"จากห้องผ่าตัดสู่ตำหนักหลวง! แพทย์หนุ่มมือใหม่หัดเป็นหมอในยุคโบราณ จะเอาตัวรอดจากเหล่าขุนนางและองค์หญิงอย่างไร?"
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,จีน,ผจญภัย,แฟนตาซี,ย้อนยุค,ผจญภัย,ดราม่า,จีนโบราณ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ทะลุมิติมาเป็นนักปรุงยา ในยุคจีนโบราณพร้อมกับระบบสร้างยาที่ไม่จำกัด [จบ]"จากห้องผ่าตัดสู่ตำหนักหลวง! แพทย์หนุ่มมือใหม่หัดเป็นหมอในยุคโบราณ จะเอาตัวรอดจากเหล่าขุนนางและองค์หญิงอย่างไร?"
ลู่หยาง แพทย์หนุ่มผู้มีความสามารถโดดเด่นด้านการแพทย์สมัยใหม่ เกิดอุบัติเหตุระหว่างการผ่าตัด ทำให้เขาพลาดเข้าสู่มิติใหม่และมาปรากฏตัวอยู่ในยุคจีนโบราณ ในร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ป่วยหนัก
เมื่อฟื้นขึ้นมา ลู่หยางพบว่าความรู้ทางการแพทย์ในยุคนี้ยังคงล้าหลัง และโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ กำลังคุกคามชีวิตผู้คนเป็นจำนวนมาก ด้วยความรู้และทักษะที่สั่งสมมา เขาจึงตัดสินใจใช้ความสามารถของตนในการช่วยเหลือผู้คนในยุคนี้
สิ่งที่น่าสนใจคือ ลู่หยางไม่ได้มาเพียงลำพัง เขามีระบบสร้างยาที่ไม่จำกัดติดตัวมาด้วย ระบบนี้สามารถสร้างสมุนไพรและยาที่หายากได้ทุกชนิด เพียงแค่เขามีส่วนผสมที่จำเป็นและสูตรยาเท่านั้น ทำให้ลู่หยางสามารถรักษาโรคที่ไม่เคยมีใครรักษาได้ และสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองในฐานะหมอเทวดา
เรื่องราวของลู่หยาง จะเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและน่าติดตาม เขาจะต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคมากมาย ทั้งจากการต่อต้านของแพทย์แผนโบราณ การเมืองในราชสำนัก และความรักที่ซับซ้อน
เฟยหยางนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง "ตอนนี้ ต่อให้เราพยายามแก้ไขสิ่งใดก็คงไร้ความหมาย แม้แต่ฝ่าบาทก็ยังช่วยอะไรไม่ได้"
ลู่หยางยิ้มบางเบา ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย "การกระทำของข้าก็เปรียบเสมือนคมดาบสองคม ไม่ว่าฟันไปทางใด ก็ล้วนต้องบาดนิ้วของตนเอง… มิแตกต่างจากพิษที่แทรกซึมเข้าสู่ร่างอย่างช้าๆ รอวันที่จะกัดกินเราไปจนหมดสิ้น"
ภายในโรงยาอันเงียบสงัด เฟยหยางทรุดกายลงนั่งอย่างสงบนิ่ง สายตากวาดมองไปรอบกาย คล้ายกำลังครุ่นคิดถึงบางสิ่ง บรรยากาศรอบตัวชวนให้รู้สึกอึดอัดไม่น้อย ข่าวลืออันน่าสะพรึงเกี่ยวกับลู่หยาง แพทย์ผู้มากฝีมือ กำลังแพร่สะพัดไปทั่วทุกตรอกซอกซอยของเมืองใหญ่ ว่ากันว่าหลังจากรักษาคนไข้เสร็จสิ้น เขากลับปลิดชีพคนผู้นั้นอย่างไร้ความปรานี ข่าวลือนี้กระจายไปไกลจนแทบไม่มีผู้ใดไม่รับรู้
ท่ามกลางความเงียบ ลู่หยางยกจอกชาขึ้นจิบพลางทอดถอนใจ เอ่ยขึ้นราวกับพูดกับตนเอง
"ช่างเถิด... ข้าอยากมีเวลาว่างเช่นนี้มานานแล้ว ไม่ว่าข้าจะถูกเนรเทศออกจากเมือง หรือถูกขับไสให้ไปอยู่บนเขาห่างไกลกันดารเพียงใด ข้าก็ยังสามารถมีชีวิตรอดต่อไปได้อยู่ดี"
เฟยหยางที่ยืนอยู่ด้านข้าง รับฟังถ้อยคำของเขาอย่างสงบ ก่อนจะพยักหน้าแล้วกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
"นั่นสินะขอรับ ไม่ว่าท่านจะอยู่แห่งหนใด ย่อมเอาตัวรอดได้เสมอ"
ลู่หยางแค่นเสียงหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะกล่าวด้วยแววตาที่ลึกล้ำ
"เฟยหยาง... จงเฝ้าดูให้ดี หากวันหนึ่งข้าหายไปจากโลกนี้ เมื่อภัยพิบัติหรือโรคร้ายระบาดขึ้นมา ผู้คนย่อมต้องหาผู้รับผิดชอบ พวกเขาจะโยนความผิดให้ข้า และเมื่อถึงตอนนั้น—ไม่ว่าพวกมันจะด่าทอหรือก่นประณามอย่างไร ท้ายที่สุด... เจ้าคอยดูเถอะ ว่าจะเป็นข้าที่ต้องกลับไปรักษาพวกมัน หรือจะเป็นพวกมันเองที่คลานกลับมาหาข้า!"
