เมื่อเกิดใหม่อีกครั้งก็ยังไม่ได้ดั่งใจ ต่อจากนี้ไปจะขอลิขิตชะตาชีวิตด้วยตัวเอง
รัก,จีน,เกิดใหม่,ครอบครัว,ชาย-หญิง,ชีวิตใหม่ของอ้ายปิง ,ตัวประกอบที่จืดจาง,เกิดใหม่,นิยายรักจีนโบราณ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หนทางพลิกชะตาของตัวประกอบผู้เลอโฉมเมื่อเกิดใหม่อีกครั้งก็ยังไม่ได้ดั่งใจ ต่อจากนี้ไปจะขอลิขิตชะตาชีวิตด้วยตัวเอง
พนักงานบริษัทธรรมดาๆ ที่ใช้ชีวิตหาเลี้ยงตัวเองและหาเงินมาซื้อนิยายอ่านไปวันๆ กลับต้องมาจบชีวิตลงเนื่องจากถูกลูกหลงคนยิงปืนขึ้นฟ้าในวันเคานต์ดาวน์ปีใหม่เป็นการเฉลิมฉลอง ในตอนแรกก็คิดว่าตัวเองตายไปแล้วแต่ไม่ใช่เพราะดวงวิญญาณเธอกลับเข้ามาอยู่ในร่างของเหรินอ้ายปิงตัวประกอบในนิยายเซตติ้งจีนโบราณที่ตัวเองอ่านค้างไว้ก่อนตายแบบงงๆ ที่ตอนเกิดว่าน่าสงสารไม่มีใครต้องการแล้วก็ยังมาตายอย่างน่าเวทนาเพราะความอิจฉาริษยาของคนอีก
แต่เพื่อเป็นการตอบแทนใครหรืออะไรก็ตามที่ทำให้ตัวเธอได้มีชีวิตอยู่ต่อแม้จะไม่ถูกที่ถูกทางต้องมาอยู่ในร่างของตัวประกอบที่จืดจางในนิยายที่เกิดมาแล้วตายไปแบบไร้คนเหลียวมองแต่หลังจากนี้ไปชโลธรตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะขอขีดชะตาชีวิตของเหรินอ้ายปิงเสียใหม่ด้วยหัวสมองและสองมือของเธอเอง
หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ
กติกาการลงนิยาย
ลงเนื้อหาให้อ่านฟรีทั้งหมด 10 ตอนหลังจากนั้นจะติดเหรียญล่วงหน้า รายละเอียดดังนี้
1. ติดเหรียญล่วงหน้า 1 สัปดาห์
2. ปลดเหรียญอ่านฟรี 1สัปดาห์
3. หลังจากนั้นจะติดเหรียญถาวรราคาเต็มไปจนถึงตอนจบค่ะ
“ปิงเอ๋อร์เจ้าเป็นอย่างไรบ้างเจ็บหรือว่าปวดที่ตรงไหนหรือไม่”
คุณชายฟ่านไฉเอ่ยถามคนบนเตียงที่เอาแต่นอนลืมตามองหน้าตนเองโดยไม่ปริปากพูดอะไรออกมาเลยสักคำแม้ปกตินางจะเป็นคนที่พูดเฉพาะที่จำเป็นแต่ครั้งนี้เขากลับต้องการให้นางพูดแสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมาบ้างหรือต่อให้นางกรีดร้องกรีดร้องโวยวายออกมาชายหนุ่มก็จะไม่ตำหนิอะไรนางเลยสักคำ
“...”
