ชาย-ชาย,ตลก,ผู้ใหญ่,ฟีลกูด/feelgood,มาเฟีย,หมอ ,yaoi,วาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
“ไอ้มาเฟียฝรั่ง แกคิดว่ารวยแล้วจะทำอะไรก็ได้หรอวะ หึ นี่มันถิ่นฉันเว้ย!”
หึ ผมอยากจะขำให้กลิ้งกับเสียงหมาเห่าหมาหอนของไอ้สวะตรงหน้านี่เหลือเกิน น้ำหน้าอย่างมันจะไปมีปัญญามาทำอะไรผมได้ ก็แค่อาศัยบารมีพ่อมันกร่างเท่านั้น ไอ้ลูกชายเจ้าพ่อเอ้ย!
“แล้วแกจะทำไม...” ผมถามเสียงเรียบ พลางเหยียดยิ้มดูถูกมันไปด้วย
ไอ้เตชิน ลูกชายเจ้าพ่อ อิทธิพลในวงการมืดของประเทศนี้ค่อนข้างมากแต่... ก็ยังน้อยกว่าของผมอยู่ดี หึๆๆ
ผม... ดีน ดิอาลโน ลูกครึ่งไทย-อิตาลี พ่อเป็นดอน อ่า เป็นบอสมาเฟียใหญ่ของอิตาลี่แก๊งมาเฟียเล็กๆ ยอมอยู่ใต้อำนาจอย่างเกรงกลัว หึๆ แน่นอนฉากหน้าของพวกเราคือนักธุรกิจพันล้าน ทั้งในยุโรป และเอเชีย เครือข่ายธุรกิจของเราครอบคลุมทั้งหมด
ผมถูกส่งมาคุมแถบเอเชีย และมาอยู่ที่ไทย บ้านของแม่ และก็เป็นบอสของแก๊งแถบเอเชีย แน่นอนว่าอำนาจรองจาก เจ้าพ่อบ้าที่อิตาลีนะ ชิ!
กลับมาปัจจุบัน ไอ้เตชินกำลังโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงอย่างน่าหัวเราะ หึ ไอ้หมาสวะเอ้ย
“แก!!” ไอ้เตชินคำรามก่อนจะเรียกพวกของมันออกมา ผมไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกบอดี้การ์ดไป
แน่นอนว่าอย่างไอ้เตชินกับคนของมันทำอะไรผมไม่ได้อยู่แล้ว แต่มันดันมีมือดีเข้ามาสอด ฉวยโอกาสตอนที่ผมสนใจไอ้หมาบ้านี่เข้ามา
ปัง!! ปัง!!
“คุ้มกันบอสเร็ว!” พวกบอดี้การ์ดพากันกรูเข้ามาบล็อกซ้ายขวา พาผมขึ้นรถ
บ้าจริง ไอ้พวกมาเฟียจีน คู่แข่งธุรกิจทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังของผมกับพ่อมันเข้ามาฉวยโอกาสจัดการผม เหอะ ไอ้เตชิน ไอ้อ่อนเอ้ย มันคงทำอะไรโง่ๆ ไม่รอบคอบไอ้พวกนั้นถึงได้รู้ว่าผมกับมันจะมาเจอกันที่นี่วันนี้ อย่างพวกมันไม่สนใจกระจอกอย่างเตชิน ตายไปก็ไม่เป็นไร แต่มันจะมีปัญหากับธุรกิจของผมน่ะสิ
ผมกลั้นใจสั่งลูกน้องบางส่วนให้ช่วยลากไอ้เตชินออกจากส่วนที่จะโดนลูกหลงไปโยนให้พ่อมันส่วนผมก็หนีไปอีกทาง แน่นอนพวกจีนมันตามผมอยู่แล้ว เพราะเป้าหมายของมันคือกำจัดผม
“บอสทางนี้ครับ!” บอดี้การ์ดเปิดทางให้ผมไปขึ้นรถออกจากตรงนั้นไป
เนื่องจากจุดที่พวกผมอยู่นั้นค่อนข้างจะเป็นที่รกร้าง ไร้ซึ่งบ้านคน ทำให้พวกนั้นตามผมมาอย่างง่ายดาย และไม่มีท่าทีว่าจะถอยได้ง่ายๆ
เอี๊ยดดด!! ปัง ๆ ๆ ๆ!!
