เมื่อเกิดใหม่อีกครั้งก็ยังไม่ได้ดั่งใจ ต่อจากนี้ไปจะขอลิขิตชะตาชีวิตด้วยตัวเอง

หนทางพลิกชะตาของตัวประกอบผู้เลอโฉม - ตอนที่ 3 เปลี่ยนชีวิตแค่พลิกฝ่ามือ โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,จีน,เกิดใหม่,ครอบครัว,ชาย-หญิง,ชีวิตใหม่ของอ้ายปิง ,ตัวประกอบที่จืดจาง,เกิดใหม่,นิยายรักจีนโบราณ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

หนทางพลิกชะตาของตัวประกอบผู้เลอโฉม

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,จีน,เกิดใหม่,ครอบครัว,ชาย-หญิง

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ชีวิตใหม่ของอ้ายปิง ,ตัวประกอบที่จืดจาง,เกิดใหม่,นิยายรักจีนโบราณ

รายละเอียด

หนทางพลิกชะตาของตัวประกอบผู้เลอโฉม โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เมื่อเกิดใหม่อีกครั้งก็ยังไม่ได้ดั่งใจ ต่อจากนี้ไปจะขอลิขิตชะตาชีวิตด้วยตัวเอง

ผู้แต่ง

มู่จิ่น 木槿

เรื่องย่อ

พนักงานบริษัทธรรมดาๆ ที่ใช้ชีวิตหาเลี้ยงตัวเองและหาเงินมาซื้อนิยายอ่านไปวันๆ กลับต้องมาจบชีวิตลงเนื่องจากถูกลูกหลงคนยิงปืนขึ้นฟ้าในวันเคานต์ดาวน์ปีใหม่เป็นการเฉลิมฉลอง ในตอนแรกก็คิดว่าตัวเองตายไปแล้วแต่ไม่ใช่เพราะดวงวิญญาณเธอกลับเข้ามาอยู่ในร่างของเหรินอ้ายปิงตัวประกอบในนิยายเซตติ้งจีนโบราณที่ตัวเองอ่านค้างไว้ก่อนตายแบบงงๆ ที่ตอนเกิดว่าน่าสงสารไม่มีใครต้องการแล้วก็ยังมาตายอย่างน่าเวทนาเพราะความอิจฉาริษยาของคนอีก

แต่เพื่อเป็นการตอบแทนใครหรืออะไรก็ตามที่ทำให้ตัวเธอได้มีชีวิตอยู่ต่อแม้จะไม่ถูกที่ถูกทางต้องมาอยู่ในร่างของตัวประกอบที่จืดจางในนิยายที่เกิดมาแล้วตายไปแบบไร้คนเหลียวมองแต่หลังจากนี้ไปชโลธรตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะขอขีดชะตาชีวิตของเหรินอ้ายปิงเสียใหม่ด้วยหัวสมองและสองมือของเธอเอง

 

หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ

 

กติกาการลงนิยาย

ลงเนื้อหาให้อ่านฟรีทั้งหมด 10 ตอนหลังจากนั้นจะติดเหรียญล่วงหน้า รายละเอียดดังนี้

1. ติดเหรียญล่วงหน้า 1 สัปดาห์

2. ปลดเหรียญอ่านฟรี 1สัปดาห์

3. หลังจากนั้นจะติดเหรียญถาวรราคาเต็มไปจนถึงตอนจบค่ะ

สารบัญ

หนทางพลิกชะตาของตัวประกอบผู้เลอโฉม-ตอนที่ 1 ความเจ็บไม่มีเสียง,หนทางพลิกชะตาของตัวประกอบผู้เลอโฉม-ตอนที่ 2 ยาปลุกกำหนัด,หนทางพลิกชะตาของตัวประกอบผู้เลอโฉม-ตอนที่ 3 เปลี่ยนชีวิตแค่พลิกฝ่ามือ,หนทางพลิกชะตาของตัวประกอบผู้เลอโฉม-ตอนที่ 4 สารพัดสารพันจะกลั่นแกล้ง,หนทางพลิกชะตาของตัวประกอบผู้เลอโฉม-ตอนที่ 5 คุณชายใหญ่กลับถึงเรือน,หนทางพลิกชะตาของตัวประกอบผู้เลอโฉม-ตอนที่ 6 ชีวิตใหม่ที่ไม่คุ้นชิน

