เมื่อลีบุคคลสำคัญที่ทีมรักษาความปลอดภัยจากบริษัท SKY Guard ต้องคอยอารักขาจู่ ๆ ก็หายตัวไป กรรมเลยไปตกที่เจ้าหน้าที่เจ็ดคนที่เป็นเจ้าของภารกิจ ลีหายไปได้อย่างไร อยู่ที่ไหน หรือนี่จะเป็นบททดสอบจากองค์กร

Private Lee - ตอนที่ 3 ; โอกาสที่เลือกได้ โดย 708sec @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

สืบสวนสอบสวน,ระทึกขวัญ,สะท้อนปัญหาสังคม,เกาหลี,อื่นๆ,พล็อตสร้างกระแส,เสียดสีสังคม,ระทึกขวัญ,สะท้อนจิตใจ,สะท้อนสังคม,สืบสวนสอบสวน,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Private Lee

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

สืบสวนสอบสวน,ระทึกขวัญ,สะท้อนปัญหาสังคม,เกาหลี,อื่นๆ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,เสียดสีสังคม,ระทึกขวัญ,สะท้อนจิตใจ,สะท้อนสังคม,สืบสวนสอบสวน,ดราม่า

รายละเอียด

Private Lee โดย 708sec @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เมื่อลีบุคคลสำคัญที่ทีมรักษาความปลอดภัยจากบริษัท SKY Guard ต้องคอยอารักขาจู่ ๆ ก็หายตัวไป กรรมเลยไปตกที่เจ้าหน้าที่เจ็ดคนที่เป็นเจ้าของภารกิจ ลีหายไปได้อย่างไร อยู่ที่ไหน หรือนี่จะเป็นบททดสอบจากองค์กร

ผู้แต่ง

708sec

เรื่องย่อ

Private Lee

ลี บุคคลสำคัญที่ทีมรักษาความปลอดภัยจากบริษัท SKY Guard ต้องคอยดูอารักขา จู่ ๆ ก็หายตัวไปขณะอยู่ระหว่างการอารักขาที่สนามบิน กรรมเลยไปตกที่บอดี้การ์ดเจ็ดคนที่เป็นเจ้าของภารกิจ ความเสียหายครั้งนี้ประเมินค่าไม่ได้ แล้วลีหายไปได้อย่างไร อยูที่ไหน จะตายหรืออยู่ แท้จริงแล้วเขาเป็นใครทำไมถึงสำคัญขนาดนั้น หรือนี่จะเป็นทดสอบจากองค์กร เหล่าบอดี้การ์ดทั้งเจ็ดคนจะตามหาลีพบหรือไม่ แล้วข่าวลือที่ว่าในบรรดาบอดี้การ์ดทั้งเจ็ดมีคนกำลังคิดทรยศเป็นเรื่องจริงหรือ

สารบัญ

Private Lee-ตอนที่ 1 : ความกังวล,Private Lee-ตอนที่ 2 : พบกันแล้วนะ,Private Lee-ตอนที่ 3 ; โอกาสที่เลือกได้

เนื้อหา

ตอนที่ 3 ; โอกาสที่เลือกได้

แอรอน ลี หรืออีกชื่อคือ อีซังแท ชายที่ได้ชื่อว่ามั่งคั่งที่สุดในเมืองยอจู เขาเกิดที่แคนาดาและใช้ชีวิตที่นั่นจนอายุสิบแปด แล้วย้ายกลับมาที่เกาหลีหลังเรียนจบไฮสกูล ชีวิตลูกคนเดียวมีอันจะกินเช่นเขาไม่เคยปากกัดตีนถีบมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพราะมีพ่อเป็นนักการทูต แม่เป็นศิลปินชื่อดังด้านการวาดภาพ วัยเด็กเลยไม่ค่อยมีเรื่องให้น่าเวทนาเฉกเช่นเด็กคนอื่นเท่าไรนัก สมัยยังเป็นเด็กวัยรุ่นเขาก็เหมือนคนปกติทั่วไป เรียนดี กีฬาเด่น เป็นตัวแทนแข่งขันวิชาการ ถ้าให้กลับไปถามเพื่อนสมัยประถมหรือมัธยมคงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ดูไม่ออกเลยว่าคนแบบเขาอนาคตจะเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังเท้าได้ขนาดนี้

