ครั้งหนึ่งเขาเคยถูกใจเด็กหนุ่มปริศนาที่บ้านพักของพี่ชายในไทย ยังไม่ทันได้อ่อยก็โดนสั่งห้ามไม่ให้รัก แต่จะทำยังไงเฉินไป๋ก็ลืมใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นไม่ได้เลย เมื่อได้มาไทยอีกครั้ง ภารกิจลอบรักจึงเริ่มขึ้น
รัก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,ไทย,วาย,มาเฟีย,feelgood,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ร้านเค้กคุณรักครั้งหนึ่งเขาเคยถูกใจเด็กหนุ่มปริศนาที่บ้านพักของพี่ชายในไทย ยังไม่ทันได้อ่อยก็โดนสั่งห้ามไม่ให้รัก แต่จะทำยังไงเฉินไป๋ก็ลืมใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นไม่ได้เลย เมื่อได้มาไทยอีกครั้ง ภารกิจลอบรักจึงเริ่มขึ้น
#ร้านเค้กคุณรัก
สวัสดีค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องของเฮียไป๋
สำหรับใครที่ได้อ่านเฮียอี้มาแล้วน่าจะได้รู้จักพ่อหนุ่มนักรักมาบ้างแล้ว
แต่ใครที่ยังไม่ได้อ่านเฮียอี้ ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะเนื้อเรื่องไม่ได้ต่อกันขนาดนั้น
(แต่ถ้าสะดวกก็อยากฝากอ่านเฮียอี้ด้วยค่ะ)
ความยาวและจำนวนตอนจะพอ ๆ กับเรื่อง #เฮียอี้ไม่กินผัก เลยค่ะ
เรื่องนี้ส่วนตัวแล้วยังคิดว่าเป็นแนว feel good ค่ะ เพราะปมน้อยมาก ดราม่าบางเบามากอาจจะเรียกว่าไม่มีเลยก็ได้
เน้นอ่านชิวๆ เหมาะสำหรับคนที่หาเรื่องเบาๆอ่าน
ที่ต่างออกไปคือ เรื่องนี้เราตั้งใจจะไม่มี NC ค่ะ (ซึ่งถ้ามีอาจจะไปใส่ในตอนพิเศษใน E-book แทนค่ะ)
แนะนำตัวละคร
เฉินไป๋ (พระเอก)
อายุ : 28 ปี
สูง : 186 cm.
สโลแกน : เลิกคุยทั้งอำเภอ เพื่อเธอคนเดียว
ที่รัก (นายเอก)
อายุ : 22 ปี
สูง : 172 cm.
สโลแกน : กระต่ายน้อย ผู้หลงกล(รัก)นักล่า
Mood board
เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังเคล้าเสียงช้อนกระทบชามผสม แป้งและน้ำตาลถูกตะล่อมรวมกันในชามกระเบื้องสีขาว ขณะที่มือเรียวยาวของไป๋จับไม้พายหมุนวนอย่างคล่องแคล่ว
“แปลกนะครับ ไม่คิดว่าพี่ไป๋จะอยากทำเค้กขึ้นมา”
ที่รักเอ่ยแซวพร้อมกับหัวเราะน้อย ๆ หลังจากที่รักหายป่วยไป๋ก็ออกคำสั่งให้ร้านเค้กเล็ก ๆ ที่มีลูกขาประจำมากมายใจกลางตัวเมืองน่านกำหนดวันหยุดให้ชัดเจน
เรื่องนี้ทำเอาที่รักโดนดุอยู่หลายวัน และทำมาเฟียหนุ่มหัวเสียอยู่พักใหญ่เช่นกันที่ตนเองเพิ่งรู้ว่าร้านเค้กของคนตัวเล็กนี้ เปิดทำการทุกวันไม่มีวันหยุด นอกจากไป๋จะบังคับให้มีวันหยุดทำการของร้านแล้ว ยังกำหนดเอาไว้หนักแน่นว่าหากวันไหนมีออเดอร์เค้กสั่งทำมากกว่า 3 ก้อน ให้เจ้าของร้านเค้กปิดร้านเช่นกัน