เนื้อหา

ตอนที่ 3 เปลี่ยนชีวิตแค่พลิกฝ่ามือ

เหรินอ้ายปิงนั่งคุกเข่าก้มหน้าอยู่ต่อหน้านายท่านและฮูหยินสกุลฟ่านด้วยดวงตาและใบหน้าที่บวมปูดเพราะหลังจากที่นางถูกคุณชายใหญ่ส่งกลับเรือนพักก็ถูกบรรดาสาวใช้ของคุณหนูใหญ่เข้ามารุมทำร้ายทุบตีจนเลือดตกยางออกแต่ก็ยังดีที่มีสาวใช้ในครัวมาเห็นเข้านางจึงรอดชีวิตมานั่งอยู่ต่อหน้านายท่านทั้งหลายได้

โดยปกติแล้วหากมีสาวใช้กล้าหาญปีนเตียงเจ้านายในบ้านหากพิสูจน์แล้วว่าไม่มีลูกติดท้องแน่นอนว่าต้องถูกขับออกไปจากเรือนไม่ก็ต้องถูกขายออกไปเป็นทาส

ซึ่งในกรณีของเหรินอ้ายปิงที่ถูกขายเข้ามาในจวนสกุลฟ่านตั้งแต่มีอายุได้หกหนาวไร้ญาติขาดพี่น้องหนทางข้างหน้าของนางก็คงไม่พ้นไปจบอยู่ที่โรงค้าทาสอย่างแน่นอน

“ไหนใครก็ได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้แม่ฟังเดี๋ยวนี้แล้วแม่จะให้ความยุติธรรมกับทุกคนเอง” ฮูหยินฟ่านที่ทราบเรื่องจากบุตรสาวบุตรธรรมว่าเมื่อคืนมีสาวใช้ใจกล้าปีนเตียงบุตรชายคนโตของนางก็เกิดความรู้สึกโกรธแค้นอยากจะฆ่าสาวใช้คนนั้นให้ตายไปกับมือ

แต่เมื่อมาพบว่าสาวใช้ที่ว่าคือเหรินอ้ายปิงแถมตอนนี้นางก็มีสภาพยับเยินจากการทำร้ายทุบตีความรู้สึกเกลียดชังในตอนแรกก็ลดลงมาหลายส่วนด้วยเพราะเด็กคนนี้ถูกเลี้ยงดูมาด้วยบ่าวในจวนเวลาสิบสองปีmujผ่านมานางมีความประพฤติเรียบร้อยไม่เคยสร้างปัญหาแล้วจะมาดีแตกภายหลังเช่นนี้ได้อย่างไร

“ท่านแม่เจ้าคะยังจะต้องสอบสวนอะไรให้มากความข้าเห็นกับตาว่านังบ่าวใจคดผู้นี้นอนเปลือยกายอยู่กับพี่ใหญ่ในห้องนอนมันจะเป็นอะไรไปได้ถ้ามันไม่ได้ปีนเตียงของพี่ชาย” ฟ่านชุนเตี๋ยไม่ยอมให้ใครได้มีโอกาสพูดก่อนเพราะนางชิงพูดความผิดของเหรินอ้ายปิงออกมาโดยที่ไม่มีใครขอให้พูด

“แล้วเหตุใดเจ้าจึงเข้าไปในห้องนอนของข้าในเวลานั้นเล่าชุนเอ๋อร์ มีธุระสำคัญหรือเร่งด่วนอะไรกันจึงได้ลืมมารยาทของคุณหนูในห้องหอไปจนหมดสิ้น “

“ท่านพ่อ ท่านแม่ขอรับข้ายอมรับว่าเมื่อคืนนี้ได้ล่วงเกินเหรินอ้ายปิงจริงๆ ขอให้ท่านแม่จัดการรับนางเข้าเรือนของข้าด้วยขอรับ” คุณชายใหญ่ฟ่านไม่ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเพราะตรงนี้มีทั้งน้องๆ และตัวต้นเรื่องอยู่ด้วยเอาไว้เขาค่อยไปปรึกษากับท่านพ่อท่านแม่ภายหลังในเรื่องความประพฤติของน้องสาวบุญธรรมก็ยังไม่สายเพราะมีเรื่องที่สำคัญกว่าก็คือการคืนศักดิ์ศรีให้คนที่เขาล่วงเกินโดยที่นางไม่เต็มใจเลยแม้แต่น้อย

