คุณหมอที่ไม่กลัวมาเฟีย กับความลับที่ทำให้คุณบอสอึ้ง

My Dear Doctor.... ร้ายนักรักคุณหมอตัวแสบ - 0 PROLOGUE โดย Y(By)Midnight @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ตลก,ผู้ใหญ่,ฟีลกูด/feelgood,มาเฟีย,หมอ ,yaoi,วาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

My Dear Doctor.... ร้ายนักรักคุณหมอตัวแสบ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ตลก,ผู้ใหญ่

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ฟีลกูด/feelgood,มาเฟีย,หมอ ,yaoi,วาย

รายละเอียด

My Dear Doctor.... ร้ายนักรักคุณหมอตัวแสบ โดย Y(By)Midnight @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

คุณหมอที่ไม่กลัวมาเฟีย กับความลับที่ทำให้คุณบอสอึ้ง

ผู้แต่ง

Y(By)Midnight

เรื่องย่อ

สารบัญ

My Dear Doctor.... ร้ายนักรักคุณหมอตัวแสบ-0 PROLOGUE,My Dear Doctor.... ร้ายนักรักคุณหมอตัวแสบ-1 Chapter 1,My Dear Doctor.... ร้ายนักรักคุณหมอตัวแสบ-2 Chapter 2,My Dear Doctor.... ร้ายนักรักคุณหมอตัวแสบ-3 Chapter 3

เนื้อหา

0 PROLOGUE

PROLOGUE



 ‘เมื่อประมาณหัวค่ำของเมื่อวานนี้ ได้เกิดเหตุปะทะกันของกลุ่มผู้มีอิทธิพลในเขตพื้นที่ XXX ยังไม่มีรายงานผู้ไม่เกี่ยวข้องที่ได้รับบาดเจ็บในขณะนี้ และพบความเสียหายของสิ่งก่อสร้าง รวมถึงทรัพย์สินบางส่วน ทางเจ้าหน้าที่จึงขอความร่วมมือประชาชน หากไม่มีเหตุจำเป็นไม่ให้ออกนอกบ้านในยามวิกาล รายงานจาก.... ติ๊ด!!’



 เฮ้อ!! 



เสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายดังขึ้น ภายในห้องพักแพทย์ของโรงพยาบาลประจำมหาวิทยาลัยนานาชาติพาเลซ

ชายหนุ่มร่างโปร่งบาง เจ้าของใบหน้ากึ่งหล่อกึ่งหวาน ออกแนวทอมบอย เขามีดวงตาสีน้ำตาลทอง และปิดบังดวงตาทรงเสน่ห์ กับใบหน้าแสนดึงดูดผู้คนนั่นด้วยแว่นตากลมกรอบใหญ่ เขาในชุดเสื้อกาวน์ยาวของหมอ มีผมสีน้ำตาลเทาระต้นคอ แน่นอนว่านั่นเป็นสีธรรมชาติแต่กำเนิดเป็นสีธรรมชาติไม่ได้เกิดจากการย้อมแต่อย่างใด 



เขาอ้าปากหาวจนน้ำตาซึมออกมาตรงหางตาด้วยความง่วง และอ่อนเพลียจากการที่ต้องอยู่เวรมาทั้งคืน และเพิ่งจะได้นั่งพักผ่อนไม่กี่นาทีที่ผ่านมานี่เอง



 ...เฮ้อ! คิดผิดหรือคิดถูกวะ ที่มาเรียนหมอเนี่ย...

ชายหนุ่มคิดในใจ เขาเป็นนักศึกษาแพทย์ปีสุดท้าย จึงต้องมาฝึกทำงานในโรงพยาบาล ทุกแผนกหมุนเวียนไปจนครบ ถึงจะบ่นอย่างนั้นก็เถอะ แต่ที่จริงเขาตั้งใจที่จะมาเรียนหมอเพื่อไปรักษาคนอื่น ๆ ตามความฝันตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว... แม้ว่าจะตามฝันมาไกลข้ามทวีปไปหน่อยก็เถอะ



“ข่าวเดิม ๆ ตลอดเลยเนอะช่วงนี้... แกคิดว่าไง แชง”



หญิงสาวอีกคนในห้อง เอ่ยปากถามขึ้นมา เขาจึงพยักหน้ากลับไปเงียบ ๆ เป็นการจบบทสนทนา ที่เพื่อนสนิทของเขาอย่าง พาย หรือคนที่ถามเขาเมื่อครู่รู้ดี



 หลายวันที่ผ่านมานี้มีการออกข่าวการเกิดเหตุปะทะ กราดยิง ตะลุมบอนของพวกผู้มีอิทธิพลเขตต่าง ๆ บางทีก็มีคนที่ไม่เกี่ยวข้องมาโดนลูกหลงไปด้วย สร้างความตระหนก และวุ่นวายในช่วงนี้...



...โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สร้างความวุ่นวายให้บรรดาหมออย่างเขาที่ต้องรับศึกหนัก เจอคนเจ็บจากลูกหลง และโดนทำร้ายเข้ามาทีละหลายสิบคน...



 โค้ดบลู! โค้ดบลู! ห้องไอซียู!!



 พรึ่บ!!

 เสียงประกาศจากประชาสัมพันธ์ ทำให้แชง พาย และเพื่อนนักเรียนแพทย์อีก 2-3 คน ในห้อง ที่กำลังนั่งหมดสภาพกันอยู่ต้องรีบลุกขึ้น คว้าเสื้อกาวน์ วิ่งออกไปยังห้องไอซียูทันที



 “แฮ่ก! โอย ฉันเพิ่งได้นั่งห้านาทีเองนะ!”

 รุ่นพี่แพทย์ใช้ทุนคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบมาจากอีกด้านหนึ่งของทางเดินซึ่งเป็นทางที่มาตัดกับพวกเขาพอดี



อืม... เขาเข้าใจดีเลยละ... 



เมื่อคืนวันก่อน แชงต้องอยู่เวร และเพิ่งจะออกจากห้องผ่าตัดมา ก็เจอเข้ากับเคสฉุกเฉิน เกิดเหตุรถชนกัน จนมีคนบาดเจ็บจำนวนมากทั้งหนักทั้งเบา กว่าจะจัดการเรียบร้อยกันก็เกือบเช้าแล้ว ถือว่าโชคดีที่ไม่มีคนไข้เสียชีวิต ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องปกติ แต่เขาเองก็อยากจะช่วยทุกคนให้ถึงที่สุดอยู่ดี



 “เฮ้ พวกคุณ เอ็กซ์เทิร์นใช่มั้ย” อาจารย์แพทย์เดินมาจากอีกด้านก่อนถึงห้องไอซียู ตะโกนถามขึ้นมา



...อื้อหือ อาจารย์เพิ่งออกมาจากห้องผ่าตัดชัวร์...



 เขาคิดในใจเมื่อมองอาจารย์ที่ยังอยู่ในชุดผ่าตัด ที่เปื้อนเลือดเล็กน้อย สีหน้าที่แสนจะอ่อนเพลียของเขาบอกได้อย่างดีว่า อาจาย์แพทย์คนนี้เจอมาหนักกว่านักเรียนแพทย์อย่างพวกเขาเสียอีก... เขามองสภาพนั้นอย่างเห็นใจ และเข้าใจก่อนจะตอบกลับไป



“ครับ”



 ผลั่ก! เสียงพยาบาลสาวรีบเปิดประตูเข้ามา 



 “คนไข้ถูกกระสุนถากข้างลำตัว และมีกระสุนเจาะที่หัวไหล่ซ้าย เสียเลือดมากค่ะ!” พยาบาลรายงานอย่างเร่งรีบทันทีที่พวกเขาเปิดประตูเข้าไป ในขณะที่ตัวเองห้ามเลือดคนไข้ฉุกเฉินอยู่



 “เข้าใจแล้ว เปิดห้องผ่าตัดหนึ่ง เอ็กซ์เทิร์นมาเป็นผู้ช่วยผมผ่าตัดฉุกเฉิน คุณด้วยเรสซิเดนซ์”



 “ครับ!/ค่ะ!”



 พวกแชงต้องเปลี่ยนชุด เพื่อเข้าห้องผ่าตัดอย่างเร่งด่วน สิ่งสำคัญที่สุด คือการช่วยชีวิตของคนไข้ โดยไม่ต้องสนสถานะใด ๆ ของคนไข้ทั้งสิ้น



 “มีด...” 



