เมื่อเกิดใหม่อีกครั้งก็ยังไม่ได้ดั่งใจ ต่อจากนี้ไปจะขอลิขิตชะตาชีวิตด้วยตัวเอง

หนทางพลิกชะตาของตัวประกอบผู้เลอโฉม - ตอนที่ 4 สารพัดสารพันจะกลั่นแกล้ง โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,จีน,เกิดใหม่,ครอบครัว,ชาย-หญิง,ชีวิตใหม่ของอ้ายปิง ,ตัวประกอบที่จืดจาง,เกิดใหม่,นิยายรักจีนโบราณ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

หนทางพลิกชะตาของตัวประกอบผู้เลอโฉม

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,จีน,เกิดใหม่,ครอบครัว,ชาย-หญิง

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ชีวิตใหม่ของอ้ายปิง ,ตัวประกอบที่จืดจาง,เกิดใหม่,นิยายรักจีนโบราณ

รายละเอียด

หนทางพลิกชะตาของตัวประกอบผู้เลอโฉม โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เมื่อเกิดใหม่อีกครั้งก็ยังไม่ได้ดั่งใจ ต่อจากนี้ไปจะขอลิขิตชะตาชีวิตด้วยตัวเอง

ผู้แต่ง

มู่จิ่น 木槿

เรื่องย่อ

พนักงานบริษัทธรรมดาๆ ที่ใช้ชีวิตหาเลี้ยงตัวเองและหาเงินมาซื้อนิยายอ่านไปวันๆ กลับต้องมาจบชีวิตลงเนื่องจากถูกลูกหลงคนยิงปืนขึ้นฟ้าในวันเคานต์ดาวน์ปีใหม่เป็นการเฉลิมฉลอง ในตอนแรกก็คิดว่าตัวเองตายไปแล้วแต่ไม่ใช่เพราะดวงวิญญาณเธอกลับเข้ามาอยู่ในร่างของเหรินอ้ายปิงตัวประกอบในนิยายเซตติ้งจีนโบราณที่ตัวเองอ่านค้างไว้ก่อนตายแบบงงๆ ที่ตอนเกิดว่าน่าสงสารไม่มีใครต้องการแล้วก็ยังมาตายอย่างน่าเวทนาเพราะความอิจฉาริษยาของคนอีก

แต่เพื่อเป็นการตอบแทนใครหรืออะไรก็ตามที่ทำให้ตัวเธอได้มีชีวิตอยู่ต่อแม้จะไม่ถูกที่ถูกทางต้องมาอยู่ในร่างของตัวประกอบที่จืดจางในนิยายที่เกิดมาแล้วตายไปแบบไร้คนเหลียวมองแต่หลังจากนี้ไปชโลธรตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะขอขีดชะตาชีวิตของเหรินอ้ายปิงเสียใหม่ด้วยหัวสมองและสองมือของเธอเอง

 

หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ

 

กติกาการลงนิยาย

ลงเนื้อหาให้อ่านฟรีทั้งหมด 10 ตอนหลังจากนั้นจะติดเหรียญล่วงหน้า รายละเอียดดังนี้

1. ติดเหรียญล่วงหน้า 1 สัปดาห์

2. ปลดเหรียญอ่านฟรี 1สัปดาห์

3. หลังจากนั้นจะติดเหรียญถาวรราคาเต็มไปจนถึงตอนจบค่ะ

สารบัญ

หนทางพลิกชะตาของตัวประกอบผู้เลอโฉม-ตอนที่ 1 ความเจ็บไม่มีเสียง,หนทางพลิกชะตาของตัวประกอบผู้เลอโฉม-ตอนที่ 2 ยาปลุกกำหนัด,หนทางพลิกชะตาของตัวประกอบผู้เลอโฉม-ตอนที่ 3 เปลี่ยนชีวิตแค่พลิกฝ่ามือ,หนทางพลิกชะตาของตัวประกอบผู้เลอโฉม-ตอนที่ 4 สารพัดสารพันจะกลั่นแกล้ง,หนทางพลิกชะตาของตัวประกอบผู้เลอโฉม-ตอนที่ 5 คุณชายใหญ่กลับถึงเรือน,หนทางพลิกชะตาของตัวประกอบผู้เลอโฉม-ตอนที่ 6 ชีวิตใหม่ที่ไม่คุ้นชิน