“แต่คุณชายใหญ่เจ้าคะ” เหรินอ้ายปิงเงยหน้ามองคุณชายฟ่านไฉเพราะไม่อยากเชื่อหูตัวเองในสิ่งที่เพิ่งได้ยินไป

“ข้าเป็นคนผิดและเจ้าควรได้รับความยุติธรรม” คุณชายใหญ่กล่าวเพียงแค่นั้นก็หันไปมองหน้าบิดาและมารดาของตัวเองที่น่าจะกำลังปวดหัวน่าดูเพราะไม่รู้ว่าจะเอาภรรยาบ่าวของบุตรชายไปไว้ที่ตำแหน่งไหนในเรือนด้วยเพราะฟ่านไฉเองก็ยังไม่ได้แต่งงานมีฮูหยินหรืออนุภรรยาเลยสักคน

“เหรินอ้ายปิงสิ่งที่ข้ามอบให้เจ้าได้คือตำแหน่งอนุภรรยาของคุณชายฟ่านไฉหวังว่าเจ้าคงจะเข้าใจข้านะ”

ฮูหยินฟ่านใช้เวลาหนึ่งอึดใจกล่าวสิ่งที่นางคิดเอาไว้ในหัวออกมาโดยเหรินอ้ายปิงนั้นไม่อาจเป็นฮูหยินคนต่อไปของสกุลฟ่านได้เนื่องจากนางเป็นสาวใช้กำพร้าที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าถูกป้าแท้ๆ นำมาเร่ขายตามจวนเศรษฐีเมื่อตอนที่มีอายุได้หกขวบเพียงเท่านั้นแม้จะเป็นเด็กที่ค่อนข้างว่าง่ายและเรียบร้อยแต่คุณสมบัติเพียงเท่านั้นมันไม่พอจริงๆ ที่จะให้บุตรชายคนโตนำนางออกมาเชิดหน้าชูตาแต่ถ้าหากในอนาคตนางเกิดทำชื่อเสียงหรือความดีความชอบอะไรขึ้นมามันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

“ข้าเข้าใจเจ้าค่ะฮูหยิน”

อย่างน้อยๆ ในเวลานี้เหรินอ้ายปิงก็ยังคงมีที่ให้ซุกหัวนอนนางจึงไม่ได้เรื่องมากหรือละโมบขอสิ่งใดที่เกินตัวถึงนางจะเป็นเพียงบ่าวรับใช้แต่ก็ไม่ได้โง่ทะเยอทะยานอยากได้อะไรที่เกินตัวเพราะสตรีที่ทำเช่นนั้นล้วนจบชีวิตไม่สวยเลยสักคนตัวอย่างก็มีให้เห็นอยู่มากมายใช่ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่มีเหตุการณ์บ่าวปีนเตียงเจ้านายเกิดขึ้น

นับแต่วันนั้นชีวิตของเหรินอ้ายปิงก็เปลี่ยนจากหลังมือเป็นหน้ามือแม้ว่าความเป็นอยู่ของนางจะสุขสบายขึ้นแต่การใช้ชีวิตกลับยากลำบากมากอยู่ในเรือนแต่ละวันต้องคอยลุ้นเหลือเกินว่าคุณหนูใหญ่จะคอยมาหาเรื่องอะไรตัวเองบ้างและสาเหตุที่ฟ่านชุนเตี๋ยเกลียดชังนางนักคุณชายใหญ่ฟ่านไฉก็อธิบายให้นางฟังทั้งหมดแล้ว

ที่อยู่ใหม่ของเหรินอ้ายปิงเป็นเรือนหลังเล็กที่อยู่ในอาณาเขตของเรือนคุณชายใหญ่แต่เดิมนั้นเป็นเรือนที่เอาไว้ต้อนรับสหายที่มาเยี่ยมเยือนแต่เมื่อมีนางเข้ามาเป็นอนุภรรยาเขาจึงยกเรือนนี้ให้นางเพื่อความเป็นส่วนตัวด้วยเข้าใจว่าถึงอย่างไรแล้วนางก็ไม่ได้เต็มใจเข้ามาเป็นภรรยาของเขาตั้งแต่แรกจึงไม่ควรทำอะไรให้นางต้องอึดอัดใจเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้แล้วฮูหยินฟ่านยังใจดียกพี่เมี่ยว ซิ่วเฟยเมี่ยวบุตรสาวของแม่ครัวใหญ่ประจำเรือนที่เติบโตมาด้วยกันให้มาดูแลและอยู่เป็นเพื่อนนางส่วนบ่าวที่ทำหน้าที่ดูแลทำความสะอาดเรือนจะเป็นทางพ่อบ้านหลันที่จะจัดเวรมาอย่างเหมาะสมในทุกๆ วันโดยที่เรื่องงานเก็บกวาดทำความสะอาดต่างๆ นี้เหรินอ้ายปิงไม่ต้องทำอะไร