รถผมเบรกกะทันหันเมื่อพวกมันเข้ามาดักทางด้านหน้าไว้ ก่อนจะยิงปืนรัวๆมา ทางผมเองก็ยิงสวนกลับไปเป็นการปะทะที่ชุลมุนมาก
“เอส!”
“ครับบอส” ปัง!!
“ทางนั้น เป็นเขตของพันธมิตรเรา รีบล่อพวกมันออกไปแล้วไปทางนั้น”
“ครับบอส... เฮ้ย พวกแก...”
เอส หัวหน้าบอดี้การ์ดลูกน้องคนสนิทที่เป็นทั้งมือขวา ผู้คุ้มครอง เลขา และเพื่อนสนิทของผม ผมไว้ใจเขามากที่สุดรองจากพ่อแม่เลยล่ะ
เราส่งตัวล่อให้พวกจีนมันสับสน แล้วอาศัยจังหวะนั้นพุ่งรถออกไปยังเขตของพันธมิตร ซึ่งผมได้ส่งสัญญาณข้อความไปแล้ว
พวกเขาส่งคนออกมายิงดักพวกจีนช่วยให้พวกผมผ่านเข้ามาได้
ปัง ๆ ๆ!! อึก!!
บ้าจริง... กระสุนถากสีข้างผมไปจนเลือดไหลท่วม เจ็บชะมัด บ้าเอ้ย!!
“บอส!!”
“ขับต่อไปเร็ว!!” ผมสั่ง ก่อนจะโผล่หน้าออกไปทางกระจกแล้วไล่ยิงพวกนั้นอย่างแม่นยำ หึ ผมมันมือโปรอยู่แล้วอย่าให้คุย...
ปัง ๆ ๆ!!!
อัก! ผมเด้งกลับเข้ามาในรถเมื่อกระสุนอีกนัดถูกยิงเข้าหัวไหล่ ลูกน้องของผมคนหนึ่งร่วงจากรถคันหลังลงไป เพราะถูกยิงเหมือนกัน
ไอ้พวกมาเฟียจีน!! ผมต้องล้างบางพวกมันให้ได้!!
“เข้าไปเร็ว ๆ ๆ”
“ปิดเลย!!”
เสียงของใครสักคนในกลุ่มพันธมิตรสั่งปิดรั้วเขตพื้นที่ แล้วสั่งให้ระดมยิงกลับไปที่พวกจีนนั่น จนพวกมันล่าถอยไปเอง
“บอส! เป็นยังไงบ้างครับ บอส...”
“ฉัน... โอเค...” ผมตอบเสียงกระท่อนกระแท่น อ่า เจ็บชะมัดชักจะง่วงแล้วสิ..
“บอส!!”
.
บ้าเอ้ย!!
ผมสบถอย่างหัวเสียเมื่อเห็นบอสหมดสติไปแล้ว ผม เอส คนสนิทของบอส บอสบอกว่าผมเป็นเพื่อนสนิทของเขา แต่สำหรับผมเขาเหมือนกับผู้มีพระคุณ และพี่ชาย ผมทำงานให้เขาอย่างเต็มที่ และดูแลปกป้องบอสในฐานะบอดี้การ์ดที่พร้อมจะตายแทน
แต่ครั้งนี้ผมพลาด... เป็นเพราะไอ้บัดซบเตชินนั่น อย่าหวังว่าแกจะอยู่อย่างสงบสุข ไอ้เตชิน!!
“ไปโรงพยาบาลเร็ว!!”
พวกผมรีบเร่งรถออกไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที บอสต้องไม่เป็นอะไรนะครับ บอส!!
บอสถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินไปในทันที พวกผมได้แต่เฝ้ารอหน้าห้องอย่างเป็นกังวล โรงพยาบาลนี้เป็นเครือข่าย ของธุรกิจตระกูลดิอาลโน่ จึงไม่มีปัญหาเรื่องเบื้องหลังของบอสจะถูกเปิดเผย...
“เปิดห้องผ่าตัดหนึ่งเร็ว!!”
“เอ็กซ์เทิร์น เรสซิเดนซ์ ตามมา”
“ครับ/ค่ะ!!”