เนื้อหา

ตอนที่ 4 สารพัดสารพันจะกลั่นแกล้ง

หลังจากได้ตำแหน่งอนุภรรยาของคุณชายใหญ่ฟ่านไฉมาครอบครองแน่นอนว่าความเป็นอยู่ของเหรินอ้ายปิงย่อมต้องดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตาเพราะฮูหยินฟ่านนั้นหาใช่คนตระหนี่ถี่เหนียวนางดูแลคนในปกครองของตนอย่างดีแต่ก็มีการจัดความสำคัญไปตามลำดับชั้นการปกครองเช่นเดียวกันไม่เช่นนั้นคงจะควบคุมดูแลคนมากมายไม่ได้

การเป็นสาวใช้แม้จะได้กินอาหารครบสามมื้อแต่ก็ใช่ว่าจะกินเนื้อสัตว์ได้ตามใจอยากแต่ส่วนมากพวกนางจะได้กินไข่กันอยู่เป็นประจำอย่างมากก็วันละสองฟองซึ่งเป็นมาตรฐานที่สาวใช้ทุกคนจะได้รับ

แต่เมื่อเลื่อนขั้นมาเป็นอนุภรรยาแล้วนอกจากจะได้กินไข่ตามต้องการแล้วเหรินอ้ายปิงยังได้กินอาหารจานเนื้อครบทั้งสามมื้อ มีเงินเดือนใช้จ่ายมากกว่าเงินเดือนของสาวใช้ตั้งไม่รู้กี่เท่าแต่เป็นเพราะว่าตำแหน่งของนางไม่ได้มีความรับผิดชอบอะไรมากจึงมีแค่เงินส่วนตัวรายเดือนที่จะได้รับส่วนเรื่องเงินสำหรับดูแลใช้จ่ายภายในเรือนจึงยังเป็นพ่อบ้านหลันและฮูหยินฟ่านที่คอยจัดการอยู่

และแม้จะได้เป็นอนุภรรยาของคุณชายใหญ่แล้วเหรินอ้ายปิงก็ยังคงใช้ชีวิตไม่ได้ต่างไปจากเดิมมากนักในทุกๆ วันหลังจากที่ดูแลความเรียบร้อยโดยรอบเรือนของคุณชายทั้งหมดรวมไปถึงทำความสะอาดเรือนหลังเล็กของตนเองแล้วนางก็จะไปช่วยงานในครัวอย่างที่เคยทำเป็นปกติเว้นแต่เรื่องออกไปจ่ายตลาดที่ป้าซิ่วจูแม่ครัวใหญ่และมารดาของพี่เมี่ยวห้ามเอาไว้เพราะมันเป็นเรื่องไม่เหมาะสม

“ของสดไม่ต้องทำหรอกปิงเอ๋อร์เดี๋ยวกลิ่นคาวจะติดตัวเจ้ารอปรุงอาหารเลยดีกว่า”

ป้าซิ่วจูยกอ่างใส่ปลาให้สาวใช้คนอื่นนำไปจัดการขอดเกล็ดควักไส้เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วเหรินอ้ายปิงจึงมารับช่วงต่อโดยนำปลามาแล่เป็นชิ้นพอดีคำเพื่อนำไปชุบกับแป้งบางๆ แล้วทอดให้กรอบจากนั้นก็ปรุงน้ำราดทำเป็นปลาผัดเปรี้ยวหวานอาหารที่คุณหนูเล็กของสกุลฟ่านบ่นมาหลายวันแล้วว่าอยากจะรับประทาน

“วันนี้มีปลาผัดเปรี้ยวหวานที่เจ้าอยากกินพอดีเลยนะเสี่ยวฟางกินเยอะๆ นะลูก”

เมื่อนายท่านฟ่านฉือเห็นอาหารจานโปรดของบุตรสาวคนเล็กตั้งอยู่บนโต๊ะอาหารก็รีบตักใส่จานข้าวของนางก่อนเป็นอันดับแรกและหลังจากนั้นจึงตักอาหารให้ภรรยา บุตรสาวคนโตและบุตรชายคนเล็กเมื่อครบแล้วครอบครัวสกุลฟ่านก็จึงได้เริ่มต้นรับประทานอาหารร่วมกัน