อาจารย์เริ่มผ่าตัดเอากระสุนออกอย่างชำนาญและรวดเร็ว ด้วยประสบการณ์การเป็นแพทย์ประจำห้องฉุกเฉินมานาน



แชงเองก็อยากจะเรียนต่อในสาขาแพทย์ฉุกเฉิน เขาจึงคอยสังเกต และเก็บรายละเอียด ไปพร้อม ๆ กับส่งอุปกรณ์ และคอยช่วยในการผ่าตัด



 คนเป็นหมอต่อให้กังวลหรือกลัวแค่ไหน ก็ต้องใจนิ่งไว้ โดยเฉพาะเวลาที่เราถือมีด เพราะถ้าหากเราพลาด นั่นหมายถึงชีวิตของคน ๆ หนึ่ง และชีวิตของเราเอง



 เป็นคำพูดของอาจารย์แพทย์ ที่วอร์ดศัลยกรรมเคยบอกพวกเขาเอาไว้ มีคนเคยบอกว่าการเป็นหมอ ก็เหมือนกับก้าวลงตารางไปครึ่งตัว นั่นไม่ผิดเลยเพราะหากมีอะไรที่ผิดพลาดนั่นก็เป็นความรับผิดชอบของหมอเต็ม ๆ



 ชั่วโมงแห่งความตรึงเครียด เนื่องจากคนไข้เสียเลือดมาก และเกิดอาการหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน จนพวกเขาต้องรีบช่วยอย่างเต็มที่ จนในที่สุดการผ่าตัดครั้งนี้ก็สำเร็จไปด้วยดี คนไข้ปลอดภัยแล้ว



 “เฮ้อ!” เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอก ดังขึ้นแทบจะจากทุกคนในห้องผ่าตัด ก่อนที่อาจารย์แพทย์จะหันมาบอกกับพวกเราว่า...



 “เอาล่ะเอ็กซ์เทิร์นฝากปิดงานด้วยล่ะ”



 “ครับ” แชงรับคำ และเริ่มเย็บปิดแผลอย่างคล่องแคล่ว และเรียบร้อย เพราะเคยฝึกมาแล้วหลายครั้ง จนสามารถทำได้อย่างดีในเวลาสั้นๆ



 “เดี๋ยวย้ายคนไข้ไปพักที่ไอซียูคอยเฝ้าสังเกตอาการข้างเคียงให้ดี” อาจารย์แพทย์สั่งพวกเขาที่อยู่ในห้อง ก่อนจะเดินออกไป เพราะมีผ่าตัดเคสฉุกเฉินอีกเคส พร้อมกับรุ่นพี่ และคุณหมออีกสองสามท่านที่เพิ่งวิ่งมาตาม



 “เอ็กซ์เทิร์นเก็บไหวนะจ๊ะ?” พยาบาลถามเขาด้วยรอยยิ้ม

 

 “ครับ” แชงตอบกลับไปเบา ๆ ในขณะที่เริ่มเช็ดรอยแผลที่เย็บเสร็จแล้ว “เรียบร้อยครับ ฝากที่เหลือทีนะครับ เดี๋ยวผมจะตามไปเช็คที่ไอซียูอีกที”



 “จ้ะ ไม่ต้องห่วงเรียบร้อยแล้วล่ะ เดี๋ยวเราเองก็ไปพักบ้างนะ พี่เห็นเราเพิ่งเข้าไปนั่งแค่สิบนาทีเอง เดี๋ยวได้กลายเป็นคนไข้ไปซะอีกคน” พยาบาลสาวบอกอย่างใจดี 



ก็นะมันไม่ค่อยจะมีเวลาให้นั่งสักเท่าไหร่ พวกพี่ ๆ พยาบาลนี่... สาวแกร่งชัด ๆ



 แชงยิ้มรับคำ ก่อนจะเดินออกไปเพื่อล้างตัว และเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับไปอยู่ในชุดธรรมดา แล้วสวมเสื้อกาวน์ทับอีกที



 “เหนื่อยเป็นบ้า เมื่อกี้ฉันตื่นเต้นแทบแย่ ตกใจหมดเลย” พายบ่นออกมาระหว่างที่พวกเขากำลังเดินไป เพื่อเช็คอาการคนไข้



 “ก็อย่างนี้แหล่ะ เธอก็ทำตัวให้ชินเถอะ ต่อไปอาจจะเจอแบบไม่โชคดีอย่างนี้ก็ได้” เขาบอกกลับไป ทำเอาเพื่อนสาวเบ้หน้ากลับมา



 “ขอให้อย่าเจอเร็วนักละกัน” พายบอกต่อ พลางพ่นลมหายใจแรง ๆ หนึ่งที... และก่อนที่พวกเขาจะเดินเข้าไปห้องไอซียู ที่คนไข้พักฟื้นรอดูอาการอยู่นั้น...