พวกหมอพยาบาลวิ่งวุ่นวายเพราะเคสฉุกเฉินหลายเคส รวมทั้งบอสของผมด้วย
กึก! ผมชะงักไปนิด เมื่อสบเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลทอง ที่มีประกายสีอ่อนที่แทบมองไม่เห็นใต้กรอบแว่นอันใหญ่โต ของผู้ชายคนหนึ่ง เป็นผู้ชายที่... สวย ดูสวยมากกว่าหล่อล่ะนะ ดูเหมือนเขาจะเป็นหมอ ที่เข้าร่วมการผ่าตัด บอส ของผม
ไม่ ๆ ๆ ตอนนี้บอสสำคัญที่สุด อย่าวอกแวก...
“พวกนาย ไปตรวจดูรอบ ๆ ให้แน่ใจว่าไม่มีพวกจีนตามมา”
“ครับ!!”
สามชั่วโมงแห่งความกังวลผ่านไปในที่สุดพวกหมอก็ออกมาจากห้องผ่าตัดแล้วบอกว่าบอสปลอดภัยแล้ว พวกผมถอนหายใจอย่างโล่งอก
หมอสูงอายุคนหนึ่งบอกว่าจะย้ายบอสไปที่ไอซียูเพื่อดูอาการก่อนค่อยย้ายไปห้องพักผู้ป่วย ผมไม่ค่อยเข้าใจคำพูดอื่น ๆต่อมาเท่าไหร่ แต่อีกสักพักบอสคงออกมา
“งั้นผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ” คุณหมอที่มีดวงตาทรงเสน่หืใต้กรอบแว่นคนนั้นบอกกับพยาบาลแล้วเดินออกไป ขณะที่พวกเจ้าหน้าที่เข็นเตียงบอสออกมา ผมมองตามอย่างเป็นห่วง
พวกเขาอณุญาติให้เยี่ยมได้แค่ชั่วครู่เท่านั้น พวกผมจึงต้องมานั่งรอหน้าห้องกันต่อไป
ตึก ๆ กึก!
เสียงรองเท้าส้นสูง กับรองเท้าหนังกระทบพื้นดังมาทางนี้เรื่อย ๆ ก่อนที่พวกเขาจะชะงักเมื่อเห็นพวกผมอยู่ตรงนี้ ก็ไม่แปลกเพราะพวกผมหน้าเคร่งขรึมกันตลอดแถมอยู่กันเป็นฝูงขนาดนี้ คนธรรมดาจะกลัวก็ไม่แปลกแถมหมอพยาบาลพวกนั้นยังเป็นผู้หญิง... อืม... ผู้หญิง กับผู้ชายหน้าสวยล่ะนะ
...แล้วอะไรล่ะนั่น ใบหน้าเรียบนิ่ง แววตานิ่งสงบไม่รู้สึกหวาดกลัว เป็นคุณหมอที่แปลกดี
“เดี๋ยวก่อน!”
ผมเรียกให้เขาหยุดเดินก่อนที่เขาจะเดินเข้าห้องของบอสไปนิดนึง พวกเขาทุกคนหยุด และค่อยๆหันมาพวกผู้หญิงทำหน้าหวาดกลัวนิดๆ โดยดฉพาะหมอผู้หญิงเกาะแขนคุณหมอผู้ชายที่ดูสวยกว่าแน่น แต่หมอผู้ชายหน้าสวยนั้นกลับมองมานิ่งๆ ราวกับไร้ซึ่งความรู้สึกบนใบหน้า แต่แววตาที่ผมเห็นนั่นฉายถึงความรำคายใจเล็กๆ
“ครับ” เสียงเรียบ ๆ ที่ตอบกลับมา ทำเอาผมขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ
“เธอเป็นหมอใช่มั้ย?” งี่เง่าชะมัด ดูก็รู้อยู่แล้วจะไปถามอีกนะ ไอ้เอสเอ้ย! แล้วเธออะไร ก็เห็นอยู่ว่าเขาเป็นผู้ชาย...
“ครับ... คุณเป็นญาติของคนไข้หรือครับ”
“ใช่... อาการบอสเป็นไงบ้าง” ผมแสร้งถามออกไปแก้เขินด้วยสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ทั้ง ๆที่รู้จากหมอคนอื่นมาก่อนหน้านี้แล้ว...
