสี่คนจะไปรอรับที่สนามบินนำทีมฝั่งนั้นโดยรองหัวหน้าชาโดฮาพร้อมด้วยอีมินจุน พัคอินซู ฮันแดชาน
รถยนต์คันโตสีดำยี่ห้อหรูอย่างเมอร์เซเดสรุ่นเอเอ็มจี จีแอลเอส 63 แล่นไปตามท้องถนนด้วยความเร็วสม่ำเสมอ โดยมีคนขับเป็นดงยุนที่โบซอกไว้ใจให้ขับลูกรักคันนี้ของตน ฮงโบซอกนั่งอยู่เบาะข้างคนขับ เหม่อมองออกไปยังนอกรถที่กำลังแล่นเร็ว ถึงรถที่ขับเคลื่อนอยู่จะเร็วสักเพียงใด แต่ในหัวของเธอกับใช้ความคิดช้าลง ปฏิเสธไม่ได้ว่างานนี้ค่อนข้างใหญ่จริง ๆ นั่นแหละ ลีเป็นเพื่อนสนิทกับผอ.ชเว ถ้าเธอทำงานนี้พลาดมันไม่ได้พังแค่เธอคนเดียว แต่ทั้งทีมจะพังและซวยไปด้วย เหมือนกับโดมิโนที่แค่ตัวแรกล้มตัวต่อ ๆ ไปก็จะล้มลงไม่เป็นท่า ภาพเหล่านั้นคงไม่น่ามองเท่าไร
“หัวหน้า คิดอะไรอยู่ครับ”
จองอูที่จับสังเกตหัวหน้าของตนว่ามีท่าทีกังวลไม่ต่างกับพวกเขาในตอนแรก โบซอกเอี้ยวตัวกลับไปมองเจ้าน้องเล็กหน้าทะเล้นที่เบาะหลัง เธอกลอกตาใส่เขาโดยที่ไม่ได้เอ่ยอะไร เพียงเท่านั้นจองอูก็เริ่มสบายใจขึ้นมาหน่อยหนึ่งที่สามารถเรียกสติฮงโบซอกกลับมาได้
“ขอโทษนะ”
ท่ามกลางเสียงเครื่องทำความเย็นที่ส่งเสียงอยู่ฝ่ายเดียวในรถ โบซอกกล่าวขอโทษทุกคนออกไป คำพูดนี้ได้ส่งไปถึงสี่คนที่รออยู่สนามบิน ด้วยตัวกลางอย่างเครื่องมือสื่อสารในหู ทุกคนรู้ดีว่าเธอเองก็เครียดไม่ต่างกัน ความกดดันของการอารักขาผู้ที่เป็นบุคคลสำคัญมันยากเสมอ แค่เพียงพลาดไปนิดเดียวมันหมายถึงชีวิตคนทั้งชีวิตหรืออาจหมายถึงคนหลายร้อยล้านชีวิต ความรับผิดชอบอันหนักอึ้งที่คนนอกอาจจะมองว่า ก็แค่งานเดินตามต้อย ๆ จะไปมีอะไรให้เครียด แต่เบื้องหลังความเป็นจริงที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างพวกเขาต้องเจอมันมีมากกว่านั้น ทั้งความกดดันจากภายในองค์กรและนอกองค์กร จริงอยู่ที่ถ้างานไหนผ่านไปได้สบาย ทุกคนก็จะกลับบ้านและกินอิ่มนอนหลับ แต่พอให้คิดถึงงานที่มีความผิดพลาดถึงแม้จะเล็กน้อยไม่ถึงชีวิต มันก็คือความผิดพลาดที่ทีมรักษาความปลอดภัยที่เป็นถึงทีมพิเศษไม่ควรจะให้มันเกิดขึ้น เพราะแบบนั้นความกังวลจึงมีอยู่ทุกครั้งเมื่อเริ่มงานใหม่
มีครั้งหนึ่งรุ่นพี่รุ่นก่อน ๆ เคยเล่าว่าเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งทำงานอยู่ทีมพิเศษช่วงที่ตั้งบริษัทใหม่ ๆ ไม่เคยพลาดแม้แต่งานเดียว จนกระทั่ง งานสุดท้ายที่เขาทำ มันแค่จุดเล็ก ๆ เพียงเพราะเขาเสิร์ฟกาแฟซองสำเร็จรูปผิดยี่ห้อ ใช่ สำหรับคนที่มองเข้ามาก็คิดว่ามันก็เท่านั้น พวกคนในทีมของรุ่นพี่คนนั้นก็มองแบบเดียวกัน แต่ถ้ามองในมุมของคนที่อยู่ในกรอบที่ต้องเป๊ะและมีแบบแผนมาตลอด เรื่องนี้มันเรื่องใหญ่มาก นั่นจึงทำให้เจ้าหน้าที่ท่านนั้นลาออกจากบริษัทเพื่อรักษาอาการป่วยทางจิต และไม่ได้กลับมาทำงานนี้อีกเลย
“ไม่เป็นไรหรอกนะหัวหน้า เรื่องแค่นี้เอง สบายมาก”
“งานไม่เสี่ยงก็ไม่สมเป็นพวกเราสิครับ”
เสียงมินจุนและแดชานลอดผ่านเครื่องมือสื่อสารในหู อินซูที่เป็นคนพูดไม่ค่อยเก่งก็พลอยพยักหน้าเห็นด้วยกับทั้งสอง โบซอกได้ยินแบบนั้นก็ใจชื้นมาเปลาะหนึ่ง
“นั่นสินะ มันต้องผ่านไปได้ด้วยดีสิ”