 “เดี๋ยวก่อน!” 

เสียงจากหนึ่งในกลุ่มคนท่าทางน่ากลัวในชุดสูทสีดำยืนเรียงรายเต็มหน้าห้องไอซียู ทำเอาเขา กับเพื่อนที่กำลังเดินมาสะดุ้ง 



เฮ้ ๆ อย่าบอกนะว่า... เจอคนไข้ระดับผู้มีอิทธิพลซะแล้วน่ะ...



 แชงคิดในใจอย่างเหนื่อยหน่าย ถ้าเลือกได้อยากจะเปลี่ยนตัวกับหมอคนอื่นเหลือเกิน... เขาไม่อยากยุ่งวุ่นวาย กับพวกมีอิทธิพลบ้าอำนาจนักหรอกนะ... มันไม่ปลอดภัยกับสถานะของเขาเสียเท่าไหร่... เฮ้อ...



 “ครับ” 

แชงตอบรับเสียงเรียบ ที่ออกจะเฉื่อยชา อย่างไม่เกรงกลัว ทำเอาเพื่อนสาวกระตุกเสื้อเขายิก ๆ หวังให้เขาพูดเสียงอ่อนลงหน่อย ประมาณว่ายอมๆเขาไปเถอะ คนน่ากลัวพวกนี้น่ะ



 “เธอเป็นหมอใช่มั้ย?” หนึ่งในชายชุดสูทสีดำ ที่น่าจะเป็นบอดี้การ์ดของคนข้างในห้องถามออกมา แชง จึงพยักหน้าตอบกลับไป 



 “ครับ... คุณเป็นญาติของคนไข้ใช่มั้ยครับ” แชงถามกลับไปด้วยคำสุภาพ แต่โทนเสียงราบเรียบ ทั้ง ๆ ที่ดูก็รู้ว่าพวกนี้เป็นลูกน้องของคนในห้องนั่นแหล่ะ



 “ใช่... อาการของบอสเป็นไงบ้าง”



 “โดยรวมก็... ปลอดภัยดีครับ แค่ยังไม่ได้สติ เพราะเสียเลือดมาก อาจต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู ต้องให้คนไข้อยู่ เพื่อรอดูอาการในห้องไอซียูสักสองสามวัน หากไม่มีอาการผิดปกติอะไรเราจะย้ายไปห้องพักผู้ป่วยได้ครับ” เขาตอบกลับอย่างเนิบช้า ใจเย็น ด้วยท่าทางที่เฉื่อยชาตามปกติ ทำเอาพวกบอดี้การ์ดหงุดหงิดใจกับท่าทางเหมือนกวนประสาทของคุณหมอแว่นตรงหน้า



 “อาการผิดปกติอะไร ฮะ!!” ด้วยความไม่พอใจบอดี้การ์ดอีกคนทางด้านหลังตะเบ็งเสียงถามแทรกขึ้นมา ด้วยท่าทางน่ากลัวจนพายแอบเขยิบมาเกาะหลังแชงอย่างกริ่งเกรง แต่ตัวคนโดนถามเองกลับไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด

 

“ก็พวกอาการที่อาจพบได้ในผู้ป่วยที่เพิ่งผ่าตัด บางคนอาจไม่มี ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคนด้วย เพราะฉะนั้นเราจึงต้องคอยดูอาการให้แน่ใจก่อน หากเข้าระยะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ค่อยส่งไปพักฟื้นที่ห้องพักต่อไป” เสียงเฉื่อยชาเริ่มตอบเสียงกระแทกเล็กน้อยด้วยความรำคาญ และอยากจะเดินออกไปให้พ้นจากตรงนี้เสียที ติดตรงที่ต้องรักษามารยาทเสียนิดนึงด้วยความเป็นหมอ

 

“อีกนานมั้ยกว่าจะฟื้น” บอดี้การ์ดคนแรกถามออกมา ด้วยน้ำเสียงกดดัน



 “ก็ขึ้นอยู่กับตัวคนไข้...” แชงหรี่ตาตอบอย่างคนรำคาญเต็มที่ ทำให้พวกบอดี้การ์ดคนอื่นนอกจากคนถามมีสีหน้าโมโหกับท่าทางของเขา

 อ่า... ถึงจะอยากเป็นหมอ แต่นิสัยขี้รำคาญแบบนี้ของเขามันแก้ไม่หายจริง ๆ... ไม่สิ... ไม่อยากแก้มากกว่า... 