ส่วนทางด้านคนที่นิ่งเงียบนั้นก็กำลังประมวลผลข้อมูลของคุณชายฟ่านไฉที่มีอยู่ในสมองโดยบุรุษผู้นี้เป็นสามีของเหรินอ้ายปิงแม้นางจะได้เขามาจากอุบัติเหตุแต่ตลอดระยะเวลาที่หญิงสาวอยู่ในตำแหน่งอนุภรรยาคุณชายใหญ่ก็ดูแลนางโดยยึดหลักของความเหมาะสมข้าวของเงินทองเขาจัดสรรให้ทุกเดือนไม่มีขาดแต่จะมีที่ห่างเหินกันก็เพียงเรื่องดีงามของสามีภรรยาที่หลังจากวันนั้นเขาก็ไม่เคยแตะต้องนางอีกเลย
จนเมื่อได้รู้ว่านางตั้งครรภ์คุณชายใหญ่ฟ่านก็แสดงออกเพิ่มมากขึ้นว่าเป็นห่วงทั้งนางและลูกในท้องถึงขนาดรบกวนให้ฮูหยินฟ่านและแม่นมหยูช่วยคัดเลือกสาวใช้ที่เป็นงานมาเพิ่มในเรือนเพื่อให้มาช่วยดูแลอนุภรรยาของตนเอง
แต่ข้อเสียข้อเดียวที่คุณชายฟ่านมีคือความขยันหมั่นเพียรที่ออกจะมีมากจนเกินไปแต่หากคิดพิจารณาด้วยสายตาคนนอกที่มาจากโลกอื่นหญิงสาวก็พอจะเข้าใจว่าเป็นเรื่องธรรมดาของบุตรในยุคสมัยนี้ที่จะยึดถือความกตัญญูเป็นที่หนึ่ง
ทุกอย่างที่ทำก็เพื่อตอบแทนพระคุณบิดามารดาผู้ให้กำเนิดและยิ่งถ้าเป็นบุตรชายคนโตด้วยแล้วย่อมมีหน้าที่สำคัญอีกหนึ่งอย่างนั่นก็คือการต้องสืบสกุลพร้อมกับสร้างรากฐานความมั่นคงให้ครอบครัวและบรรดาน้องๆ ทั้งน้องชายที่ต้องมีสินสอดแต่งภรรยารวมถึงน้องสาวที่จะ
แต่งออกไปก็ต้องมีสินเดิมติดเนื้อติดตัวเพื่อไม่ให้ใครมาดูถูกเอาได้
ด้วยเหตุนี้เมื่อเหรินอ้ายปิงมีคนที่ไว้ใจได้ดูแลใกล้ชิดคุณชายใหญ่ฟ่านจึงออกไปทำหน้าที่ของตนเองด้วยความสบายใจจะมีบ้างที่ต้องออกไปต่างเมืองแต่ก็พยายามจะใช้เวลาเดินทางให้สั้นที่สุดอย่างเร็วคือสามวันและอย่างมากที่สุดก็จะพยายามไม่ให้เกินเจ็ดวัน
ซึ่งที่ผ่านมามันเป็นไปได้ด้วยดีไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นกับเหรินอ้ายปิงที่ใช้ชีวิตอยู่ภายในเรือนหลังเล็กโดยที่ไม่มีใครได้เฉลียวใจเลยว่าคนที่คิดปองร้ายจะคอยเวลาและโอกาสเพื่อลงมือขั้นเด็ดขาดกับสตรีท้องแก่ใกล้คลอดที่ไม่มีทางสู้อย่างเลือดเย็น
“คุณชายใหญ่”
เหรินอ้ายปิงสามารถเค้นเสียงผ่านลำคอออกมาได้เพียงเท่านั้นเพราะไม่รู้น้ำตามาจากไหนมันไหลหลากประหนึ่งทำนบพังทลายเมื่อเห็นสีหน้าและท่าที่แสนกังวลใจของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี
และอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้นางพูดไม่ออกก็คือความหล่อเหลาของคุณชายฟ่านไฉที่แม้ในนิยายจะบรรยายเอาไว้ว่าชายหนุ่มนั้นมีรูปโฉมงดงามปานรูปสลักที่รังสรรค์จากเทพเซียนแต่เธอก็ไม่คิดว่าผู้ชายที่หล่อขนาดนั้นมันจะมีอยู่จริงจนกระทั่งได้มาเห็นกับตาเนื้อของตัวเอง
คงต้องยกตำแหน่งหนุ่มตี๋ที่จริงใจให้คุณชายผู้นี้ไปโดยไม่มีข้อกังขาแต่หนุ่มตี๋บ้าอะไรจะมามีดวงตาสองชั้นเป็นประกายงดงามสีดำสนิท ปาก คอ คิ้ว คางหรือไม่ว่าจะเป็นหน้าผากทุกอย่างล้วนได้รูปรับกันพอเหมาะพอเจาะพอดิบพอดีขนาดขี่ม้าหัวกระเซิงมาแบบนั้นเขาก็ยังคงดูดีอย่างหาที่ติมิได้