วันนี้จะขาดเพียงก็แต่คุณชายใหญ่และคุณชายรองของบ้านที่ออกเดินทางไปยังเมืองข้างๆ เพื่อดูแลความเรียบร้อยของร้านค้าในขั้นตอนสุดท้ายก่อนที่จะตกแต่งเสร็จสิ้นและหลังจากนี้ก็เป็นขั้นตอนของการจัดร้านค้าและให้คนงานจากร้านแพรพรรณกิจการหลักในเมืองหลวงเดินทางไปช่วยฝึกลูกจ้างใหม่จนกว่าจะค้าขายได้คล่องมือแล้วจึงจะกลับมาทำหน้าที่ของตนกันตามปกติ

โดยร้านค้าแห่งที่สามนี้เป็นร้านค้าสมุนไพรและผลผลิตทางการเกษตรที่รับซื้อมาจากชาวบ้านในราคาที่ไม่ขูดเลือดขูดเนื้อและแน่นอนว่าการนำมาขายต่อก็แค่บวกกำไรเพียงเล็กน้อยซึ่งแตกต่างจากร้านค้าสองแห่งในเมืองหลวงที่ร้านหลักจะเป็นร้านขายแพรพรรณที่ขายตั้งแต่ผ้าพับสำหรับเอาไว้ตัดเย็บเสื้อผ้าไปจนถึงงานตัดเย็บสำเร็จไล่มาตั้งแต่ของชิ้นเล็กๆ เช่นผ้าเช็ดหน้า ถุงหอม ถุงใส่เงิน รองเท้าบุรุษและสตรี ผ้าอ้อมสำหรับเด็กทารกเรื่อยไปจนถึงเสื้อผ้าสำเร็จทั้งชายหญิงและเครื่องนอน

ร้านค้าที่สองเป็นร้านขายข้าวสารและธัญพืชที่กิจการกำลังไปได้ดีกำลังจะขยายที่ทางไปจำหน่ายอาหารแห้งเพิ่มขึ้นเพราะราวๆ หนึ่งปีก่อนคุณชายใหญ่ได้มีโอกาสเดินทางไปยังเมืองท่าและได้พบปะพ่อค้าต่างถิ่นหลายต่อหลายคนจึงได้ทำการเจรจาค้าขายกันเอาไว้ตั้งแต่ตอนนั้น

เมื่อมีเรือมาเทียบท่าจะมีสินค้าตัวอย่างส่งมาให้ทดลองขายซึ่งไม่ว่าจะรับมาเท่าไหร่ก็ขายออกไปได้หมดในเวลาอันรวดเร็วเพราะว่าเป็นสินค้าแปลกใหม่ที่ไม่ค่อยจะพบเห็นกันได้บ่อยนักอีกทั้งยังสามารถนำมาปรุงอาหารได้อร่อยชาวบ้านจึงได้ติดใจกัน

“รสชาติดียิ่งนักเจ้าค่ะแต่ไม่เหมือนรสมือป้าซิ่วจู ลูกว่ามีความคล้ายคลึงกันแต่จานนี้จะหวานน้อยกว่าที่ท่านป้าทำ” เด็กหญิงที่มีอายุเพียงแปดหนาวแต่สามารถจำแนกรสชาติจากฝีมือการทำอาหารของแม่ครัวในเรือนของตนเองได้อย่างแม่นยำเอ่ยกับบิดาและมารดา

“เป็นฝีมือของอนุปิงขอรับคุณหนูเล็กเดิมทีนางเรียนทำอาหารกับแม่ครัวของจวนมาตั้งแต่ยังเล็กจนสามารถปรุงอาหารทุกรายการแทนได้แล้ว ทุกวันนี้เมื่อนางเสร็จงานจากเรือนของคุณชายใหญ่แล้วก็จะไปช่วยทำงานที่โรงครัวทั้งวันเลยขอรับ”

พ่อบ้านหลันอี้เซ่อรายงานอย่างตรงไปตรงมาเพราะเขาก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เห็นว่าเหรินอ้ายปิงนั้นมิได้เป็นสตรีที่มีพิษภัยกับผู้ใดนางเป็นคนเช่นไรก็ยังทำตัวแบบนั้นทั้งๆ ที่นางได้ตำแหน่งอนุภรรยาของคุณชายใหญ่มาเป็นเดือนแล้วแต่ก็ไม่เคยเรียกร้องอะไรมากไปกว่าสิ่งที่คุณชายใหญ่และฮูหยินฟ่านมอบให้เลย