 

“นี่!!”

 

“กรุณาอย่าส่งเสียงดังในโรงพยาบาล มันรบกวนคนไข้คนอื่น” พูดจบประโยคแชงก็ดึงมือเพื่อนสาว แล้วก้าวเท้าเข้าไอซียูอย่างรวดเร็ว



ปึก…



“โอย... แก ฉันกลัวจะตายทำไมแกพูดอย่างน้านนน” พายโวยวายทันทีที่ประตูปิดลง ทำเอาแชงต้องขำเบา ๆ



“หึ ๆ แล้วทำไมฉันต้องกลัวด้วยล่ะ” แชงถามกลับด้วยรอยยิ้มสบายๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน ทำเอาพายกลอกตามองบน ทำหน้าเพลียใส่



“โอ๊ย แกนี่... เออ ฉันลืมไป อย่างแกไม่ต้องกลัวพวกนี้อยู่แล้วดิ พ่อคนเก่ง” พายทำหน้าล้อเลียน จนเขาต้องส่ายหัวอย่างระอา ก่อนจะบอกให้ไปดูคนไข้



 เขาก้าวเท้าไปหยุดที่หน้าเตียงคนไข้ ตรวจดูอุปกรณ์ต่าง ๆ และค่าสภาวะในร่างกายของคนไข้เงียบ ๆ พร้อมจดลงชาร์ตที่พยาบาลในห้องไอซียูยื่นมาให้



 “ตอนนี้ยังคงไม่มีอาการอะไรใช่มั้ยคะ?” พายถามพยาบาล ขณะที่ช่วยแชงเช็คอาการคนไข้อยู่



 “จ้ะ” พยาบาลตอบอย่างเป็นกันเอง



 “งั้นถ้าหากมีอาการแปลก ๆ เรียกฉัน หรือไม่ก็แชงได้เลยนะคะ” พายบอกพยาบาลไป



 “จ้ะ... ว่าแต่... หมอแชงเนี่ยเก่งจังเลยนะคะ ยืนคุยกับคนน่ากลัวพวกนั้นได้น่านิ่ง ๆ เลย” พยาบาลบอกพลางทำหน้าเหยเกเมื่อนึกถึงบรรยากาศน่ากลัวของพวกบอดี้การ์ดข้างนอกนั่น



 “หรอครับ?” แชงถามกลับนิ่ง ๆ อย่างไม่ใส่ใจ ในขณะที่พายรีบพูดต่อพยาบาลทันที



 “โหย... พี่คะ ไอ้แชงอ่ะ มันตายด้าน ไม่เคยกลัวอะไรกับเขาอ่ะ” พายที่ได้โอกาสแขวะเพื่อน ก็จัดการซะเลย



 “ก็ไม่ขนาดนั้นมั้ยล่ะ” แชงตอบกลับพลางส่ายหัว ให้เพื่อนสาว พยาบาลหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะขอตัวออกไป



“คิก ๆ โอเค ๆ ถ้าอย่างนั้น... เดี๋ยวพี่ไปดูคนไข้อื่นก่อน หมอแชง กับหมอพาย ไปพักกันก่อนได้นะ เดี๋ยวพยาบาลข้างหน้าเขาคอยดูคนไข้ให้”

 “โอเคค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” พายตอบพลางโค้งตัวให้พยาบาลสาว เช่นเดียวกับแชงที่โคลงหัว พูดขอบคุณเบา ๆ



 “จ้า”



 พวกเขาเดินออกจากห้องมา เจอพวกบอดี้การ์ดยืนหน้ายักษ์ใส่อีกครั้ง แต่แชงไม่สนใจเดินผ่านไปเฉย ๆ จนพายต้องรีบเกาะหลังเพื่อนอย่างเหนียวแน่นออกไปด้วย



 แชงเดินไปพลางนึกถึงใบหน้าของคนไข้ที่เขารับผิดชอบคนนั้น เขารู้สึกคุ้นหน้าราวกับว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก ผู้ชายคนนั้นเป็นชายร่างใหญ่ ดูมีกล้ามเนื้อ ใบหน้าคมคายออกไปทางตะวันตก ผมสีดำแบบชาวเอเชีย คาดว่าน่าจะเป็นลูกครึ่ง...