“เจ้าเจ็บตรงไหนหรือไม่” ฟ่านไฉยังคงถามย้ำด้วยความเป็นห่วงและหวาดกลัวเขากำลังกลัวว่าเหรินอ้ายปิงจะจากโลกนี้ไปเหมือนกับลูกในท้องที่มีโอกาสคลอดออกมาแต่ไม่ได้รับอนุญาตจากเทพแห่งโชคชะตาให้มีชีวิตอยู่ต่อไป
“ข้า ข้าไม่มี ข้าไม่มีลูกอีกต่อไปแล้ว” ความรู้สึกที่ปวดร้าวในหัวใจบีบอัดไปทั้งร่างจนร่างกายที่ยังคงอ่อนแรงสั่นสะท้านทั้งหมดนั้นคงเป็นความรู้สึกที่ตกค้างอยู่ของเหรินอ้ายปิงคนเก่านางคงทั้งเสียใจ หวาดกลัวเมื่อชีวิตของบุตรตัวน้อยๆ ที่นางประคบประหงมดูแลมาเป็นอย่างดีต้องจากไปอย่างไม่มีวันหวนคืน
“บุตรชายของเราท่านพ่อและท่านแม่ช่วยทำพิธีฝังเขาไว้ที่สุสานบรรพชนสกุลฟ่าน ฟ่านอ้ายไฉจะอยู่ที่นั่นโดยมีบรรพบุรุษของสกุลฟ่านดูแลเขาแทนพวกเราเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไป”
ชายหนุ่มผู้ที่เป็นคนตั้งชื่อเตรียมให้บุตรชายคนโตของครอบครัวด้วยตัวเองบอกกับเหรินอ้ายปิงเพื่อให้นางจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะถึงอย่างไรแล้วบุตรที่เกิดจากนางก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเป็นคนของสกุลฟ่านอย่างเต็มตัว
ทางด้านนายท่านฟ่านและฮูหยินฟ่านต่างก็สะเทือนใจจากเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่แพ้กันโดยเฉพาะกับฮูหยินฟ่านนั้นถึงกับกอดร่างทารกที่ไร้สิ้นลมหายใจร้องไห้ร้องห่มนานเป็นชั่วยามเพราะถึงแม้ว่าหลานชายของนางจะมีอายุไม่ครบเก้าเดือนในครรภ์ของมารดาและไม่ได้คลอดออกมาพร้อมลมหายใจแต่ทารกน้อยกลับมีประพิมพ์ประพายคล้ายบุตรชายคนโตของนางเมื่อแรกเกิดเป็นอย่างมาก
ด้วยเหตุปัจจัยหลายๆ อย่างไม่ใช่เพียงเพราะว่าเด็กที่เสียชีวิตนั้นเป็นหลานชายแต่ที่ผ่านมานั้นเหรินอ้ายปิงลูกสะใภ้ที่นางไม่คาดฝันว่าจะได้มียังประพฤติตัวดีอยู่ในโอวาทของพ่อแม่สามีและไม่เคยทำเรื่องให้ใครเดือดเนื้อร้อนใจฮูหยินฟ่านและนายท่านฟ่านจึงเต็มใจที่จะฝั่งร่างเล็กๆ ของหลานชายคนแรกไว้ที่สุสานประจำตระกูล
“เขาจากเราไปแล้วจริงๆ ปิงเอ๋อร์แต่เจ้านั้นยังคงต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเข้าใจหรือไม่อย่างน้อยๆ หากเจ้าไม่อยากใช้ชีวิตเพื่อตัวเองก็ขอให้ชีวิตที่เหลือของเจ้าเพื่อข้าและฟ่านอ้ายไฉบุตรชายของเราได้หรือเปล่า”
น้ำเสียงของคุณชายฟ่านไฉทั้งอ่อนโยนและแผ่วเบาจนแทบจะเป็นเสียงกระซิบแล้วไหนจะอ้อมแขนที่แสนอบอุ่นที่ตระกองกอดร่างของเหรินอ้ายปิงไว้ด้วยความทะนุถนอมมันทำให้หญิงสาวที่ยังเพลียจากการคลอดลูกถึงกับต้องตั้งสติของตัวเองให้มั่นคงเพราะหัวใจกำลังเต้นเร็วรัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ยังดีที่ท่านหมอเข้ามาช่วยชีวิตได้ทันก่อนที่นางจะหัวใจวายเพราะความอ่อนโยนของสามีโดยระหว่างที่เหรินอ้ายปิงนอนนิ่งๆ ให้ท่านหมออาวุโสตรวจอาการในหัวของนางกำลังทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในนิยายตอนที่นางอ่านค้างอยู่นั้นก็เป็นตอนที่เหรินอ้ายปิงแท้งลูกและตัวเองก็เสียชีวิตจากการตกเลือดด้วยฝีมือการวางแผนของคุณหนูใหญ่พอดีแล้วก็ไม่มีการกล่าวถึงนางอีกเพราะเนื้อเรื่องดำเนินไปข้างหน้ากล่าวถึงชีวิตของคุณชายใหญ่ฟ่านหลังจากนี้ไปอีกสองปี