“อ้อ เป็นพี่สะใภ้ของข้าเองหรอกหรือถ้าแบบนี้เวลาเสี่ยวฟางอยากรับประทานอาหารอร่อยๆ จะไปรบกวนให้พี่สะใภ้ทำให้ได้หรือไม่เจ้าคะรสมือนางถูกใจลูกยิ่งนัก”

เด็กน้อยที่ไม่ได้สนใจอะไรมากไปกว่าอาหารที่ตัวเองชอบกินและเมื่อนางมีพี่สะใภ้ที่ทำอาหารอร่อยถึงเพียงนี้คุณหนูเล็กจึงหันไปยิ้มหวานอ้อนบิดามารดาส่วนบุตรสาวของนายท่านฟ่านอีกคนนั้นกลับนั่งคอแข็งและเริ่มรู้สึกคล้ายกับว่าอยากจะสำรอกปลาเปรี้ยวหวานที่เพิ่งกินเข้าไปออกมาเสียให้หมด

“รบกวนนางเป็นครั้งคราวก็แล้วกันนะลูกรักเพราะพี่สะใภ้ของเจ้าก็ยังมีหน้าที่อื่นๆ ที่ต้องทำอีกมาก”

ฮูหยินฟ่านออกจะรู้สึกพึงพอใจอยู่ไม่น้อยที่ลูกสะใภ้ที่นางไม่ได้ต้องการตั้งแต่แรกยังมีความขยันอยู่บ้างเพราะนอกจากตั้งศึกษาการคัดอักษรร่วมกับบุตรสาวคนเล็กของนางสัปดาห์ละสี่วันแล้วเวลาที่เหลือเหรินอ้ายปิงจะเอาไปทำอะไรนางไม่เคยไปก้าวก่ายแต่ก็ยังคอยให้พ่อบ้านหลันกับแม่นมหยูคนสนิทของตันเองคอยเป็นหูเป็นตาให้อยู่ตลอด

และทั้งสองคนก็รายงานตรงกันว่าทุกๆ วันของเหรินอ้ายปิงนั้นเป็นไปอย่างเรียบง่ายนางไม่ได้นั่งงอมืองอเท้าอยู่แต่ในเรือนเล็กที่นับว่าเป็นสมบัติของตัวนางเองแต่กลับไปช่วยทำงานที่ตนเองถนัดและคุ้นเคยอยู่ที่ดรงครัวทุกวัน

“ถ้าเช่นนั้นลูกอาจจะต้องขอรบกวนพี่สะใภ้บ้างแล้วเจ้าค่ะข้าจำได้ว่านางทำขนมหวานอร่อยนักเร็วๆ นี้คุณหนูอู๋ชวนข้าไปร่วมงานเลี้ยงน้ำชาที่เรือนคงต้องขอรบกวนให้นางช่วยทำขนมให้สักเล็กน้อยเพื่อนำไปเป็นของขวัญ”

“เจ้าต้องให้เวลานางเตรียมตัวล่วงหน้าสักหน่อยนะชุนเอ๋อร์อยากได้ขนมอะไรก็ไปคุยกับนางล่วงหน้าอย่าให้มันกระชั้นชิดเกินไปนัก” เมื่อมารดาผู้เป็นใหญ่ที่สุดในบ้านนั้นเอ่ยปากอนุญาตแล้วฟ่านชุนเตี๋ยก็ได้แต่กระหยิ่มยิ้มย่องในใจเพราะนี่เท่ากับว่าไม่มีใครที่จะขวางทางกำจัดเหรินอ้ายปิงของนางได้เลย

ใครจะคิดว่าขนมที่ทำให้คุณหนูใหญ่ไปเป็นของขวัญให้คุณหนูอู๋จะสร้างเรื่องเดือดร้อนให้เหรินอ้ายปิงจนเกือบจะถูกโบยตีเป็นการลงโทษข้อหาที่ทำให้สกุลฟ่านอับอายและเสื่อมเสียชื่อเสียงเหตุเป็นเพราะขนมกล่องนั้นขึ้นราบูดเสียเหม็นเน่าไปทั้งกล่องจนคุณหนูอู๋ต้องเอาขนมเจ้าปัญหามาให้คุณหนูใหญ่สกุลฟ่านได้ดูถึงที่จวน