“โดยรวมก็... ปลอดภัยดีครับ แค่ยังไม่ได้สติ เพราะเสียเลือดมาก อาจต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู ต้องให้คนไข้อยู่ เพื่อรอดูอาการในห้องไอซียูสักสองสามวัน หากไม่มีอาการผิดปกติอะไรเราจะย้ายไปห้องพักผู้ป่วยได้ครับ”
โอเค... เขาเป็นผู้ชาย... ให้ตายสิ ใบหน้าใต้กรอบแว่นนั่นชวนเข้าใจผิดจริง ๆ
“อาการผิดปกติอะไร ฮะ!!” ดูเหมือนพวกลูกน้องของผมจะไม่พอใจกับท่าทางทองไม่รู้ร้อนของคุณหมอคนนี้ ถึงได้ตะคอกถามขึ้นมา แต่ก็นะ... เขาไม่แสดงท่าทีหวาดกลัวหรือตกใจเลยสักนิด...
“ก็พวกอาการที่อาจพบได้ในผู้ป่วยที่เพิ่งผ่าตัด บางคนอาจไม่มี ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคนด้วย เพราะฉะนั้นเราจึงต้องคอยดูอาการให้แน่ใจก่อน หากเข้าระยะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ค่อยส่งไปพักฟื้นที่ห้องพักต่อไป” เขาค่อยๆอธิบายอย่างเนิบช้า และใจเย็น แม้แววตาจะบอกว่ารำคาญมากก็ตามที แววตาแบบนี้น่ะ ถ้าไม่ใช่ว่าฝึกมาทำงานที่ต้องดูคนเป็นแบบผม ดูไม่ออกหรอกนะบอกเลย
ว่าแต่... นี่เขาไม่กลัวอะไรจริง ๆ นะเนี่ย แถมยังตอบมาแบบรำคาญซะอีก... น่าสนใจจริง ๆ หึ
.
อืออ...
ผมพยายามขยับนิ้วหลังจากรู้สึกตัว ก็รู้สึกว่ามันช่างลำบากมากมาย อา... ปวดไปหมด เจ็บแผลชะมัด ที่นี่คือโรงพยาบาบสินะ ผมหยีตาเมื่อเจอกับแสงสว่างที่มากเกินไป
ผลั่ก! ผมได้ยินเสียงผลักประตูเข้ามา แต่ผมไม่ได้สนใจว่าใครจะเข้ามาก็คงเป็นพวกหมอนั่นแหล่ะ ผมหลับตานอนนิ่งๆเพราะตายังรับแสงไม่ได้ แต่เหมือนคนที่เข้ามาจะเข้าใจว่าผมยังไม่ฟื้น
ผมรู้สึกว่าโดนเปลี่ยนผ้าพันแผล ตรวจนั่นตรวจนี่อยู่พักหนึ่ง ก่อนคน ๆ นั้นจะเริ่มพูดกับผม โดยที่คิดว่าผมหลับอยู่ ตอนนั้นผมถึงได้รู้ว่าเขาเป็นผู้ชาย
“ไว้มาใหม่พรุ่งนี้นะ นายคุณบอส”
เขาบอกจบก็หมุนตัวเดินออกไปทันที ผมจึงค่อย ๆ ขยับตัวหันไปมอง เสียงของเขาไม่ได้หวานใสเหมือนผู้หญิง แต่กลับมีเสน่ห์ และน่าฟังมาก ชักอยากเห็นหน้าซะแล้วสิ
วันต่อมา ผมก็ยังคงทำตัวนอนเป็นผักเหมือนเดิม ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ผมขอฉวยโอกาสพักผ่อนหน่อยละกัน แต่น่าเสียดายจริง ๆ เช้าวันนี้หมอคนเมื่อคืนไม่ได้มาตรวจผมล่ะ แต่เป็นคุณลุงหมอ น่าจะเป็นอาจารย์แพทย์มาตรวจ น่าจะเป็นคนของตระกูลผมโดยตรงรู้สึกคุ้น ๆ หน้าอยู่เหมือนกัน
เขาเห็นว่าผมฟื้นแล้วเลยจะให้ย้ายออกไปพักที่ห้องธรรมดา แต่ผมขัดไว้ ก็แหม... ผมอยากเจอลูกแมวน้อยก่อนนี่นา ว่าแล้วก็แอบถามลุงหมอคนนี้สักหน่อยว่าเขาเป็นใคร