และก็เท่ากับว่านางไม่ได้มีสิทธิ์ปกครองเรือนของคุณชายใหญ่ทั้งหมดแต่จะมีสิทธิ์มีเสียงแค่ในเรือนหลังเล็กของตัวเองที่มีคนอาศัยอยู่เพียงสองคนเท่านั้นซึ่งแค่นี้คนที่ไม่คิดอยากเป็นใหญ่เป็นโตอย่างเหรินอ้ายปิงก็พอใจมากแล้ว

“เหรินอ้ายปิงเมื่อเจ้ารักษาตัวหายดีแล้วข้าอยากให้เจ้าเรียนคัดอักษรแม้จะไม่ได้เป็นเมียเอกออกหน้าออกตาก็ยังได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของคุณชายใหญ่สกุลฟ่านเจ้าจำเป็นต้องมีความรู้ติดตัวเอาไว้บ้างเข้าใจหรือไม่” หลังจากเรื่องวุ่นวายผ่านไปได้ไม่กี่วันฮูหยินฟ่านเรียกให้เหรินอ้ายปิงเข้าพบเพื่อสั่งความเรื่องสำคัญให้นางปฏิบัติตาม

“เข้าใจเจ้าค่ะฮูหยิน อันที่จริงข้าเองเคยหัดคัดอักษรเมื่อตอนยังเล็กบิดาและมารดาของข้าเป็นคนสอนแม้จะได้เรียนมาไม่มากนักแต่ก็ยังสามารถจดจำได้อยู่จนถึงทุกวันนี้เจ้าค่ะ”

เรื่องสำคัญที่เหรินอ้ายปิงไม่เคยปริปากบอกใครมาก่อนเลยแม้แต่พี่เมี่ยวที่สนิทกันไม่ต่างกับพี่น้องแท้ๆ คือเรื่องที่ตัวเองนั้นพออ่านหนังสือออกและเขียนตัวอักษรได้แม้จะไม่มากแต่ก็สามารถอ่านรายการสำหรับไปจ่ายตลาดได้และสามารถเขียนชื่อตัวเองได้ถูกต้องงดงาม

ฮูหยินฟ่านซูเจินแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยินจึงขอทดสอบลูกสะใภ้ส้มหล่นคนนี้เล็กน้อยและนางก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเพราะเหรินอ้ายปิงสามารถอ่านออกเขียนได้ในเบื้องต้นจริงๆ นอกจากนี้นางยังสามารถบวกลบตัวเลขง่ายๆ ได้คล่องแคล่วอีกด้วย

“ข้าหัดคิดเลขในตอนที่ไปจ่ายตลาดเจ้าค่ะในบางครั้งพ่อค้าก็มีกลโกงเพียงเพราะเห็นว่าข้าเป็นเพียงหญิงรับใช้ไม่มีความรู้ข้าค่อยๆ ฝึกฝนเพราะไม่อยากถูกใครเอาเปรียบเจ้าค่ะ”

บางครั้งพ่อค้าในตลาดก็แค่คิดเกินราคาไปสองสามอีแปะแต่ถ้ามีสิบร้านพร้อมใจกันโกงก็เท่ากับว่าเสียเงินไปไม่น้อยเหรินอ้ายปิงไม่อยากถูกมองว่าเป็นคนโง่นางจึงทบทวนการบวกลบเลขด้วยตัวเองและอาศัยที่ได้ออกไปจ่ายตลาดซื้อของพอทำไปทุกวันมันก็คิดได้คล่องเอง