“ใครเป็นคนทำขนมกล่องนี้ให้เจ้าชุนเอ๋อร์ไปตามมันมาพ่อจะลงโทษให้เจ้าเอง คุณหนูอู๋ลุงขอเวลาไต่สวนสักครู่แล้วจะลงโทษคนที่ทำให้เจ้าขุ่นเคืองใจด้วยตนเองอย่างแน่นอน”

แม้นายท่านฟ่านฉือจะรู้สึกโกรธเมื่อเห็นขนมที่ขึ้นราหมดทั้งกล่องแต่อย่างไรแล้วก็ต้องทำการสอบสวนให้รู้เรื่องรู้ราวก่อนตัดสินโทษเพราะตัวเขาก็จำได้ว่าขนมเหล่านี้เหรินอ้ายปิงเพิ่งทำเสร็จเมื่อวานตอนสายๆ เพื่อให้ฟ่านชุนเตี๋ยนำไปงานเลี้ยงน้ำชาที่จวนสกุลอู๋ในยามเว่ยแล้วมันจะบูดเสียจนอยู่ในสภาพนี้ได้อย่างไรกัน

“ขอบคุณท่านลุงที่ให้ความยุติธรรมเจ้าค่ะ” คุณหนูอู๋ที่รู้ไม่เท่าทันสหายของตนเองพูดอย่างนอบน้อมเพราะที่นางมาที่นี่ใช่ว่าจะมาเอาเรื่องอะไรใครแต่นางเพียงจะมาแจ้งให้ทราบว่าขนมนั้นมันบูดเสียไปแล้วทั้งกล่องเพราะถ้าเผื่อว่าสหายถามว่ามันอร่อยหรือไม่นางจะได้ไม่ต้องโกหกให้รู้สึกผิดต่อกันเท่านั้นเอง

เหรินอ้ายปิงเข้ามาในห้องโถงของเรือนหลักสกุลฟ่านที่กำลังตึงเครียดด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์อีกทั้งในมือนางยังมีขนมที่เหลือจากเมื่อวานที่ตั้งใจเก็บไว้ให้นายท่านทั้งหลายรับประทานเป็นของว่างกับน้ำชาในวันนี้อีกหนึ่งวันติดมือมาด้วยเพราะรู้ถึงสาเหตุที่ถูกเรียกตัวมาพบนายท่านฟ่านเรียบร้อยแล้ว

“อนุปิงเรื่องขนมของคุณหนูอู๋เหตุใดมันจึงมีสภาพเช่นนี้เจ้ามีอะไรจะพูดหรือไม่ข้าให้โอกาสเจ้าได้ชี้แจงความบริสุทธิ์ใจของตนเองแต่อย่าคิดที่จะพูดปดออกมาแม้เพียงครึ่งคำ” นายท่านฟ่านเอ่ยกับลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างดังและทรงอำนาจซึ่งแน่นอนว่าเหรินอ้ายปิงต้องรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่นแต่ในเมื่อนางไม่ได้ทำอะไรผิดก็ย่อมต้องพูดความจริงเพื่อปกป้องตัวเอง

“ข้าได้ทำขนมที่คุณหนูใหญ่สั่งด้วยตัวเองเจ้าค่ะหากแต่ขนมที่อยู่ในกล่องนี้ไม่ใช่ขนมของข้าในจวนสกุลฟ่านหาได้มีพิมพ์ขนมรูปทรงเหล่านี้ไม่ ขนมที่ข้าทำล้วนเป็นทรงกลม สามเหลี่ยมและสี่เหลี่ยมเท่านั้น นี่คือขนมส่วนหนึ่งที่ข้าตั้งใจเก็บเอาไว้ให้นายท่าน ฮูหยินและคุณหนู คุณชายรับประทานคู่กับน้ำชาในบ่ายวันนี้เจ้าค่ะ”

เหรินอ้ายปิงเปิดกล่องใส่อาหารที่นางถือมาด้วยตนเองส่งให้พ่อบ้านหลันเพื่อเอาไปเปรียบเทียบกับขนมที่อยู่ในกล่องของคุณหนูอู๋ซึ่งก็พบว่ารูปร่างหน้าตาของมันแตกต่างกันเป็นอย่างมากอีกทั้งชิ้นขนมในกล่องที่ขึ้นรายังมีความบางแตกต่างจากขนมที่ผู้ถูกกล่าวหานำมาอีกด้วย