แล้วเหตุการณ์เมื่อครู่นี้มันหมายความว่าอะไรการที่คุณชายใหญ่มาอ้อนวอนขอให้นางมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อเขาไม่ใช่ว่าเนื้อเรื่องในนิยายมันเปลี่ยนแปลงไปเพราะเหรินอ้ายปิงไม่ได้ตายดังเช่นในต้นฉบับนิยายหรอกหรือ
“ข้ากำลังสงสัยว่าการที่อนุปิงแท้งลูกนั้นจะเกิดจากการถูกวางยาเพราะชีพจรของนางค่อนข้างแปรปรวนและมีจุดที่ติดขัดนอกจากสมุนไพรบำรุงครรภ์ที่ดื่มประจำนางได้ดื่มยาสมุนไพรอย่างอื่นอีกหรือไม่” หลังจากที่ท่านหมอตรวจร่างกายของเหรินอ้ายปิงเสร็จก็ได้เรียกคุณชายฟ่านผู้เป็นสามีและแม่นางซิ่วเฟยเมี่ยวเข้ามารับฟังคำวินิจฉัยอีกทั้งยังได้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย
“ไม่ได้ดื่มสมุนไพรอื่นเลยเจ้าค่ะท่านหมอ ข้าเป็นคนรับยาต้มมาจากห้องครัวด้วยตัวเองทุกวันและยานั้นก็ส่งมาจากพ่อบ้านหลันทุกครั้ง
ที่ผ่านมาปิงเอ๋อร์ถนอมทารกในครรภ์ของนางมากอะไรที่ท่านหมอแนะนำมานางก็ปฏิบัติตามทุกอย่างไม่เคยขาดเลยสักวันโดยเฉพาะเรื่องยาบำรุงครรภ์ที่นางจะชื่นชมอยู่เสมอว่ามันมีกลิ่นของอบเชยทำให้รับประทานได้ง่ายมากขึ้น” คนที่ดูแลใกล้ชิดเหรินอ้ายปิงมาตลอดตอบท่านหมอไปตามความจริง
ซึ่งสิ่งที่ได้ยินนั้นทำเอาท่านหมอชราถึงกับขมวดคิ้วในทันทีเพราะส่วนผสมของยาบำรุงครรภ์นั้นไม่ควรมีอบเชยอย่างเด็ดขาดเพราะมันมีฤทธิ์ในการขับเลือดเป็นสิ่งต้องห้ามของสตรีมีครรภ์แต่ลำพังฤทธิ์ของอบเชยแค่อย่างเดียวไม่น่าจะถึงขั้นทำให้แท้งบุตรได้นี่เท่ากับว่าต้องตรวจสอบย้อนไปถึงเรื่องเทียบยาและคนที่จัดการต้มสมุนไพรเสียแล้ว
“ขอบคุณแม่นางมากถ้าเช่นนั้นข้าขอปรึกษาเรื่องการรักษากับคุณชายฟ่านตามลำพังสักครู่”
“ท่านลุงมีอะไรจะพูดกับข้าใช่หรือไม่ขอรับ” เมื่อในห้องเหลือเพียงฟ่านไฉกับท่านหมออาวุโสที่มีศักดิ์เป็นลุงแท้ๆ หรือพี่ชายของมารดาตนเองชายหนุ่มจึงสอบถามเรื่องราวอย่างตรงไปตรงมาไม่มีอ้อมค้อม
“ลุงคิดว่าอนุปิงน่าจะโดนวางยาสิ่งที่สาวใช้คนเมื่อครู่บอกมาก็เป็นสิ่งที่จะใช้เป็นหลักฐานได้อย่างดีเพราะอบเชยมีฤทธิ์เป็นยาขับเลือดไม่มีทางที่จะมาเป็นส่วนผสมในยาบำรุงครรภ์ของข้าอย่างแน่นอน” ท่านหมอถงเองก็กล่าวอย่างไม่อ้อมค้อมเพราะถ้าหากวันที่อนุภรรยาของหลานชายตกเลือดแล้วเขามาไม่ทันน่าจะเกิดการสูญเสียมากกว่าหนึ่งชีวิตอย่างแน่นอน
ด้วยเด็กในครรภ์นั้นเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในท้องอีกทั้งเหรินอ้ายปิงก็เสียเลือดมากจากการที่ต้องคลอดเด็กออกมาจนต้องห้ามเลือดด้วยการฝังเข็มถ้าหากว่าเขามาไม่ทันนางคงไม่ได้มีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้อย่างแน่นอน