เฟยหยางเงยหน้าขึ้นมองเขา แววตาฉายแววครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยเสียงหนักแน่น
"นั่นสินะขอรับ..."
เวลาล่วงเลยไปสองวัน ข่าวลือเกี่ยวกับลู่หยาง ผู้ที่รักษาคนไข้จนหายดี แล้วกลับปลิดชีวิตพวกเขาในเวลาต่อมา—ได้หวนคืนสู่กระแสสนทนาอีกครั้ง
ณ เวลานั้น ขุนนางชั้นสูงผู้หนึ่งถูกลอบวางยาพิษ และสิ้นใจลงภายในห้องพักของตนเอง พยานหลายคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ขุนนางผู้นี้กำลังเร่งหาหลักฐานเพื่อช่วยเหลือลู่หยาง ทว่าเคราะห์กรรมกลับมาเยือนเสียก่อน
ไม่นานนัก บ่าวรับใช้ได้นำน้ำชามาเสิร์ฟโดยชัดเจน และข่าวลือที่แพร่สะพัดไปทั่วต่างกล่าวขานกันว่า เป้าหมายถัดไป อาจเป็นบุตรแห่งขุนนางชั้นสูงนางหนึ่ง!
ค่ำคืนแห่งพายุโหมกระหน่ำ
สายลมกรรโชกแรงพัดผ่านทั่วทั้งคฤหาสน์ เสียงฟ้าคำรามดั่งเสียงคำรามของมังกรโบราณ สายฝนโปรยปรายกระทบหลังคาไม้ไผ่ราวกับเสียงกลองศึกที่กำลังโหมโรงสู่หายนะ
ภายในห้องหนังสือสลัวราง มู่หยุน กำลังจมอยู่กับเอกสารเกี่ยวกับ ลู่หยาง แสงจากโคมไฟส่องไหวระริกตามแรงลมที่ลอดผ่านช่องหน้าต่าง แต่หาได้ทำให้เขาละสายตาจากกระดาษในมือได้ไม่ ชั่วขณะนั้นเอง เงาร่างปริศนา ค่อย ๆ ย่างกรายเข้ามาในเรือน รอยเท้าเงียบกริบราวปีศาจไร้ร่าง เรือนกายของมันกลืนไปกับเงามืดของค่ำคืน ราวกับเสือดำที่จ้องเหยื่ออย่างใจเย็น
อีกฟากหนึ่งของคฤหาสน์ ลู่หยาง นอนเอกเขนกอยู่ในโรงยา กลิ่นสมุนไพรอวลไปทั่วห้อง อากาศเย็นเยียบจากพายุที่พัดผ่านทำให้บรรยากาศภายในโรงยาดูเงียบสงบ ทว่า—
"ท่านลู่หยาง!!!"
เสียงตะโกนก้องดังมาจากที่ไกล เฟยหยาง ในสภาพเปียกโชกจากสายฝน วิ่งฝ่าความมืดมาด้วยความร้อนรน เมื่อถึงหน้าประตูโรงยา มือของเขากระแทกประตูเปิดออกโดยไม่ลังเล
ลู่หยางที่พึ่งงัวเงียลืมตา ลุกขึ้นเดินมาทางกลางห้องด้วยท่าทีรำคาญใจ พลางกล่าวเสียงเย็นชา "เจ้ารู้หรือไม่ว่ายามนี้มันดึกดื่นเพียงใด? เหตุใดเจ้าจึงเอะอะโวยวายเช่นนี้ คนอื่นเขาหลับกันหมดแล้ว"
เฟยหยางที่ตัวชุ่มโชกไปด้วยน้ำฝนหอบหายใจหนัก ก่อนเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ "ท่านลู่หยาง... แม่นางมู่หยุน... นาง... ถูก..."
ยังไม่ทันที่เฟยหยางจะกล่าวจบ ลู่หยางก็ตวัดตัววิ่งออกจากโรงยาทันที เท้าของเขากระทบพื้นดัง ตึก ตึก ตึก ฝ่าสายฝนและเสียงฟ้าร้องโดยไม่สนใจสิ่งใด ใจเขามีเพียงคำเดียวที่ดังก้องอยู่ในหัว
"มู่หยุน... เจ้าอย่าเป็นอะไรนะ... ข้าขอร้อง..."
เมื่อเขามาถึงเรือนของนาง ภาพที่เห็นทำให้เลือดในกายแทบแข็งตัว
มู่หยุน ทรุดตัวลงกับพื้น มือเรียวซีดเซียวค่อย ๆ คลานไปยังเตียงของตน ดวงตาคู่งามพร่าเลือน แรงของนางเหลือเพียงน้อยนิด
เมื่อสัมผัสได้ถึงการมาของใครบางคน นางพยายามยกศีรษะขึ้นเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา...
"เจ้า... มาแล้วงั้นหรือ... ลู่หยาง..."
โปรดติดตามตอนต่อไป
敬請期待下一集。