“เอาล่ะข้าดีใจนะที่รู้ว่าเจ้ามิใช่สตรีโง่เขลาเจ้าฉลาดมีความใฝ่รู้และข้าก็หวังว่าเจ้าจะใช้มันในทางที่ถูกต้อง อาจารย์ที่ข้าจะให้มาสอนนั้นก็เป็นท่านอาจารย์ของเสี่ยวฟางนั่นแหละเรียนเสียด้วยกันไปเลยไหนๆ ก็จ้างครูมาแล้วอดทนแล้วก็ตั้งใจเรียนเสียนะ

ข้าไม่ได้ขอให้เจ้าทำเพื่อใครทุกอย่างนั้นล้วนเป็นประโยชน์กับตัวของเจ้าเองทั้งสิ้นส่วนเงินนี่ก็รับไปแล้วเอาไปซื้อเสื้อผ้าสวยๆ มาใส่จะไปที่ร้านแพรพรรณสกุลฟ่านหรือจะไปซื้อที่ไหนก็ได้เอาที่ตัวเจ้าชอบและเห็นสมควร”

เป็นเรื่องปกติที่บรรดาเศรษฐีมีเงินจะจ้างอาจารย์มาสั่งสอนความรู้ให้บุตรหลานของตนถึงที่จวนก่อนที่จะถึงเวลาที่ต้องเข้าสำนักศึกษาซึ่งสำหรับสตรีนั้นส่วนมากจะต้องไปเรียนสำนักศึกษาที่สั่งสอนวิชาเฉพาะสำหรับสตรีซึ่งมีเปิดอยู่ไม่มากนักผิดกับสำนักศึกษาของบุรุษที่มีมากกว่าทางเลือกที่ดีที่สุดคือการหาอาจารย์มาสั่งสอนแบบตัวต่อตัว

“ขอบคุณฮูหยินเจ้าค่ะ ข้าจะตั้งใจเรียนไม่มีทางทำตัวเกียจคร้านเป็นอันขาด”

เหรินอ้ายปิงค้อมศีรษะขอบคุณฮูหยินฟ่านอย่างนอบน้อมหลังจากที่รับถุงเงินหนักอึ้งมาไว้ในมือของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยนางตั้งใจว่าเมื่อกลับไปถึงเรือนจะลองนับดูว่าในถุงมีเงินเท่าไหร่นางจะได้จัดสรรปันส่วนใช้จ่ายได้ถูกเพราะชีวิตนั้นมันไม่แน่ไม่นอนนางไม่ควรจะหลงระเริงไปกับความสุขที่อยู่เพียงเบื้องหน้าของตนต้องคิดเผื่ออนาคตอันพร่ามัวของตนเองด้วย

“ท่านแม่จะให้น้องเล็กเรียนหนังสือกับสาวใช้จริงๆ หรือเจ้าคะ รู้ถึงไหนก็อายเขาไปถึงนั้น”

หลังจากที่ฟ่านฮูหยินเรียกพบอนุภรรยาของบุตรชายคนโตไปได้ไม่นานบุตรสาวบุญธรรมที่นางรักไม่ต่างจากบุตรสาวแท้ๆ ก็แจ้นมาพบด้วยความร้อนใจหากเป็นเมื่อก่อนนั้นฟ่านฮูหยินคงจะเอ็นดูนางอยู่มากที่เป็นห่วงหน้าตาของครอบครัวแต่หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับฟ่านไฉทั้งหมดก็ต้องยอมรับว่าสายตาของมารดาผู้นี้ได้เปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย

ฮูหยินฟ่านซูเจินและนายท่านฟ่านฉือรับตัวฟ่านชุนเตี๋ยมาเลี้ยงดูเนื่องจากต้องการมีบุตรสาวสักคนแต่หลังจากรอมานานหลายปีก็ไม่มีทีท่าว่าจะมีบุตรคนที่สามจึงไปรับเด็กหญิงตัวเล็กจากหมู่บ้านชนบทมาเลี้ยงดูจากคำแนะนำของแม่นมข้างกายที่เล่าว่าในอำเภอบ้านเกิดมีครอบครัวหนึ่งกำลังจะอดตายจึงอยากขายบุตรสาวที่ยังเล็กออกมา ด้วยความสงสารเวทนาและอยากมีบุตรสาวสกุลฟ่านจึงรับอุปการะนางไว้โดยให้ค่าตอบแทนกับครอบครัวอย่างเหมาะสมแลกกับหนังสือตัดขาดกันชั่วชีวิต