จุดหักเหของชีวิตแอรอนคือเมื่อตอนที่เขาอายุยี่สิบสี่ย่างยี่สิบห้า เพื่อนชายคนหนึ่งที่รู้จักกันตอนที่เรียนมหาวิทยาลัย ชวนเขาไปที่บ้านเพื่อปาร์ตี้สังสรรค์ที่ตนได้ออกจากกรม หลังรับใช้ชาติมาเกือบสองปี แอรอนแค่นึกว่าเป็นงานเลี้ยงธรรมดาแต่เขาคิดผิด มันไม่ต่างจากปาร์ตี้พี้ยาของวัยรุ่นเส็งเคร็งแบบที่เขาเกลียดนักเกลียดหนา ชายหนุ่มไม่เข้าใจคนที่เสพยาสักนิด ไม่ได้มองว่ามันเท่เลยด้วยซ้ำ แต่วันนั้นเองก็เป็นวันที่เขาได้เปิดโลกใบใหม่เช่นกัน แอรอนเริ่มจากดื่มเหล้าที่มีปริมาณแอลกอฮอล์น้อยที่สุด เพราะถูกเพื่อนเซ้าซี้มากเข้าก็ต้องเออออตามกัน ปกติเขาไม่ดื่มเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงค่อนข้างเมาง่าย ซึ่งนั่นทำให้เพื่อนชายของเขาที่สังเกตสถานการณ์อยู่ตลอด เริ่มมอมเหล้าแล้วต่อด้วยการให้เขาเสพโคเคน สารเสพติดพาเขาจมดิ่งคล้ายกับตกลงไปในมหาสมุทรโดยปราศจากเสื้อชูชีพ คืนนั้นผ่านไปอย่างยาวนาน เพียงแค่อาทิตย์เดียว จากชายหนุ่มที่กำลังจะอนาคตดีทำงานที่ตัวเองรัก กลายเป็นกากเดนสังคมที่ไม่เอาไหนเพราะยาเสพติด เขานึกโทษเพื่อนชายคนนั้นที่พาเขาไปเผชิญกับเรื่องที่ตนเองเคยประกาศกร้าวว่า จะไม่มีวันแตะของพรรค์นั้นเด็ดขาด แต่ตอนนี้เขากลับขาดมันไม่ได้

พอครอบครัวรู้เรื่องที่แอรอนติดยา พวกเขาก็ผลักไสลูกชายที่เคยบอกว่าเป็นสุดที่รักออกจากตัวเอง โทษอีกฝ่ายว่าเลี้ยงลูกไม่ดี ไม่มีใครอยากรับผิดชอบชีวิตขี้ยาอย่างเขา ความรู้สึกของแอรอนที่เห็นท่าทีที่พ่อแม่รังเกียจ มันเหมือนปราสาททรายที่อยู่ ๆ พายุก็พัดเข้าถล่มแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย พังทลายไม่เหลือชิ้นดีแม้แต่น้อย แอรอนหันหน้าไปพึ่งคนที่เคยเห็นเขาเป็นครอบครัวไม่ได้อีก เสี้ยวความคิดหนึ่งเคยบอกกับเขาว่าหรือคนพวกนี้ไม่ได้มองเขาเป็นลูก แต่เห็นเป็นเพียงเครื่องมือใช้เชิดหน้าชูหน้าตาตอนที่ออกงานสังคมก็แค่เท่านั้น เอาจริง ๆ เขาไม่เคยร้องขอความรักจากพ่อแม่คู่นี้เลยสักนิด กิจกรรมครอบครัวน่ะหรือ เหอะ คงเป็นแค่ภาพเพ้อฝันของเขาเท่านั้น พ่อที่มีชู้ แม่เองก็แอบเล่นยา เขาเก็บเรื่องพวกนี้ไว้ใต้ก้นบึ้งของสมอง แต่พอได้หลุดพ้นจากโลกแห่งความจริงจากการได้ลองเสพยา จิตใต้สำนึกบางอย่างก็เอาแต่คอยบอกว่า ‘จะเป็นคนดีทำไมละในเมื่อฉันเป็นคนที่อยากจะเป็นแบบไหนก็ได้ พ่อแม่ไม่ได้มาสนใจลูกแบบนายอยู่แล้ว’ ยิ่งตอนนี้ที่เขาเองก็ไม่ต่างจากเศษเดนที่น่ารังเกียจ ตั้งแต่ตอนนั้นแอรอนลีก็ทำตัวเสเพลมาตลอด เขาไม่สนสายตาของญาติหรือคนรอบตัวอีกแล้ว