ลุงหมอบอกว่าเขาเป็นนักศึกษาแพทย์ปีสุดท้ายที่มาฝึกงาน และรับผิดชอบเคสของผม ชื่อว่า แชง เห็นว่าไปเข้าเวรที่แผนกอื่นจะเข้ามาได้ก็ตอนเลิกเวรเย็น ๆ นู่น แหม ผมแทบจะรอไม่ไหวแล้วสิ
เย็นวันนั้นผมเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ จนกระทั่งเห็นคุณหมอตัวเล็กชะงักแถว ๆ กลุ่มบอดี้การ์ดของผมนั่นแหล่ะ ถึงได้รีบแกล้งทำเป็นหลับทันที
“นี่คุณบอส... เมื่อไหร่จะฟื้นล่ะ พวกหน้าห้องน่ารำคาญเป็นบ้า” เขาเปลี่ยนผ้าพันแผลใหม่ให้ผม พร้อมบ่นงุ้งงิ้งด้วยเสียงน่าฟัง
“คุณนี่ถึกชะมัดเลยนะ แข็งแรงขนาดนี้ เดี๋ยวก็ออกไปไล่ยิงกันต่อแล้วล่ะสิ...” น้ำเสียงราบเรียบของเขาพูดไปเรื่อย ๆ อย่างไม่คิดอะไร เฮ้ นี่เขาไม่กลัวผมบ้างหรือไงนะ
“เฮ้อ เดี๋ยวก็มีคนมาพาคุณไปอยู่ห้องพักพิเศษแล้วล่ะ ไม่ต้องมาอยู่ในห้องไอซียูนี่ ผมคงไม่ได้มาละ หวังว่าคุณจะพาพวกน่าโหดนั่นออกไปไว ๆ นะ คุณบอส” คุณหมอตัวเล็กบอกผมอย่างนั้น ผมแอบคิ้วกระตุกนิดหน่อย เฮ้ ๆ ผมยังไม่เห็นหน้าเขาเลยนะ
ผมลืมตาขึ้นมองตามหลังคุณหมอตัวเล็กที่เดินออกไป ในหัวก็คิดแผนการต่าง ๆ ที่จะทำให้ผมได้คุณหมอตัวเล็กมา หึ ๆ ๆ อ่า แปลกจริง ทำไมผมถึงได้สนใจคุณหมอที่ผมยังไม่แม้แต่จะเห็นหน้าขนาดนี้นะ หึ ๆ ๆ
ครืดด
“คุณดีน คุณหมอวุฒให้ดิฉันพาคุณไปห้องพักผู้ป่วยพิเศษของคุณค่ะ”
“อืม...” ผมตอบเสียงเรียบ เก็บรอยยิ้มถูกใจคุณหมอตัวเล็กไว้ใต้สีหน้าที่เรียบตึงราวกับหงุดหงิดตลอดเวลา ทำเอาพยาบาลตัวสั่นเล็กน้อย ช่วยไม่ได้นะ มันเป็นความเคยชินของผมไปซะแล้ว ที่ทำอย่างนี้ตลอดเวลา เพื่อให้หลาย ๆ คนกลัว ไม่เข้ามายุ่งย่ามน่ะ
พวกบุรุษพยาบางเดินเข้ามาและเข็นเตียงผมออกไปจากห้อง แล้วก็เจอพวกบอดี้การ์ดยืนเฝ้าอยู่
“บอส!!” เอสร้องเสียงดังแล้วรีบวิ่งเข้ามา
“บอสเป็นยังไงบ้างครับ ผมขอโทษที่ปกป้องบอสไม่ได้เต็มที่ แถมยังไม่ได้เข้าไปดูอาการอีก...” เอส บอกด้วยสีหน้ารู้สึกผิด แต่ผมทำหน้านิ่งๆแล้วพยักหน้าเพียงเท่านั้น เพราะที่นี่ยังมีคนอื่นอีก ผมจะหลุดไม่ได้
เอสนะเอส ก็รู้ว่าเป็นห่วงแต่รอหน่อยก็ไม่ได้นะ... เฮ้อ เอสก็เหมือนกับน้องชายผม ถึงเจ้าตัวจะชอบทำให้ตัวเองเป็นแค่ลูกน้องที่ภักดีก็เถอะ หนักใจจริงๆ
ผมถูกย้ายมาที่ห้องวีไอพีของโรงพยาบาล พวกพยาบาลพากันจัดยา อุปกรณ์ต่างๆไว้อย่างเงียบๆ แล้วเดินออกไป
“พวกแก ออกไปเฝ้าข้างนอก แล้วคอยดูความเคลื่อนไหวของพวกจีนด้วย อ้อ แล้วไอ้เตชิน...”