“เป็นข้าที่ผิดเองหากว่าข้ารอบคอบและใส่ใจนางมากกว่านี้สักหน่อยก็อาจจะไม่ต้องสูญเสียบุตรชายไปเช่นนี้”
แม้ตัวของฟ่านไฉจะยังไม่ได้รู้สึกรักใคร่ในตัวอนุภรรยาผู้นี้แต่ความผูกพันที่มีกับตัวนางและเจ้าก้อนแป้งในท้องก็ทำให้เขารู้สึกผิดจากใจจริงที่ไม่สามารถปกป้องและดูแลครอบครัวของตนเองเอาไว้ได้อย่างน้อยๆ ถ้าหากเขาอยู่ที่เรือนก็คงไม่มีใครกล้าเข้ามาทำร้ายนางและบุตรในครรภ์อย่างแน่นอน
“เอาเถอะอาไฉเวลานี้ไม่ใช่เรื่องที่จะบอกว่าใครผิดหรือถูกที่ต้องทำคือการหาตัวคนที่วางยาอนุภรรยาของเจ้าต่างหากเล่า ข้าอยากให้ตรวจสอบยาบำรุงครรภ์ที่เหลือและหาคนไปสืบเรื่องของการต้มยาสมุนไพรทุกขั้นตอนจนกว่าจะได้ยามาแต่ละถ้วยข้าคิดว่าหากเราจับตาดูคนทำต้องปรากฏตัวออกมาอย่างแน่นอนว่าแต่อนุของเจ้าเคยมีปัญหากับใครบ้างหรือไม่” ท่านหมอเสนอความเห็น
“ข้าจะให้จื่อหานไปคอยสืบเรื่องของการต้มยาเองขอรับเขาไว้ใจได้ที่สุดแล้วสำหรับข้า อันที่จริงคนที่ปิงเอ๋อร์จะไปมีปัญหาด้วยในเรือนนี้ไม่มีหรอกขอรับท่านลุงจะมีแต่คนที่อยากจะมีปัญหากับนางอยู่ฝ่ายเดียวมากกว่า”
เรื่องนี้ฟ่านไฉสงสัยน้องสาวบุญธรรมของตัวเองเป็นอันดับแรกแต่ภาพลักษณ์ที่งดงามของฟ่านชุนเตี๋ยใช่ว่าจะไปกล่าวหานางลอยๆ ได้อย่างน้อยๆ ตอนนี้ถึงท่านแม่จะมีอคติต่อนางอยู่บ้างแต่คนที่หนุนหลังสตรีผู้นั้นยังมีท่านย่าที่ตอนนี้พักผ่อนอยู่กับบ้านรองสกุลฟ่านที่นอกเมืองเพื่อหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองหลวงนานๆ ครั้งถึงจะกลับมาพักที่จวนสกุลฟ่านสักที
ซึ่งตัวท่านย่าเองแม้จะวางมือจากการจัดการเรื่องชีวิตของลูกหลานไปแล้วแต่นางก็ยังคงมีอำนาจในการตัดสินใจอะไรๆ อยู่อีกหลายอย่างและก็ไม่รู้ว่าถูกฟ่านชุนเตี๋ยปั่นหัวในเรื่องของเหรินอ้ายปิงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
“ถ้าเจ้ามีบุคคลต้องสงสัยแล้วก็ขอให้จับตาดูอยู่ห่างๆ อย่าได้กระโตกกระตากไปและถ้าหากต้องการคนก็ขอให้บอกลุงจะส่งคนที่ไว้ใจได้มาช่วยเจ้าเอง”
ถึงจะเป็นหมอแต่ท่านลุงของฟ่านไฉนั้นก็นับว่าเคยเป็นชาวยุทธ์ผู้หนึ่งหลังจากวางมือจากงานที่สำนักคุ้มภัยให้บรรดาลูกพี่ลูกน้องของเขาได้ดูแลแล้วก็หันมาเปิดโรงหมอรักษาคนไข้ตามวิชาความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาทั้งจากท่านตาที่เป็นอดีตหมอยาและจากการร่ำเรียนในสำนักศึกษาตั้งแต่ยังเยาว์วัยจนมาถึงช่วงวัยกลางคนท่านลุงของเขาก็ยังไม่หยุดที่จะศึกษาหาความรู้แต่อย่างใดเลย
“ขอบคุณท่านลุงมากขอรับอย่างไรแล้วบุตรชายของข้าต้องไม่ตายเปล่าอีกทั้งภรรยาของข้าก็ต้องไม่บอบช้ำโดยไร้ซึ่งคนรับผิดชอบ คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำให้เขาสิ้นลมหายใจต้องรับผิดชอบทุกคนไม่ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนข้าก็จะสืบหาและจับตัวมาให้ได้อย่างแน่นอน”