จนพอพ่อแม่ของเขาจากไปตอนที่เขาอายุสามสิบสอง มรดกมหาศาลที่ได้รับทำให้เขากลายเป็นเศรษฐีขี้ยาในชั่วข้ามคืน เขาใช้เงินไปกับการลงทุนอยู่บ้าง มีทั้งได้และเสีย แต่ส่วนมากเน้นไปทางเสียมากกว่าได้ วันหนึ่งแอรอนไปรู้จักกับมาเฟียที่คุมอยู่แถวยอจู พอพูดคุยกันไม่รู้อีท่าไหน ไป ๆ มา ๆ แอรอนในวัยสามสิบแปดก็ได้ขึ้นแท่นเจ้าพ่อมาเฟียคนใหม่คุมเมืองยอจู

นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตเขาเท่านั้น พอมองแบบนี้คนคงพูดว่าที่เขากลายมาเป็นพวกไม่เอาไหนก็เพราะครอบครัวไงละ แต่ถ้าลองมองอีกแง่ ไม่ใช่ว่าเขาสามารถเลือกเส้นทางชีวิตที่มันดีกว่านี้ได้หรือ ครอบครัวเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวหลายอย่างก็จริง แต่สิ่งที่เขาเลือกเองต่างหากที่มันส่งผลเป็นหลัก ถ้าคิดว่าแอรอนลีชีวิตโลดโผนแล้วก็ยังเร็วไปอยู่สิบปี ช่วงที่เขากลายมาเป็นเจ้าพ่อเมืองยอจู ชายคนนี้มีคดีติดตัวยาวเป็นหางว่าว แต่ก็นะ เงินมันทำได้ทุกอย่างจริง ๆ นั่นแหละ เพราะสุดท้ายเขาก็รอดคดีมาตลอด ไม่รู้แน่ชัดว่าเขาซื้อตัวผู้พิพากษา อัยการ และคณะลูกขุนด้วยเงินเท่าไรในแต่ละครั้งที่เขาขึ้นศาล เคยมีคดีหนึ่งที่เป็นเรื่องราวใหญ่โตเพราะเขาไปพรากผู้เยาว์ที่พิการหูหนวก พี่สาวของเด็กคนนั้นแจ้งความกับตำรวจและดำเนินการเรื่องนี้ไปจนถึงศาล แต่สุดท้ายอำนาจเงินก็หอมหวานพอจะทำให้คดีถูกยกฟ้องไปในที่สุด แอรอนลีรอดคดีตามเคย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วหลักฐานแน่นหนาพอจะเอาเขาเข้าไปนอนในคุกได้อย่างน้อยที่สุดคงสามสี่ปี

แต่ก็อย่างว่าเรื่องราวมักจะวิ่งเข้าหาคนที่ใช้ชีวิตสนุกและคุ้มมากกว่าคนที่ใช้ชีวิตเอื่อยไปวัน ๆ เรื่องน่าปวดหัวมาเยือนเขาอีกครั้งเมื่อต้นเดือนมิถุนายนช่วงฤดูร้อน แอรอนได้รับจดหมายขู่เอาชีวิตจากคนปริศนา เขามองว่านี่เป็นสิ่งไร้สาระและคนทำคงหยุดไปเองในที่สุด แต่เขาคิดผิดมหันต์ จดหมายถูกส่งมาที่บ้านเขาทุกวันตลอดสามเดือน เนื้อความไม่มีอันไหนเชื่อมต่อกันเหมือนเป็นคนละเรื่อง มันสะเปะสะปะอ่านไม่ค่อยได้ใจความราวกับว่าคนเขียนเป็นพวกสติไม่ดี แต่สิ่งที่เริ่มเห็นได้ชัดคือในจดหมายทุกฉบับเนื้อความมีการขู่เอาชีวิต ตอนแรกแอรอนลีไม่เอะใจและปล่อยปละละเลย แต่เขาก็มีความขี้ขลาดหลงเหลืออยู่พอตัวจากตอนเป็นเด็ก เขาคิดว่าจะมาตายอย่างจนตรอกแบบนี้ไม่ได้ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจริง ๆ พอรู้ว่าเริ่มไม่ปลอดภัยแล้วเขาให้เลขาติดต่อไปหาเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่เป็นเจ้าของบริษัทรักษาความปลอดภัยชื่อดังอย่างสกายการ์ด เพื่อขอทีมรักษาความปลอดภัยมาอารักขา และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทีมของโบซอกได้พบกับแอรอนลีเป็นครั้งแรก