 ...อืม เคยเห็นที่ไหนนะ...



 “ไอ้แชง!!!” พายตะโกนเสียงดังจนแชงสะดุ้งเล็กน้อยอย่างตกใจ



 “มีอะไรพาย ตกใจหมด”



 “โอ้ย ฉันเรียกแกตั้งหลายรอบแล้วเหอะ แกคิดอะไรอยู่เนี่ย...”



“ฉันว่า ฉันคุ้นหน้า...”



 “เอ็กซ์เทิร์น! ห้องฉุกเฉินสอง ด่วนเลย!”



 “ค่ะ / ครับ” พวกเขารีบตอบ แล้ววิ่งตามแพทย์เรสซิเดนซ์ที่วิ่งมาจากด้านหลังไปอย่างเร็ว และลืมเรื่องที่จะพูดกันอยู่ไปเลย...



 “ฮ้า... เมื่อย เหนื่อย ล้าสุด ๆ ไปเลย ตอนนี้ฉันออกเวรแล้ว แต่ก็ยังต้องกลับไปอ่านเตรียมควิซพรุ่งนี้อยู่ดี ฮือออ พระเจ้าขาเมตตาลูกด้วย” พายบ่นชุดใหญ่หลังจากที่พวกเขาออกมาจากห้องฉุกเฉินแล้ว



“อย่าบ่นเยอะน่า พาย เรากลับกันเหอะ”



“อืม...”



กึก... ก่อนจะกลับไปแชงก็หันไปเห็นพวกบอดี้การ์ดสองคนเดินเข้าร้านกาแฟไป เขาจึงหันหลังกลับแล้วเดินไปอีกทางแทน



“อ้าว แกจะไปไหน”



“เธอกลับก่อนเลย เดี๋ยวฉันแวะไปดูคุณบอสซะหน่อยก่อนกลับ เผื่อมีอะไรจะได้ไม่โดนพวกลุงชุดดำเจื๋อน” แชงตอบกลับหน้าตาย



“คุณบอส? อะ คนไข้ที่มีพวกน่ากลัว ๆ เฝ้าหน้าห้องอ่ะนะ... แล้วลุงชุดดำ... นายนี่มันไม่กลัวอะไรเลยจริงๆ ไอ้แชง” พายบอกพลางส่ายหัวเบาๆ



“อือ... เรียกงี้มันตลกดี หึ ๆ ๆ” แชงหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นสีหน้าเหยเก แบบรับไม่ได้ของพาย



“เออ ๆ รีบกลับล่ะ ฉันขอไปงีบแปปก่อนลุยอ่านควิซละกัน” พายบอกด้วยสีหน้าเพลียๆ แชงจึงพยักหน้ารับคำก่อนจะโบกมือบ๊ายบายเพื่อนสาว



“อืม... แล้วเจอกัน”



 ผลั่ก! 

แชงเปิดประตูเข้าไป โดยไม่สนใจพวกบอดี้การ์ดที่ยืนปั้นหน้าโหดหน้าห้อง แล้วเข้าไปตรวจดูคนไข้บนเตียงอีกครั้ง เมื่อไม่มีอะไรผิดปกติ เขาจึงวางใจ และเตรียมตัวกลับไปอ่านหนังสือเตรียมควิซในวันถัดไป



 “...ลูกน้องคุณเนี่ย น่ารำคาญชะมัดเลยคุณบอส” แชงพึมพำเบา ๆ ข้างเตียงคนไข้ และเผลอแสดงสีหน้าบึ้งตึง เบ้ปากแบบเด็ก ๆ อย่างที่ไม่เคยแสดงให้ใครเห็นมาก่อน เพราะความหงุดหงิด และรำคาญพวกบอดี้การ์ดที่เอาแต่จ้องจะกินหัวเขาอยู่นั่นล่ะ



 แชงขยับผ้าห่มให้คลุมตัวคนไข้พอดีขึ้นอีกเล็กน้อย พร้อมทั้งพึมพำ(บ่น)ใส่คนที่ยังไม่ได้สติไปด้วย