“ท่านพ่อเจ้าคะ ขนมกล่องนี้พี่สะใภ้ก็ส่งมาให้ข้าเหมือนกันเจ้าค่ะข้าช่วยยืนยันได้ว่าไม่มีขนมรูปดอกไม้จริงๆ” เป็นทางคุณหนูเล็กที่ช่วยเหลือเหรินอ้ายปิงด้วยนางสังเกตเห็นความแตกต่างของขนมในกล่องที่มีปัญหาด้วยเหมือนกันแค่หน้าตาสีสันก็รู้แล้วว่าคนทำเป็นคนละคน

ขนมของเหรินอ้ายปิงแม้จะมีหน้าตาธรรมดาแต่ความหนาของชิ้นขนมกลับกำลังพอดีสามารถกัดได้จมเขี้ยวเคี้ยวได้เต็มปากเต็มคำแต่ขนมที่ขึ้นรานั้นแม้รูปร่างจะงดงามกว่ามากแต่ชิ้นขนมกลับแบนบางดูไม่น่ากินและจากสภาพนั้นขนมมันต้องเสียมาไม่ต่ำกว่าเจ็ดถึงสิบวันเป็นอย่างต่ำแต่พี่สะใภ้ของนางเพิ่งทำขนมเสร็จเมื่อวานตอนสายแล้วมันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน

“มันจะเป็นไปได้อย่างไรข้ารับขนมจากเจ้ามาก็ให้สาวใช้ถือไว้โดยตลอดจนกระทั่งถึงเรือนสกุลอู๋หาได้มีใครที่ได้แตะต้องมันข้าเองก็ไม่ได้เปิดดูจนกระทั่งคุณหนูอู๋มาแจ้งให้ทราบ”

ฟ่านชุนเตี๋ยแก้ตัวจนลิ้นพันกันด้วยนางจะให้ใครล่วงรู้ไม่ได้หรอกว่าขนมในกล่องนั้นเป็นนางที่สั่งให้สาวใช้ไปซื้อขนมจากตลาดมาเตรียมไว้แล้วปล่อยให้มันเน่าเสียเมื่อรับขนมของเหรินอ้ายปิงมาจึงได้ทำการสับเปลี่ยนของในกล่องออกกันที่ข้างในรถม้าจึงไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็น

“ท่านลุงเจ้าคะอันที่จริงข้ามาเพื่อแจ้งกับชุนเอ๋อร์ว่าขนมที่นางให้มามันเสียแล้วเท่านั้นหาได้มีความประสงค์จะเอาเรื่องเอาราวใคร มันอาจจะเป็นการเข้าใจผิดก็ได้เจ้าค่ะ” เมื่อสถานการณ์ในห้องโถงค่อนข้างที่จะตึงเครียดมากขึ้นคุณหนูอู๋ที่ไม่โปรดปรานความวุ่นวายจึงขอจบเรื่องที่น่าปวดหัวเหล่านี้ไปเสีย

“ถ้าเจ้าว่าเช่นนั้นลุงก็จะไม่เอาความใครแต่จากนี้ไปทั้งอนุปิงและชุนเอ๋อร์จะทำอะไรก็ต้องระมัดระวังให้มากเข้าใจหรือไม่ ส่วนเจ้าคุณหนูอู๋ลุงอยากขอโทษเจ้าด้วยการมอบชุดสวยๆ ให้สักชุดหนึ่งเจ้าไปเลือกได้เลยที่ร้านแพรพรรณสกุลฟ่านลุงจะให้คนจัดการให้เจ้าเอง”

 

“ปิงเอ๋อร์ ปิงเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง ไหนเจ้าบอกว่านางตื่นมาแล้วเหตุใดนางจึงนอนนิ่งเป็นผักอยู่เช่นนี้เล่า”

กำลังนอนชมภาพยนตร์จอยักษ์ที่ฉายเรื่องจริงในอดีตอยู่เพลินๆ เสียงเอะอะโวยวายที่ดังขึ้นใกล้ๆ หูก็ทำให้เหรินอ้ายปิงสะดุ้งตื่นจากภวังค์ขึ้นมาแทบจะทันที