สถานการณ์ตอนนี้ตึงเครียดถึงขั้นสุด ฮงโบซอกถูกสอบสวนอย่างหนักจากทีมที่บริษัทตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบการทำงานทีมของฮงโบซอกและเรื่องที่ลีหายตัวไป ในห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ ที่ดูไม่ต่างจากในหนังสืบสวนสอบสวนที่ตัวร้ายมักจะจนมุมและเผยไต๋ออกมาในที่สุด โบซอกกำลังเผชิญสถานการณ์นั้นอยู่ เจ้าหน้าที่ที่สอบสวนเธอคือบังฮยอก ชายร่างกำยำตัวสูงในสูทสีเข้ม ใบหน้าเรียบเฉยทำให้เขาดูน่าเกรงขาม เขาอายุมากกว่าโบซอกแค่สองปีแต่ภาพลักษณ์ที่น่าไว้วางใจของเขา ทำให้คนที่พบเจอมักจะเรียกเขาว่าลุงอยู่เสมอ โบซอกกับฮยอกรู้จักกันมานานพอสมควร เธอรู้ว่าเขาไม่ปรานีใครที่ทำภารกิจพลาด ครั้งนี้คงเป็นตาของเธอแล้วที่จะโดนเขากัดไม่ปล่อย

“คุณรู้เรื่องที่แอรอนลีจะหายตัวไปตั้งแต่แรกหรือเปล่า”

“ฉันไม่รู้เรื่องค่ะ”

โบซอกปฏิเสธไปทั้ง ๆ ที่ยังหลุบตามองโต๊ะ เธอไม่มองหน้าคู่สนทนาด้วยซ้ำ ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มด้วยความเครียดของเธอชวนให้บังฮยอกเดาไม่ออกว่าคนตรงหน้ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ เขารู้จักฮงโบซอกดีพอตัวถ้าเธอจะเอาตัวลีไป มันจะเป็นเพราะอะไร เธอไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินจนถึงขั้นจะกลายเป็นคนร้ายเรียกค่าไถ่ ถึงเธอทำเช่นนั้นจริง ทำไมถึงไม่หนีไป แต่กลับแจ้งให้องค์กรรู้เรื่องที่ลีหายไป อีกอย่างบังฮยอกไม่เคยคาดเดาตัวฮงโบซอกถูกสักครั้ง


“คุณอนดงยุน คุณบอกว่าคุณนั่งอยู่ตรงข้ามแอรอนลี ระหว่างการเดินทางใช่ไหม”

“ครับ”

“คุณเห็นอะไรที่ดูแปลกไปของสมาชิกทีมของคุณบ้าง”

“ไม่นะครับ ทุกคนแค่นั่งอยู่กับที่ พอเครื่องขึ้นก็ไม่มีใครเดินไปไหนมาเลยนอกจากลีครับ”

“…”

“อีกอย่างเขาชวนผมทานอาหารด้วยกันครับ แต่ผมปฏิเสธไปเพราะรู้ว่าไม่เหมาะสม”


“คุณแพคจองอู พอทราบไหมครับว่าแอรอนลีสั่งอะไรมาทานบ้าง”

“ผมจำไม่ค่อยได้หรอกครับ เพราะนั่งอยู่ห่างจากเขา แต่ที่จำได้คือลีสั่งน้ำเสาวรสครับ ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าตอนที่ลงมาจากเครื่องบินแล้วเขาถามหาห้องน้ำ เป็นเพราะกินน้ำนั่นเข้าไปหรือเปล่า”

“พอจะเห็นอย่างอื่นอีกไหม”

“อ้อ แล้วก็ตอนที่เขาขอบคุณพนักงานต้อนรับที่เธอเอาน้ำแก้วนั้นมาให้เขา ลีจับก้นเธอครับ พูดก็พูดเถอะครับ ตั้งแต่ทำงานนี้มาผมไม่เคยเห็นนายจ้างคนไหนนิสัยแย่เท่านี้มาก่อน”