และนั่นเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้มาเฟียหนุ่มอยากลองทำเค้กบ้าง อย่างน้อยหากเขาพอจะทำเป็นบ้าง เขาจะได้สามารถช่วยที่รักได้บ้าง ไม่ใช่ได้แต่คอยนั่งเป็นกำลังใจและช่วยยกของอย่างที่ผ่านมา
ยังไงช่วงนี้งานที่เข้าดูแลก็เริ่มเบาลงมากแล้ว
ไป๋หันไปยิ้มบาง ๆ ให้คนที่เอ่ยแซวเขาด้วยใบหน้าสดใส “ไม่เชื่อเฮียเหรอ? แค่เค้กเอง ไม่ยากหรอก”
“ไม่ใช่ไม่เชื่อครับ แค่ไม่เคยเห็นพี่ไป๋ทำอะไรแบบนี้” ที่รักตอบพร้อมกับก้มหน้าลงมองชามผสม มือยังคงคลุกส่วนผสมแป้งอย่างตั้งใจ
บรรยากาศในครัวดูเหมือนจะอบอุ่นขึ้นในทุกวินาที ความห่างเหินที่ครั้งหนึ่งเคยกั้นกลางระหว่างทั้งสองดูเหมือนจะละลายไปกับกลิ่นหอมหวานของวานิลลาในอากาศ
“แป้งมันติด ตรงนี้” ไป๋พูดขึ้นพร้อมเอื้อมมือมาช่วยที่รักปาดแป้งที่ยังเป็นก้อน ที่รักตกใจเล็กน้อยเมื่อปลายนิ้วเย็นเฉียบสัมผัสที่หลังมือ
“รักทำเองก็ได้ครับ…” เสียงของที่รักแผ่วลงและรีบดึงมือกลับไปไว้ข้างตัว
คนโตกว่ายกยิ้มมุมปาก ไม่พูดอะไร แต่สายตาที่ทอดมองไปยังนัยน์ตากลมสวยเต็มไปด้วยความอ่อนโยนจนที่รักต้องเป็นฝ่ายหลบตาเสียเอง
เวลาผ่านไปไม่นาน ก้อนแป้งถูกอบจนกลายเป็นก้อนเค้กจนส่งกลิ่นหอมฟุ้ง ซึ่งตอนนี้ที่รักกำลังแต่งหน้าเค้กด้วยครีมสีฟ้าอ่อนอย่างตั้งใจ ขณะที่ไป๋นั่งมองอยู่ข้าง ๆ สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่คนตรงหน้าราวกับทุกอย่างรอบตัวไม่มีความสำคัญ
“ทำไมมองรักแบบนั้นล่ะครับ?” ที่รักเอ่ยถามทั้งที่ไม่ได้หันไปมอง แต่ก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่พานให้ใบหน้าเห่อร้อนได้เป็นอย่างดี
“เฮียแค่คิดว่าบางทีการได้อยู่ทำเค้กกับรักแบบนี้…มันอาจจะเป็นสิ่งที่เฮียอยากทำมากกว่าดูธุรกิจส่งออกผักออร์แกนิกน่ะสิ”
คำพูดนั้นทำให้ที่รักหยุดมือชั่วขณะ หัวใจเต้นแรงจนไม่อาจควบคุมได้
พ่อครัวตัวน้อยเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เขาไม่ได้ตอบอะไรและพยายามหันกลับมาสนใจกับการบีบครีมต่อไป แต่หัวใจกลับเต้นไม่เป็นจังหวะจนเขารู้สึกได้ถึงเลือดที่กำลังสูบฉีดไปทั่วทั้งใบหน้า
“พูดอะไรแบบนั้นครับ”
ที่รักพึมพำเสียงเบาแต่ไม่ยังยอมหันกลับไปสบตา ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะเบา ๆ ของคนโตกว่า แต่ดูเหมือนว่าคนที่พูดจาให้คนฟังเขินจะไม่ยอมให้ที่รักหลบสายตาได้นานนัก เพราะหนุ่มมาเก๊าเอนตัวเข้ามาใกล้ ก้มใบหน้ายื่นเข้ามามองคนที่เอาแต่จ้องมองครีมแต่งหน้าเค้ก ทั้งที่ยังไม่ได้บีบครีมนั้นออกมาเพิ่มเลยสักนิด