แต่ไม่คิดเลยว่าเด็กหญิงที่แสนอ่อนหวานเมื่อเติบโตขึ้นเป็นหญิงสาวนางจะมีความคิดสกปรกถึงขนาดวางยาพี่ชายคนโตเพื่อหวังเลื่อนสถานะของตัวเองขึ้นมาทั้งๆ ที่ทุกวันนี้สกุลฟ่านก็เลี้ยงดูฟ่านชุนเตี๋ยเป็นอย่างดีไม่ต่างจากบุตรสาวแท้ๆ อย่างฟ่านฉานฟางเลยแม้แต่น้อยบางครั้งยังมีบางสิ่งบางอย่างที่นางกลับได้รับมากกว่าบุตรสาวในอุทรของฮูหยินฟ่านเสียด้วยซ้ำไปแต่นั่นก็กลับไม่ได้ทำให้นางหยุดยั้งความทะเยอทะยานอยากมีอยากได้เอาไว้แค่ภายในใจของตนเอง

“แล้วใครจะไปรู้เล่าชุนเอ๋อร์ เรียนก็เรียนภายในจวนสกุลฟ่านถ้าหากมีใครเอาเรื่องนี้ไปพูดในทางเสียหายแม่นี่แหละจับมันผู้นั้นมาฉีกปากให้ขาดไปถึงหูด้วยตัวเอง” ไม่บ่อยนักที่ฟ่านซูเจินจะใช้ถ้อยคำที่รุนแรงต่อหน้าบุตรของนางแต่ในเมื่อสตรีตรงหน้าไม่รู้จักระงับสติอารมณ์ของตัวเองเอาไว้เสียบ้างนางก็จำเป็นต้องพูดจาเตือนสติว่ามารดาอย่างฮูหยินฟ่านนั้นทำอะไรได้มากกว่าที่คนอื่นคาดคิดไว้มากนัก

“ลูกก็ไม่รู้หรอกเจ้าค่ะว่าใครจะเอาไปพูดบ้างขนาดเรื่องที่พี่ชายใหญ่รับเมียบ่าวมาเป็นอนุคนเขายังพูดไปทั่วทั้งตลาด”

เรื่องนี้คุณหนูใหญ่สกุลฟ่านไม่ได้พูดปดเมื่อเช้านางตั้งใจไปจ่ายตลาดเพื่อซื้อวัตถุดิบชั้นดีนำมาปรุงอาหารเอาใจบิดามารดาแต่นางก็ไม่ได้อะไรติดมือกลับมาเลยเพราะไม่อาจทนสายตาของผู้คนและท่าทางซุบซิบนินทาพวกนั้นได้

เมื่อก่อนนั้นก็เป็นนางนี่แหละที่ให้สาวใช้ทั้งหลายไปปล่อยข่าวเรื่องว่าที่ฮูหยินใหญ่ของจวนสกุลฟ่านจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากนางแม้จะเป็นบุตรสาวบุญธรรมแต่ก็ใช่ว่าจะมีสายเลือดเดียวกันเสียเมื่อไหร่อะไรก็เกิดขึ้นได้หากมีคนยอมหลับตาเสียข้างหนึ่ง

แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนกลับมีข่าวแพร่งพรายออกไปว่าคุณชายใหญ่ฟ่านไฉรับอนุภรรยาเข้าเรือนอีกทั้งยังเป็นเมียบ่าวในจวนแล้วนางจะเอาหน้าไปไว้ที่ตรงไหนได้เล่า

“คนมีปากก็ปล่อยให้เขาพูดไปเถอะทำเป็นไม่สนใจหรือแสร้งทำหูทวนลมเสียก็สิ้นเรื่อง แล้วนี่เจ้ามีเรื่องจะพูดกับแม่เพียงแค่นี้ใช่หรือไม่พอดีแม่ชักจะรู้สึกมึนหัวเล็กน้อยว่าจะเข้าไปเอนหลังสักนิดก่อน” ฮูหยินฟ่านตัดจบการสนทนากับบุตรสาวคนโตอย่างไร้เยื่อใยนางรู้ตัวว่าตนเองกำลังใจร้ายกับลูกแต่สิ่งที่ฟ่านชุนเตี๋ยทำลงไปก็ยากเกินที่จะให้อภัยได้จริงๆ