“คนของเราพากลับไปให้เสี่ยเตชาแล้วครับ”
“อืม... ดี... พวกแกออกไป เอส อยู่ในนี้ก่อน ถ้าฉันไม่สั่งห้ามใครเข้ามาเด็ดขาด ถ้าไม่ใช่หมอ”
“ครับบอส”
ตึก ๆ ๆ พวกบอดีการ์ดพากันเดินออกไปเหลือแต่เอสที่ยืนก้มหน้านิ่งอยู่อย่างนั้น จนผมแอบส่ายหัวกับความจริงจังเกินเหตุ อ่า ก็ไม่ได้เกินเหตุหรอก แต่แค่ผมไม่อยากให้เขาโทษตัวเองขนาดนั้นไง บอกแล้วว่าหมอนี่ก็เหมือนน้องชายของผม
กึก เสียงประตูปิดลงเรียบร้อย ทำให้ผมถอนหายใจออกมายาวเหยียด แล้วมองเอสอย่างอ่อนใจ
“เอส...”
“บอส ผม...”
“พี่เคยบอกว่าไง..”
“พี่ดีน... ผมมันไม่ได้เรื่อง...”
“เฮ้ นายเต็มที่แล้วน่า ไอ้เตชินมันตัวหายนะชัดๆ ถึงลากพวกจีนมาได้เนี่ย... อีกอย่างตอนนั้นฉันเป็นคนออกไปเอง ไม่ใช่นายปกป้องฉันไม่ได้นะเอส แล้วฉันก็บอกแล้ว ว่านายเป็นน้องชายฉัน”
“แต่ผม...”
“พอเถอะ... นายอย่ารู้สึกผิดไปมากกว่านี้โอเคมั้ย แล้วไปดูเรื่องจัดการพวกหมาลอบกัดซะ”
“ครับ...”
“อ้อ... นายรู้จักหมอที่เข้ามาตรวจฉันมั้ย หมอแชงน่ะ”
“แชง? อ้อ หมอที่ตาสวยๆคนนั้น...” เอสพึมพำเบาๆ
“นี่นายสังเกตขนาดนั้นหรอเนี่ย... ฉันยังไม่เคยเห็นหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ทำไมถึงสนใจได้ขนาดนี้ หึๆ” ผมหัวเราะออกมาเบาๆ
“อ่า ผมคิดว่าเขาแปลกดีน่ะครับ ยืนพูดกับผมอย่างไม่กลัวอะไร แถมยังหน้านิ่ง เสียงนิ่งมาก ๆ อืม... เหมือนพี่เลย” เอสพึมพำคำสุดท้ายเบาซะไม่ได้ยิน แต่ช่างมันเถอะ...
“จริงหรอ? ตอนที่เขาเข้ามาในห้องแล้วฉันแกล้งหลับ เขาบ่นสารพัดเลย ว่าพวกนายน่ารำคาญ ฮ่าๆๆ”
“อ่า...” เอสอึ้งไปเลย ตลกชะมัด
“ช่างมันเถอะ ลุงหมอบอกอีกสองวันก็ให้กลับได้แล้ว ระหว่างนี้ฝากนายจัดการเรื่องที่เหลือด้วย”
“ครับ...”
พูดจบเอสก็เดินออกไป ส่วนผมก็กลับมานั่งคิดอย่างจริงจัง ว่าจะทำยังไง... ให้ได้ลูกแมวน้อยมาไว้ใกล้ๆดี อืม... ทำไงดีนะ?