 “คุณน่ะรีบ ๆ ฟื้นมา... แล้วมาพาเจ้าพวกหน้าโหดนั่นออกไปได้แล้ว พวกผมไม่มีสมาธิทำงานเพราะพวกงี่เง่านั่นเนี่ย เหอะ ก็แค่ปั้นหน้าโหดมันน่ากลัวตรงไหน ทำไมใคร ๆ ต้องกลัวไอ้พวกบ้านั่นนะ”



 แชงขมวดคิ้วพลางบ่นออกมาด้วยความหงุดหงิดใจ ที่มีความวุ่นวายที่เขาไม่ชอบในโรงพยาบาลนี้ เพราะพวกบอดี้การ์ดยืนขู่คนอื่นไปทั่ว



 “เฮ้อ ผมไปล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาตรวจใหม่ รีบ ๆ หายล่ะคุณบอส”



 ว่าจบเขาก็หมุนตัวเดินออกไปทันที จึงไม่ทันได้สังเกต เห็นว่านิ้วของคนบนเตียงนั้นขยับเล็กน้อย พร้อมกับดวงตาที่ปรือขึ้นมามอง แผ่นหลังบางที่ก้าวออกไปจากห้อง...



 “ฮืออ ฉันเพิ่งนอนไปสองชั่วโมงก็ต้องแหกตาตื่นมานั่งทวนเนื้อหาควิซ งีบได้อีกยี่สิบนาทีก็ต้องบึ่งไปที่มหาวิทยาลัยรีบๆควิซแล้วเข้าเวรต่อ เฮ้อ! วันนี้มันวันนรกชัด ๆ” พายบ่นออกมาเสียงดังขณะที่พวกเขาเดินเข้าโรงพยาบาล



 “เอาน่า...” แชงก็ไม่รู้จะตอบอะไร จึงบอกไปแค่นั้น พายเองก็รู้ดีว้เพื่อนของเธอปลอบใครไม่เป็น และเธอเองก็ไม่ได้บ่นจริงจังอะไรนัก ก็แค่บ่นไปตามประสาก็เท่านั้น



วันนี้พวกเขาต้องเปลี่ยนไปราวน์วอร์ดอายุรกรรมแล้ว แต่แชงยังคงมีหน้าที่ต้องไปดูคนไข้วีไอพีในห้องไอซียูคนนั้น ที่เขาเรียกเองว่า คุณบอส



 “เอ้อ แชง นายยังต้องไปดูคุณบอสมาเฟียคนนั้นด้วยใช่มะ” พายถามออกมา



 “...ตกลงพวกนั้นเป็นมาเฟีย?” แชงเลิกคิ้วถามกลับแม้จะพอรู้อยู่แล้ว



 “อือ... พอดีฉันบังเอิญไปได้ยินอาจารย์ที่เข้าผ่าตัดกับแกเมื่อวานคุยกับ ผอ.โรงพยาบาลมา” พายยิ้มระริกระรี้ เหมือนกับภูมิใจมาก



 “....เธอนี่มัน....” แชงหมดคำจะพูดกับต่อมอยากรู้อยากเห้นของเพื่อนคนนี้เลยทีเดียว



“อ๊ะ ๆ ๆ ไม่ต้องพูด ฉันรู้ว่าฉันเผือก จบนะ” พายเชิดหน้าบอกอย่างมั่นใจ



“เฮ้อ... ว่าแต่เป็นพวกไหนล่ะ” แชงถอนหายใจ ก่อนจะถามอีกครั้ง... ยังไงซะรู้ไว้ก่อนดีกว่าจะได้หาทางหนีทีไล่ถูก



 “ในสื่ออ่ะ บอกว่าเขาเป็นประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีอิทธิพลมากเลยนะแก... แต่ที่ฉันรู้เพิ่มมาคือเบื้องหลังเขาเป็นบอสมาเฟียใหญ่ ทายาทของเจ้าพ่อมาเฟียอิตาลีนู่น”



 “ลูกครึ่งจริง ๆ ด้วย...” แชงพึมพำเบาๆ



 “ใช่ประเด็นมั้ยยะ ฉันล่ะหน่ายกับแกจริง ๆ ชอบติดใจกับเรื่องแปลก ๆ...” พายส่ายหน้ากับคำของเพื่อน



 “เรื่องนั้นช่างเถอะ รีบขึ้นไปได้แล้ว” แชงเตือนก่อนจะเดินนำขึ้นไปบนตึก และลากเพื่อนสาวขาเม้าท์ให้เข้าไป แผนกอายุรกรรม เพื่อทำหน้าที่ต่อไป...