“เขินเฮียเหรอ? ทำไมต้องเขิน? นี่เฮียพูดจริง ๆ นะเนี่ย”
ที่รักรีบเบี่ยงตัวหนี แต่เพราะพื้นที่ที่ใช้ยืนบีบแต่งหน้าเค้กได้สะดวกไม่ได้กว้างนัก เขาจึงเผลอชนเข้ากับขอบโต๊ะจนครีมที่อยู่ในมือเลอะเสื้อกันเปื้อนเป็นวงใหญ่
ไป๋รีบคว้าผ้าขนหนูที่แขวนอยู่ใกล้ ๆ มาช่วยเช็ดให้ ระหว่างนั้นสายตาของเขาก็สบกับสายตาของที่รักที่มองมาเหมือนกำลังชั่งใจอะไรบางอย่าง
“พี่ไป๋ครับ…” เสียงของที่รักดังขึ้นในจังหวะที่นิ้วของไป๋เกลี่ยคราบครีมที่ติดอยู่ที่ข้างแก้มเขาออกให้
“หือ?” ไป๋ขานรับ
“พี่ไป๋เคยคิดกับรัก...มากกว่า...เอ่อ”
คำถามที่ยังไม่ครบถ้วนนั้นเดาได้ไม่ยากนัก เพราะแววตาสั่นไหวของที่รักไม่เคยโกหกใครได้เลย และนั่นทำให้ไป๋ชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาคมที่เคยสงบนิ่งกลับดูสับสนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะพยายามเปลี่ยนเรื่อง
“เอาไว้ถามทีหลังได้ไหม? ตอนนี้เค้กรักเสียโฉมหมดแล้ว”
ที่รักพยักหน้าเบา ๆ แม้จะรู้สึกผิดหวังที่อีกฝ่ายหลีกเลี่ยงคำตอบ แต่เขาก็ไม่ได้เซ้าซี้ต่อ บางทีการที่พี่ไป๋ทำแบบนั้นอาจเป็นการเตือนเขาทางอ้อมก็ได้
ว่าไม่ควรคิดไปไกลเกินเส้นแบ่งความสัมพันธ์
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ต่างกลับมาช่วยกันตกแต่งหน้าเค้กต่อจนเสร็จ เค้กครีมรสบลูเบอร์รีสอดได้แยมรสเดียวกันไว้ด้านในที่ทำเสร็จเรียบร้อยก็ถูกนำออกมาวางโชว์ตัวไว้บนโต๊ะทานอาหารของบ้าน พร้อมความภูมิใจของพ่อครัวทั้งสองคน
แต่ความสงบสุขนั้นกลับอยู่ได้ไม่นาน เมื่อจอมเดินมาปรากฏตัวที่หน้าประตูบ้านพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
“ขยันกันจริงนะครับ เห็นว่าวันนี้ร้านหยุด ผมเลยแวะมาหา เผื่อมีอะไรให้ช่วย”
ไป๋หันไปมองจอมด้วยแววตาที่อ่านยาก ขณะที่ที่รักพยายามทำตัวให้เป็นปกติ แต่ลึก ๆ เขารู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบรัดอีกครั้ง เมื่อความสบายใจเวลาอยู่กันตามลำพังกับพี่ไป๋ของเขามีคุณจอมเข้ามาเพิ่มเป็นคนที่สามอีกครั้ง
“ว่างมากหรือไง?” ไป๋ถามเสียงเรียบ
“ครับ ว่างมาก พอดีเลยว่าจะชวนที่รักไปดูหนังเสียหน่อย นานแล้วที่ไม่ได้ออกไปเที่ยวด้วยกัน”
คำพูดของจอมทำให้ไป๋เหลือบมองที่รักด้วยสายตาที่เหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่กลับเงียบไป ที่รักเองก็ลังเลเช่นกัน ยังไม่ทันจะตอบอะไรไป๋ก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นเสียก่อน
“รักคงไปไม่ได้หรอก ยังมีอีกหลายอย่างต้องทำ เค้กที่ลูกค้าสั่งเพิ่งจะเสร็จไปก้อนเดียว”
จอมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะเบา ๆ “อ๋อเหรอครับ งั้นไว้วันหลังละกัน”
แม้บทสนทนานั้นจะดูไม่มีอะไร แต่บรรยากาศกลับมีบางอย่างที่ทำให้ที่รักรู้สึกอึดอัด เขาอยากถามพี่ไป๋ออกไปตรง ๆ ว่าทำไมต้องห้ามทั้งที่ความจริงแล้วเค้กก้อนนี้เป็นเพียงเค้กที่เขาทำขึ้นมาเพราะพี่ไป๋อยากลองทำดูเท่านั้น และเค้กของลูกค้าที่พี่ไป๋บอกว่ายังไม่เสร็จดีนั้น แท้จริงแล้วทุกออเดอร์ทำเสร็จเรียบร้อยแล้วก่อนหน้านี้ เหลือเพียงเขาออกไปส่งให้ลูกค้าในตอนเย็น
หรือจริง ๆ แล้วที่พี่ไป๋ไม่ยอมตอบคำถามเขาก็เพราะมีอะไรบางอย่างแอบซ่อนในใจเหมือนกัน?
หรือไม่ก็อยากใครอีกคนเป็นคนที่เอ่ยถามมากกว่าเขา...
ในขณะที่คำถามมากมายยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของที่รัก เสียงโทรศัพท์ของไป๋ก็ดังขึ้น ร่างสูงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูพร้อมกับสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“เฮียต้องออกไปข้างนอก รักอยู่บ้านดี ๆ นะ จะไปส่งเค้กตอนไหนก็ให้คนของเฮียขับรถไปให้ อย่าไปเองคนเดียวมันไกล” ไป๋พูดพร้อมกับเดินออกไป ทิ้งให้ที่รักและจอมอยู่ในครัวด้วยกัน
ที่รักมองตามหลังไป๋จนสุดสายตา ก่อนจะถอนหายใจยาว ขณะที่จอมเดินเข้ามาใกล้และพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ “ห่วงขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ที่รักหันไปหัวเราะแห้ง ๆ ก่อนจะตอบกลับ “รักแค่…ห่วงว่าพี่ไป๋จะยุ่งมากไปน่ะครับ เห็นช่วงนี้มีโทรศัพท์โทรมาตามตลอด แล้วพี่ไป๋ก็รีบร้อนออกไปทุกที”
“แล้วที่รักห่วงตัวเองบ้างหรือเปล่า?” จอมถามด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น “บางทีที่รักก็ควรหันมาดูแลตัวเองบ้างนะ โดยเฉพาะตรงนี้”
คำพูดนั้นของจอมกับนิ้วชี้ที่จิ้มลงมาที่อกข้างซ้ายของเขาทำให้ที่รักเงียบไป เขามองหน้าจอมที่ยืนอยู่ใกล้จนสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและจริงใจจากอีกฝ่าย ราวกับว่าจอมเองก็อยากจะพูดอะไรบางอย่างมากกว่านั้น
แต่ก่อนที่ที่รักจะทันได้ถามอะไรกลับไป ใครบางคนที่ที่รักไม่เคยเห็นหน้าก็เดินเข้ามาในตัวบ้าน ตรงเข้ามาในครัวราวกับรู้จักบ้านหลังนี้เป็นอย่างดี หญิงสาวในชุดเดรสรัดรูปสีแดงสดกรีดกรายยกนิ้วเรียวสวยขึ้นถอดแว่นตากันแดดราคาแพงออกจากใบหน้าสวยเก๋ และสายตาของจอมที่หันไปมองหญิงสาวแปลกหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นความไม่พอใจทันที
“คุณอีกแล้วเหรอ…มาที่นี่ได้ไง”