“คุณชาโดฮาตอนที่เห็นแอรอนลีลงมาจากเครื่อง คุณเห็นเขาในสภาพไหนครับ”

“เขาไม่ได้มีอาการมึนเมาหรืออยู่ในอาการที่ควบคุมตัวเองไม่ได้นะครับ ตอนที่ทักทายกันเขาเมินผมแล้วถามหาห้องน้ำลูกเดียวเลย”


“คุณแน่ใจแค่ไหนว่าไม่มีใครอยู่ในนั้นตอนที่เข้าไปตรวจสอบความปลอดภัยก่อนจะให้แอรอนลีเข้าไปใช้ห้องน้ำ คุณอีมินจุน”

“ผมเปิดดูทุกห้องเลยครับ ไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำจริง ๆ”

“คุณไม่เอะใจเกี่ยวกับหน้าต่างระบายอากาศหน่อยหรือ”

“ผมไม่คิดว่าหน้าต่างระบายอากาศที่เห็นตอนนั้นจะสามารถเอาตัวลีออกไปได้ครับ”


“ก่อนการแยกกันไปทำภารกิจตามแผนที่วางกันเอาไว้ คุณพัคอินซูเห็นว่าคนในทีมมีท่าทีอย่างไรครับ”

“ทุกคนเครียดครับ โดยเฉพาะหัวหน้าฮง ผมไม่แน่ใจว่าเพราะภารกิจครั้งนี้ผู้ว่าจ้างเป็นเพื่อนสนิทกับผอ.หรือเปล่า เลยทำให้หัวหน้าเธอกังวลพอสมควรเลยครับจากที่ผมสังเกตเห็น”


“คุณฮันแดชาน คิดว่าใครในทีมคุณเป็นคนร้ายครับ”

“เอ๊ะ อะไรนะครับ”


เวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมงกับการสอบสวนเรื่องที่ลีหายตัวไป คนอื่นๆ ถูกปล่อยตัวออกมาจากห้องสอบสวนก่อนแล้วแต่ยังไม่ได้ให้ไปไหน เหลือเพียงโบซอกที่ยังคงถูกสอบสวนต่อ บังฮยอกไม่ย่อท้อ เขาเห็นเธอใช้ความเงียบมาตลอดการสอบสวน เขาเองก็ใช้บ้าง สงครามประสาทถูกจับจ้องจากบุคคลภายนอกอย่างทีมของโบซอกและเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ที่มารอฟังผล พักหนึ่งฮงโบซอกเงยหน้าขึ้นมามองบังฮยอกที่จ้องเธอเขม็งตั้งแต่แรก ทั้งคู่สบตากันนิ่ง ๆ คล้ายเสือที่กำลังเล็งเหยื่อตัวเดียวกันแต่ยังไม่ลืมว่ามีอริที่กำลังจ้องจะชิงเหยื่ออยู่อีกด้วย บังฮยอกยืดตัวขึ้นพลางมือกอดอกแล้วเอียงคอนิดหน่อย เขาถอนหายใจมองฮงโบซอกที่จ้องเขาไม่ละสายตา เธอเม้มปากเหมือนคนมีอะไรจะพูดแต่ยังไม่แน่ใจว่าควรพูดดีหรือไม่

“เจ้าหน้าที่บังคะ”

“ครับ”

“ฉันขอโอกาสค่ะ”

เขาค่อนข้างงุนงงกับคำพูดของเธอ สายตามุ่งมั่นแบบนั้นทำให้ชายที่เคร่งครัดเรื่องกฎระเบียบอย่างเจ้าหน้าที่บังฮยอกแอบใจอ่อน เอาจริง ๆ ถ้าตอนนี้เธอบอกว่าตัวเองเป็นคนทำเขาก็ไม่เชื่อ คนอย่างฮงโบซอกไม่มีทางเอาทีมที่เป็นดังครอบครัวมาเผาเล่นเหมือนเศษกระดาษแบบนี้แน่นอน เขามั่นใจในตัวเธอมากถึงขนาดนั้น

“เมื่อสักครู่ ที่คุณบอกว่าขอโอกาส…”

“ช่วยคุยกับผอ.ให้ทีค่ะ”