 “คุณป้ารู้สึกปวดหัวมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” แชงถามเสียงนุ่ม พร้อมกับรอยยิ้มบาง ๆ



 “ป้าจำไม่ได้จ้า... แต่มันปวดจี๊ดๆ เดี๋ยวเดียวก็หาย แล้วบางทีมันก็...”



 แชง ต้องนั่งยิ้มคอยถามอาการคนไข้ทั้งวัน บางทีเขาก็เจอคนไข้ที่ไม่ได้เป็นอะไร แต่คิดไปเองว่าตัวเองป่วย แล้วพอไม่ให้ยารักษา ก็โวยวายว่าหมอไม่อยากรักษา



...ก็ตัวเองไม่ได้เป็นอะไร จะเอายาไปทำไมนะ...



 แชงคิดแล้วถอนหายใจ ก่อนสั่งให้วิตามินบำรุงไปแทนเขาไม่ชอบความวุ่นวายแบบนี้เลย เขาจึงเลือกที่จะเรียนต่อแพทย์ฉุกเฉิน แล้วไปเจอความวุ่นวายในห้องผ่าตัด กับห้องฉุกเฉินแทน มันรู้สึกดีกว่าความวุ่นวายที่แผนกนี้... 



“อือ...” แชงขยับตัวบิดขี้เกียจ เหยียดแขน เหยียดขา ด้วยความเมื่อยจากการนั่งนาน ๆ



 “เอ็กซ์เทิร์น ออกเวรแล้วนะคะ เดี๋ยวพี่จัดการต่อให้” พยาบาลโผล่หน้าออกมาจากด้านหลัง มาบอกเขา



 “ขอบคุณมากครับ”



 แชงออกจากแผนก แล้วเดินไปหน้าห้องไอซียู ก็เจอพวกบอดี้การ์ดนั่งเต็มหน้าห้อง พอเขาก้าวเข้าไป พวกนั้นก็เงยหน้ามาจ้องเขม็ง เขามองกลับไปนิ่ง ๆ แล้วเดินเข้าไปในห้อง



 เขาตรวจเช็คเหมือนทุกที แล้วส่งชาร์ตให้พยาบาลไปเก็บ ตอนนี้ในห้องจึงเหลือแค่เขา และคนไข้ที่นอนอยู่ แชงมองบอสมาเฟียที่นอนเป็นผัก ก่อนลากเก้าอี้เข้ามานั่ง แล้วเท้าคางมองหน้าคุณบอสต่อ



 ไหน ๆ ก็ออกเวรแล้วขอเถลไถลนิดหน่อยก่อนละกันนะ 



“นี่คุณบอส... เมื่อไหร่จะฟื้นล่ะ พวกหน้าห้องน่ารำคาญเป็นบ้า” เขาตรวจเช็คปากแผลที่เย็บไว้ แล้วเปลี่ยนผ้าพันแผลใหม่อีกที...



 “นายนี่ถึกชะมัดเลยนะ แข็งแรงขนาดนี้ เดี๋ยวก็ออกไปไล่ยิงกันต่อแล้วล่ะสิ...” แชงพูด ๆ ไปเรื่อย ๆ ด้วยเสียงเรียบนิ่งอย่างไม่ใส่ใจอะไร



 “เฮ้อ เดี๋ยวก็มีคนมาพานายไปอยู่ห้องพักพิเศษแล้วล่ะ ไม่ต้องมาอยู่ในห้องไอซียูนี่ ผมคงไม่ได้มาละ หวังว่าคุณจะพาพวกน่าโหดนั่นออกไปไว ๆ นะ คุณบอส” แชงบอกพลางแอบแลบลิ้นใส่ทีหนึ่ง ด้วยความรู้สึกหมั่นไส้คนบนเตียง โดยไม่ทราบสาเหตุ 



 แต่ในตอนที่เขาออกจากห้องไป เขาไม่รู้เลยว่า... คนที่น่าจะหลับอยู่ได้ลืมตาขึ้นมามองตามหลังเขาที่เดินออกจากห้องไป... โดยที่มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย...